เหมาเสี่ยวถงตื่นขึ้นมาในยามสาย ชายหนุ่มนอนเหม่อมองเพดานนิ่งเฉย นานแค่ไหนกันที่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาพร้อมความสดชื่น และรู้สึกหลับสบายได้เท่าแบบนี้มาก่อน การเปลี่ยนไปของจือหลินมันยังไม่มากพอจะทำให้เขาเชื่อใจนางได้ในทันที และการกระทำของนางไม่แน่อาจจะมีอะไรแอบแฝง นางอาจจะทำให้เขาและบุตรชายตายใจ จากนั้นก็ค่อยหนีตามชู้รักไปก็ได้
จะมีสตรีใดยอมทนอยู่กับคนป่วยนอนติดเตียง และยังให้ความสุขนางไม่ได้ทุกทาง
แอ๊ดดด
เสียงประตูเปิดออกทำให้เหมาเสี่ยวถงตื่นจากภวังค์ เขาหันกลับไปมองหน้าประตูก็พบว่าคนที่เข้ามาคือภรรยาของเขาเอง แต่เมื่อทั้งสองสบตากันกลับเป็นเขาเสียเองที่ไม่อาจสู้ได้ จำต้องเบือนหน้าออกไปอีกทางแทน
“ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” หลังจากที่ทำงานในครัวเสร็จนางจึงได้เข้ามาดูอีกครั้งว่าเขาตื่นหรือยัง เพราะนี่ก็สายมากแล้ว แต่เมื่อสังเกตให้ดีกลับพบว่าเหมาเสี่ยวถงมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก นางจึงเริ่มเป็นกังวลกลัวว่าเขาจะเจ็บป่วยขึ้นมาอีก
“ท่านเป็นอะไรหรือเจ้าคะ เจ็บตรงไหนบอกข้ามาเร็วเข้า” ทันทีที่เห็นว่าสามีสีหน้าไม่สู้ดีนักนางก็เริ่มจะร้อนใจ ร่างบางถลาเข้าไปหาเหมาเสี่ยวถงอย่างรวดเร็ว พยายามมองหาความผิดปกติจากเขา
“ข้า ก็แค่...” เขาจะพูดได้อย่างไรว่าตอนนี้ปวดหนักจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว แต่ครั้นจะให้ปล่อยออกมาเลอะเปรอะเปื้อนที่นอนใหม่ มันทั้งนุ่มและหอมกรุ่น เขาจะปล่อยของเสียไม่ได้อย่างไรก็ทำไม่ลง ทั้งชีวิตนี้เขาจะมีปัญญาที่ไหนหาที่นอนที่นุ่มสบายได้ถึงเพียงนี้ และมันก็คงจะมีราคาแพงมาก
“บอกข้ามาสิท่านเป็นอะไร หรือว่าปวดหลังหนักมาก ทนสักนิดได้หรือไม่ข้าจะไปตามท่านหมอมาเดี๋ยวนี้เลย” อาการปวดหลังของเขาแต่ละครั้งมันช่างหนักหนานัก ไม่ได้การนางจะต้องรีบไปตามท่านหมอให้เร็วที่สุด
แต่ในตอนที่นางกำลังจะหันหลังวิ่งออกไป กลับถูกคนป่วยร้องเรียกไว้เสียก่อน จึงได้รู้ถึงเหตุผลที่เขาเป็นอยู่คืออะไรกันแน่
“เดี๋ยว! คือว่าข้า... ข้าปวดหนัก” เขากลั้นใจตอบออกไปในที่สุด แม้จะรู้สึกอับอายแต่หากปล่อยไว้นานกว่านี้เห็นทีเขาจะกลั้นไม่อยู่ คงได้ปล่อยมันออกมาตรงนี้เป็นแน่
“ทนก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้ามา” ที่แท้เขาก็แค่ปวดหนักหรอกหรือโล่งอกไปที
