Share

เรื่องวุ่นวาย

Author: zuey
last update Last Updated: 2024-12-29 10:10:03

เช้ามืดของอีกวันเฉียวลู่ตื่นขึ้นมาด้วยตนเองอย่างอัตโนมัติ ความจริงนางอยากสั่งนาฬิกาพกสักเรือเพื่อนเอาไว้ดูเวลาแต่กลัวว่าถ้าถูกคนพบเห็นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะครอบครัวของนางตอนนี้ยังไม่นับว่าจะสามารถมีสิ่งของที่มีค่าได้เลย หากมีคนคิดไม่ซื่ออยากได้ของของนางแล้วใส่ร้ายว่านางลักขโมย ต่อให้มีสิบปากด้วยสภาพของนางตอนนี้ย่อมแก้ตัวแล้วไม่มีใครเชื่อแน่

 

วัวเทียมเกวียนเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ววันนี้ออกไปเร็วกว่าเมื่อวานเพราะเฉียวลู่คิดว่าเมื่อพวกนางขายดีต้องมีคนอยากได้ที่ขายของพวกนางแน่ และก็เป็นเรื่องจริงเมื่อเกวียนจอดที่หน้าทางเข้าอำเภอทุกคนช่วยกันขนของไปที่ที่พวกเขาขายเมื่อวานแต่ปรากฎว่ามีคนที่มาตั้งร้านก่อนหน้าแล้วและดูเหมือนพวกเขาก็ขายของย่างด้วยเช่นกัน

“นี่มันอะไรกันเนี่ยที่ตั้งเยอะแยะทำไมจะต้องเจาะจงเลือกมาตั้งที่ของพวกเราด้วย”

หลิวหงบ่นออกมาด้วยความหัวเสีย ถึงเสียงของนางจะดังจนทำให้ร้านขายปิ้งย่างร้านนั้นได้ยินแต่พวกเขาก็ทำเพียงถลึงตาใส่แต่ไม่ได้ปริปากตอบโต้กลับมา เฉียวลู่ดึงแขนนางเอาไว้แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องไปพูดอีกแล้ว ที่ตลาดอำเภอเป่ยจิงไม่มีพื้นที่ให้เช่าที่กำหนดตายตัวเมื่อจ่ายค่าเช่าแล้วก็ขึ้นอยู่กับผู้เช่าว่ามาเร็วหรือช้า หากมาเร็วก็สามารถได้ที่ดีๆ มาช้าก็ได้ที่ห่างไกลซึ่งคนส่วนใหญ่ที่มาเดินซื้อของก็ไม่ค่อยเดินจนสุดถนนจึงทำให้ขายไม่ดีเท่าที่ควร

“เราไปตั้งตรงนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”

เฉียวลู่ชี้ไปที่ว่างที่เยื้องตรงข้ามกับร้านขายปิ้งย่างร้านนั้น จากนั้นทุกคนก็ทำหน้าที่ของตน เมื่อฟ้าสว่างมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนเฉียวลู่ก็ให้เด็กๆ ไปช่วยหลิวหงขายกุ้งย่างนางและแม่เฒ่าหลี่ทำหน้าที่ย่างกุ้งอยู่หลังร้านส่วนจางหย่งทำหน้าที่ส่งกุ้งย่างหม่าล่าตามที่ต่างๆ ที่เขียนเอาไว้บนกระดาษ จางหย่งปฏิบัติตามที่เฉียวลู่สั่งอย่างเคร่งครัดคือให้ผู้ที่รับอาหารลงชื่อและประทับลายนิ้วมือว่าได้รับอาหารแล้ว

เป็นความรอบคอบของเฉียวลู่ที่ทำเช่นนี้เพราะภายหลังร้านปิ้งย่างที่มาตั้งตรงข้ามกับร้านของเฉียวลู่จะมีเหตุการณ์ที่ลูกค้าไม่ได้รับอาหารที่สั่งจองแต่ทางร้านบอกว่าส่งไปแล้วจนทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทขึ้น

หลังจากที่จางหย่งกลับมาที่ร้านก็ยุ่งยิ่งนักเพราะลูกค้าต่างมายืนรอต่อแถวเพื่อซื้อกุ้งย่างหม่าล่ายาวเหยียดจนไปถึงหน้าร้านปิ้งย่างอีกร้าน

