Masukหญิงสาวออกมาเก็บกวาดทำความสะอาดเก้าอี้ขับถ่ายแล้วนำไปเก็บให้เรียบร้อย ก็ได้จัดเตรียมอาหารไว้ให้เหมาเสี่ยวถงไว้ด้านนอก ด้วยเห็นว่าเขาเอาแต่อุดอู้อยู่แต่ในห้องนอนมานานมากแล้ว อยากจะให้เขาได้สูดอากาศบริสุทธิ์และเปลี่ยนบรรยากาศด้านนอกบ้าง
จือหลินเอาเก้าอี้ไม้โยกออกมาสามตัว จากนั้นก็กระจายไว้ตามมุมบ้านสองตัว อีกหนึ่งตัววางไว้ตรงหน้าบ้านหลังน้อย เมื่อดูให้ดีนางก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก บ้านที่เหมือนจะพังแหล่ไม่พังแหล่นี่มันอันใดกัน มิใช่ว่าพอฝนตกคงจะไม่พ้นหาชามมารองน้ำฝนไว้หรอกหรือ เห็นทีว่านางจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย จือหลินจึงได้เข้าไปแบกสามีขึ้นหลังพาเขาออกมานั่งด้านนอก อีกหนึ่งปัญหาที่นางประสบพบเจอในตอนนี้ คือการต้องแบกสามีขึ้นหลังย้ายเขาไปโน่นมานี่ มันทำให้นางรู้สึกปวดหลังขึ้นมาเสียแล้ว คงไม่พ้นต้องเข้าไปเลือกซื้อของในแอปชอปปิงหารถเข็นดี ๆ สักคัน จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเช่นนี้ แต่ที่แน่ ๆ หลังจากป้อนข้าวเขาเสร็จนางคงต้องหายาคลายกล้ามเนื้อมานวดหลังเสียหน่อยแล้ว
เหมาเสี่ยวถงเห็นเก้าอี้ไม้โยกอย่างดีที่ภรรยาพาเขามานั่ง ชายหนุ่มก็เริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่งไปหมด ของมากมายที่นางใช้มักจะเป็นของดีหายากและมีราคาแพง บางอย่างเขาเชื่อว่าในแคว้นนี้ไม่มีขายแน่นอน แล้วนางนำของพวกนี้มาจากที่ใด
“เจ้าเอาเงินมาจากที่ใดซื้อของพวกนี้ ไม่ใช่ว่าไปทำเรื่องไม่ดีมาหรอกนะ” แววตาอันแข็งกร้าวตวัดมองด้วยความไม่พอใจ เพราะคิดว่าจือหลินต้องทำเรื่องไม่ดีมาถึงได้มีเงินมากมายใช้จ่ายอย่างไม่ประมาณตนเช่นนี้ได้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น นางควรจะเลือกทิ้งเขากับเสี่ยวหลงไปไม่ดีกว่าหรือ
“ข้าไม่มีวันทำอย่างที่ท่านพูดอย่างแน่นอน เอาไว้ให้ท่านพี่แข็งแรงมากกว่านี้ แล้วข้าจะบอกความจริงกับท่าน” จือหลินคิดเอาไว้แล้วว่าจะรอให้สามีดีขึ้นกว่านี้สักหน่อยนางก็จะบอกเรื่องของวิเศษกับเขา ส่วนเรื่องที่ตนได้ย้อนเวลากลับมาจะเก็บเอาไว้เป็นความลับตลอดไป
เพราะเรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก โดยเฉพาะเรื่องที่ทำให้เกิดบาดแผลในใจของทั้งเขาและบุตรชาย
“เฮอะ! แล้วข้าจะคอยดู คนที่ทำอะไรไม่เป็นเช่นเจ้าจะทำได้อย่างที่พูดหรือไม่”
“ท่านสบายใจได้เลย อย่างไรข้าก็ทำได้อย่างที่พูดแน่นอน อ้าปากได้แล้วเจ้าค่ะ ข้าวเย็นหมดแล้ว”
