Share

บทที่ 4 การกลับมาของฮุ่ยเจียง 1/4

last update Last Updated: 2025-02-05 21:10:13

รถม้าประทับตราสกุลฮุ่ยของราชครูเข้ามาจอดอยู่ที่เชิงเขาทางขึ้นวัดเสวียนคง วัดที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขาดูเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ หลังจากลงรถม้าฮุ่ยเจียงกับสาวใช้ก็เดินขึ้นบันไดที่มีซุ้มต้นไผ่ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เรียงรายขนาบสองข้างทาง มันสูงจนปลายต้นโน้มเอียงเข้าหากันจนกลายเป็นอุโมงค์ต้นไผ่สร้างความร่มรื่นสวยงาม

ฮุ่ยเจียงสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ สูดหายใจเข้าเต็มปอด ดวงหน้างดงามเผยรอยยิ้มสดใส ยามที่สายลมอ่อน ๆ โชยพัดมาปะทะร่างของนาง ช่างสดชื่นนัก! ความรู้สึกสดชื่นที่แทรกซึมเข้ามาในจิตใจทำให้นางมีความสุขอย่างแท้จริง ท้องฟ้าสีฟ้าใสและต้นไม้ที่พลิ้วไหวไปตามลม ความสงบเงียบของธรรมชาติช่วยปลอบประโลมจิตใจนางจากความทุกข์ทรมานจากชาติที่แล้ว สาวใช้ที่ติดตามมาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม เจียอีมองคุณหนูที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา

ฮุ่ยเจียงยิ้มอย่างสดใส ขณะสายลมพัดโชยพาให้ผมยาวสลวยของนางพลิ้วไหว ดวงตาของนางเป็นประกายสดใส ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านแมกไม้ลงมาราวกับเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ เจียอีอดไม่ได้ที่จะชื่นชมจากใจจริง

“คุณหนู ท่านช่างงดงามเหลือเกินเจ้าค่ะ” ฮุ่ยเจียงหันมายิ้มให้สาวใช้ “เจียอี เจ้าไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ข้ามีความสุขเพียงใด” ที่ได้โอกาสกลับมาอีกครั้ง ประโยคหลังนางพูดกับตัวเอง ฮุ่ยเจียงค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดหินที่ปูทางอย่างระมัดระวังแสดงถึงความสง่างามและอ่อนช้อย นางก้าวขึ้นบันไดพลางมองสองข้างทางอย่างไม่เร่งรีบ ต่างจากสาวใช้ที่แสดงความเป็นห่วง น้ำเสียงติดกังวล

"คุณหนูเจ้าคะรีบเดินเถอะเจ้าค่ะ ลมแรงนักเดี๋ยวจะไม่สบายนะเจ้าคะ" ขณะพูดเจียอีก็นำเสื้อคลุมมาคลุมร่างของนางเอาไว้ สองมือจัดการผูกเชือกอย่างขะมักเขม้นจนแน่นราวกับกลัวว่าลมเพียงน้อยนิดที่พัดพาจะทำให้ร่างกายนางเป็นไข้หนัก แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่อยากขัดใจสาวใช้เพราะเห็นว่าเจ้าตัวนั้นเป็นห่วงเพียงใด

“ขอบใจเจ้ามาก” ฮุ่ยเจียงใช้สองมือกระชับผ้าคลุมแน่นก่อนจะก้าวขึ้นบันไดชันโดยมีสาวใช้ก้าวตามไม่ห่าง

เมื่อเดินขึ้นถึงยอดบันได ก็เดินก้าวผ่านสระน้ำที่ประดับด้วยดอกไม้และพืชพรรณต่าง ๆ ช่วยสร้างบรรยากาศสงบและร่มรื่นเหมาะสำหรับการทำสมาธิและปฏิบัติธรรม เมื่อเดินเข้ามาถึงด้านในฮุ่ยเจียงได้พบกับพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ในอารามอันสงบเงียบนางค่อยๆ ยกมือขึ้นไหว้และคำนับเบา ๆ ดวงตาคู่สวยจับจ้องยังพระพักตร์ของพระพุทธรูป นางขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้นางได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง และขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ลูกที่ไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกในชาติที่แล้วกลับมาเกิดในท้องนางอีกครั้ง แต่หาใช่มาจากบิดาคนเดิม นางขอพรอย่างตั้งใจจากนั้นนางก็ก้าวเท้าเบา ๆ หาที่ที่เหมาะสม เพื่อสวดมนต์ภาวนา เมื่อถึงจุดที่ต้องการนางหยุดนิ่ง แล้วย่อตัวลงนั่ง สองมือพนมขึ้นอีกครั้งและปิดตาอย่างสงบ ฮุ่ยเจียงภาวนาเงียบ ๆ ในใจ ท่ามกลางความสงบเงียบของอาราม มีเพียงเสียงสายลมที่พัดผ่านและเสียงของธรรมชาติที่ทำให้นางรู้สึกถึงความสงบสุขอย่างแท้จริง

เจียอีที่ยืนอยู่ข้างหลังมองดูคุณหนูของนางด้วยความสงบ นางสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์และความงดงามที่แผ่ออกมาจากคุณหนู ยามที่คุณหนูนั่งอยู่ตรงหน้านั้น ทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดนิ่ง และเวลาที่ผ่านไปเหมือนจะช้าลง เพื่อให้คุณหนูได้สัมผัสถึงความสงบสุขและศรัทธาอย่างแท้จริง

เวลาผ่านมาราวครึ่งก้านธูป

ฮุ่ยเจียงที่นั่งสมาธิอยู่นานรู้สึกหัวสมองปลอดโปร่ง หัวใจหนักอึ้งพลันสลายเหมือนกับว่านางได้สัมผัสกับชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง นางลุกขึ้นแล้วก้าวเท้าออกมาเดินเล่นซึมซับธรรมชาติอันเงียบสงบ นางเดินเรื่อยเปื่อยมาตามทางจนมาถึงทางเล็ก ๆ เส้นหนึ่ง ก่อนจะได้ยินเสียงสาวใช้ที่เดินตามหลังเอ่ยขึ้นเบา ๆ 

"คุณหนู จะที่แห่งใดหรือเจ้าคะ" เจียอีถามด้วยความสงสัยเพราะคุณหนูเดินออกห่างทางเข้ามาไกล 

"ข้าจะออกไปเดินเล่นถ้าข้าจำไม่ผิดเดินไปอีกนิดจะมีลำธารข้าอยากเดินแช่น้ำสักหน่อย" พูดจบก็เดินนำหน้าสาวใช้ไปทันทีไม่รอให้สาวใช้ได้โต้แย้งเจียอีที่เห็นว่าคุณหนูเร่งเดินไปก็รีบตามไปติด ๆ 

"คุณหนูเจ้าคะเหตุใดจึงรีบเดินนักเจ้าคะลืมที่ฮูหยินใหญ่สอนแล้วหรือเจ้าคะท่านต้องเดินช้าลงอีกนิดนะเจ้าคะ ช้า ๆ เจ้าค่ะ" เจียอีที่ตามติดก็พูดตามที่ฮูหยินใหญ่เคยพูดสอนเพราะเกรงว่าคุณหนูออกไปเดินในที่สาธารณะแล้วจะลืมตัวเอาได้ เร่งเดินไม่ไว้ท่าทีแบบนี้มีหวังบุรุษได้หนีห่างแน่และเจียอีย่อมยอมไม่ได้ และตอนนี้ก็ใกล้ถึงวัยปักปิ่นแล้วด้วยเจียอีเลยต้องเป็นหูเป็นตาแทนฮูหยินใหญ่

"ช้าอย่างนี้หรือ" ฮุ่ยเจียงที่ได้ยินสาวใช้พูดบ่นงึมงำแต่ก็นางก็เดินช้าลง ช้าแบบมาก ๆ เป็นการกลั่นแกล้งสาวใช้ไปในตัวส่วนเจียอีที่เห็นคุณหนูทำท่าประชดก้าวเท้าช้าลงกว่าเดิมหลายเท่าแต่ดวงตาที่มองมาที่นางนั้นกลับเต็มไปด้วยความขบขัน มีหรือที่เจียอีจะไม่รู้ว่าตอนนี้โดนคุณหนูแกล้งกันเข้าให้แล้ว

