หลิวหยุนจิงนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนตอบ
“ท่านอา หากเป็นไปได้ข้าอยากให้ทางองค์จักรพรรดิพิจารณานโยบายเกี่ยวกับเกลือใหม่ ในปัจจุบันเกลือเป็นสินค้าที่ถูกผูกขาดโดยราชสำนัก ซึ่งทำให้ราคาสูงและประชาชนเข้าถึงได้ยาก
หากเรายกเลิกการผูกขาดนี้ให้ประชาชนสามารถผลิตและจำหน่ายเกลือได้อย่างเสรีจะช่วยลดราคาและเพิ่มการเข้าถึงของราษฎร นอกจากนี้ทางราชสำนักยังสามารถเก็บภาษีจากการผลิตและจำหน่ายเกลือแทน ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับท้องพระคลังโดยไม่เป็นภาระต่อประชาชนมากนัก ท่านอามีความเห็นเช่นไรเจ้าคะ”
หลิวเช่อทรงพยักหน้าพลางย่นคิ้วเข้าหากัน “เจ้าคิดว่าประชาชนสามารถผลิตเกลือได้เองอย่างนั้นหรือ ทุกวันนี้เกลือของแคว้นส่วนใหญ่มีผู้ผลิตได้น้อยเนื่องจากเป็นภูมิปัญญาสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น”
หลิวหยุนจิงพยักหน้าก่อนกล่าวต่ออย่างมั่นใจ “ท่านอา ข้าย่อมเข้าใจดีว่าการผลิตเกลือเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมา และโดยมากแล้วความรู้เหล่านี้มักถูกปิดกั้นไม่ให้เผยแพร่สู่คนนอก อย่างไรก็ตามหากราชสำนักสามารถจูงใจให้ผู้ที่มีประสบการณ์ถ่ายทอดความรู้นี้ โดยอาจให้สิทธิพิเศษหรือรางวัลตอบแทนแก่ผู้ที่ยอมสอนคนรุ่นใหม่ข้า
หลิวอวี้เฟยหลับตาลงแน่นพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมา นางไม่อยากให้ความรู้สึกอ่อนไหวเข้าครอบงำ แต่คำพูดของเขากลับแทรกซึมเข้าไปถึงส่วนลึกของหัวใจใบไม้ร่วงลงบนเส้นผมของนาง นางยกมือขึ้นปัดมันออกอย่างแผ่วเบา ดวงตาของซุนเหวินทอดมองนางด้วยสายตาลึกซึ้ง ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปใกล้อีกหนึ่งก้าว“ข้ารู้ว่าเจ้าคงยังไม่สามารถตัดสินใจได้ในตอนนี้ และข้าเองก็ไม่ได้รีบร้อน แต่ข้าจะไม่หายไปไหน ข้าจะอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างกายเจ้าเสมอ จนกว่าเจ้าจะยอมให้โอกาสข้าอีกครั้ง”หลิวอวี้เฟยมองเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้า ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงหล่อเหลาสง่างามเช่นเดิม นางเคยคิดว่าเขาคงลืมนางไปแล้ว และไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะยังคงรักมั่นต่อนางเช่นนี้ใบไม้ยังคงปลิวไหวไปตามสายลม หลิวอวี้เฟยเงยหน้ามองฟ้าและในที่สุดนางก็เอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา“ข้าขอเวลาคิดก่อนได้หรือไม่”ซุนเหวินยิ้มออกมา “ได้ ข้าจะรอ”ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบมีเพียงเสียงของกิ่งไม้เสียดสีกันตามแรงลม หัวใจของคนทั้งคู่ที่ยังคงรักมั่นต่อกันได้สั่นไหวขึ้นอีกครั้งในขณะที่คนทางนี
