Share

ตอนที่ 4 เกาะลับของเรา

last update Huling Na-update: 2025-11-06 22:01:01

หลิวซินเดินทอดน่องไปตามริมหาด ช่วงเวลานี้ก่อนที่ชายฝั่งจะกลายเป็นท่าเรือใหญ่ ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ตามธรรมชาติ หาดทรายขาวสะอาดทอดยาวรับแสงแดดอ่อน ลมทะเลพัดโชยพาเอากลิ่นเกลือและเสียงคลื่นมากระทบใจ นางมองบรรยากาศรอบตัวอย่างเพลิดเพลิน โชคดีที่ชาวบ้านต่างแยกย้ายกันออกไปทำงาน จึงไม่มีใครมารบกวนหรือซักไซ้ให้รำคาญใจ

เมื่อมาถึงจุดที่ตั้งใจจะลงว่ายน้ำ จุดนี้อยู่ห่างไกลจากสายตาผู้คนพอสมควร เกาะเล็ก ๆ ที่เคยพบโดยบังเอิญอยู่ไม่ไกลนัก หลิวซินถอดรองเท้า วางไว้ในตะกร้าสาน แล้วค่อย ๆ ก้าวลงสู่ผืนน้ำ ความเย็นของทะเลสัมผัสปลายเท้าอย่างแผ่วเบา นางสูดลมหายใจลึก รู้สึกผ่อนคลายแม้ลมจะเย็นจนขนลุก

เมื่อระดับน้ำสูงขึ้นถึงลำคอ นางวางตะกร้าไว้บนหัวก่อนจะว่ายน้ำไปยังเกาะฝั่งตรงข้ามอย่างไม่เร่งรีบ แม้คลื่นจะซัดเบา ๆ แต่นางก็ถึงฝั่งโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย

บนเกาะเงียบสงบไร้ผู้คน ต้นไม้สองต้นขึ้นเรียงเคียงกันให้ร่มเงาพอเป็นที่บังสายตา นางเลือกที่เหมาะสมจัดวางสิ่งของที่นำติดตัวมา เมื่อทุกอย่างพร้อม หลิวซินจึงค่อย ๆ ดำลงสู่ใต้ผิวน้ำ

นางกลั้นหายใจอย่างระมัดระวัง สำรวจพื้นทะเลเบื้องล่าง ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งสีแดงสดเตะตา ทว่าความสามารถในการกลั้นหายใจเริ่มถึงขีดจำกัด นางรีบตีแขนตีขาว่ายขึ้นเหนือน้ำ สูดเอาอากาศเข้าปอดเต็มที่

“สิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่…” นางพึมพำกับตัวเอง ความอยากรู้เอาชนะความกลัว จึงตัดสินใจดำกลับลงไปอีกครั้งจนสามารถเข้าใกล้วัตถุปริศนาได้ชัดเจน มันคือหอยทะเลขนาดใหญ่ สีแดงสดสะดุดตา และใกล้กันยังมีหอยเป๋าฮื้ออีกหลายตัว นางรีบดึงมันขึ้นมา พร้อมหยิบหอยเป๋าฮื้ออีกสองตัวติดมือมาด้วย

ขณะว่ายกลับผิวน้ำ จู่ ๆ นางกลับสำลักน้ำ ร่างดิ้นรนในความตระหนก หายใจไม่ทัน ลมหายใจขาดห้วง…แต่แล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

นางหายใจใต้น้ำได้ อย่างไม่มีเหตุผล และยังมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ใต้น้ำได้ชัดเจนขึ้นอีกด้วย

‘นี่มันอะไรกันแน่… ข้าเป็นอะไรไป?’นางคิดในใจอย่างสับสน จะว่าเป็นเงือกก็คงไร้เหตุผล เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยตกน้ำมาก่อน และเรื่องเงือกก็มีแค่ในนิทานเท่านั้น