"คุณหนู.." เจียอีได้แต่เรียกคุณหนูด้วยน้ำเสียงโอดครวญก่อนจะเดินมาถึงลำธารใสสะอาดที่ไหลผ่านกลางป่าแสงแดดอ่อน ๆ ส่องลงมาผ่านใบไม้ทำให้ผืนน้ำเป็นประกายแวววาวเสียงน้ำไหลเบา ๆ สร้างบรรยากาศที่สงบและสดชื่นดอกไม้ป่าหลากสีและพืชพันธุ์ต่าง ๆ เติบโตอยู่ริมลำธารทำให้พื้นที่รอบ ๆ เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและสวยงาม ตากลมโตของฮุ่ยเจียงโตมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อมองเห็นฝูงปลาขนาดใหญ่แหวกว่ายไปมาอยู่ตรงหน้า

"เจียอีน้ำใสมาก เจ้าดูนั่นสิเห็นปลาด้วย" มือบางชี้ไปยังธารน้ำใสที่เห็นตัวปลาแหวกว่ายไปมาด้วยท่าทางตื่นเต้น

"ใสมากจริงด้วยเจ้าค่ะ" เจียอีที่เห็นก็พลันตื่นเต้นตามไปด้วย

ฮุ่ยเจียงตื่นเต้นและไม่อยากพลาดโอกาส นางรีบถอดรองเท้าออกจนเห็นข้อเท้าขาวผ่อง แล้วเดินย่ำธารน้ำใสที่ไหลลงมาจากน้ำตกด้วยท่าทางตื่นเต้นดวงตาของนางเป็นประกายราวกับเจอเรื่องถูกใจก่อนจะหันไปหาสาวใช้แล้วยื่นมือไปที่นาง

"เจียอีเจ้าผูกแขนเสื้อให้ข้าหน่อยข้าจะจับปลา!"

เจียอีทำท่าละล้าละลัง หันไปมองรอบ ๆ ด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความกังวล "จะดีหรือเจ้าคะคุณหนูถ้าเกิดผู้ใดมาพบมันจะไม่งามนะเจ้าคะ" ฮุ่ยเจียงเห็นสาวใช้ดูกังวลเกินไปก็ส่ายหัวแล้วยิ้มออกมา "เราเดินมาลึกขนาดนี้จะมีใครมาพบกันเล่า เจ้ารีบผูกแขนเสื้อให้ข้าเถอะ ประเดี๋ยวปลาจะหายหมด" เสียงพูดที่เร่งเร้าทำให้เจียอีไม่กล้าโต้แย้ง นางผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ แต่สองมือก็ทำหน้าที่ของนางอย่างดี

"เจ้าค่ะคุณหนู" 

พอเจียอีผูกเสร็จ ฮุ่ยเจียงก็จัดการผูกให้สาวใช้ของตัวเองด้วย โดยที่เจียอีได้แต่ยืนนิ่งยอมให้คุณหนูผู้แต่โดยดี หลังจากสองนายบ่าวผลัดกันผูกแขนเสื้อเสร็จ เจียอีจะช่วยผูกชายกระโปรงของคุณหนูเพื่อไม่ให้เปียกน้ำแล้วรวบผมยาวของคุณหนูเพื่อไม่ให้เกะกะ แล้วก็จัดการของตัวเองแล้วก็พากันเดินลงไปยังฝูงปลาที่กำลังแหวกว่ายไปมาด้วยความตื่นเต้น

ฮุ่ยเจียงมองฝูงปลาที่มีอยู่ทั่วผืนน้ำรู้ได้ทันทีว่าที่แห่งนี้เป็นที่อุดมสมบูรณ์มากจริง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าไม่มีผู้ใดผ่านมาเห็นทั้งที่ไม่ได้ไกลจากวัดมากนักจะบอกว่าเป็นเขตอภัยทานก็ไม่น่าใช่เพราะถ้าจำไม่ผิดเหมือนกับว่าพวกนางเดินข้ามกำแพงวัดมาทั้งฮุ่ยเจียงและเจียอีลงไปในลำธารขณะที่น้ำเย็นไหลผ่านขาทั้งคู่เริ่มมองหาปลาที่ว่ายไปมาใต้ผืนน้ำ

ดวงตาสุกสกาวมองเจ้าปลาตัวโตที่กำลังว่ายเข้ามาด้วยความหมายมั่นสองมือตั้งท่าจับปลาอยู่ในน้ำดวงตาจ้องไปที่เจ้าปลาตัวนั้นอย่างไม่วางตาก่อนที่จะตวัดมือไปที่เจ้าปลาตัวนั้นแล้วจับได้อย่างง่ายดาย"นี่แหนะข้าจับได้แล้ว เจียอีข้าสามารถจับปลาด้วยมือเปล่าได้ด้วย เจ้าดูสิ! "