จือหลินจ่อช้อนที่ตักโจ๊กรอป้อนสามีสุดที่รัก แม้เขาจะทำท่าทีหมางเมินใส่แค่ไหนนางก็จะไม่โกรธ เพราะสาเหตุทุกอย่างมันเกิดขึ้นที่ตัวนางเอง ฉะนั้นนางจะต้องแก้ไขมันด้วยตัวเองถึงจะถูกเหมาเสี่ยวถงอ้าปากรับโจ๊กหมูที่อุ่นกำลังดีเข้าปาก จากนั้นก็ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาจากปากคนทั้งคู่อีกเลย ไม่นานอาหารในชามก็หมดลงอย่างรวดเร็ว แม้คนปากหนักจะไม่พูดอะไรออกมาจือหลินก็รู้ได้ด้วยตัวเอง อาหารฝีมือนางนั้นอร่อยจนไม่เหลือติดชามเลยสักเม็ด
หลังจากป้อนข้าวเขาจนอิ่ม จือหลินจึงได้ให้เขากินยาวิตามินเพื่อบำรุงร่างกาย ในระหว่างที่นางพยายามหาหมอมารักษาเขาให้หาย นางก็จะบำรุงร่างกายเหมาเสี่ยวถงทุกวิถีทาง เพื่อเตรียมความพร้อมหากได้หมอฝีมือดีก็จะได้เริ่มการรักษาได้ทันที
แม้เหมาเสี่ยวถงจะยังไม่ไว้ใจเมื่อภรรยาเอาของบางอย่างให้กิน กระนั้นก็ยังรับมันเข้าปากโดยที่ไม่ได้ถามอะไร จากนั้นนางได้หายเข้าไปภายในบ้าน ปล่อยให้เขานั่งรับลมอยู่คนเดียว หลังจากที่ไม่ได้ออกมาสูดอากาศยามเช้านานมากแล้ว มันช่างรู้สึกสดชื่นยิ่งนัก
ชายหนุ่มหลับตาลงซึมซับเอาความสดชื่นเข้าเต็มปอด แต่ทว่าเขากลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างอุ่นกำลังดีอยู่ที่เท้า
“แช่เท้าสักหน่อยนะเจ้าคะ จะได้ผ่อนคลาย” ในขณะที่สามีแช่เท้าในน้ำอุ่น จือหลินก็คอยนวดเท้าของเขาไปด้วย ทั้งขาแขนของเขาไม่ได้มีการใช้งานเป็นเวลานาน จึงทำให้อ่อนแรงแทบไม่มีกล้ามเนื้อเลย นางจึงอยากจะนวดเพื่อให้เลือดลมไหลเวียนดียิ่งขึ้น
“สบายหรือไม่เจ้าคะ” เพราะอีกฝ่ายเอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา นางจึงได้เอ่ยถาม
“อืม”
เสียงตอบรับจากเหมาเสี่ยวถงไม่มีอะไรมาก เพียงแค่อืออาในลำคอเท่านั้น เมื่อจือหลินแหงนหน้าขึ้นมองกลับพบว่าอีกฝ่ายหลับตาพริ้มสบายอารมณ์
เหมาเสี่ยวถงที่ได้รับการปรนนิบัติเป็นอย่างดี อีกทั้งเก้าอี้ที่เขานอน มีเบาะนุ่ม ๆ และยังมีลมเย็น ๆ พัดเอื่อย ทำให้เหมาเสี่ยวถงที่เพิ่งกินข้าวอิ่ม ถึงกับง่วงนอนขึ้นมาอย่างง่ายดาย ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงแห่งนิทราไปในที่สุด
“ถึงแล้วล่ะ นี่บ้านข้าเอง” แม้จะเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่น“ท่านพ่อ ท่านแม่ข้ากลับมาแล้วขอรับ” เหมาเสี่ยวถงเรียกหาผู้ให้กำเนิดเสียงดัง พร้อมกันนั้นเขาก็ได้จับมือนุ่มนิ่มเดินตามตนเข้าบ้านไปอย่างลืมตัว“เสี่ยวถงมาแล้วหรือ การสอบเป็นเช่นไรบ้าง” เหมาอี้ร้องทักบุตรชายเพียงคนเดียวของตน เป็นเวลากว่าเดือนแล้วที่บุตรชายเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อไปสอบคัดเลือกชายหนุ่มส่ายหน้าช้า