“นี่พี่ชายถ้าร้านนั้นรอนานท่านมาลองซื้อหมูปิ้งที่ร้านข้าไปทานรองท้องก่อนดีหรือไม่”

ชายที่อยู่หลังสุดหันไปมองพ่อค้าเคราดกคนนั้นที่ออกมายืนคุยกับเขาหน้าร้าน ชายคนนั้นมีท่าทางสนใจเล็กน้อย

“ร้านของเจ้ามีน้ำจิ้มหม่าล่าเหมือนร้านนั้นหรือ”

พ่อค้าเคราดกนิ่งไป

“ไม่มี แต่ร้านของข้ามีน้ำจิ้มสูตรโบราณที่สืบทอดมาแต่บรรพบุรุษหลายชั่วคน รับรองว่าอร่อยแน่นอนไม่เชื่อท่านลองซื้อไปทานดู”

ชายคนสุดท้ายหันไปมองหน้าเพื่อนที่มาด้วยกันจากนั้นจึงลองซื้อหมูปิ้งที่ร้านนั้นเพราะตอนนี้พวกเขาหิวมากไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวของตน

ร้านปิ้งย่างร้านนั้นนำกระบอกไม้ไผ่มาตัดครึ่งเพื่อใส่อาหารเลียนแบบร้านกุ้งย่างของเฉียวลู่แต่กระบอกไม้ไผ่ของพวกเขาขาดความปราณีตเพราะไม่ได้เหลาปากกระบอกให้เรียบเนียนและไม่ได้ต้มเพื่อฆ่าเชื้อโรคเหมือนที่เฉียวลู่ทำ ชายคนนั้นยังรู้สึกคาใจจึงยืนกินอยู่ตรงนั้นไม่ได้ไปไหนไกล หลังจากที่กัดเข้าไปคำแรกพวกเขาต้องวิ่งหาน้ำเป็นพัลวัน เพราะมันทั้งเผ็ดทั้งเค็มทำให้ริมฝีปากพวกเขาบวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“นี่เจ้าคิดที่จะฆ่าลูกค้าหรือไง ก่อนเอามาขายได้ชิมน้ำจิ้มของเจ้ามาก่อนหรือไม่”

เขาตะคอกออกไปด้วยความโมโห เพราะเสียงที่ดังของชายคนนั้นจึงเรียกความสนใจของคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี

“เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไรหมูปิ้งน้ำจิ้มสูตรโบราณของข้าถึงไม่ต้องชิมข้าก็รู้ดีว่าย่อมต้องอร่อยแน่นอน ที่เจ้าพูดเช่นนี้เป็นเพราะเจ้าคิดใส่ร้ายร้านของข้าเพราะถูกคนจ้างวานมาใช่หรือไม่”

ชายเคราดกพูดเสร็จก็หันไปมองร้านกุ้งย่างของเฉียวลู่ทันที เฉียวลู่ที่มัวแต่ยุ่งอยู่กับการย่างกุ้งจึงไม่รู้ว่าที่หน้าร้านมีเรื่องเกิดขึ้น

“จ้างวานอะไรเจ้าเป็นคนชวนข้ามาซื้อหมูปิ้งที่ร้านของเจ้าเองข้าไม่ได้อยากมาซื้อเสียหน่อย เป็นเจ้าที่มาชวนข้าที่ยืนต่อแถวรอซื้อกุ้งย่างหม่าล่า ทำไม่อร่อยแล้วยังไม่ยอมรับอีกยังคิดมาใส่ความข้า ค้าขายไม่สุจริตเช่นนี้ไม่ควรมาขายของที่นี่”

ชายเคราดกไม่รู้ว่าจะเถียงชายคนนั้นต่อไปอย่างไรได้แต่พูดว่าเขาใส่ความตนเองและบอกว่าชายคนนั้นถูกคนจ้างวานมาก่อกวนร้านของเขา และเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใครบุรุษทั้งสองจึงมีการวางมวยเกิดขึ้นทำให้ลูกค้าที่มาต่อแถวซื้อกุ้งย่างของเฉียวลู่ได้รับบาดเจ็บไปด้วยหลายคน