จือหลินรีบออกไปด้านนอกเพื่อหาที่ลับตาคน จากนั้นนางจึงได้เลือกของจากแอปชอปปิงในไอแพด เลือกหาเก้าอี้นั่งถ่ายสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ออกมา ตัวเก้าอี้ทำจากเหล็กลักษณะเหมือนรถเข็นมีล้อ วินาทีนั้นนางไม่ได้สนใจแล้วว่าเหมาเสี่ยวถงจะสงสัยอะไรในตัวนางบ้าง ขอเพียงแค่กลับไปให้ทันก่อนที่เขาจะขับถ่ายออกมาก็พอ
เมื่อได้เก้าอี้สำหรับขับถ่าย หญิงสาวก็ได้เดินแกมวิ่งเข็นมันเข้ามาในห้อง ก่อนจะอุ้มยกร่างผอมแห้งหนังติดกระดูกของชายหนุ่มขึ้นนั่ง จากนั้นนางก็เข็นเข้าห้องน้ำไป
“เสร็จแล้วก็บอกข้านะเจ้าคะ ข้ารออยู่ด้านนอก”
หลังจากที่จือหลินออกไปแล้ว เหมาเสี่ยวถงจึงได้ปล่อยของเสียออกมาในที่สุด มันทั้งรู้สึกโล่งและสบาย อีกทั้งรู้สึกดีที่ตนเองนั้นไม่ได้ปล่อยมันใส่ที่นอนแสนนุ่มสบาย เขาใช้เวลาในการทำธุระส่วนตัวจนแล้วเสร็จ จึงได้ร้องบอกให้คนที่รออยู่ด้านนอกเข้ามาได้
“ข้าเสร็จแล้ว”
จือหลินได้ยินสามีร้องเรียก นางจึงได้กลับเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้ง ก่อนจะยกตัวเขาขึ้นล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นจึงได้อุ้มกระเตงกันเข้ามานอนในห้องนอนเช่นเดิม
กว่าจะพาเขากลับมานอนได้สำเร็จก็เล่นเอาร่างบางต้องเหนื่อยหอบ แม้เหมาเสี่ยวถงจะผอมแห้งแต่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นบุรุษ โครงร่างยังดูสูงใหญ่ นางซึ่งเป็นสตรีตัวเล็กอย่างไรก็ต้องใช้แรงมากเป็นเท่าตัวในการอุ้มเขาไปไหนมาไหน
“ท่านรอข้าก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะออกไปทำความสะอาดให้เรียบร้อย แล้วจะเอาข้าวมาให้ทาน”
“อืม” คล้อยหลังภรรยาออกไปแล้ว แววตาที่แข็งกร้าวมาตลอดกลับดูอ่อนลง เป็นไปได้อย่างไรที่นางจะคอยเช็ดล้างดูแลเขาได้ถึงเพียงนี้ นางที่รักสวยรักงามมาตลอดแทบจะไม่มาหยิบจับทำเรื่องพวกนี้ได้เลย วันนี้กลับดูแลเขาที่ป่วยติดเตียงช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ถูกนางทำดีด้วยได้เพียงแค่วันเดียวห้ามใจอ่อนเด็ดขาด
“ท่านแม่ขอรับ ข้าวหมดถังแล้ว” เสี่ยวหลงวิ่งหน้าตั้งจากห้องครัวไปหามารดาในห้องนอน“ของสดที่ใช้ทำอาหารก็เหลือน้อยเช่นกันขอรับ” อาเหมารายงานของสดภายในครัวที่เขาไปสำรวจมาเช่นกัน ตอนนี้เขาเริ่มสนใจเกี่ยวกับการทำอาหารมากที่สุด จึงมักจะขลุกอยู่ในครัวเวลาท่านน้าทำกับข้าว เพื่อจะได้ฝึกฝีมือการทำอาหารไว้ ต่อไปเรื่องในครัวเขาจะเป็นผู้จัดการเอง“หา!! แย่แล้ว