“แม่เรานี่เก่งจริงๆ เลย” เสียงของซีซวนประจบแม่
“เด็กช่างประจบจริงๆ เลย” เธอมองซีซวนโดยทำหน้าตาล้อเลียน “แม่ดูพี่สิแกล้งผมอีกแล้ว” “เลิกทะเลาะกันได้แล้วรีบกินข้าว” ลูกของเธอไม่รู้จักโตกันเสียที “พ่อแม่รู้หรือยังว่าเรามีพลังเวทด้วย” อยู่ดีๆ พี่ชายของเธอก็ได้พูดออกมา “อ้าว! นี่ลูกไม่เห็นจะเล่าให้แม่ฟังเลย” แม่เธอบ่นออกมาด้วยเสียงน้อยใจนิดหน่อย “ก็หนูเห็นช่วงนี้พ่อกับแม่ยุ่งๆ หนูเลยลืม” หลังจากนั้นเธอก็ได้เล่าเรื่องที่เคยเล่าให้พี่ชายฟัง และได้เล่าเรื่องให้พ่อกับแม่และซีซวนฟังซ้ำอีกรอบ “เมื่อคืนหนูลองเข้าไปในมิติแล้วนะคะ ผักและผลไม้โตเร็วมากๆ แต่ตอนนี้หนูยังไม่ได้เข้าไปดูอีกเลย หนูว่าจะเข้าไปดูวันนี้แต่ยังไม่มีเวลาเลยค่ะ “ถ้าอย่างนั้นเธอก็เข้าไปดูสิว่ามันออกลูกหรือยัง” ตงหยางถามน้องสาวออกไป เขาก็อยากรู้เหมือนกัน “ถ้าแบบนั้นหนูขอเข้าไปดูก่อนนะคะ ถ้าผลไม้และผักโตแล้วจะได้เก็บมาทำอาหารกินในวันพรุ่งนี้ เธอหายเข้ามาไปในมิติ ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้ตกใจเท่าไหร่ เพราะเริ่มชินกับการที่เธอหายเข้าไปในมิติ และออกมาจากมิติ เป็นปกตินั่นเอง “ซูเมิ่งเดินเข้ามาดูผักและผลไม้ที่เธอได้ปลูกเอาไว้ ซึ้งมันออกผลเต็มต้น แต่ละต้นก็มีผลลูกใหญ่น่ากินมาก ผักในแต่ละต้นก็ดูอวบอิ่ม พร้อมให้เก็บไปทำอาหารได้แล้ว เธอเก็บผลไม้แต่ละต้นออกมาอย่างละนิดละหน่อยเท่านั้น เพราะเธอลืมนำตะกร้าเข้ามา และกลัวจะกินกันไม่หมด ส่วนผักเธอเก็บไม่เยอะ กลัวจะกินไม่ทันแล้วจะเน่าเสียก่อน เธอเอาของที่เก็บทั้งหมดออกมากองไว้และได้หายออกมาจากมิติ “ทำไมเขาไปแป๊บเดียวเอง” ซีซวนพูดขึ้นมา “เวลาในมิติกับด้านนอกไม่เท่ากัน เวลาในมิติจะเร็วมากแต่ด้านนอกผ่านไปไม่กี่นาทีเท่านั้น” ทุกคนดูตกใจที่ได้รู้ข้อมูลเรื่องเวลาในมิติเพิ่มขึ้น พวกเขาคิดเหมือนกัน ถ้ามีโอกาส ก็อยากที่จะเข้าไปดูในมิตินั่นสักครั้งว่ามันเป็นแบบไหน เป็นอย่างที่ซูเมิ่งได้โม้ให้ฟังหรือเปล่า เพราะมันดูเกินจริงมาก “ลูกเอาอะไรออกมาบ้าง” “นี่ค่ะแม่ ผักและผลไม้ที่หนูปลูก” เธอเอาผักและผลไม้ที่ปลูกไว้ในมิติออกมาวางให้ทุกคนได้ดู “โอ้โฮ! ทำไมแตงโมลูกใหญ่แบบนี้ละ อันนี้เรียกทุเรียนใช่ไหม มีลำไยด้วย รสชาติอร่อยมาก” ซีซวนพูดพร้อมหยิบผลไม้ที่เธอวางไว้ไปกิน “เป็นไงอร่อยไหม? ” “อร่อยมากพี่ มันชุ่มฉ่ำในปากมาก