เฉียวลู่เดินออกมาดูเห็นบุรุษสองคนกำลังโดนชายร่างใหญ่สี่คนทุบตีอยู่เฉียวลู่จึงหันไปถามหลิวหงจึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางเดินเข้าไปจับบุรุษสี่คนโยนออกไปจากลูกค้าสองคนที่นอนตัวเขียวช้ำอยู่บนพื้น เสื้อผ้าของพวกเขาทั้งสกปรกและขาดวิ่นเหมือนกับพึ่งโดนรุมโทรมมาอย่างไรอย่างนั้น

“ขะ...ขอบคุณแม่นางที่ช่วยเหลือ”

เพราะเฉียวลู่ย่างกุ้งอยู่หลังร้านตลอดพวกเขาเลยไม่เคยเห็นหน้านาง เมื่อได้เห็นชัดๆ พวกเขาทั้งสองถึงกับตะลึงในความงามของเฉียวลู่จนลืมความเจ็บปวดที่ได้รับมาจากมือและเท้าของเจ้าของร้านปิ้งย่างและพวกก่อนหน้านี้

“พวกท่านไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก นี่ถือเป็นการช่วยเหลือลูกค้าร้านกุ้งย่างหม่าล่าของข้าเช่นกัน”

เมื่อได้โอกาสเฉียวลู่ก็รีบเอาดีเข้าร้านทันที นางไม่รับคำขอบคุณจากพวกเขา แต่ที่นางทำเช่นนี้นางพยายามจะสื่อว่าเป็นเพราะพวกเขาเป็นลูกค้าร้านกุ้งย่างของนาง

“เห็นหรือไม่พวกท่านดู นางจะต้องจ้างเจ้าสองคนนี้มาก่อกวนร้านของข้าอย่างแน่นอนไม่เช่นนั้นนางจะมาช่วยพวกเขาทำไม”

เฉียวลู่เลิกคิ้วมองชายเคราดกด้วยความรำคาญนี่เขาเรียกว่าเถียงแบบข้างๆ คูๆ หรือไม่นะ

“ต่อให้ไม่ใช่เขาทั้งสองคนข้าก็ช่วยอยู่ดี ร้านของข้าไม่ตอบแทนลูกค้าด้วยมือและเท้าเหมือนเช่นร้านของเจ้า อีกอย่างร้านข้ามีลูกค้าต่อแถวยาวไปจนถึงทางเข้าอำเภอเป่ยจิ่งเหตุใดข้าต้องเสียเวลาไปก่อกวนร้านปิ้งย่างที่ไร้ลูกค้าเช่นร้านของเจ้า ข้าเอาเวลาที่เสียไปไปย่างกุ้งให้ทันขายไม่ดีกว่าหรือ พวกท่านว่าใช่หรือไม่”

ลูกค้าที่มายืนรอและคนที่มาซื้อของที่ตลาดต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเฉียวลู่

“พวกท่านทุกคนที่มาซื้อของที่นี่ทุกวันต่างก็เห็นว่าเมื่อวานข้าขายกุ้งย่างที่ตรงนั้นที่พวกเขาตั้งร้านและยังขายไม่ถึงหนึ่งชั่วยามพวกข้าก็เก็บของกลับแล้ว แต่วันนี้เรามาเร็วกว่าเมื่อวานเสียอีกถ้าหากว่าเจ้าไม่โง่หรือตาบอดเจ้าก็คงรู้ว่าเมื่อวานข้าขายกุ้งย่างตรงนั้น แต่พวกเจ้าก็ยังจงใจมาตั้งร้านก่อนและยังมาขายปิ้งย่างเหมือนร้านข้าอีก เช่นนี้จะให้ข้าคิดอย่างไรใครกันแน่ที่ต้องการก่อกวน ข้าเป็นคนรักความสงบจึงไม่สนใจจะต่อว่าเจ้า ตลาดแห่งนี้เป็นของพ่อค้าแม่ค้าทุกคนที่จ่ายค่าเช่า จะจองพื้นที่ขายตรงไหนก็ได้ทั้งนั้นนั่นเป็นสิทธิ์ของคนที่มาก่อนและข้าก็ยอมรับกฎข้อนั้น แต่เจ้ามาขายของที่นี่กลับทำร้ายลูกค้าที่มาใช้จ่ายซื้อของและอาจทำให้พวกข้าที่เป็นคนค้าขายถูกมองไม่ดีไปด้วย”