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 9 รอรับพี่ใหญ่ 1.2

    การเดินขบวนกลับบ้านของแม่ทัพฮุ่ยเหอและทหารเป็นเหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ชาวบ้านต่างออกมาต้อนรับต่างก็แสดงความเคารพและสรรเสริญขบวนทัพที่เดินอย่างเป็นระเบียบเสียงดนตรีที่ดังกึกก้องไปทั่วเป็นการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งภาพที่น่าจดจำและสร้างความประทับใจฮุ่ยเจียงมองเห็นพี่ใหญ่ของนางนั่งอยู่บนหลังม้าผงาดในชุดเกราะเหล็กท่ามกลางแสงแดดเขามองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาเข้มแข็งและมีรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้ารวมถึงทหารทุกนายที่เดินอย่างเป็นระเบียบด้วยการแต่งกายที่เต็มยศไม่ต่างกันถัดไปเป็นนายทหารยศรองลงมาขี่ม้าและถือธงชัยที่แสดงถึงการชนะศึกขบวนทัพมีการบรรเลงดนตรีด้วยกลองและแตรเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งชัยชนะเสียงดนตรีดังกึกก้องไปทั่วเส้นทางที่ผ่านชาวบ้านพากันออกมาต้อนรับ บ้านเรือนของพวกเขาประดับบ้านเรือนด้วยธงและดอกไม้มีการจุดดอกไม้ไฟเพื่อเฉลิมฉลองพวกชาวบ้านนำของขวัญและอาหารมามอบให้ทหารเพื่อแสดงความขอบคุณและยินดีต้อนรับทหารทุกคนที่ได้กลับบ้านในที่สุดขบวนก็เข้ามาหยุดที่หน้าบ้านสกุลฮุ่ยร่างสูงสง่าของบุตรชายคนโตค้อมศีรษะให้บิดามารดาและแม่รองด้วยท่วงท่าสง่างาม แต่ยังมิได้ลงมาแสดงความเคารพอย่างใกล้ชิดเพราะขบ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 8 รอรับพี่ใหญ่ 1/1

    "บ่าวพูดจริงต่างหากละเจ้าคะในเมืองหลวงนี้ใครก็รู้ว่าบุตรสาวคนรองของท่านราชครูงดงามที่สุด” เจียอีพูดพร้อมกับเดินไปที่ชั้นวางเสื้อผ้า แต่แทนที่นางจะเลือกให้คุณหนู นางกลับเลือกไม่ถูก ชุดนี้ก็งาม ชุดนั้นก็งาม มือของนางยกขึ้นเกาศีรษะอย่างคิดไม่ตก นางเลยหันไปหาคุณหนู"คุณหนูต้องการชุดแบบไหนเจ้าคะ บ่าวเลือกไม่ถูกเจ้าค่ะ” เจียอีส่งยิ้มแหยให้คุณหนู ฮุ่ยเจียงมองสาวใช้พลางส่ายหัวแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ "ข้าว่าข้าอยากได้ชุดสีฟ้าอ่อนที่มีลายปักดอกเหมยเจ้าคิดว่าอย่างไร""เจ้าค่ะ” เจียอีรีบหยิบชุดที่คุณหนูต้องการมาให้ แล้วช่วยคุณหนูแต่งตัววันนี้เป็นวันดี เป็นวันที่กองทัพของคุณชายใหญ่เดินทางกลับจากการทำศึกมาเนิ่นนาน ศึกจากชายแดนใต้ที่สู้ต่อเนื่องเป็นเวลานานตอนนี้ก็สิ้นสุดลงสักที หลังจากนำทหารโจมตีข้าศึกจนชนะ แม่ทัพใหญ่บุตรชายของท่านราชครูก็ได้รับการยกย่องจากทั่วทุกสารทิศต่างพากันแซ่ซ้องสรรเสริญในความสามารถของแม่ทัพใหญ่ฮุ่ยเจียงคิดถึงภาพของพี่ใหญ่ในชุดเกราะนางก็ยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ "พี่ใหญ่ของข้าช่างเก่งกาจจริง ๆ" นางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เจียอีได้ยินก็อดยิ้มตามไม่ได้ "ท่านแม่ทัพใหญ่เป็