หมดเกลี้ยงถังเลยหรือ” จือหลินที่ได้ยินว่าข้าวสารหมดถังถึงกับหันขวับทันที เรื่องของสดก็ช่างมันเถอะยังพอเอาผักหลังบ้านมาทำกินบังหน้าไปได้ แต่สำคัญที่สุดก็คือนางไม่น่าลืมเติมข้าวสารเลย ครั้นจะใส่ลงไปตอนนี้ เรื่องที่ปิดบังเอาไว้ก็ยังไม่ได้บอกใคร พอมาคิด ๆ ดู ทุกอย่างช่างวุ่นวายดีแท้“เหลืออยู่แค่เพียงครึ่งถ้วยแกงขอรับ” เสี่ยวหลงชูถ้วยข้าวสารให้มารดาดูนั่นก็เท่ากับว่าข้าวสารเพียงครึ่งถ้วยแกงไม่เพียงพอต่อคนในบ้าน เหมาเสี่ยวถงเป็นกังวลไม่น้อย เงินหนึ่งตำลึงที่ภรรยาให้เก็บไว้วันนั้น เขาก็นำมันไปจ่ายค่าซ่อมแซมหลังคาบ้าน ในตอนที่มีพายุฝนหลังคามันมีแต่รูรั่วเต็มไปหมดยามฝนตกก็แทบจะนอนไม่ได้เอาเสียเลย ตอนเช้ามาข้าวของบางส่วนก็เปียกชุ่มไปหมด“เจ้ากับลูกก็
จือหลินที่ยืนละล้าละลังอยู่ในครัวเพียงผู้เดียว หญิงสาวได้แต่เกาหัวตนเองอย่างคิดไม่ตก เพราะว่าตอนนี้มันเหลือเพียงแค่ไข่และเนื้อหมูอีกนิดหน่อยไว้ทำกับข้าว และมีข้าวสารเพียงครึ่งถ้วยแกงเท่านั้น ถึงจะมีของวิเศษอยู่กับตัวแต่เวลาจะใช้ก็เอาออกมาใช้ยากเหลือเกิน เห็นทีพรุ่งนี้นางจะต้องไปตลาดในเมือง ทำทีไปขายของแล้วได้เงินมาไว้ซื้อของเข้าบ้านเสียแล้วกระมังอย่างไรวันนี้คงต้องทำกับข้าวอย่างง่ายไปก่อน ยังมีอาหารอีกหลายอย่างที่ทำกินได้โดยที่ไม่ต้องกินกับข้าวสวย ในเมื่อมีไข่มีเนื้อแล้วก็ทำชาบูกินทั้งวันไปเลยแล้วกัน ผักหลังบ้านกำลังงามเสียด้วยเมื่อแก้ปัญหาเรื่องปากท้องไปได้แล้วก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ร่างบางหมุนกายออกจากห้องครัวแต่ก่อนจะเดินพ้นประตูบ้านก็ไม่ลืมหยิบตะกร้าสานติดมือมาด้วยเมื่อออกมาถึงหลังบ้านจือหลินได้คัดเอาผักที่โตพอจะนำมากินได้ ถอนผักใส่ตะกร้าไม้ไผ่สานในมือ แครอท หัวไชเท้า ผักกาดขาว และขึ้นฉ่ายเพื่อเพิ่มความหอมหวานของน้ำซุปหลังจากที่ได้ของตามต้องการนางจึงได้กลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง และยังไม่ลืมจะลงดาลประตูอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้เด็ก ๆ ทั้งสองเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น จือหลินเร