ชายเคราดกส่งเสียงอึกอักเพราะไม่รู้จะโต้แย้งคำพูดของเฉียวลู่อย่างไร พ่อค้าแม่ค้าต่างรุมประณามบุรุษสี่คนที่ทำร้ายลูกค้าชายทั้งสองคน

“หุบปากข้าไม่สนพวกเขาผิดเองที่มาต่อว่าหมูปิ้งน้ำจิ้มสูตรโบราณของข้าว่าไม่อร่อยพวกเขาสองคนสมควรโดนแล้ว”

เฉียวลู่เดินไปที่โต๊ะวางหมูปิ้งของร้านปิ้งย่าง นางหยิบหนึ่งไม้ขึ้นมาให้ทุกคนดู

“ถ้าหากเป็นข้าข้าจะยอมรับการติท้วงนั้น ดีเสียอีกที่มีคนกินอาหารของข้าแล้วติชมข้าจะได้นำมันมาปรับปรุงรสชาติอาหารของข้าให้ดียิ่งกว่าเดิม แต่เจ้าเป็นคนขายอาหารกลับทำร้ายคนเช่นนี้ข้าว่าเจ้าน่าจะไปเป็นผู้คุมนักโทษในคุกใต้ดินดีกว่ามาทำอาหารนะชอบใช้กำลังขนาดนี้”

เมื่อเฉียวลู่พูดจบคนที่มามุงดูต่างก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ชายเคราดกพุ่งตัวเข้าหาเฉียวลู่อย่างหมดความอดทน

“ปากดีนักนะเป็นเพียงสตรีตัวแค่นี้ข้าบีบเจ้าทีเดียวก็ตายคามือข้าแล้ว”

จางหย่งที่อยู่ในเหตุการณ์รีบเข้ามาช่วยเฉียวลู่ทันทีเมื่อเขาเห็นชายเคราดกพุ่งเข้าหานาง

“อาลู่ระวัง!!!”

เฉียวลู่ใช้ฝ่ามือผลักจ่างหย่งออกเบาๆ จากนั้นจึงใช้ฝ่าเท้ายันชายเคราดกเต็มแรง ร่างใหญ่ของเขาที่สูงกว่าเฉียวลู่ถึงสองศีรษะลอยละลิ่วไปไกล

“พี่ใหญ่!!!”

บุรุษสามคนรีบวิ่งไปช่วยชายเคราดกที่นอนแอ้งแม้งขาชี้ฟ้าสลบเหมือดไปแล้ว ที่หน้าอกของเขายังมีรอยเท้าของเฉียวลู่ประทับอยู่

“เจ้า!!! หญิงแพศยากล้าดีอย่างไรมาทำร้ายพี่ใหญ่ของข้า”

บุรุษชุดดำสวมหน้ากากสีดำครึ่งหน้าแลดูลึกลับด้านหลังของเขามีผู้ติดตามสองคนยืนอยู่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบอยู่บนเหลาอาหารจีหม่านโหรว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ขยับตัวหรือเอ่ยสิ่งใดคล้ายกำลังมองเรื่องราวของคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับตน แต่กำปั้นที่อยู่ในแขนเสื้อของเขากำเข้าหากันแน่นจนเปียกเพราะชื้นเหงื่อ เป็นนางจริงหรือเหตุใดนางถึงได้เปลี่ยนไปมากเพียงนี้ ใกล้กันมีเด็กชายฝาแฝดที่อายุราวสามสี่ขวบยืนอยู่สายตาของพวกเขากำลังมองนางด้วยความเป็นห่วง บุรุษหน้ากากดำมองเด็กทั้งสองคนอย่างไม่กะพริบตา

“รนหาที่จริงๆ”

บุรุษร่างใหญ่ทั้งสามคนคำรามเสียงดังพร้อมวิ่งตรงมาที่เฉียวลู่พร้อมกัน เฉียวลู่ทั้งเตะทั้งต่อยบุรุษสามคนจนเหงื่อท่วมตัว เมื่อนางหยุดมือพวกเขาก็ลงไปนอนกลิ้งคลุกฝุ่นเรียบร้อยแล้ว นางลากคนทั้งสี่ออกไปทิ้งไว้ที่หน้าตลาด ก่อนเดินออกมานางยังพูดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วย

