นี่มันภาษาอะไรกัน แต่เธอทำไมอ่านออกแล้วเข้าใจล่ะ เธอยังไม่หายสงสัย ในหัวของเธอก็เกิดเป็นภาพของท่านเทพจิ้งจอกขึ้นมา
“ท่านเทพจิ้งจอกสิ่งนี้คืออะไร ตัวหนังสือพวกนี้ทำไม่ท่านถึงทิ้งไว้ให้ข้า แล้วมันคือตำราเกี่ยวกับอะไรกัน” เธอถามคำถามที่คาใจกับท่านเทพจิ้งจอกออกไป “ใจเย็น ค่อยๆ ถาม ที่ข้ามาอยู่ตรงนี้ก็เพื่อจะบอกเจ้านี่ไง ว่าสิ่งนี้มันคืออะไร และทำอะไรได้บ้าง ถ้าตอนนี้เจ้าเห็นข้าแสดงว่าเจ้าได้ครอบครองตำราเล่มนี้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ตัวหนังสือที่เจ้าได้รับสืบทอดไปเรียกว่า ตำราอักขระ ที่ได้สืบทอดสำหรับผู้สร้างเท่านั้น ถึงจะครอบครองมันได้ ตอนนั้นที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าเพราะข้า มีพลังไม่มากพอที่จะได้บอกเจ้า พวกข้าเลยทิ้งจิตส่วนหนึ่งเอาไว้ใน ตำราเล่มนี้” “แล้วสิ่งนี้มันทำอะไรได้บางท่านเทพ” “เจ้าก็ลองอ่านสิ่งที่เจ้าได้ไปสิ แล้วเจ้าจะเข้าใจมันเอง ข้าไปล่ะแล้วเจอกัน อีกไม่นานพวกข้าจะออกมาพบเจ้าอีก” “เดียวท่านเทพจิ้งจอก “ทิ้งข้าไปอีกแล้ว ทำให้ข้าสับสนแล้วท่านก็จากไปทุกทีเลย แต่น่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อเราแน่นอน หลังจากที่เธอได้พูดคุยกับท่านเทพจิ้งจอกไปแล้ว เธอก็ได้ตั้งจิต เข้าไปตรวจสอบอักขระแต่ละอย่างที่ได้มา แค่เธอได้ทำความเข้าใจ เธอก็สามารถสร้างอักขระได้ทันที สิ่งนี้มันดีมาก เธอค้นในหัวที่มีอาคมหลายร้อยชนิดรวบรวมอยู่ สิ่งที่เธออยากได้ตอนนี้เลยคืออักขระ ที่ทำให้เธอ สามารถทะลุไปอีกที่หนึ่งได้ และอักขระป้องกัน ถ้าเธอสร้างอักขระป้องกันได้ เธอก็ไม่จำเป็นที่ต้องทำรั้วที่ดีมากก็ได้จริงไหม แต่การที่เธอจะสร้างอักขระได้แต่ละอักขระนั้น เธอต้องมีพลังเวทที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ สิ่งนี้จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อ แข็งแกร่งมากพอ ของที่ดีมักจะมีเงื่อนไขที่ยากตามไปด้วย ถ้าเธอจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอคิดว่าจะทำให้ตัวเองแข็งแกร่ง และถ้าท่านเทพจิ้งจอกออกมาจากจำศีลเมื่อไหร่ เธอจะลองให้พี่ชายของเธอ ได้ลองกินผลท้อเวทชีวิตเป็นคนแรก หลังจากที่เธอทำความเข้าใจกับอักขระที่ได้รับถ่ายทอดมาอีกสักพัก เธอก็พักเรื่องนั้นไว้ก่อนตอนนี้สิ่งที่เธออยากได้คือ อยากลองเลี้ยงสัตว์ไว้ในมิติ เธอคิดไว้แล้วว่าเธอจะเลี้ยงสัตว์ชนิดไหนบ้าง เธอจะเลี้ยงไก่ วัวนม แล้วก็ หมู ถึงเธอจะไม่ค่อยชอบกลิ่นหมูสักเท่าไหร่ เพราะมันเหม็นมาก