กินแล้วรู้สึกมีพลังเลยละ” “เรานี้พูดไปเรื่อย” “จริงนะพี่ตงหยาง พี่ลองชิมสิ พ่อแม่ด้วยลองกินดู นี้ครับ” ซีซวนพูดแล้วก็ยื่นผลไม้ไปให้พ่อและแม่ของเธอ เธอลองหยิบมากินบ้าง “อืม.. อร่อยจริงๆ รู้สึกว่าผลไม้แต่ละผลจะมีละอองเวทสีจางๆ อยู่ด้วย ถ้าคนไม่ได้มีพลังเวทจะรู้สึกไม่ได้ จะรู้สึกแค่อร่อยและรู้สึกสดชื่นเท่านั้น แต่สำหรับเธอที่มีพลังเวท จะรู้สึกที่แตกต่างออกไป พอได้กินเข้าไปแล้วพลังเวทในร่างกายเหมือนได้เติมเต็ม มันช่างดีจริงๆ ถ้าแบบนี้เรากินผลไม้ที่มีพลังเวทพวกนี้ก็สามารถ พัฒนาพลังเวทเพิ่มขึ้นได้ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อร่อยและสดชื่นจริงๆ “เห็นไหมผมบอกแล้วว่ามันอร่อยจริงๆ ” “ผลไม้พวกนี้มีละอองเวทด้วย” เธอสังเกตเห็นละอองเวทจางๆ ออกมาจากของที่เธอเก็บมา “แต่พ่อไม่เห็น” “แม่ก็ไม่เห็นเหมือนกัน” ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เห็น แสดงว่ามีแค่คนที่มีพลังเวทเท่านั้นที่จะมองเห็น เราสามารถนำผลไม้พวกนี้ไปขายได้ไหมนะ แต่มันก็จะเสี่ยงเกินไป แต่ถ้าเธอขายไม่ให้ใครรู้ก็ได้ไม่ใช่หรือไง โลกเราจะมีคนที่มีพลังเวทด้วยหรือเปล่า ขนาดตัวเธอยังมีมิติเลย คนที่มีพลังเวทก็น่าจะมีเหมือนกัน “คนที่มองเห็นได้ คนนั้นต้องมีพลังเวท” “แต่พ่อว่าเราไม่ควรเอาผักผลไม้ที่มีละอองเวทนี้ไปให้คนอื่นเห็นมากนัก ถ้าลูกมีพลังเวทได้ พ่อก็คิดว่าคนอื่นน่าจะมีได้เหมือนกัน” สิ่งที่พ่อเธอได้พูดออกไปตรงกับความคิดเธอพอดีเลย “แต่ถ้าขายโดยที่คนอื่นไม่รู้ว่าเป็นพวกเรา ก็ขายได้ ของที่ปลูกและเติบโตในมิติ คนธรรมดากินก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงด้วย เด็กเล็กกินก็จะทำให้ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย” “ที่ลูกพูดมาก็ถูก เอาไว้เมื่อมีเหตุจำเป็นเราค่อยเอาของพวกนี้มาขายก็คงไม่เป็นอะไร” เซียวกังคิดตามคำพูดของลูกสาว เขาก็คิดว่าดีเหมือนกัน แค่พวกเขากินก็คงไม่หมด แบ่งให้คนอื่นกินบ้างก็ดี “พ่อ ห้ามบอกลุงเซียวเอินเด็ดขาด ว่าเราจะมาอยู่บ้านตรงนี้” “ทำไมบอกไม่ได้! นั้นมันพี่ชายของพ่อและเป็นลุงของลูกด้วย” เซียวกังเผลอขึ้นเสียงใส่ลูกของเขา “ขอร้องนะพ่อ หนูมีเหตุผลของหนูนะคะ แล้วสักวันหนูจะบอกกับทุกคนเอง” “ได้ พ่อจะรอฟังคำที่ลูกจะบอกแล้วกัน” พ่อเธอเหมือนจะดื้อรั้น แต่ไม่ใช่คนที่ไม่ฉลาด แต่แค่คำว่าพี่น้องมันค้ำคอเท่านั้น “แม่เอาผักพวกนี้ไว้ทำอาหารตอนเช้านะคะ ถ้าไม่พอหนูจะเก็บมาให้อีก” “พอแล้วแค่นี้ก็เยอะมากแล้ว กินอิ่มกันแล้วใช่ไหมไปนอนกันได้แล้วพรุ่งนี้มีอะไรเราค่อยมาคุยกัน” เช้าวันรุ่งขึ้น เธอได้ยินเสียงตัดต้นไม้อยู่นอกตัวบ้าน เพราะความเสียงดังทำให้เธอนอนไม่หลับ เธอตื่นและลงมาข้างล่าง เธอไม่เจอใครสักคน เธอเดินออกไปดูข้างบ้านเจอแม่กำลังตัดหญ้าอยู่พร้อมกับซีซวนที่ช่วยขนเอาเศษหญ้าไปทิ้ง “แม่ทำอะไรน่ะ” “ก็กำลังตัดหญ้าไง ตื่นแล้วเหรอเรา” “พี่ตื่นสายมาก เป็นหมูตัวอ้วนตื่นสาย” ซีซวนพูดกวนประสาทพี่สาวของเขาออกไป ซูเมิ่งวิ่งไล่ตีน้องชาย ซึ่งกวนประสาทเธอตั้งแต่เช้า หลังจากที่วิ่งเหนื่อยแล้วเธอก็ถามแม่ ว่าพ่อไปไหนแม่บอกว่าพ่อไปตัดต้นไม้ที่ขึ้นอยู่หลังบ้าน เธอเดินไปดูว่าพ่อทำงานอยู่หลังบ้าน เธอเห็นพี่ชายกำลังใช้เลื่อยตัดต้นไม้ต้นใหญ่ที่ไม่มีประโยชน์อะไร เธอทักทายพ่อและพี่ชายเสร็จแล้ว เธอก็เข้ามาอาบน้ำ เมื่อทำธุระของตัวเองเสร็จแล้วเธอก็เดินสำรวจภายในบ้านว่ามีตรงไหนที่ชำรุดบ้าง ซึ่งจากที่ดูแล้วบ้านของเธอแข็งแรงทนทาน มีแค่ไม่กี่ที่เท่านั้น ไม่ค่อยเห็นตรงไหนพังเลย บ้านหลังนี้สร้างตามแบบบ้านสไตล์ยุโรป เป็นบ้านอิฐสีแดง มีห้าห้องด้านบน และหนึ่งห้องด้านล่าง ในแต่ละห้องก็มีพื้นที่ทำความร้อนทุกห้อง ห้องครัวเป็นครัวที่ทันสมัยแข็งแรง มีที่อบขนมปังซึ่งแม่ของเธอชอบทำอาหารมาก เดินถัดมาจากห้องครัวจะเจอที่นั่งกินข้าวที่มีโต๊ะตัวกลางใหญ่ มีเก้าอี้ทั้งหมดแปดตัว เอาไว้สำหรับกินข้าวของครอบครัว เดินถัดมาอีกก็จะเป็นห้องส่วนกลางมีโทรทัศน์ และโซฟาเอาไว้นั่งเล่นรวมตัวกับครอบครัว พอเดินออกมาหน้าบ้านตรงประตูมองออกไปก็จะเห็นพระอาทิตย์ส่องเข้ามาในบ้านพอดี ถือว่าบ้านหลังนี้เป็นทำเลที่น่าอยู่ อยู่แล้วรวยอะไรพวกนี้ เป็นความเชื่อของคนสมัยก่อน“นายท่าน พวกเราได้ไปตรวจดูบริเวณโดยรอบแล้ว ไม่มีร่องรอยของคนอื่นเลยขอรับ” “เฝ้าระวังต่อไป อย่าเพิ่งวางใจพวกเราเดินทางกันสะดวกเกินไป” เขาสั่งงานกับลูกน้องที่เขาไว้ใจพาเดินทางมาด้วยสามสิบคน เป็นคนที่เขาคิดว่าไว้ใจได้ที่สุดแล้ว“โอ้ย! ปวดท้อง ข้าปวดท้องเหลือเกิน!” ซีห่าวได้ยินเสียงร้องของภรรยา ก็รีบเข้ามาดู“น้องจะคลอดแล้วหรือ เราหยุดพักรถม้ากันตรงนี้ก่อน พวกเจ้าไปเตรียมก่อไฟและต้มน้ำ แม่นมภรรยาข้าเป็นอย่างไรบ้าง” “เด็กกลับหัวพอดีเลยคะนายท่าน