ๆ อย่างรู้สึกผิด ที่ไม่สามารถทำตามความฝันของบิดาได้“ไม่เป็นไรไม่ต้องเสียใจ อีกสี่ปีค่อยไปสอบก็ได้ แม่เจ้าทำกับข้าวเสร็จพอดี รีบมานั่งเร็วเข้า” ชายชรากวักมือเรียกบุตรชาย เห็นสีหน้าไม่สู้ดีเขาก็รู้สึกไม่สบายใจสอบจอหงวนใช่ว่าจะสอบได้โดยง่ายเสียเมื่อไหร่กัน“ขอโทษขอรับท่านพ่อ” ชายหนุ่มเดินคอตกเข้าบ้าน แต่ก็ไม่ลืมที่จะดึงมือหญิงสาวติดตามตนเข้าไปด้วยกันจือหลินเองเมื่อเข้ามาภายในบ้านหลังน้อย พร้อมกับมองสำรวจทุกซอกทุกมุม ภายในบ้านแทบไม่มีอะไรเลยสักชิ้น นอกจากโต๊ะไม้กลางเก่ากลางใหม่วางอยู่ตรงกลาง มีกระบุงสำหรับเก็บของป่าวางอยู่มุมหนึ่งของห้อง กระนั้นก็ยังคงความสะอาดสะอ้านเป็นอย่างดี“อ้าว เสี่ยวถงมาถึงแ
“ฮึบ... ตื่นได้แล้ววววว”“ตื่นแล้ว ๆ” เหมาเสี่ยวถงที่กำลังหลับฝันดีสะดุ้งโหยง เขาหันซ้ายแลขวาก็พบแต่ความมืดมิด หลังจากปรับสายตาให้เข้ากับความมืดได้ก็ต้องตกใจเป็นครั้งที่สอง เมื่อเห็นสตรีที่ตนใจเต้นแรงด้วยเอาแต่จดจ้องเขาไม่วางตา“ตื่นเสียทีนะเจ้าคะ ข้าปลุกท่านตั้งนาน” หลังจากปลุกบุรุษตรงหน้าให้ตื่นขึ้นมาได้ จือหลินจึงกลับไปเก็บเอาห่อผ้าขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะเตรียมเดินทางต่อไปเพื่อจะได้ไปถึงหมู่บ้านข้างหน้า หากให้นางนอนกลางป่าก็คงไม่ไหว น่ากลัวเกินไป“ขออภัยแม่นาง รบกวนเจ้าแล้ว” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะปัดเศษดินเศษหญ้าออกจากชุด แต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร สตรีผู้งดงามก็เดินทิ้งห่างเขาออกไปเสียแล้ว“เดี๋ยวก่อนสิแม่นาง นั่นเจ้าจะไปไหนค่ำมืดเช่นนี้เดินทางคนเดียวมันอันตรายนะ” เหมาเสี่ยวถงรีบร้อนวิ่งตามให้ทันคนตัวเล็ก นางก็ช่างเดินเร็วเอาแต่จ้ำอ้าวไม่เหลียวหลัง“ข้าจะรีบไปให้ถึงหมู่บ้านข้างหน้าเจ้าค่ะ” นางไม่แม้แต่จะหยุดรออีกฝ่าย ในใจตอนนี้ระหว่างรีบเดินให้ถึงหมู่บ้านข้างหน้า กับการยืนคุยกับบุรุษแปลกหน้าอันไหนจะอันตรายมากกว่ากัน“เจ้ารู้จักใครในหมู่บ้านหรือ” ถ้าได้รู้ว่าเป็นบุตรสาวบ้าน
ร่างเล็กผอมบางก้าวลงจากรถม้า นางยืนเหม่อมองอย่างไร้จุดหมายปลายทางอยู่พักใหญ่ เดิมทีตั้งใจจะเดินทางกลับบ้านเกิดมารดา แต่มันผิดพลาดตรงส่วนไหนกัน หมู่บ้านที่ตั้งใจจะไปไม่ใช่ที่แห่งนี้นี่นา จือหลินได้แต่ยืนกอดห่อผ้าไว้แน่น ในตอนนี้นางเหลือเงินติดตัวมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นใช่แล้วนางหนีออกจากจวนเมื่อไม่กี่วันนี้เอง เพียงเพราะโกรธเคืองบิดาที่เอาแต่หลงมัวเมาสตรี