เธอค่อยค้นดูว่ามีมิติที่จะเก็บกลิ่นไว้ในพื้นที่แยกออกไปได้หรือเปล่า ก่อนที่เธอจะนอนทุกครั้งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย เธอจะเปิดเช็คข่าวสารในอินเทอร์เน็ต เมื่อชาติที่แล้ว สิ่งที่จะเกิดอย่างแรกเลยคือน้ำท่วม วิกฤตวันสิ้นโลกครั้งนี้ร้ายแรงมาก ทุกพื้นที่จะเกิดน้ำท่วมทั้งหมด จะมีทั้งคนตายและอดอยากภายในวันนั้น ช่วงนี้ในหลายพื้นที่เริ่มมีฝนตกหนักแล้ว มีข่าวทุกพื้นที่มีฝนตกหนักติดต่อกันมาหลายวัน ทำให้ทางรัฐส่งอาหารและเครื่องดื่มไปช่วยเหลือ ตอนนี้ก็ยังช่วยได้ แต่ถ้าน้ำท่วมใหญ่เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทางรัฐบาลก็ช่วยไม่ได้เท่าไหร่หรอก อีกไม่นานแล้วสิน่ะ พี่ชายของพ่อเธอต้องมาขออาศัยอยู่ที่บ้าน เธอต้องรีบเพิ่มพลังแล้ว หวังว่าเธอจะมีกำลังที่มากพอช่วยเหลือทุกคนได้ หลังจากที่ช่างมาสร้างรั้ว และครอบครัวของเธอจัดการบ้านตรงพื้นที่นี่เสร็จแล้ว ก็ตกลงกันว่าจะกลับกันเลย เพราะช่วงนี้มีฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้การเดินทางขัดข้องในหลายพื้นที่ “เก็บของหมดหรือยัง” “เก็บหมดแล้วค่ะ” “เรียบร้อยครับ” แต่ละคนตอบแม่ของเธอออกไป “ตงหยางลูกจะกลับวิลัยเลยไหม” “ผมว่าจะกลับเลยครับ ยังมีอีกหลายอย่างให้จัดการอีกเยอะ” “ดีแล้ว ถ้าที่บ้านหรือทางประเทศเราเกิดเหตุอันตรายขึ้นจริงๆ แม่ก็อยากให้เรากลับมาอยู่บ้านนะ” “ผมจะกลับไปคิดดูนะครับ” พี่ชายเธอคุยกับแม่ เธอเพิ่งได้สังเกตว่าพี่ของเธอซึ่งแตกต่างจากเธอมาก ทั้งที่อายุห่างกันแค่สามปีเท่านั้น เป็นคนพูดน้อย หน้าตาหล่อ ตาชั้นเดียวคมเข้ม แต่สวมแว่นตาและเรียนเยอะอยู่แบบนี้ ถึงไม่มีแฟนสักที เสียของจริงๆ พี่ของเธอเห็นเธอมองเขาอยู่ ก็ส่งสายตาดุใส่เธอ นึกว่าจะกลัว เชอะ กลัวก็ได้ เห็นว่าเป็นพี่หรอกนะถึงยอมให้ หลังจากที่พูดคุยกันแล้วทุกคนก็ขึ้นรถ ดูของทุกอย่างครบ ก็เริ่มที่จะเดินทางกลับบ้านกัน เพราะกว่าจะถึงบ้านก็น่าจะดึกมากแล้ว ตลอดเส้นทางที่กลับบ้าน มันดูแย่ลงกว่าตอนมาเสียอีก เพราะแต่ละพื้นที่เริ่มมีน้ำท่วมทำให้ครอบครัวของเธอต้องขับรถอ้อมไปอีกเส้นทางที่ไกลกว่าเดิม /////// กว่าจะถึงบ้านก็เย็นมากแล้ว พวกเธอมัวแต่ขับรถอ้อมไปอ้อมมา หลังจากที่ขนของลงรถกันหมด ก็ได้แยกย้ายกันไปนอน เพราะก่อนถึงบ้านก็ได้กินอาหารกันมาบ้างแล้ว จึงทำให้ไม่มีใครหิว ถึงร่างกายจะเหนื่อยล้าแค่ไหนพอเข้ามานอนเธอกลับนอนไม่หลับ เธอคิดอะไรหลายๆ อย่างในช่วงนี้ ไม่ว่าจะข่าวที่ทางรัฐบาลแจ้ง แต่ที่เธอกังวลมากกว่าคือ เธอจะเพิ่มพลังได้ก่อนที่วิกฤตวันสิ้นโลก จะเกิดขึ้นมาก่อนหรือเปล่า ไหนๆ เธอก็นอนไม่หลับ เข้าไปในมิติเพื่อ เพิ่มพลังเวทดีกว่า หลังจากที่เธอเข้ามาในมิติแล้ว เธอไม่ได้เดินไปดูผักและผลไม้ที่ปลูกไว้ แต่เดินตรงไปอีกทาง ตรงแม่น้ำที่มีหินหลากสีอยู่ เธอเดินไปหยิบหินขึ้นมาหนึ่งก้อน ซึ่งเป็นก้อนที่ใหญ่พอสมควร เป็นก้อนหินที่มีสีเขียวมรกต เป็นหินที่มีสีใสเหมือนหินหยก ถ้าเราเอาสิ่งนี้ออกไปขายจะขายได้หรือเปล่านะ เอาไว้เราค่อยลองเอาออกไปขายดูก็แล้วกัน เธอลองทำตามที่ท่านเทพจิ้งจอกได้สอนเอาไว้ เธอนั่งสมาธิและกำหนดจิตไปตรงธาตุพฤกษา แล้วค่อยๆ ดูดซับพลังเวท จากหินเวทสีเขียว พลังเวทค่อยๆ ไหลออกมาจากหินเวท เข้ามาในร่างกายของเธอ เธอรู้สึกเหมือนร่างกายของเธอจะมีพลังมากขึ้น เธอกำลังจะเลื่อนระดับ ซูเมิ่งค่อยๆ รวบรวมพลังในร่างกาย ถ่ายเทไปยังจุดตันเถียนส่วนล่าง ทำให้เธอเลื่อนระดับเป็นเวทขั้นที่หนึ่ง คือร่างกาย ทำให้ร่างกายของเธอปรับเปลี่ยน กระดูกต่างๆ ในร่างกายแข็งแรงขึ้น ผิวที่เคยหยาบกร้าน ค่อยๆ ลอกคราบออก กลิ่นอะไรเนี่ย ทำไมตัวของเรามีคราบเหนี่ยวๆ เต็มไปหมดเลย ตอนนี้ เธออยากอาบน้ำมาก หลังจากที่เธอเลื่อนระดับแล้ว สิ่งแรกที่เธอทำคือไปอาบน้ำ เพราะทนไม่ไหวกับการที่เวทเลื่อนระดับ แล้วขับของเสียออกมาจากร่างกายเธอทั้งหมด ทำให้ตัวเธอมีคราบดำๆ ไหลเยิ้มเต็มไปหมด หลังจากที่ซูเมิ่งอาบน้ำ ชำระร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็มาตรวจดูพลังในร่างกายว่ามีสิ่งไหนเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เธอรู้สึกว่าตัวของเธอมีผิวพรรณที่ใส่ขึ้น เธอเดินไปส่องกระจก นี่ใครกันทำไมสวยแบบนี้ นี่คือฉันเหรอเนี่ย เธอลองเอามือจับแก้มตัวเอง ตัวเราจริงๆ ด้วย หลังจากที่เธอชื่นชมกับหน้าตาตัวเองที่ดีขึ้นแล้ว เธอก็ตรวจดูพลังภายในร่างกาย ซึ่งร่างกายของเธอแข็งแกร่งขึ้นมาก เธอลองรวบรวมเวท แล้วขว้างไปตรงแม่น้ำ ตู้มม!! เสียงพลังเวท ที่กระแทกกับพื้นผิวน้ำ พลังของเราเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยสินะ ตอนนี้เธอสามารถบังคับเถาวัลย์ให้ทำตามที่เธอสั่งได้แล้ว นี่คือการพัฒนา หลังจากที่เธอได้เลื่อนระดับพลังในครั้งนี้ ทำให้เธอเข้าใจกฎการเลื่อนระดับของพลังเวทมากขึ้น การที่เธอจะเลื่อนระดับพลังเวทแต่ละเวทนั้น ต้องใช้หินเวทเป็นจำนวนมาก ที่เธอเลื่อนระดับได้เร็ว ก็เป็นเพราะ ตอนที่เธอได้กินผลเวทชีวิตสายรุ้งไปนั้น ท่านเทพจิ้งจอกได้ถ่ายเทพลังเวท เข้ามาในร่างกายของเธอด้วย