“ครั้งนี้ถือว่าพวกเจ้าโชคดีที่ข้าอารมณ์ดี ถ้าหากว่ากล้ามาก่อกวนที่ร้านของข้าอีกครั้งข้าจะตามไปที่บ้านของพวกเจ้า รับรองว่าตอนที่พวกเจ้าตายไปพวกเจ้าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น”

เฉียวลู่พูดเบาๆ กับชายทั้งสี่ไม่ให้ใครได้ยิน บุรุษทั้งสี่เห็นแววตาของเฉียวลู่ที่ดูเหมือนพวกฆาตกรโรคจิตพวกเขาต่างตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ใครจะไปรู้ว่าสตรีตัวเล็กๆ จะสามารถทุบตีบุรุษสี่คนที่ตัวใหญ่กว่านางถึงเท่าตัวจนเละเช่นนี้ ก่อนเฉียวลู่ผละจากมานางมองขึ้นไปบนเหลาอาหารที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าอำเภอเป่ยจิง เพราะนางรู้สึกได้ถึงสายตาของใครบางคนที่กำลังมองมาที่นาง

ดวงตาดำขลับแต่ดูลึกลับคู่นั้นประสานสายตากับเฉียวลู่ นางไม่นึกเกรงกลัวสายตาของเขาที่กำลังมองมาสักนิดเมื่อเขาไม่หลบสายตาจากนาง นางก็ไม่คิดหลบเช่นกันคนทั้งสองประสานสายตากันอยู่อย่างนั้นจนไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด แรงเขย่าเบาๆ ที่ชายเสื้อของนางทำให้เฉียวลู่ละสายตาจากเขาแล้วหันกลับมามองข้างตัว อวี้หลงและอวี้ชิงมาตามเฉียวลู่เพราะไม่เห็นนางกลับมาที่ร้านเสียทีเด็กชายทั้งสองจึงนึกเป็นห่วง

“มาตามแม่หรือจ๊ะเจ้าก้อนน้อยทั้งสอง ไปเถอะเราไปขายกุ้งย่างต่อกันเถอะ”

อวี้หลงกับอวี้ชิงที่ตอนนี้ทั้งขาวทั้งอ้วนเพราะการขุนด้วยอาหารหลากชนิดของเฉียวลู่รวมทั้งนมอัดเม็ดวิตามินต่างๆ สำหรับเด็กที่นางสั่งมาจากในสมุดบันทึกให้พวกเขาได้กิน บุรุษทั้งสี่ที่เห็นความอ่อนโยนออกมาจากสายตาของเฉียวลู่ต่างก็ตกตะลึงนี่  ยังใช่สตรีผู้นั้นที่ทุบตีพวกเขาก่อนหน้านี้อยู่หรือไม่ เมื่อครู่นางยังใช้สายตาของฆาตกรจัดการพวกเขาตอนนี้นางกลับเปลี่ยนไปเป็นสตรีที่อ่อนโยนเมื่อพูดคุยกับเด็กชายทั้งสอง นางเปลี่ยนสีหน้าได้อย่างรวดเร็วช่างเป็นสตรีที่น่ากลัวจริงๆ พวกเขาไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว

บุรุษทั้งสี่รีบลากสังขารที่บอบช้ำของตนกลับไปที่ร้านหมูปิ้งแล้วรีบเก็บของจากไปทันที เฉียวลู่ไม่รู้ความคิดของพวกเขานางกลับมาย่างกุ้งช่วยแม่เฒ่าหลี่อีกครั้ง ไม่นานจากนั้นกุ้งย่างหนึ่งร้อยห้าสิบจินก็ขายหมดเกลี้ยงและยังได้รับคำสั่งซื้อล่วงหน้าอีกห้าสิบชุด

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   บทส่งท้าย กลับไปเริ่มต้นใหม่