ละเลยคู่ชีวิตที่อยู่กินกันมานานนับสิบปีหลังจากมารดาสิ้นใจก็ยังบังคับให้ตนแต่งงานกับบุรุษที่ไม่ได้รัก ท่านพ่อทำเกินไปแล้วหรือไม่ความอัดอั้นตันใจมากมาย เป็นเหตุให้นางตัดสินใจหนีออกจากจวนเพียงเพราะไม่อาจทำใจอยู่ในจวนที่ไม่มีความอบอุ่น ความรักและความเข้าใจ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับบิดาเพียงคนเดียวเท่านั้นหลังจากรถม้าที่ว่าจ้างจากไป จือหลินตัดสินใจเดินเท้าไปเรื่อย ๆ ในสมองน้อย ๆ ของนางคิดอะไรไม่ออก ไม่มีที่ให้ไปไม่มีคนรู้จัก ครั้นจะออกไปหาโรงเตี๊ยมนอนสักคืน ก็กลัวเงินที่มีอยู่จะไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายในยามจำเป็นไม่น่ามีทิฐิเยอะเลย ถ้าหากรู้ว่าอย่างนี้นางจะหอบเอาสมบัติท่านพ่อมาด้วยสักหลาย ๆ ชิ้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาลำบากเช่นตอนนี้หญิงสาวก
หลังจากอาเหมาแยกตัวออกมาแล้ว เสี่ยวหลงจึงแนะนำผ้าแต่ละชนิดให้บุคคลสำคัญทั้งสองต่อ เสี่ยวเหมยที่ถูกพามานั่งเล่นศาลากลางสวน เด็กน้อยตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ไม่เคยเห็นสวนที่มีดอกไม้มากมายเช่นนี้มาก่อนเลย“หนึ่ง สอง สาม หนึ่ง สอง สาม”เสียงดังแว่วอยู่ไม่ไกลนักทำให้เสี่ยวเหมยรู้สึกสนใจ นางหันไปมองพี่ชายรองแต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่วุ่นวายกับของว่างที่นางกำนัลนำมาให้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น สองขาเล็กป้อมจึงได้ลุกเดินเตาะแตะตามเสียงนั้นไป“ทำใยเย้อ” เสี่ยวเหมยยืนมองพี่ชายตรงหน้าแกว่งดาบไม้ไปมา ดูแล้วน่าสนุกนางก็อยากจะเล่นด้วย“เจ้าเป็นใคร เข้าวังข้ามาได้อย่างไร” อ๋องน้อยหยุดการฝึกดาบในทันที เด็กน้อยหน้าตาน่ารักผู้นี้เป็นใคร ไยถึงเข้ามาในวังของเขาได้“เหมยจ้า” พี่ชายเป็นอะไรกัน เหตุใดถึงได้ทำหน้ายุ่ง สงสัยคงจะไม่ชอบให้นางเข้ามาวุ่นวาย เช่นนั้นกลับไปหาพี่รองดีกว่าคิดได้ดังนั้นเสี่ยวเหมยจึงได้หันหลังวิ่งหลุน ๆ กลับไปที่เดิมอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะหันกลับมาสนใจพี่ชายแปลกหน้าอีกเลย“เดี๋ยวก่อนสิ รอข้าก่อน” อ๋องน้อยรู้สึกหลงใหลในดวงตากลมโตแวววาวลูกนั้น เขาถึงกับทิ้งดาบไม้ในมือวิ่งตามร่างเล็ก ๆ นั้นไปท