เมื่อรู้ว่าหายใจใต้น้ำได้ หลิวซินก็ไม่ปล่อยโอกาสงามให้หลุดมือ นางเก็บของที่ได้ใส่ตะกร้า แล้วคว้าถุงผ้าอีกใบว่ายกลับลงมา

ใต้ทะเลเบื้องล่างกลายเป็นโลกของนาง นางว่ายน้ำด้วยความคล่องแคล่วราวกับปลาตัวหนึ่ง กุ้งตัวใหญ่ ปูทะเล และหอยเป๋าฮื้อกลายเป็นสมบัติล้ำค่า นางรวบรวมสิ่งมีค่าใส่ถุงจนเกือบเต็ม ก่อนจะกลับขึ้นฝั่งอย่างแผ่วเบา

เมื่อแน่ใจว่าปลอดคน นางจึงค่อย ๆ นำหอยสีแดงวางแยกไว้ จากนั้นจัดการปูกับกุ้งโดยจับขาให้เกี่ยวกันป้องกันไม่ให้พวกมันหนี นางใช้ผ้าผืนใหญ่ซับตัวให้แห้ง แล้วนั่งลงใต้ร่มไม้ สูดลมหายใจลึก ดื่มด่ำบรรยากาศอย่างเงียบงัน

ทว่าโชคชะตาก็ไม่เปิดทางให้นางได้นั่งนิ่งนานนัก เรือไม้ลำหนึ่งแล่นเข้ามาเทียบท่าตรงหน้า เมื่อนางเห็นชายผู้ควบคุมเรือ หัวใจก็พลันสะท้าน

“ตงจวิน…” เสียงเรียกแผ่วเบาดังขึ้นจากริมฝีปาก

ชายหนุ่มผู้นั้นเคยใช้ที่แห่งนี้เป็นที่พักใจเสมอ ทว่าในครั้งนี้ สถานที่สงบกลับถูกแบ่งปันโดยใครอีกคน ว่าที่ภรรยาของเขาในอนาคต

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่ หรือคิดฆ่าตัวตายอีก?” เขาถามขึ้นด้วยแววตาคม

“ใครกันจะอยากตาย ข้าตกน้ำต่างหาก ว่าแต่… ท่านมาทำไมที่นี่” นางย้อนถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

ตงจวินเลิกคิ้ว “ข้ามาที่นี่ไม่ได้หรือไร? หรือที่นี่มีเจ้าของ?”

หลิวซินถอนหายใจ มองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจนัก “ตามใจท่านเถิด จะมาหรือไม่มาก็เรื่องของท่าน” น้ำเสียงของนางเริ่มหงุดหงิดขึ้นเรื่อย ๆ

ขณะกำลังจะหันหลังกลับลงน้ำ มือหยาบกร้านก็ยื่นมาจับข้อมือของนางเอาไว้

“จับข้าไว้ทำไม?” นางพยายามสะบัดออก

“เจ้าคิดจะว่ายน้ำกลับ?” เขาถามเสียงเรียบ คล้ายจะห่วงแต่ก็เหนื่อยหน่าย

“ถ้าไม่ว่ายน้ำ ข้าจะกลับบ้านได้อย่างไรเล่า?” นางตอบกลับเสียงขุ่น

เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เจ้าไม่ต้องว่ายกลับให้ลำบาก เดี๋ยวข้ากลับขึ้นฝั่งอยู่แล้ว พาเจ้าไปด้วย คงไม่หนักเรือนักหรอก” เขาตอบพร้อมปรายตามองรูปร่างของนางด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ท่านเป็นห่วงข้าก็พูดมาตรง ๆ เถิด” หลิวซินเอ่ยแหย่เขา ทั้งที่ยังยิ้มไม่หุบ

“ข้าเพียงไม่อยากเห็นใครบางคนตกน้ำอีกก็เท่านั้น” ตงจวินเหลือบตามองนาง ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนเรือโดยไม่หันกลับมา