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก    บทที่ 7 พบกันครานี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้า 1/3

    ยามโฉ่ว (01:00-02:59)ท้องฟ้าสีครามเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงและดำพร้อมกับดวงดาวที่ปรากฏขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปลมพัดเบา ๆ นำพากลิ่นหอมของดอกไม้ที่เพิ่งเริ่มบานออกมาท่ามกลางความมืดมิดยามราตรีแสงจันทร์กระจ่างถูกบดบังด้วยเมฆครึ้มที่เคลื่อนเข้ามาพอดีทำให้ร่างสูงของชายชาติทหารทะยานลงมาจากต้นไม้ลงมาสู่ผืนดินอย่างไร้เสียงด้วยวิชาตัวเบาเพราะเป็นผู้มีวรยุทธ์แกร่งกล้าทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายเสียงหน้าต่างเปิดพร้อมกับเงาดำที่เคลื่อนผ่านเข้ามาด้วยความรวดเร็วไม่ทำให้ผู้คนในเรือนฮุ่ยเหลินรู้ตัวสาวใช้คนสนิทยังนอนหลับอย่างสบายใจที่หน้าห้องอย่างเช่นปกติ แต่ค่ำคืนนี้หาใช่ปกติไม่เพราะมีบุรุษชุดดำบุกรุกเข้ามาในจวนโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้สวีเสวียนหนานที่เพิ่งแอบเข้ามาในห้องนอนของฮุ่ยเจียง กำลังจ้องมองใบหน้าของสาวงามที่นอนหลับตาพริ้มด้วยสายตาล้ำลึก แสงจากเทียนที่มีอยู่เพียงน้อยนิดไม่ทำให้การมองเห็นของเขาลดลง มือหนาเอื้อมไปแตะลงบนหน้าผากกลมมนแผ่วเบาเพราะเมื่อช่วงค่ำได้ยินว่านางนั้นมีไข้เลยอยากเข้ามาตรวจสอบให้แน่ใจว่านางจะไม่เป็นหนักเกินไป เพราะแอบตามมาตั้งแต่นางขึ้นมาจากน้ำเดินทางกลับจวน เขาก็ยังแฝงตัวเงียบ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 6 พบกันครานี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้า1/2

    ชาติก่อนในยามสงครามศึกนอกยังไม่น่ากลัวเท่ากับศึกภายใน...สงครามที่ยืดเยื้อกินเวลานานทำให้พี่ชายของนางไม่สามารถเข้าไปช่วยนางได้ทัน พอรู้ข่าวว่าครอบครัวถูกใส่ร้ายก็เร่งเดินทางไปทันทีใครจะคิดว่ามันคือหนึ่งในแผนการที่ล้มล้างตระกูลพอไปถึงหน้าประตูเมืองฮุ่ยเหอก็ถูกจับกุมในทันทีใครจะคิดว่าทั้งตระกูลของนางจะถูกคนชั่วช้าเล่นงานจนดิ้นไม่หลุด ส่วนเขาที่ยังทำสงครามอยู่อีกแคว้นไม่ได้รู้ข่าวคราวเกี่ยวกับครอบครัวของสหายเลยด้วยซ้ำ พอมารู้อีกทีก็ตอนที่ทั้งตระกูลถูกประหารชีวิตเหลือเพียงนางกับสาวใช้ที่ถูกขายไปเป็นทาส กว่าจะสืบสาวราวเรื่องได้ว่านางถูกพาไปที่ใดก็กินเวลาหลายวัน เขาควบม้าด้วยความเร่งรีบแม้อาหารสักมื้อก็ไม่พักรับประทานเพราะเกรงว่าจะไม่ทัน แต่ใครจะคิดว่านางนั้นถูกพามาทรมานแทนที่จะเป็นการส่งไปเป็นทาสตามที่ได้ยินมา ในตอนที่ไปถึงจุดที่นางอยู่ในตอนนั้นเป็นตอนที่นางกำลังจะทิ้งตัวลงบนผืนดินเหมือนกับไม่สามารถทนต่อไปได้เขาเร่งควบม้าอย่างไม่คิดชีวิตดวงตาคมเข้มสะท้อนความร้อนรนทอดมองร่างเล็กที่กำลังเอนลงบนผืนดินร้อนระอุสองมือก็ตวัดดาบบั่นคอคนที่บังอาจทำร้ายยอดดวงใจคมกระบี่ฟันฉับไปที่คนเหล่านั้นเพื่อแ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 5 พบกันครานี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้า 1/1

    เสียงพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจพลางหันไปหาสาวใช้หวังว่าจะได้รับคำชื่นชมแต่ไม่คิดว่าในมือของสาวใช้ตอนนี้จะมีปลาเหมือนกันแต่ต่างกันที่ปลาในมือของสาวใช้นั้น ตัวใหญ่กว่าตัวที่นางจับได้เป็นเท่าตัว ดวงตาของฮุ่ยเจียงเบิกกว้างก่อนจะตะโกนถามสาวใช้ด้วยความตื่นเต้น"เจียอี เหตุใดเจ้าจึงจับได้ตัวใหญ่กว่าข้านักเล่า! ข้าไม่ยอมเจ้าแน่ นี่เจ้าปลาน้อยเจ้าจะไปไหนก็ไปเลย..ข้าจะจับตัวพ่อไม่ใช่ลูกปลาตัวน้อยแบบเจ้าสักหน่อย ชิ่ว ๆ ไปเลยนะ" ฮุ่ยเจียงที่เห็นว่าปลาที่อยู่ในมือสาวใช้ตัวใหญ่กว่าของนาง นางก็ยอมไม่ได้จึงปล่อยเจ้าปลาที่จับแล้วมองหาตัวใหญ่กว่า ส่วนเจียอีมองคุณหนูด้วยรอยยิ้มก่อนจะปล่อยปลาในมือตามไปอีกคนกลายเป็นว่าตอนนี้สองนายบ่าวพากันแข่งกันจับปลาการแข่งขันเต็มไปด้วยความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ ฮุ่ยเจียงแกล้งเจียอีด้วยการโยนหยดน้ำไปที่ตัว เจียอีหัวเราะและตอบโต้ด้วยการพยายามสาดน้ำกลับ ทั้งคู่สนุกกับการพยายามจับปลาและไม่ลืมที่จะหยอกล้อกัน เสียงหัวเราะและเสียงน้ำที่ดังกระจายยามที่พวกนางกระโจนจับปลากลายเป็นเสียงที่ไพเราะเสนาะหูต่อคนที่กำลังมองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคิดถึงคะนึงหาอย่างถึงที่สุดอีกฟากหนึ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องผู้คลั่งรัก   บทที่ 4 การกลับมาของฮุ่ยเจียง 1/4

    รถม้าประทับตราสกุลฮุ่ยของราชครูเข้ามาจอดอยู่ที่เชิงเขาทางขึ้นวัดเสวียนคง วัดที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขาดูเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ หลังจากลงรถม้าฮุ่ยเจียงกับสาวใช้ก็เดินขึ้นบันไดที่มีซุ้มต้นไผ่ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เรียงรายขนาบสองข้างทาง มันสูงจนปลายต้นโน้มเอียงเข้าหากันจนกลายเป็นอุโมงค์ต้นไผ่สร้างความร่มรื่นสวยงามฮุ่ยเจียงสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ สูดหายใจเข้าเต็มปอด ดวงหน้างดงามเผยรอยยิ้มสดใส ยามที่สายลมอ่อน ๆ โชยพัดมาปะทะร่างของนาง ช่างสดชื่นนัก! ความรู้สึกสดชื่นที่แทรกซึมเข้ามาในจิตใจทำให้นางมีความสุขอย่างแท้จริง ท้องฟ้าสีฟ้าใสและต้นไม้ที่พลิ้วไหวไปตามลม ความสงบเงียบของธรรมชาติช่วยปลอบประโลมจิตใจนางจากความทุกข์ทรมานจากชาติที่แล้ว สาวใช้ที่ติดตามมาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม เจียอีมองคุณหนูที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาฮุ่ยเจียงยิ้มอย่างสดใส ขณะสายลมพัดโชยพาให้ผมยาวสลวยของนางพลิ้วไหว ดวงตาของนางเป็นประกายสดใส ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านแมกไม้ลงมาราวกับเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ เจียอีอดไม่ได้ที่จะชื่นชมจากใจจริง“คุณหนู ท่านช่างงดงามเหลือเกินเจ้าค่ะ” ฮุ่ยเจียงหันมายิ้มให้สาวใช้ “เจียอี เจ้าไม่รู้หรอก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status