ทำให้เธอเลื่อนระดับได้เร็ว“นายท่าน พวกเราได้ไปตรวจดูบริเวณโดยรอบแล้ว ไม่มีร่องรอยของคนอื่นเลยขอรับ” “เฝ้าระวังต่อไป อย่าเพิ่งวางใจพวกเราเดินทางกันสะดวกเกินไป” เขาสั่งงานกับลูกน้องที่เขาไว้ใจพาเดินทางมาด้วยสามสิบคน เป็นคนที่เขาคิดว่าไว้ใจได้ที่สุดแล้ว“โอ้ย! ปวดท้อง ข้าปวดท้องเหลือเกิน!” ซีห่าวได้ยินเสียงร้องของภรรยา ก็รีบเข้ามาดู“น้องจะคลอดแล้วหรือ เราหยุดพักรถม้ากันตรงนี้ก่อน พวกเจ้าไปเตรียมก่อไฟและต้มน้ำ แม่นมภรรยาข้าเป็นอย่างไรบ้าง” “เด็กกลับหัวพอดีเลยคะนายท่าน ดูท่าจะคลอดง่าย” เขาได้ฟังที่แม่นมรายงานก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น และเตรียมสิ่งของที่หมอตำแยได้บอกให้เตรียมไว้ เขาได้ยินเสียงเด็กร้องออกมาจากในรถม้า“เป็นเด็กผู้ชายเจ้าคะ ร่างกายแข็งแรง นายหญิงปลอดภัยดีเจ้าคะ” หลีซีห่าวได้ฟังรายงานจากแม่นม เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขามองขึ้นไปบนฟ้า เป็นคืนที่พระจันทร์ทรงกลดพอดีกระสุนปืนยิงเข้ามาที่รถม้าของพวกเขา ในช่วงที่พวกเขาลดการระวังตัว“มีคนร้ายทุกคนกันนายหญิงให้ดี” เขารีบสั่งลูกน้องให้เข้าปกป้องลูกและภรรยาที่อยู่ในรถม้าก่อน หน้าของลูกเขาก็ยังไม่ทันได้เห็นเลย“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นด้านนอก ท่านปลอดภ
เวลาผ่านไปหลายปี จิ้งจอกน้อยตามหาเจ้านายของเขาไปทั่วทุกหนแห่งแต่ก็ไม่พบ อยู่มาวันหนึ่งพวกเขาบังเอิญได้มาที่สระบัวแห่งหนึ่ง และพบกับดอกบัวที่มีพลังงานหนาแน่นเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงเก็บดอกบัวสีขาวที่มีสีแดงตรงปลาย ดอกบัวดอกนี้ให้ความคุ้นเคยกับพวกเขาเป็นอย่างมาก เหมือนว่าเจ้าดอกบัวนี้ จะเป็นสิ่งที่พวกเขาตามหาอยู่ พวกเขาอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ตอนที่พวกเขากำลังเข้าไปจับที่ดอกบัวดอกนั้น จิ้งจอกน้อยรู้สึกว่าดอกบัวกำลังดีใจที่ได้พบกับพวกเขา และพวกเขาก็สามารถเก็บดอกบัวไปปลูกได้อย่างง่ายดาย จิ้งจอกสองหัวรู้สึกแปลกใจกับความง่ายดายนี้ ถ้าเป็นพืชที่วิเศษ จะต้องใช้แรงกายในการเอาสิ่งนั้นมาได้ยากมาก แต่ดอกบัวดอกนี้ยินยอมที่จะไปอยู่กับพวกเขาเอง พวกเขานำดอกบัวไปปลูกไว้ที่สระน้ำแห่งชีวิต ตั้งแต่ที่ได้นำดอกบัวเข้ามาปลูก พลังงานบริสุทธิ์ภายในมิติยิ่งเพิ่มมากขึ้น และสระน้ำแห่งชีวิตก็บริสุทธิ์มากขึ้นเช่นกันเวลาผ่านไปหลายปี จนถึงปีหนึ่งที่พวกเขากำลังนั่งจำศีลกันอยู่พวกเขาได้ปล่อยจิตรับรู้เอาไว้ อีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกเขาจะต้องไปทำงานที่เจ้านายได้สั่งไว้ก่อนที่จะหายตัวไป“เสี่ยวปิง แล้วพวกเราจะต้องไปช่วยเด
มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เธออาศัยอยู่ในป่าลึกพร้อมกับเพื่อนคู่ใจ เป็นจิ้งจอกตัวน้อยสองหัว ที่เธอได้ช่วยเหลือไว้ตอนที่แม่ของพวกมันถูกฆ่าตาย เธอตั้งชื่อให้ทั้งสองหัวว่า เสี่ยวเฟิง และเสี่ยวปิง จิ้งจอกน้อยทั้งสองตัว ติดตามเธอคอยช่วยเหลือและเฝ้าดูแลพื้นที่ในมิติแทนเธอ ผู้เป็นเจ้าของในที่แห่งนี้จิ้งจอกน้อยอยู่กับนายของมัน เธอเป็นหญิงสาวที่เงียบขรึม ไม่ชอบพูดคุยกับใคร ชีวิตในแต่ละวันของเธอ ก็จะอยู่ภายในมิติมากกว่าอยู่ด้านนอกมิติ เธอชอบคิดค้นยาหรือหาสิ่งใหม่ๆ เข้ามาปลูกภายในมิติอยู่เสมอ พวกเขาก็ได้เรียนรู้สิ่งที่เจ้านายได้นำเข้ามาปลูกด้วยเช่นกัน“เจ้าจิ้งจอกน้อย อย่าไปเล่นซนกับต้นสมุนไพรของข้าละ สมุนไพรชนิดนี้สำคัญมาก และก็มีราคาที่แพงด้วย” “พวกข้าจะไม่ไปเล่นซนตรงนั้นอย่างแน่นอน ข้าแค่สงสัยกลิ่นของสมุนไพรแปลกๆ พวกนี้” “ดีแล้วเด็กดีตัวน้อย” หญิงสาวอุ้มจิ้งจอกสองหัวขึ้นมากอด และก็เกาไปที่พุงของพวกมันเบาๆจิ้งจอกน้อยทั้งสองตัวมีความสุขกับเจ้านายของพวกมันมาก และพวกมันก็รักเจ้านายคนนี้มากด้วยเช่นกัน ตอนที่พวกเขาได้พบเจอกับเจ้านายคนนี้ พวกเขาก็เกือบจะตายกันไปแล้ว อยู่มาวัน
“เด็กน้อยของแม่ ลูกหน้าเหมือนพี่เฟยหรงเลยนะคะ” เธอเอานิ้วถูไปที่แก้มลูกเบาๆ“ตอนนี้ยังดูไม่ค่อยออกหรอกว่าหน้าเหมือนใคร ต้องรอไปสักสองถึงสามเดือนถึงจะดูออก” ซูซ่านพูดบอกลูกสาวของเธอไป" อ่อ แบบนี้นี่เอง " เธอเล่นกับลูกอีกสักพัก ลูกเธอก็ร้องขึ้นมา เธอต้องส่งลูกให้คุณพยาบาลพาไปป้อนนม เพราะน้ำนมเธอยังไม่มากพอให้เด็กทั้งสองคนได้กินทั้งครอบครัวของเธอและคุณปู่เห็นว่าเธอและลูกปลอดภัยหายห่วงแล้ว ก็พากันกลับบ้าน เหลือแค่เธอกับพี่เฟยหรงแค่สองคนเท่านั้น“เหนื่อยไหมครับคนเก่ง” เฟยหรงเอาผ้าชุบน้ำนำมาเช็ดหน้าและเช็ดตามตัวของภรรยา เพื่อให้เธอได้นอนพักผ่อนอย่างสบายตัว“มีคนดูแลดีแบบนี้น้องหายเหนื่อยไปตั้งนานแล้วค่ะ” เธอนอนให้สามีคอยเช็ดตัวให้ เพราะเธอยังรู้สึกเจ็บแผลที่คลอดอยู่มาก“พี่เช็ดตัวให้น้องจะได้นอนหลับอย่างสบายนะครับ คืนนี้พยาบาลบอกว่าให้น้องนอนพักได้เลย พรุ่งนี้ถึงจะพาลูกมาให้เราฝึกดูแล” “ดีเหมือนกัน น้องคงดูแลไม่ไหวแน่วันนี้น้องขอนอนพักก่อนนะคะ” เธอไม่ได้พูดอะไรมาก แล้วก็นอนหลับไปเพราะยาที่ได้กิน และความเหนื่อยล้าจากร่างกาย เฟยหรงนั่งเฝ้าภรรยาและตัวเขาก็หลับไปพร้อมกันเวลาผ่านไปหล