    ฉีหมิงเยี่ยนกลับมาพร้อมชัยชนะหลังจากนั้นหนึ่งเดือน คนตระกูลเสิ่นและผู้ที่เข้าร่วมก่อการกบฏต่างก็ถูกตัดหัวแขวนประจานเอาไว้ทุกหัวเมืองที่ถูกยึดคืนกลับมาได้ แต่ชัยชนะครั้งนี้กลับไม่ได้มีการเฉลิมฉลองเพราะฉีอ๋องต้องสูญเสียพระชายาอันเป็นที่รักไปอย่างกะทันหัน เขาขังตัวเองเอาไว้ในห้องที่มีโลงใส่ศพของนาง อาจารย์ของเฉียวลู่เองก็ไม่คิดว่าตนเองจะต้องสูญเสียลูกศิษย์ของตนไปถึงสองคนพร้อมกัน เขาได้ใช้น้ำแข็งพันปีมรดกตกทอดของเจ้าสำนักเซียนแพทย์แช่ร่างของเฉียวลู่เอาไว้รอสามีของนางกลับมา“อาลู่เจ้าลืมตาขึ้นมาเถิด เจ้าอย่าได้ล้อข้าเล่นเช่นนี้เลย สามีของเจ้าตกใจรู้หรือไม่”ฉีหมิงเยี่ยนร้องไห้ออกมาปานจะขาดใจ ปากก็พร่ำเพ้อหานางไม่หยุด ร่างบางที่เหมือนนอนหลับอยู่ภายในโลกไม้ที่ถูกทำขึ้นอย่างประณีตไม่ขยับไหวติงแม้เพียงนิดเขาทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไรกัน เขาอุตส่าห์เปลี่ยนแปลงอนาคตทุกอย่างแล้ว คนตระกูลเสิ่นที่เป็นสาเหตุการตายของนางเขาก็สังหารจนสิ้น แต่แล้วเหตุใดนางถึงยังจากเขาไปอีกเล่า สวรรค์ท่านช่างใจร้ายกับข้านัก ท่านคิดที่จะทำลายหัวใจของข้าอีกกี่ครั้งกันท่านถึงจะพอใจเสียงร้องโหยหวนดั่งสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   แก้แค้นแทนพี่สาว

    ไม่นานหลังจากนั้น ทหารจากค่ายวิหคทมิฬพบสองพี่น้องที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งโดยบังเอิญ พวกเขาตามรอยของกั๋วจื่อชางเข้าไปในป่า แต่ต้องคลาดกันเพราะมีน้ำป่าไหลทะลักบนภูเขา จึงต้องย้อนกลับมาที่หมู่บ้านที่อยู่ไม่ห่างจากร่องรอยสุดท้ายที่หาเจอ เพราะเหตุนั้นจึงได้พบนายน้อยของตำหนักชินอ๋องทั้งสองคนเกือบครึ่งเดือนที่พวกเขาถูกจับตัวไป เพราะไม่ค่อยได้ทานอาหารสองพี่น้องจึงดูซูบผอมไปเล็กน้อย เฉียวลู่ที่ได้ข่าวจากคนของค่ายวิหคทมิฬนางเร่งเดินทางมาที่หมู่บ้านโดยเร็ว“ลูกแม่!!”นางกอดร่างเล็กทั้งสองเอาไว้ในอ้อมแขน พลางลูบหลังพวกเขาอย่างปลอบโยน อวี้หลงและอวี้ชิงที่เคยฝึกอยู่ในค่ายวิหคทมิฬอย่างหนักไม่เคยแม่แต่จะหลั่งน้ำตาสักหยด แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของมารดา เสียงร้องไห้เล็กๆ สองเสียงก็ดังประสานขึ้นก้องกังวานทั่วหมู่บ้านเหล่าทหารจากค่ายวิหคทมิฬที่รู้จักเด็กชายทั้งสองมองพวกเขาด้วยความแปลกใจ นึกว่าบุตรชายของมัจจุราชฉีจะกลายเป็นเหล็กกล้าเหมือนดั่งบิดาเสียอีก ไม่นึกว่าจะยังมีมุมน่ารักดั่งเด็กน้อยเมื่อยามที่อยู่กับมารดาเฉียวลู่ที่ถูกพรากบุตรชายจากอกไปหลายวัน นางเองก็ขวัญเสียไม่แพ้กัน สองแม่ลูกก