นางมองชายฝั่งอย่างชั่งใจ หากว่ายกลับไป ก็ต้องเปียกโชกอีกครั้ง ไหนจะตะกร้าหนัก ๆ ที่แบกมา หากอย่างนั้นขึ้นเรือของเขากลับไปคงไม่เสียหาย นางจึงตามขึ้นไปอย่างเงียบ ๆ แล้วเริ่มมองสำรวจรอบบริเวณบนเรือของเขา

แม้ว่าในชาติก่อน นางจะเคยใช้ชีวิตร่วมกับชายผู้นี้อยู่ช่วงหนึ่ง จึงรู้ว่าเขามีเงินเก็บมากพอสมควรจากการออกทะเลและขายของดี ๆ ที่หามาได้ แต่ชาตินี้เพิ่งสังเกตว่าเรือของเขาดูเก่าและผ่านการใช้งานมานาน ทว่าเจ้าของเรือก็ยังดูแลมันอย่างดี แม้ไม่ใหญ่โต แต่ก็มีหลังคาเล็ก ๆ ไว้กันแดดกันฝนพอเหมาะ เช่นเดียวกับที่ชาวประมงทั่ว ๆ ไปใช้กัน

ระหว่างที่นั่งอยู่บนเรือ เสียงท้องร้องของนางก็ดังขึ้นมาจนเจ้าตัวหน้าแดงด้วยความเขิน ตั้งแต่เช้าจนบัดนี้ นางยังไม่ได้แตะข้าวปลาเลยแม้แต่น้อย ว่ายน้ำก็ว่าย ของก็หนัก จะหยิบมากินตอนนี้ก็คงไม่เหมาะนัก อีกไม่นานก็ถึงฝั่งแล้ว คงอดใจรอได้

เมื่อเรือเทียบฝั่งเรียบร้อย นางกระโดดลงจากเรืออย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มซึ่งกำลังใช้ไม้ตอกเรือไว้กับตลิ่ง

“ท่านกินข้าวหรือยัง?” นางเอ่ยถามพลางชำเลืองมองไปยังเรือ

ตงจวินส่ายหน้าเบา ๆ “ข้ายัง”

“ข้ามีข้าวห่อที่ยังไม่ได้แตะ ท่านเอาไปกินเถิด ถือเป็นการตอบแทนที่ช่วยส่งข้ากลับมาในวันนี้” นางพูดพลางยื่นห่อใบบัวใส่อาหารให้เขา แล้วรีบวิ่งจากไปโดยไม่รอฟังคำตอบ

ชายหนุ่มมองห่ออาหารในมือตนอย่างงุนงง พอได้สติ ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ยังได้ยินเสียงท้องของนางร้องอยู่แท้ ๆ นึกว่านางจะกินเสียเอง กลับกลายเป็นว่าเอามาให้เขาแทนเสียอย่างนั้น

“นี่นางกำลังเริ่มทำตัวเป็นภรรยาของข้าแล้วหรือ?” เขาพึมพำกับตัวเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งยิ้มออกอย่างอดไม่ได้

ตงจวินแกะใบบัวออกอย่างระมัดระวัง กลิ่นหอมของข้าวและกับข้าวพื้นบ้านโชยขึ้นมาแตะจมูก เมื่อได้ลิ้มรสจึงพบว่าแม้หน้าตาจะดูธรรมดา แต่รสชาติกลับอร่อยเกินคาด

“ข้าไม่เคยรู้เลยว่า… นางทำอาหารได้อร่อยถึงเพียงนี้”

ด้านหลิวซิน หลังจากเดินห่างออกมาจากริมทะเลได้สักระยะ ตะกร้าในมือก็เริ่มหนักจนต้องหยุดพักเป็นระยะ นางลอบขอบคุณเขาในใจที่เตือนเรื่องไม่ให้ว่ายกลับ มิฉะนั้นคงหมดแรงกลางทางแน่