หลังจากที่เธอได้ไปฝากครรภ์ ตอนนี้ก็ผ่านมาห้าเดือนแล้ว ท้องของเธอใหญ่มาก ใหญ่เกินไปด้วยซ้ำทั้งๆ ที่เธอเพิ่งจะท้องลูกคนแรก หรือเธอจะท้องลูกแฝดหรือเปล่า เพราะเธอท้องใหญ่เกินกว่าจะท้องลูกคนเดียว ช่วงนี้เธอว่างเกินไปจริงๆ ตั้งแต่ที่เธอท้องพี่เฟยหรงก็แทบจะไม่ให้เธอทำอะไรเลยวันๆ เธอมีหน้าที่แค่กินและนอนเท่านั้น เธอบันทึกประจำวันในแต่ละวันว่าทำอะไรบ้างลงในสมุดการตั้งครรภ์ ทุกเดือนเธอต้องแบกท้องกลมโตไปให้หมอตรวจ หมอก็บอกเธอว่าอาจจะได้ลูกแฝด เสียดายที่ไม่มีเครื่องตรวจ เธอก็เลยไม่รู้ว่าลูกเธอเป็นผู้หญิงหรือว่าผู้ชายกันแน่ แต่ไม่ว่าเป็นหญิงหรือชาย เธอก็รักเด็กคนนี้เสมอ“พ่อกลับมาแล้วครับ วันนี้เด็กน้อยดื้อกับแม่หรือเปล่าครับ” พี่เฟยหรงกลับบ้านเร็วทุกวัน เพราะกลัวว่าเธอจะอยู่คนเดียวที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ทุกครั้งตอนกลับถึงบ้านพี่เฟยหรงก็จะเข้ามาจูบที่ท้องของเธอ และเล่นกับลูกในท้อง เด็กน้อยทั้งสองเหมือนว่าจะรู้ว่าพ่อเขามาเล่นด้วย ก็จะดิ้นทักทายตอบกลับพี่เฟยหรงทุกครั้ง ทำให้เธอเจ็บท้องไปหมด แต่เป็นความเจ็บปวดที่เธอมีความสุขตอนนี้เข้าเดือนที่แปดแล้ว เธอมานอนอยู่ที่บ้านพ่อกับแม่เพราะกลัวว่าเธอจะปวดท้
“ไม่โกรธคะ แต่เป็นห่วงมากกว่ากลัวว่าพี่จะเกิดอันตรายอะไรขึ้นมา พี่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วคราวหน้าถ้าพี่เฟยหรงจะกลับบ้านช้า หรือทำอะไรที่เป็นอันตรายจะต้องบอกน้องไว้ก่อนนะคะ อย่าหายไปแบบนี้อีก ถ้าไม่อย่างนั้นน้องจะโกรธพี่เฟยหรงจริงๆ ด้วย” “ได้ครับ ครั้งหน้าพี่จะรายงานภรรยาตัวน้อยของพี่ทุกอย่าง จะไม่ลืมเลย” เธอหยอกล้อเล่นกับสามีอยู่ พี่เฟยหรงก็ทำหน้าพะอืดพะอมเหมือนอยากจะอ้วกขึ้นมา“พี่เฟยหรงเป็นอะไร ไม่สบายตรงไหน” “พี่ไม่ได้เป็นอะไร แค่ช่วงนี้พี่รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวและอยากจะอ้วกอยู่บ่อยๆ ” หรือพี่เฟยหรงจะแพ้ท้องแทนเธอกัน เขาว่าถ้าคนไหนรักเมียมากก็จะแพ้ท้องแทนเมีย เธอไม่ได้เข้าข้างตัวเอง แต่พี่เฟยหรงก็รักเธอจริง“พี่อยากกินอะไรเปรี้ยวๆ หรือเปล่า” “ใช่แล้วพี่รู้สึกอยากกินของเปรี้ยวมากเลย” “ถ้าแบบนั้น เดี๋ยวน้องต้มน้ำแกงใส่ผักกาดดองให้พี่ดีไหม ที่บ้านเรายังมีลูกท้ออยู่ เดี๋ยวน้องจะไปเตรียมไว้ให้ พี่นอนพักก่อนก็ได้นะคะ ถ้าน้องทำเสร็จแล้วจะเอามาให้ที่เตียง” เธอลุกเดินไปล้างหน้า และเข้าไปที่ห้องครัวเพื่อไปเตรียมอาหารให้คนแพ้ท้องแทนเมียกิน ดีที่แม่ได้เตรียมผักกาดดองมาให้เธอเมื่อวานนี้