ดูท่าจะคลอดง่าย” เขาได้ฟังที่แม่นมรายงานก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น และเตรียมสิ่งของที่หมอตำแยได้บอกให้เตรียมไว้ เขาได้ยินเสียงเด็กร้องออกมาจากในรถม้า“เป็นเด็กผู้ชายเจ้าคะ ร่างกายแข็งแรง นายหญิงปลอดภัยดีเจ้าคะ” หลีซีห่าวได้ฟังรายงานจากแม่นม เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขามองขึ้นไปบนฟ้า เป็นคืนที่พระจันทร์ทรงกลดพอดีกระสุนปืนยิงเข้ามาที่รถม้าของพวกเขา ในช่วงที่พวกเขาลดการระวังตัว“มีคนร้ายทุกคนกันนายหญิงให้ดี” เขารีบสั่งลูกน้องให้เข้าปกป้องลูกและภรรยาที่อยู่ในรถม้าก่อน หน้าของลูกเขาก็ยังไม่ทันได้เห็นเลย“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นด้านนอก ท่านปลอดภ
เวลาผ่านไปหลายปี จิ้งจอกน้อยตามหาเจ้านายของเขาไปทั่วทุกหนแห่งแต่ก็ไม่พบ อยู่มาวันหนึ่งพวกเขาบังเอิญได้มาที่สระบัวแห่งหนึ่ง และพบกับดอกบัวที่มีพลังงานหนาแน่นเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงเก็บดอกบัวสีขาวที่มีสีแดงตรงปลาย ดอกบัวดอกนี้ให้ความคุ้นเคยกับพวกเขาเป็นอย่างมาก เหมือนว่าเจ้าดอกบัวนี้ จะเป็นสิ่งที่พวกเขาตามหาอยู่ พวกเขาอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ตอนที่พวกเขากำลังเข้าไปจับที่ดอกบัวดอกนั้น จิ้งจอกน้อยรู้สึกว่าดอกบัวกำลังดีใจที่ได้พบกับพวกเขา และพวกเขาก็สามารถเก็บดอกบัวไปปลูกได้อย่างง่ายดาย จิ้งจอกสองหัวรู้สึกแปลกใจกับความง่ายดายนี้ ถ้าเป็นพืชที่วิเศษ จะต้องใช้แรงกายในการเอาสิ่งนั้นมาได้ยากมาก แต่ดอกบัวดอกนี้ยินยอมที่จะไปอยู่กับพวกเขาเอง พวกเขานำดอกบัวไปปลูกไว้ที่สระน้ำแห่งชีวิต ตั้งแต่ที่ได้นำดอกบัวเข้ามาปลูก พลังงานบริสุทธิ์ภายในมิติยิ่งเพิ่มมากขึ้น และสระน้ำแห่งชีวิตก็บริสุทธิ์มากขึ้นเช่นกันเวลาผ่านไปหลายปี จนถึงปีหนึ่งที่พวกเขากำลังนั่งจำศีลกันอยู่พวกเขาได้ปล่อยจิตรับรู้เอาไว้ อีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกเขาจะต้องไปทำงานที่เจ้านายได้สั่งไว้ก่อนที่จะหายตัวไป“เสี่ยวปิง แล้วพวกเราจะต้องไปช่วยเด
มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เธออาศัยอยู่ในป่าลึกพร้อมกับเพื่อนคู่ใจ เป็นจิ้งจอกตัวน้อยสองหัว ที่เธอได้ช่วยเหลือไว้ตอนที่แม่ของพวกมันถูกฆ่าตาย เธอตั้งชื่อให้ทั้งสองหัวว่า เสี่ยวเฟิง และเสี่ยวปิง จิ้งจอกน้อยทั้งสองตัว ติดตามเธอคอยช่วยเหลือและเฝ้าดูแลพื้นที่ในมิติแทนเธอ ผู้เป็นเจ้าของในที่แห่งนี้จิ้งจอกน้อยอยู่กับนายของมัน เธอเป็นหญิงสาวที่เงียบขรึม ไม่ชอบพูดคุยกับใคร ชีวิตในแต่ละวันของเธอ ก็จะอยู่ภายในมิติมากกว่าอยู่ด้านนอกมิติ เธอชอบคิดค้นยาหรือหาสิ่งใหม่ๆ เข้ามาปลูกภายในมิติอยู่เสมอ พวกเขาก็ได้เรียนรู้สิ่งที่เจ้านายได้นำเข้ามาปลูกด้วยเช่นกัน“เจ้าจิ้งจอกน้อย อย่าไปเล่นซนกับต้นสมุนไพรของข้าละ สมุนไพรชนิดนี้สำคัญมาก และก็มีราคาที่แพงด้วย” “พวกข้าจะไม่ไปเล่นซนตรงนั้นอย่างแน่นอน ข้าแค่สงสัยกลิ่นของสมุนไพรแปลกๆ พวกนี้” “ดีแล้วเด็กดีตัวน้อย” หญิงสาวอุ้มจิ้งจอกสองหัวขึ้นมากอด และก็เกาไปที่พุงของพวกมันเบาๆจิ้งจอกน้อยทั้งสองตัวมีความสุขกับเจ้านายของพวกมันมาก และพวกมันก็รักเจ้านายคนนี้มากด้วยเช่นกัน ตอนที่พวกเขาได้พบเจอกับเจ้านายคนนี้ พวกเขาก็เกือบจะตายกันไปแล้ว อยู่มาวัน
“เด็กน้อยของแม่ ลูกหน้าเหมือนพี่เฟยหรงเลยนะคะ” เธอเอานิ้วถูไปที่แก้มลูกเบาๆ“ตอนนี้ยังดูไม่ค่อยออกหรอกว่าหน้าเหมือนใคร ต้องรอไปสักสองถึงสามเดือนถึงจะดูออก” ซูซ่านพูดบอกลูกสาวของเธอไป" อ่อ แบบนี้นี่เอง " เธอเล่นกับลูกอีกสักพัก ลูกเธอก็ร้องขึ้นมา เธอต้องส่งลูกให้คุณพยาบาลพาไปป้อนนม เพราะน้ำนมเธอยังไม่มากพอให้เด็กทั้งสองคนได้กินทั้งครอบครัวของเธอและคุณปู่เห็นว่าเธอและลูกปลอดภัยหายห่วงแล้ว ก็พากันกลับบ้าน เหลือแค่เธอกับพี่เฟยหรงแค่สองคนเท่านั้น“เหนื่อยไหมครับคนเก่ง” เฟยหรงเอาผ้าชุบน้ำนำมาเช็ดหน้าและเช็ดตามตัวของภรรยา เพื่อให้เธอได้นอนพักผ่อนอย่างสบายตัว“มีคนดูแลดีแบบนี้น้องหายเหนื่อยไปตั้งนานแล้วค่ะ” เธอนอนให้สามีคอยเช็ดตัวให้ เพราะเธอยังรู้สึกเจ็บแผลที่คลอดอยู่มาก“พี่เช็ดตัวให้น้องจะได้นอนหลับอย่างสบายนะครับ คืนนี้พยาบาลบอกว่าให้น้องนอนพักได้เลย พรุ่งนี้ถึงจะพาลูกมาให้เราฝึกดูแล” “ดีเหมือนกัน น้องคงดูแลไม่ไหวแน่วันนี้น้องขอนอนพักก่อนนะคะ” เธอไม่ได้พูดอะไรมาก แล้วก็นอนหลับไปเพราะยาที่ได้กิน และความเหนื่อยล้าจากร่างกาย เฟยหรงนั่งเฝ้าภรรยาและตัวเขาก็หลับไปพร้อมกันเวลาผ่านไปหล