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ขอบคุณนะ

    “อยู่ให้ห่างจากน้องชายของข้านะ”อวี้หลงวิ่งเข้าไปคิดที่จะทำร้ายนาง แต่หญิงใบ้กลับหลบได้อย่างง่ายดาย เขาวิ่งมาขวางนางอีกครั้งแต่ถูกหญิงใบ้จับโยนจนร่างเล็กลอยละลิ่วไปไกล นางใช้มือคลำไปที่ใบหน้าและลำคอของอวี้ชิงเบาๆ จากนั้นจึงหยิบยาออกมาจากแขนเสื้อแล้วยัดเข้าไปในปากของเขา นางบีบจมูกของอวี้ชิงเพื่อให้เขากลืนยาลูกกลอนลงไป อวี้หลงคิดว่านางวางพิษน้องชายตนเอง เขากรีดร้องออกมาทั้งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด“อ๊ากกกก!!!ข้าจะสู้ตายกับเจ้า”เด็กชายที่สูงเพียงอกของนางพยายามต่อสู้กับหญิงใบ้สุดกำลัง ดวงตาเฉยเมยมองเด็กน้อยที่กำลังวิ่งเข้าหานาง เขาแกว่งหมัดไปที่หลายทีแต่นางก็ไม่ได้สู้กลับ นางทำเพียงพลิกเท้าหลบไปมาเหมือนกำลังเย้าแหย่สัตว์ตัวเล็กๆเด็กตัวเล็กที่พยายามต่อสู้กับผู้ใหญ่ผ่านไปนานสุดท้ายก็ยังไร้ผล อวี้หลงหอบหายใจแรงเพราะเรี่ยวแรงของเขาหมดไปจากการที่เขาแบกน้องชายเดินเป็นเวลานาน“พะ...พี่ชาย”เสียงเล็กๆ ที่ดังขึ้นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมจิตใจของเขา อวี้หลงเลิกสนใจหญิงใบ้รีบวิ่งไปดูน้องชายของตนทันที“ชิงเอ๋อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”อวี้หลงแตะไปที่หน้าผากของเขา ตัวที่ร้อนดังไฟตอนนี้ได้เย็นลงเล็กน้อย ใบหน้าแดงก่ำ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   หนี

    อวี้หลงและอวี้ชิงฟื้นขึ้นมาหลังจากที่ถูกลักพาตัวโดยชายชุดดำหลายสิบคน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้วที่พวกเขาถูกจับตัวมา ท่านแม่และท่านพ่อจะต้องเป็นห่วงพวกเขามากแน่ๆตลอดทางที่รถม้าวิ่งพวกเขาถูกจับกรอกยาบางอย่างทำให้ไร้เรี่ยวแรงและหลับไป ทหารที่ทำหน้าที่คุ้มกันรถม้ากลับขึ้นมาดูพวกเขาเป็นระยะ สองพี่น้องฝาแฝดแสร้งหลับเพื่อไม่ให้ถูกกรอกยาอีกอวี้หลงใช้เท้าสะกิดน้องชายเบาๆ อวี้ชิงหรี่ตามองพี่ชายเล็กน้อย ทั้งสองพยักหน้าให้กันเป็นการสื่อสารที่เหมือนจะมีแค่พวกเขาที่เข้าใจ“เป็นอย่างไรบ้างพวกเขาตื่นขึ้นมาบ้างหรือไม่”เสียงหวานที่คุ้นหูทำให้นึกถึงสตรีผู้หนึ่งที่ท่านแม่แนะนำว่านางคือสหาย นางกล้าหักหลังท่านแม่แล้วจับตัวพวกเขามาหรือ ช่างน่าตายนัก“หลายวันมานี้พวกเขาฟื้นขึ้นมาไม่กี่ครั้งขอรับ ตอนนี้ยังคงหลับอยู่เพราะข้ากรอกยาสลายพลังไปแล้ว”ซูหลีพยักหน้า จากนั้นจึงเดินกลับขึ้นรถม้าคันที่อยู่ด้านหน้าพร้อมกับกั๋วจื่อชาง ไม่มีใครเอะใจเรื่องนี้เลยว่าพวกเขาจะแสร้งหลับเพราะคิดว่าเป็นเพียงเด็กหกขวบที่ไร้เล่ห์เหลี่ยมเท่านั้น หลังจากที่ดื่มยาสลายพลังไปสองสามครั้งดูเหมือนฤทธิ์ยาจะค่อยๆ ไร้ผลและไม่สามารถทำอันใด