ตกเย็นหลังจากกินมื้ออาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยจนพุงกาง ก่อนจะส่งหัวผักกาดทั้งสองเข้านอน จือ หลินจึงให้พวกเขาดื่มนมอุ่น ๆ ก่อนนอนคนละแก้ว เพราะเห็นว่าเด็กน้อยทั้งสองผอมมากเกินไป เกรงว่าจะเป็นโรคขาดสารอาหารไปก่อนที่นางจะขุนพวกเขาให้อ้วนท้วนมากกว่า“อะไรหรือขอรับท่านน้า” ยังคงเป็นอาเหมาที่เอาแต่ถามไม่หยุด วันทั้งวันเขาได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ และได้กินของอร่อยที่ในชีวิตนี้ไม่เคยได้กิน“นมวัวจ้ะ รีบดื่มเร็วอุ่นกำลังดีเลย” จือหลินยื่นแก้วนมให้คนละแก้ว“ข้าเคยได้ยินว่ามันคาวมากเลยนะขอรับ” เวลาคนมีฐานะมาทำบุญที่วัด บุตรหลานพวกเขามันจะพูดจาโอ้อวดกันเสมอ อาเหมาจึงพอจะรู้มาบ้างว่านมวัวจะมีกลิ่นคาวและรสชาติไม่อร่อย แต่ผู้คนที่มีฐานะดีก็มักจะให้บุตรหลานดื่มกินเพื่อบำรุงร่างกาย“อร่อยนะอาเหมา นมที่ท่านแม่ให้ดื่มไม่คาวเลย หอมมันและอร่อยมากเจ้าลองดื่มสิ” เสี่ยวหลงคะยั้นคะยอให้น้องชายดื่ม จากนั้นเขาจึงยกส่วนที่เป็นของตนยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดอาเหมาเห็นว่าพี่ชายดื่ม เขาจึงยกขึ้นดื่มบ้าง ปรากฏว่ามันเป็นดั่งเช่นพี่หลงบอกเขาจริง ๆ แม้จะไม่หวานแต่ก็มันและหอมมากเช่นกัน อย่างนี้ให้เขาดื่มแทนข้าวทุกมื้อก็ยังได้“เอ
อาหารหลายอย่างถูกนำมาวางเรียงไว้เต็มโต๊ะอาหาร มีทั้งข้าวสวยร้อน ๆ เม็ดขาวอวบ น้ำแกงแสนอร่อย เนื้อตุ๋นชิ้นโต และมีปลานึ่งตัวใหญ่ที่เป็นกับข้าวจานหลักของมื้อนี้ ทั้งยังมีเครื่องเคียงเป็นน้ำพริกกากหมูรสกลมกล่อมที่จือหลินชื่นชอบ พร้อมกับผลไม้หลายชนิดถูกเรียงอยู่ในถาดอย่างสวยงามทันทีที่อาเหมาเข้ามานั่งร่วมโต๊ะอาหาร เด็กน้อยถึงกับเบิกตากว้าง เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าของกินที่อยู่ตรงหน้าเขาจะสามารถกินมันได้จริงหรือ เกิดมาทั้งชีวิตเคยกินเพียงแค่อาหารเหลือจากผู้อื่น และขนมที่เก็บมาได้ตอนผู้คนทิ้งขว้างไม่กินแล้ว“ข้ากินทั้งหมดนี่ได้จริงหรือขอรับ” อาเหมาถามขึ้นอย่างตื่นเต้น เขามองอาหารบนโต๊ะละลานตาเต็มไปหมด ตอนนี้เขาคิดได้ว่าคนเราไม่ควรจะมองผู้อื่นแต่เปลือกนอก ดูอย่างครอบครัวท่านน้าเป็นตัวอย่าง มองเพียงภายนอกมันตัดสินอะไรไม่ได้เลย“กินได้สิ ที่บ้านกินเช่นนี่ทุกมื้อ หนึ่งวันกินข้าวตั้งสามมื้อแหนะ” เสี่ยวหลงบอกน้องชายคนใหม่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม“จริงหรือ เช่นนั้นพี่หลงก็ได้กินของอร่อยทุกวันน่ะสิ ช่างน่าอิจฉานัก” แม้จะพูดว่าอิจฉาแต่ทว่าอาเหมาก็เพียงแค่รู้สึกอยากมีวาสนาดั่งเช่นพี่ชายที่มีของอร่อยให้