หลังจากที่เธอได้ไปฝากครรภ์ ตอนนี้ก็ผ่านมาห้าเดือนแล้ว ท้องของเธอใหญ่มาก ใหญ่เกินไปด้วยซ้ำทั้งๆ ที่เธอเพิ่งจะท้องลูกคนแรก หรือเธอจะท้องลูกแฝดหรือเปล่า เพราะเธอท้องใหญ่เกินกว่าจะท้องลูกคนเดียว ช่วงนี้เธอว่างเกินไปจริงๆ ตั้งแต่ที่เธอท้องพี่เฟยหรงก็แทบจะไม่ให้เธอทำอะไรเลยวันๆ เธอมีหน้าที่แค่กินและนอนเท่านั้น เธอบันทึกประจำวันในแต่ละวันว่าทำอะไรบ้างลงในสมุดการตั้งครรภ์ ทุกเดือนเธอต้องแบกท้องกลมโตไปให้หมอตรวจ หมอก็บอกเธอว่าอาจจะได้ลูกแฝด เสียดายที่ไม่มีเครื่องตรวจ เธอก็เลยไม่รู้ว่าลูกเธอเป็นผู้หญิงหรือว่าผู้ชายกันแน่ แต่ไม่ว่าเป็นหญิงหรือชาย เธอก็รักเด็กคนนี้เสมอ“พ่อกลับมาแล้วครับ วันนี้เด็กน้อยดื้อกับแม่หรือเปล่าครับ” พี่เฟยหรงกลับบ้านเร็วทุกวัน เพราะกลัวว่าเธอจะอยู่คนเดียวที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ทุกครั้งตอนกลับถึงบ้านพี่เฟยหรงก็จะเข้ามาจูบที่ท้องของเธอ และเล่นกับลูกในท้อง เด็กน้อยทั้งสองเหมือนว่าจะรู้ว่าพ่อเขามาเล่นด้วย ก็จะดิ้นทักทายตอบกลับพี่เฟยหรงทุกครั้ง ทำให้เธอเจ็บท้องไปหมด แต่เป็นความเจ็บปวดที่เธอมีความสุขตอนนี้เข้าเดือนที่แปดแล้ว เธอมานอนอยู่ที่บ้านพ่อกับแม่เพราะกลัวว่าเธอจะปวดท้
“ไม่โกรธคะ แต่เป็นห่วงมากกว่ากลัวว่าพี่จะเกิดอันตรายอะไรขึ้นมา พี่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วคราวหน้าถ้าพี่เฟยหรงจะกลับบ้านช้า หรือทำอะไรที่เป็นอันตรายจะต้องบอกน้องไว้ก่อนนะคะ อย่าหายไปแบบนี้อีก ถ้าไม่อย่างนั้นน้องจะโกรธพี่เฟยหรงจริงๆ ด้วย” “ได้ครับ ครั้งหน้าพี่จะรายงานภรรยาตัวน้อยของพี่ทุกอย่าง จะไม่ลืมเลย” เธอหยอกล้อเล่นกับสามีอยู่ พี่เฟยหรงก็ทำหน้าพะอืดพะอมเหมือนอยากจะอ้วกขึ้นมา“พี่เฟยหรงเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหน” “พี่ไม่ได้เป็นอะไร แค่ช่วงนี้พี่รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวและอยากจะอ้วกอยู่บ่อยๆ ” หรือพี่เฟยหรงจะแพ้ท้องแทนเธอกัน เขาว่าถ้าคนไหนรักเมียมากก็จะแพ้ท้องแทนเมีย เธอไม่ได้เข้าข้างตัวเอง แต่พี่เฟยหรงก็รักเธอจริง“พี่อยากกินอะไรเปรี้ยวๆ หรือเปล่า” “ใช่แล้วพี่รู้สึกอยากกินของเปรี้ยวมากเลย” “ถ้าแบบนั้น เดี๋ยวน้องต้มน้ำแกงใส่ผักกาดดองให้พี่ดีไหม ที่บ้านเรายังมีลูกท้ออยู่ เดี๋ยวน้องจะไปเตรียมไว้ให้ พี่นอนพักก่อนก็ได้นะคะ ถ้าน้องทำเสร็จแล้วจะเอามาให้ที่เตียง” เธอลุกเดินไปล้างหน้า และเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อไปเตรียมอาหารให้คนแพ้ท้องแทนเมียกิน ดีที่แม่ได้เตรียมผักกาดดองมาให้เธอเมื่อวานนี้