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ลักพาตัว

    หลังงานเลี้ยงที่วังหลวง เหล่าราชทูตที่มาร่วมงานต่างทยอยเดินทางกลับแคว้นของตน องค์หญิงเซียวหมิ่นเองก็เช่นเดียวกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต่างออกไปเล็กน้อยคือ นางกลับไปที่แคว้นเซียวในครั้งนี้มีเว่ย หลี่หมิงตามนางกลับไปด้วย ส่วนทางด้านเว่ยอ๋องก็ต้องกลับไปเตรียม ของหมั้นและสินสอดเพื่อแต่งสะใภ้เข้าจวน“ข้าขอให้พวกท่านเดินทางปลอดภัย หากมีโอกาสข้าจะไปร่วมงานแต่งของท่านทั้งสอง”“ข้าไปก่อนนะพี่อาลู่ท่านอย่าลืมแวะมาหาข้าเล่า”เฉียวลู่ออกมาส่งขบวนราชทูตจากแคว้นเซียวและแคว้นเว่ยที่นอกเมือง องค์หญิงเซียวหมิ่นยังมีท่าทางอาลัยอาวรณ์ต่อนาง และไม่อยากกลับแคว้นเซียว“รีบออกเดินทางเถอะสายมากแล้ว”ทหารอารักขาให้สัญญาณ ขบวนรถม้าจากแคว้นเซียวจึงเริ่มเคลื่อนตัว“ข้าขอขอบคุณเว่ยอ๋องที่ช่วยเหลือและดูแลข้ามาถึงหนึ่งปี ในอนาคตหากท่านมีเรื่องเดือดร้อนใด ทั้งข้าและสำนักเซียนแพทย์จะเข้าช่วยเหลือท่านอย่างเต็มกำลัง”นางหันมาขอบคุณเว่ยอ๋องที่กำลังออกเดินทางเช่นเดียวกัน“ไม่เป็นไรมิได้ ที่ข้าช่วยพระชายาก็ถือว่าเราทั้งสองแคว้นมีวาสนาต่อกัน ในอนาคตหากข้ามีเรื่องเดือดร้อนข้าจะมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าแน่นอน”เว่ยอ๋องเอ่ยลาจากนั

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   กรรมตามสนอง

    นางกำนัลที่พาเฉียวลู่มาที่ห้องรับรองครั้งแรกย่องกลับมาดูสถานการณ์ เมื่อได้ยินเสียงน่าบัดสีดังขึ้นข้างในนางจึงรีบกลับไปที่งานเลี้ยงทันที ผ่านไปไม่นานนางกำนัลกลับมาพร้อมราชทูตและขุนนางมากมาย รวมทั้งชินอ๋องผู้ที่จะมาเป็นพยานสำคัญในเรื่องนี้เสียงครางกระเส่าของบุรุษยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่เสียงของสตรีนั้นร้องครางออกมาอย่างเจ็บปวดช่างฟังแล้วให้ความรู้สึกขัดกันยิ่งนัก“นี่มันเรื่องอันใดกัน ในงานเลี้ยงวันพระราชสมภพของฝ่าบาท ใครช่างใจกล้าทำเรื่องบัดสีเช่นนี้”ผู้ที่เอ่ยขึ้นคือราชครูเสิ่นบิดาของเสิ่นชิงหยุน ทุกคนที่ตามมาดูเรื่องสนุกต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย“ผู้ที่อยู่ในห้องนั้นคือ....”นางกำนัลมองไปที่ฉีหมิงเยี่ยนก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความหวานกลัว“ผู้ใดกันเหตุใดถึงไม่ยอมพูดออกมา ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด หากกระทำผิดย่อมต้องได้รับโทษเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์หรือขุนนาง”ราชครูเสิ่นจ้องไปที่นางกำนัลอย่างไม่วางตา เพื่อกดดันให้นางเอ่ยชื่อผู้ที่กำลังแสดงฉากร่วมรักอยู่ภายในห้องออกมา“พระชายาชินอ๋องเจ้าค่ะ บ่าวทำหน้าที่นำทางพระชายาชินอ๋องให้มารอที่ห้องนี้ แต่ไม่คิดว่านางจะ...”ทุกคนต่างหันกลับมามองฉี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status