หลิวหยุนจิงหาได้สนใจคำเย้าหยอกของเขา ก่อนที่นางจะยกมีดสั้นขึ้นมากรีดเชือกปิดผนึกออกอย่างระมัดระวังพร้อมกับเปิดผ้าออกทันทีทันใดกลิ่นหอมของดอกเหมยหมักก็พลันแผ่ซ่านออกมา กลิ่นอ่อนหวานเจือไปด้วยกลิ่นของข้าวหมักลอยขึ้นมาปะทะจมูกฮัวหยุนที่ปกติไม่ค่อยแสดงอารมณ์ก็ถึงกับเลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาของเขาฉายแววพึงพอใจ“กลิ่นไม่เลว”ฮัวชวี่ปิ้งก้มลงไปสูดกลิ่นก่อนจะพยักหน้า “ข้าว่าเจ้าทำได้ดีทีเดียวเยว่ฮวา”อวิ๋นซิงที่เกาะอยู่บนบ่าของนางพยักหน้า ข้าก็คิดเช่นนั้น เจ้าไม่คิดจะลองชิมดูหรือความกระตือรือร้นของนกชิงเหนียวทำให้หลิวหยุนจิงหัวเราะก่อนจะหยิบกระบวยไม้ตักเหล้าออกมารินลงในจอกเล็ก เมื่อนางยกจอกขึ้นจิบรสชาติของเหล้าเหมยฮวากำจายแผ่ไปทั่วทั้งปาก“เป็นอย่างไร” ฮัวชวี่ปิ้งเอ่ยถามหลิวหยุนจิงยิ้มออกมา “ข้าไม่คิดว่ามันจะรสชาติดีถึงเพียงนี้เพราะข้าเพิ่งจะหมัก” คำพูดของหลิวหยุนจิงทำให้อวิ๋นซิงยืดอกของตนขึ้นสูงจะไม่ดีได้อย่างไรข้าใช้พลังของข้าเข้าช่วยเชียวนะ เป็นเช่นไรรสชาติของสุราถูกใจเจ้าหรือไม่ น้ำเสียงของนกตัวน้อยเต็มไป
ในขณะที่ซุนเหวินกำลังกวาดตามองรอบด้านสายตาของชายหนุ่มพลันสบเข้ากับดวงตาของหลิวอวี้เฟยที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า ทันทีที่สายตาสบประสานกันบรรยากาศรอบตัวของทั้งคู่พลันนิ่งงันราวกับกาลเวลาได้หยุดลงชั่วขณะหลิวอวี้เฟยรู้สึกถึงหัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม นางไม่คิดเลยว่าจะได้พบเขาอีกครั้งในสถานการณ์เช่นนี้“จื่อเหยียน…” นางเอ่ยชื่อของเขาแผ่วเบาราวกับเสียงนั้นหลุดออกมาจากความทรงจำอันแสนไกลซุนเหวินนิ่งค้างดวงตาคมกริบที่เคยเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวกลับอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เขาจ้องมองนางราวกับต้องการจะยืนยันว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นไม่ใช่ภาพฝัน“เหม่ยจู” เสียงของเขาเองก็ฟังดูแผ่วเบาไม่ต่างกัน ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้เรื่องการหย่าของนางเพียงแต่เขาแค่กำลังรอโอกาสให้เวลาผ่านไปพอสมควรและจะไปเยี่ยมนางเพื่อให้นางผู้เป็นที่รักไม่ต้องตกเป็นข้อครหาต่อผู้คน ดังนั้นเขาจึงได้แต่ทนอดกลั้นความปรารถนาเอาไว้อย่างเจ็บปวดหลิวหยุนจิงที่ยืนอยู่ข้างมารดามองทั้งสองสลับกันไปมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย นางกระตุกแขนเสื้อของหลิวอวี้เฟย เบา ๆ“ท่านแม่… ท
ภายในความฝันของเด็กหญิง หลิวหยุนจิงกำลังเดินถือถังหูลู่กินไปตลอดทางในขณะเดียวกันนั่นเองนางคล้ายถูกจับจ้องจากอะไรบางสิ่งและในขณะที่นางกำลังจะเหลียวหลังกลับไปดูให้มั่นใจ เสียงเคาะประตูหน้าห้องพลันดังขึ้นจากแรงเคาะของคนด้านนอกก่อนที่ประตูจะเปิดออกอย่างรวดเร็ว“คุณหนู! ตื่นเจ้าค่ะ มีเรื่องใหญ่แล้ว” เสียงของเถาจูแสดงความร้อนใจระคนยินดี“ง่ำ ๆ เรื่องอะไร” ดวงตาของผู้ที่นอนอยู่ยังคงปิดสนิท เสียงของนางยานคางฟังจนเกือบไม่ได้สรรพ“มีราชโองการกำลังมาเจ้าค่ะ มีทหารมาแจ้งเมื่อหนึ่งเค่อที่ผ่านมา” อาหลันที่เดินตามเข้ามาพร้อมอ่างล้างหน้าพูดขึ้นเปลือกตาของหลิวหยุนจิงเริ่มขยับ “หา! ราชโองการ.....ราชโองการอันใด” นางถามเสียงตื่นในเวลาเดียวกันนั้นเองอวิ๋นซิงที่ได้ยินเสียงของคู่หูได้พูดขึ้น ก็เจ้าไปทำความดีความชอบใดไว้เล่า แค่นี้ก็ลืมแล้ว ในราชโองการระบุแต่งตั้งให้เจ้าเป็นธิดาเทพคำกล่าวของนกชิงเหนียวทำให้หลิวหยุนจิงคิ้วขมวดเข้าหากัน “เมื่อคืนในวังเกิดการลอบสังหารเช่นนั้นหรือ” นางถามออกมาอย่างนึกขึ้นได้“ใช่แล้วลูกรัก ในเมื่อรู้แล้วเจ้าก
หลิวหยุนจิงนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนตอบ“ท่านอา หากเป็นไปได้ข้าอยากให้ทางองค์จักรพรรดิพิจารณานโยบายเกี่ยวกับเกลือใหม่ ในปัจจุบันเกลือเป็นสินค้าที่ถูกผูกขาดโดยราชสำนัก ซึ่งทำให้ราคาสูงและประชาชนเข้าถึงได้ยากหากเรายกเลิกการผูกขาดนี้ให้ประชาชนสามารถผลิตและจำหน่ายเกลือได้อย่างเสรีจะช่วยลดราคาและเพิ่มการเข้าถึงของราษฎร นอกจากนี้ทางราชสำนักยังสามารถเก็บภาษีจากการผลิตและจำหน่ายเกลือแทน ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับท้องพระคลังโดยไม่เป็นภาระต่อประชาชนมากนัก ท่านอามีความเห็นเช่นไรเจ้าคะ”หลิวเช่อทรงพยักหน้าพลางย่นคิ้วเข้าหากัน “เจ้าคิดว่าประชาชนสามารถผลิตเกลือได้เองอย่างนั้นหรือ ทุกวันนี้เกลือของแคว้นส่วนใหญ่มีผู้ผลิตได้น้อยเนื่องจากเป็นภูมิปัญญาสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น”หลิวหยุนจิงพยักหน้าก่อนกล่าวต่ออย่างมั่นใจ “ท่านอา ข้าย่อมเข้าใจดีว่าการผลิตเกลือเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมา และโดยมากแล้วความรู้เหล่านี้มักถูกปิดกั้นไม่ให้เผยแพร่สู่คนนอก อย่างไรก็ตามหากราชสำนักสามารถจูงใจให้ผู้ที่มีประสบการณ์ถ่ายทอดความรู้นี้ โดยอาจให้สิทธิพิเศษหรือรางวัลตอบแทนแก่ผู้ที่ยอมสอนคนรุ่นใหม่ข้า
หลังจากหลิวอวี้เฟยและหวังจูเริ่มลงมือทดลองทำสบู่ตามคำแนะนำของหลิวหยุนจิง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกเหมยและเปลือกส้มก็ฟุ้งกระจายไปทั่วโรงเรือนทางด้านข้างของเรือนของนาง จนกระทั่งหวังชูหรงที่กำลังเดินมาหาบุตรสาวได้กลิ่น“พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใดกันอยู่หรือ แม่ได้ยินบ่าวมาบอกว่าได้กลิ่นหอมลอยออกมาจากเรือนของเจ้าก็เลยเดินมาดู” เสียงแหบพร่าของหญิงชราถามขึ้นอย่างใคร่รู้“ท่านแม่” หลิวอวี้เฟยเดินเข้าไปประคองมารดาพลางเรียกออกมาอย่างอ่อนหวานเช่นเดียวกับหยุนจิงที่เดินไปหายายของตนเช่นกัน“ท่ายยายเจ้าคะ หลานกับท่านแม่กำลังทำสบู่เจ้าค่ะ ข้ากำลังคิดว่าหากได้ผลดีจะนำไปมอบให้ท่านอยู่พอดี” เสียงออดอ้อนอ่อนหวานของหลานสาวตัวน้อยทำให้หวังชูหรงเผยรอยยิ้มบางออกมา“สบู่? คือสิ่งใดหรือเจ้า ใช่ที่กำลังส่งกลิ่นหอมอยู่ตอนนี้หรือไม่”“ใช่เจ้าค่ะท่านยาย” หลิวหยุนจิงยิ้มหวานพร้อมกับดึงมือของหวังชูหรงให้เดินเข้าไปภายในโรงเรือน“สบู่คือสิ่งที่ข้ากับท่านแม่กำลังทดลองทำเพื่อใช้ชำระร่างกายเจ้าค่ะ กลิ่นหอมที่ท่านได้กลิ่นก็มาจากน้ำดอกเหมยและเปลือกส้มที่เราผสมลงไป”หวังชูหรงมองสบู่