เมื่อเดินมาถึงบ้านหลังเล็กเรียบง่าย นางเปิดประตูเข้าไปก็พบมารดากำลังยืนอยู่หน้าเตาไฟ กลิ่นเครื่องปรุงลอยตลบอบอวล

“เจ้าไปไหนมา แม่บอกให้พักผ่อน!” หญิงวัยกลางคนเอ่ยดุเล็กน้อยพลางหันมามองลูกสาว

“ข้าไปทะเลมาน่ะท่านแม่ อย่าดุนักเลย วันนี้ข้าได้ของดีมาด้วยล่ะ” นางพูดพลางวางตะกร้าลงตรงหน้า

กัวหยุนชะโงกหน้ามองเข้าไปในตะกร้า “นี่มัน…หอยเป๋าฮื้อไม่ใช่หรือ? เจ้าไปหามันมาได้อย่างไรกัน? มันอยู่ในน้ำลึกนะ”

“ข้าเจอมันอยู่ไม่ห่างจากฝั่งมากนัก เลยลงไปเก็บมา ที่จริงไม่ได้ลึกอย่างที่ท่านคิดหรอก” นางรีบชิงพูดก่อนที่มารดาจะถามซ้ำ

กัวหยุนส่งสายตาขึงขังไปให้อย่างรู้ทัน ก่อนจะสังเกตเห็นหอยสีแดงขนาดใหญ่ที่วางอยู่ในมุมตะกร้า นางหยิบมันขึ้นมาดูแล้วพลิกไปมา

“แล้วนี่ล่ะ หอยอะไร?” นางถามพลางหรี่ตาพิจารณา

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก เจอมันใกล้ ๆ หอยเป๋าฮื้อนั่นแหละ… หน้าตาคล้ายหอยบางอย่างที่เคยเห็นมาก่อน” นางขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด

“อยากรู้ไหมว่าข้างในมันมีอะไร?” นางหันไปถามมารดา น้ำเสียงแฝงความตื่นเต้น

เมื่อทั้งสองตกลงกันได้ ก็ช่วยกันค่อย ๆ ใช้มีดแงะเปลือกหอยออกทีละน้อย จนในที่สุด… เมื่อเปิดออก พวกนางก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ย้อนเวลาครั้งนี้ข้าจะดูแลสามีให้ดี   ตอนที่ 11 ได้วันแต่งงาน

    หลิวซินรีบออกมาจากมิติ เมื่อถึงยามเที่ยงก็เห็นมารดาเดินหอบตะกร้ากลับมา นางรีบวิ่งออกไปช่วยถือของเข้าบ้านด้วยท่าทางคล่องแคล่ว“เจ้าไม่ต้องช่วยแม่หรอก มือของเจ้ายังเจ็บอยู่มิใช่หรือ” กัวหยุนเหลือบตามองแผลของลูกสาวด้วยความห่วงใย“ตอนนี้มือของข้าดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่เพิ่งกลับมา เหนื่อยทั้งเช้า ควรกินข้าวเสียก่อน” หลิวซินเอ่ยพลางมองมารดาด้วยแววตาเวทนา ตั้งแต่บิดาสิ้นชีวิต มารดาก็เป็นผู้แบกรับทุกสิ่ง เลี้ยงดูนางเพียงลำพัง“ท่านแม่เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ” เสียงของนางอ่อนโยน แฝงความสงสารอย่างจริงใจกัวหยุนชะงักไป ดวงตาคู่สวยแดงก่ำขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ตั้งแต่เลี้ยงลูกสาวมาก็ไม่เคยได้ยินถ้อยคำห่วงใยเช่นนี้ “แม่ไม่เหนื่อยหรอก ยังมีแรงเลี้ยงหลานเจ้าได้อีกหลายคน” นางยิ้มบาง ๆ ทั้งยังแอบฝันเงียบ ๆ ว่าอยากอยู่ดูหลานน้อยในอนาคตหลิวซินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ใจเจือด้วยความอบอุ่น ชาติที่แล้วมารดามีอายุไม่ยืน ครั้งนี้ข้าจะทำให้ทุกความปรารถนาของท่านเป็นจริงให้ได้… เมื่อแต่งงานแล้ว จะรับท่านแม่ไปอยู่ด้วย แต่เรื่องนี้นางยังมิได้เอ่ยออกไป“วันนี้ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนี้ หรือว่าตอนตกน้ำศีรษะกระแทกจนเปลี่ยนไป” มารด