เหมาเสี่ยวถงมองเด็กชายตัวน้อยแต่งตัวมอซอหน้าตามอมแมม ยืนกอดห่อผ้าเก่า ๆ อยู่ตรงหน้า ไม่เข้าใจว่าภรรยาพาเด็กน้อยคนนี้มาทำอะไร ทั้งที่ครอบครัวก็ยังคงอดมื้อกินมื้อถึงแม้จะเป็นก่อนหน้าที่จือหลินจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ก็เถอะ“ข้าอยากให้อาเหมามาอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวหลงเจ้าค่ะ ขอโทษที่ไม่ได้ปรึกษาท่านพี่ก่อน” จื่อหลินได้แต่ส่งสายตาขอลุแก่โทษให้สามี ที่ตนเองทำไปโดยพลการไม่ได้ปรึกษากันก่อนจะตัดสินใจ“ช่างเถอะ ไหน ๆ อาเหมาก็มาแล้วนี่ จะทำอะไรได้” เหมาเสี่ยวถงได้ยินคำขอโทษจากภรรยาก็ได้แต่จำยอมพูดอะไรไม่ออก หากจะให้เด็กน้อยกลับไปก็อดที่จะสงสารไม่ได้ จากที่เล่ามาเด็กนั่นเป็นเพียงแค่ขอทานอาศัยอารามวัดเพื่อหลับนอนไร้ซึ่งครอบครัวให้กลับไป ถ้าเขามีกำลังมากพอหากไปเจอเด็กแบบอาเหมาเข้า เขาก็คงจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับภรรยา“ขอบคุณท่านลุงที่อนุญาตขอรับ” อาเหมารีบนั่งคุกเข่าโขกศีรษะขอบคุณเป็นการใหญ่ ประหนึ่งว่าหากเขาไม่ทำเช่นนั้นก็อาจจะถูกไล่กลับไปเป็นขอทานเหมือนเดิม“พอได้แล้วอาเหมาเดี๋ยวหัวได้แตกกันพอดี ที่นี่เราอยู่กันเป็นครอบครัวเพราะฉะนั้นอาเหมาไม่ใช่เด็กรับใช้ แต่เป็นหนึ่งในครอบครัวพวกเราเข้าใจไหม” จือหลิน
เหมาเสี่ยวถงลอบมองสิ่งของที่ภรรยาสาวนำมาด้วยความสงสัย ของแต่ละชิ้นช่างไม่คุ้นตาและแปลกใหม่ และที่สำคัญคงจะราคาแพงมาก แต่ต้องยอมรับว่ามันทั้งสบายและสะดวกต่อเขามากเช่นกัน อกแกร่งเริ่มหวั่นไหวหัวใจเต้นแรงเมื่อคิดไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาไม่ถึงเดือน จือหลินเปลี่ยนแปลงไปมากไม่หลงเหลือความเป็นสตรีร้ายกาจ เขาจะสามารถเชื่อใจนางได้หรือไม่นะหญิงสาวพาเหมาเสี่ยวถงออกมาหยุดตรงใต้ร่มไม้หน้าบ้าน จากนั้นจึงได้ย้ายเขาไปนอนเล่นบนเก้าอี้ม้าโยกแทน เพื่อที่ว่าสามีจะได้นั่งพักได้สบายไม่เมื่อยตัว นางก็สรรหาเบาะรองนุ่ม ๆ วางทับบนเก้าอี้ไม้อีกที ระหว่างนี้นางก็จะปลูกผักเอาไว้กิน แต่ความเป็นจริงแล้วเพียงแค่จะปลูกเอาไว้เป็นฉากบังหน้าก็เท่านั้นในเมื่อมีของวิเศษเป็นชอปปิงมาร์เก็ต มีของสดของใช้ขนาดใหญ่ให้เลือกหาอย่างไม่จำกัด จะปลูกให้เหนื่อยไปทำไมกัน ที่มานั่งปลูกอยู่ตอนนี้ก็เพียงแค่จะได้ไม่ดูแปลกในสายตาของชาวบ้าน ผู้คนจะได้เข้าใจว่าครอบครัวมีกินมีใช้ได้จากการปลูกผักกินเอง และตัดปัญหาความวุ่นวายในชีวิตออกไปได้อีกหนึ่งอย่าง“ท่านแม่ข้าไปถอนหญ้ารอนะขอรับ” เสี่ยวหลงน้อยหอบเอาอุปกรณ์การทำสวนตรงไปยังที่จะใช้ปลูกผ