ความโกลาหลวุ่นวายในจวนได้เกิดขึ้น เมื่อคุณหนูเล็กได้หายตัวไปโดยที่ไม่มีผู้ใดเห็นจือหลินและเหมาเสี่ยวถงวุ่นวายตามหาบุตรสาวเป็นการใหญ่ ชายหนุ่มสั่งให้บ่าวไพร่ทั้งจวนค้นหาทุกซอกทุกมุมอย่างไรก็ไม่เจอ แม้แต่นายท่านซ่งและท่านหมอเหมินเองก็ร้อนใจไม่ต่างกันชายชราทั้งสองแม้จะแก่ลงไปมาก แต่เรี่ยวแรงก็ยังมีมากพอจะเดินหาหลานสาวสุดที่รักได้ทั่วทั้งจวน เด็กน้อยมีใบหน้าเหมือนภรรยาคนแรกของเขาราวกับโขกกันมา อีกทั้งนิสัยช่างอ้อนออเซาะ ยิ่งทำให้คนแก่ทั้งสองทั้งรักทั้งหลง และติดหลานสาวหนึบอย่างกับอะไรดีหลานสาวผู้นี้ช่างซุกซนนัก ห่างสายตาได้ไม่ทันไรก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว ซ่งจิ้งหลุนและหมอเหมินละสายตาจากเด็กน้อย หันกลับมาเดินหมากด้วยกันแค่แว็บเดียว หันกลับมาอีกทีหลานสาวที่กำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่ข้าง ๆ ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“พ่อผิดเองดูแลเสี่ยวเหมยไม่ดี” นายท่านซ่งถึงกับน้ำตาซึม กล่าวโทษตนเองที่ไม่สามารถดูแลหลานสาวได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้นางไปอยู่ที่ใด ภาวนาอย่าให้ตกสระบัวหรือเป็นอันตรายอะไรเลย“เป็นข้าเองที่ไม่ใส่ใจ ปล่อยให้คุณหนูคลาดสายตา” ท่านหมอเหมินนั้นได้ร้องไห้นำหน้านายท่านซ่งไปก่อนแล้ว คุณหนูเป็นแ
“โอ๊ย” คนที่เอาแต่นอนขี้เกียจมาทั้งวัน กลับต้องมาสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกแปล๊บตรงหน้าท้องขึ้นมาเสียดื้อ ๆ“หลินหลินเป็นอะไร หรือว่ามีแมลงกัน” เหมาเสี่ยวถงนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างกายภรรยาต้องตกใจ ที่อยู่ ๆ ภรรยาก็เสียงหลง“ข้ารู้สึกเจ็บท้องเจ้าค่ะ” มันรู้สึกเจ็บเป็นพัก ๆ ราวกับมีอะไรอยู่ในท้องกำลังเคลื่อนที่“ใครอยู่ด้านนอกเรียกท่านหมอให้ข้าที” เหมาเสี่ยวถงหน้าขาวซีด สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือภรรยาเจ็บป่วย ในตอนเขาป่วยนอนติดเตียงยังทรมานแสนเข็ญ นางเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ จะทนได้อย่างไร“ข้าว่าไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ ตอนนี้ก็เริ่มจะเบาลงแล้ว” ในตอนที่สามีโดนตัว นางก็รู้สึกทุเลาลงมาก แต่เมื่อเขาห่างออกไปกลับรู้สึกเจ็บจุกขึ้นมาเสียอย่างนั้นรอไม่นานท่านหมอเหมินก็ได้มาถึง เจ้าตัวจะแก่ลงไปมากแต่วิชาทางการแพทย์ฝีมือไม่ตก อีกทั้งในตอนนี้ ท่านหมอเหมินได้รับลูกศิษย์ที่คอยเจริญรอยตามเจตนารมณ์เพิ่มมาหนึ่งคน“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ” ชายหนุ่มรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของภรรยา ก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจมากยิ่งขึ้น“นายหญิงท่านมีอาการง่วงนอนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด”“เป็นมาได้ราว ๆ สี่เดือน