  • ย้อนเวลาครั้งนี้ข้าจะดูแลสามีให้ดี   ตอนที่ 10 แสดงละครให้ใครดูกัน

    “ท่านมาหาข้าที่นี่ คงไม่ใช่เพียงเรื่องเล็กน้อยใช่หรือไม่?” นางหรี่ตาคมมองชายตรงหน้าอย่างคาดคั้นเจียงหมินหัวเราะเบา ๆ พลางทำท่าทางใสซื่อเช่นที่นางเคยชอบ “พี่ไม่ได้ตั้งใจมารบกวนหรอก เรื่องที่จะพูด อาจทำให้น้องลำบากใจอยู่บ้าง” เขาอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยออกมาในที่สุด“อีกเจ็ดวันพี่ต้องเดินทางไปสอบที่เมืองตงชาง จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย แต่เงินที่พี่มีไม่เพียงพอ” เขาเหลือบมองนางด้วยแววตาน่าสงสาร “น้องพอจะช่วยพี่ได้หรือไม่”หลิวซินไม่แปลกใจ นางคิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องมาขอเรื่องนี้ หากเป็นเมื่อก่อน นางคงควักเงินที่มี หรือแม้กระทั่งแอบขโมยจากมารดามอบให้เขาจนหมด แต่ตอนนี้…อย่าหวังเลยว่าจะได้แม้แต่อีแปะเดียวจากนางนางแสร้งไอเบา ๆ “ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยสบาย ท่านก็รู้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน ข้าตกน้ำจนป่วย และวันนี้ยังล้มจนมือบาดเจ็บอีก จำเป็นต้องใช้เงินในการรักษาตัวอยู่มาก ข้ากำลังตั้งใจจะไปหาท่านพอดี อยากจะขอยืมเงินจากท่านสักเล็กน้อย พอเป็นค่ารักษายา” นางหยุดพูดพลางไอออกมาอีกครั้ง“ท่านพอจะมีให้ข้าบ้างหรือไม่ เงินที่ข้ามี หมดไปกับค่ารักษาข้าหมดแล้ว ไหน ๆ อีกไม่นานเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วไ

  • ย้อนเวลาครั้งนี้ข้าจะดูแลสามีให้ดี   ตอนที่ 9 คำหวานของคนเลว

    หลิวซินมองการกระทำของเขาอย่างตั้งใจ ก่อนจะเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้เพ่งพินิจชัด ๆ จึงเห็นว่าเขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ใด ถึงจะไม่เรียบร้อยงดงามแบบบัณฑิตในเมืองใหญ่ แต่ร่างสูงใหญ่สง่างาม ใบหน้าคมแฝงความอ่อนหวานอย่างลงตัว ริมฝีปากได้รูปรับกับสันจมูกโด่งผึ่งผาย… นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นหน้าของตงจวินอย่างจริงจัง ‘สามีเช่นนี้ เหตุใดชาติก่อนข้าถึงตามืดบอด มองไม่เห็นคุณงามความดีของเขากันเล่า’ในขณะที่นางกำลังยิ้มบางมองเขาอยู่นั้น พอดีกับที่ตงจวินเงยหน้าขึ้น สายตาของเขาสบเข้ากับรอยยิ้มหวานแฝงความลึกซึ้งทันทีหลิวซินสะดุ้งเล็กน้อย รีบหุบยิ้ม มือที่ถูกเขาจับอยู่ค่อย ๆ ดึงกลับ “ข้าขอบคุณท่านมาก” นางเอ่ยเสียงเบา แม้เขาจะทำแผลให้นาง แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บเท่าใดนัก“เจ้าแน่ใจหรือไม่ ว่าไม่รู้ว่าใครเป็นคนผลักเจ้า” เขาถามด้วยความเป็นห่วงทันใดนั้น ภาพเหตุการณ์ย้อนเข้ามา แม้นางหันหลังอยู่ แต่ยังพอมองเห็นร่างหนึ่งรีบก้าวออกจากโขดหินอย่างลนลาน และนางจำแผ่นหลังนั้นได้ชัดเจน เหอซาน หญิงสาวที่แอบรักตงจวินข้างเดียว นางเลือกที่จะไม่บอกเรื่องนี้ออกไป หากอีกฝ่ายหมายเอาชีวิตตน เช่นนั้นนางก็จะตอบแทนก

  • ย้อนเวลาครั้งนี้ข้าจะดูแลสามีให้ดี   ตอนที่ 8 หน้ามืดตาบอด

    หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อย หลิวซินก็แบกตะกร้าเดินตามมารดาออกมาหาของขายริมทะเล ช่วงนี้นางยังไม่คิดหาหนทางสร้างรายได้ด้วยตนเองนัก จึงตั้งใจลองติดตามมารดามาดูเผื่อจะได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆทว่าเมื่อมาถึงกลับเห็นว่ามีผู้คนจับจองพื้นที่กันอยู่ก่อนแล้ว ชาวบ้านมากมายต่างกระจายกันหาของขาย ไม่ใช่ว่านางมาช้า เพียงแต่คนอื่นมาก่อน จึงทำให้หลิวซินกับมารดากลายเป็นจุดสนใจในสายตาผู้คนทันทีสายตาของเหอซานสะดุดเข้ากับหลิวซินตั้งแต่นางก้าวเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าว ยิ่งเห็นใบหน้างดงามของอีกฝ่าย ความขุ่นมัวในใจยิ่งก่อตัวแรงขึ้น หลังได้ยินคำยืนยันจากชายหนุ่มที่ตนหมายปอง ความริษยาที่มีอยู่แต่เดิมก็ยิ่งทวีขึ้น จากเดิมที่อิจฉาเพียงเพราะความงาม กลับกลายเป็นทั้งอิจฉาและเกลียดชังจนอยากให้หลิวซินเลือนหายไปจากโลกนี้เสียจริงหลิวซินยิ้มทักทายชาวบ้านรอบข้าง ทว่าความรู้สึกเหมือนถูกสายตาใครบางคนจ้องมอง ทำให้นางเผลอเหลียวตาม และดวงตาก็สบเข้ากับเหอซานพอดี แววตาของหญิงสาวผู้นั้นเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร หลิวซินหวนคิดถึงชาติก่อน เหอซานก็มีบทบาทอยู่ในชีวิตนางเช่นกัน เพียงแต่ไม่เคยแสดงท่าทีเกลียดชังโจ่งแจ้งเช่นตอนนี้ ทว่าเรื่องน

  • ย้อนเวลาครั้งนี้ข้าจะดูแลสามีให้ดี   ตอนที่ 7 ไม่ใช่ใข่มุกธรรมดา

    กัวหยุนเห็นว่าลูกสาวไม่อยากอยู่ตรงนั้นนาน นางจึงไม่รั้งรีบพาเดินตรงไปยังร้านผ้าตามที่ตั้งใจไว้ เมื่อไปถึงก็เลือกผ้าสีแดงสดผืนใหญ่ขึ้นมา สีสันนั้นช่างขับผิวของบุตรสาวให้งามยิ่งนัก นางไม่ลังเลที่จะควักเงินเก็บจ่ายทันทีหลิวซินมองมารดาที่กำลังยิ้มชื่นชมผ้าสีแดง รู้สึกอบอุ่นใจ แต่ก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “ท่านแม่… ผ้าผืนนี้ช่างใหญ่ยิ่งนัก ท่านซื้อเกินไปหรือไม่” เพราะด้วยขนาดนี้ นอกจากจะทำชุด ยังพอเย็บผ้าห่มหรือผ้าม่านได้อีกหลายผืนเลยทีเดียวกัวหยุนหัวเราะเบา ๆ พลางลูบผืนผ้าในมือ “ไม่ใหญ่ไปหรอก แม่จะตัดชุดให้เจ้า ทำผ้าห่ม หมอน และยังทำผ้าม่านสีเดียวกันอีกด้วย ลูกสาวเพียงคนเดียวของแม่จะแต่งงานทั้งที ย่อมต้องจัดให้สมเกียรติ อย่าให้ผู้ใดมาดูถูกได้”น้ำเสียงอบอุ่นแฝงความหวังลึก ๆ ว่าอีกไม่นานบ้านหลังนี้คงจะไม่เงียบเหงา หากมีเสียงหัวเราะและเสียงก้าวเดินเล็ก ๆ ของหลาน ๆเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้น ใบหน้าของหลิวซินก็แดงซ่าน ความหมายที่มารดาสื่อออกมา นางเข้าใจดีจนอยากแทรกแผ่นดินหนีกัวหยุนเห็นท่าทีเขินอายของลูกสาวก็พลอยยิ้มเอ็นดู หลังจากเลือกผ้าที่ต้องการเสร็จ ทั้งสองก็แวะไปยังร้านขายหมูต่อหลิวซินกวาดตามอง เห

  • ย้อนเวลาครั้งนี้ข้าจะดูแลสามีให้ดี   ตอนที่ 6 ความเขินอายของสองคน

    “ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะถูกตัวเจ้า” ตงจวินเอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” หลิวซินตอบพลางก้มหน้า เสียงแผ่วเกือบขาดหาย ถึงแม้ครั้งหนึ่งนางจะเคยแต่งงานกับเขามาแล้ว แต่ความใกล้ชิดเช่นนี้ก็ยังทำให้นางไม่เคยชินทั้งสองจึงแยกย้ายไปนั่งประจำที่ของตน ตงจวินบังคับเกวียนวัวให้เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างนุ่มนวลกัวหยุนที่มองเหตุการณ์อยู่ตลอด อดยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ได้ นางหันไปมองลูกสาวด้วยแววตาล้อเลียน“ท่านแม่…ยิ้มอันใดกันหรือเจ้าคะ” หลิวซินเงยหน้าถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นรอยยิ้มของมารดา“ก็ยิ้มไปตามเรื่อง เมื่อเห็นสิ่งที่ข้าพอใจก็ยิ้มเท่านั้นเอง” กัวหยุนตอบพร้อมแกล้งหยอกเล็กน้อย“ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว” หลิวซินทำเสียงงอน ก่อนหันสายตาออกไปมองสองข้างทางแทน“เอาเถอะ อย่างไรเจ้าสองคนก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว สนิทกันไวเสียหน่อยจะเป็นไรไป” มารดากล่าวพลางหัวเราะเบา ๆ ราวกับเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าเอ็นดูหลิวซินได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับมามองค้อนทันที ถึงมารดาจะไม่ถือ แต่นางถือ เรื่องแบบนี้น่าอายจนใจเต้นแรงแทบระเบิดตงจวินรับฟังเงียบ ๆ มิได้กล่าวแทรก แต่แววตากลับสะท้อนความอบอุ่นอย่างที่เจ้าตัวเองยังไม่รู้

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status