共有

บทที่ 2

หยุนจิงนั่งอยู่บนเตียงมองรอบห้องด้วยความรู้สึกสับสน ดวงตาคู่น้อยกวาดมองเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็งแกะสลักละเอียดที่แปลกตาไปจากทุกสิ่งที่เธอเคยเห็นในชีวิตจริง

ห้องนอนใหญ่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศโบราณและกลิ่นหอมจากไม้จันทร์ที่กำลังลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศทำให้เธอรู้สึกเหมือนหลุดมาอยู่ในฉากละครย้อนยุค

“มันจะต้องเป็นความฝันแน่ ๆ... แต่มันสมจริงเกินไปไหม” หยุนจิงพึมพำเบาๆ พร้อมหยิกแขนตัวเองจนรู้สึกเจ็บ “โอ๊ย! เจ็บนี่นา!”

“คุณหนู! เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ เกิดอะไรขึ้น” ไป่ซินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนดวงตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ขณะที่รีบวางอ่างน้ำและผ้าไว้ที่โต๊ะด้านข้าง

หยุนจิงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของนาง หญิงวัยกลางคนในชุดสาวใช้ที่ดูสุภาพเรียบร้อย หยุนจิงพยายามเก็บสีหน้าเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตแต่ในใจกลับเต็มไปด้วยคำถาม

“เอ่อ... ข้าไม่ได้เป็นอะไรหรอก” หยุนจิงตอบด้วยเสียงแผ่วเบา พยายามปรับตัวกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย เธอกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อคิดหาข้อแก้ตัว

“แค่...แค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย”

ไป่ซินมองดูคุณหนูของนางอย่างสงสัยแต่ไม่กล้าถามมากความ นางหยิบผ้าชุบน้ำขึ้นมาบิดเบา ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้

“คุณหนูนอนพักก่อนเถอะนะเจ้าคะ เดี๋ยวบ่าวจะเช็ดหน้าให้” ไป่ซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลขณะยกผ้าขึ้นเตรียมเช็ดใบหน้าของเด็กหญิง

หยุนจิงผงะหนีโดยไม่ตั้งใจ ความคิดตีกันยุ่งในหัว เธอไม่รู้จักคนตรงหน้าและยังไม่แน่ใจว่าเธอควรทำตัวอย่างไรให้ดูเหมือนคุณหนูตัวจริง

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าทำเองได้” หยุนจิงเอ่ยออกไปในที่สุด พลางยื่นมือไปรับผ้ามาเช็ดหน้ามาลูบตามกรอบหน้าด้วยตัวเอง

ไป่ซินมองคุณหนูของนางด้วยแววตาประหลาดใจแต่ก็ยิ้มรับ “หากคุณหนูไม่ต้องการให้บ่าวช่วย บ่าวก็ไม่บังคับเจ้าค่ะ แต่ถ้าคุณหนูต้องการอะไรอย่าลืมเรียกบ่าวนะเจ้าคะ”

หยุนจิงพยักหน้าเบา ๆ ขณะมองไป่ซินเดินกลับไปที่อ่างน้ำ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ทั้งแปลกและยากลำบาก

“คนพวกนี้...เป็นใครกันแน่ แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” หยุนจิงคิดในใจขณะพยายามสงบสติอารมณ์ และเริ่มครุ่นคิดหาวิธีค้นหาความจริงในสถานการณ์ที่ดูเหมือนความฝันนี้

หยุนจิงระบายลมหายใจออกมาเพื่อคลายความอึดอัด ก่อนจะหันไปสำรวจรอบ ๆ ห้องนอนที่ตกแต่งด้วยข้าวของโบราณต่อ

มือของเธอลูบไปที่หัวเตียงไม้แกะสลักอย่างประณีต ก่อนจะมองไปทางโต๊ะเครื่องแป้งที่มีกระจกทองเหลืองตั้งอยู่และตู้เก็บของขนาดใหญ่ที่ประดับด้วยลวดลายดอกไม้อันอ่อนช้อยซึ่งเธอไม่รู้ว่าคือดอกอะไรแต่มันดูงดงามเป็นอย่างมาก

“ถ้าฉันยังฝันอยู่ ก็คงจะเป็นฝันที่สมจริงที่สุด...” เธอพึมพำกับตัวเอง หัวใจยังเต้นระรัวจากความสับสนที่ท่วมท้นอยู่ในอก ไป่ซินที่กำลังจัดของอยู่เงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงพึมพำของคุณหนูที่ตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ

“คุณหนูเจ้าคะ หากไม่สบายใจเรื่องใดสามารถบอกกับบ่าวได้นะเจ้าคะ”

หยุนจิงนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะส่งยิ้มออกไปให้นาง แม้ว่าเธอจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด แต่เธอก็เริ่มตระหนักว่า การทำตัวสงบและค่อย ๆ เก็บข้อมูลอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้

“ข้าไม่เป็นไร แค่...รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย” หยุนจิงตอบ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ “ว่าแต่...ข้าควรเตรียมตัวทำอะไรวันนี้หรือไม่”

ไป่ซินเอียงคอเล็กน้อยพลางคิด ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ “คุณหนูเพิ่งจะฟื้นจากไข้ เพียงแค่นอนพักผ่อนก็พอเจ้าค่ะ ว่าแต่เหตุใดเถาจูยังไม่กลับมาอีก”

หยุนจิงเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อ “เถาจู” ที่ไป่ซินเอ่ยถึง เธอพยายามคงท่าทีสงบและถามออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย

“เถาจูหรือ? นางเป็นใครกัน เอ่อแล้วเจ้ามีชื่อว่าอะไรด้วย”

ไป่ซินเงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำ สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจก่อนจะตอบ

“คุณหนูลืมแล้วหรือเจ้าคะ เถาจูเป็นคนรับใช้คนสนิทของคุณหนู ปกติแล้วนางจะไม่ห่างจากคุณหนูเลย แต่เมื่อเช้าตอนคุณหนูเพิ่งฟื้นข้าสั่งให้นางไปตามฮูหยิน ส่วนบ่าวมีชื่อว่าไป่ซินเป็นแม่นมของคุณหนู แม้แต่เรื่องนี้คุณหนูก็ลืมหรือเจ้าคะ ไม่ได้การแล้วเห็นทีว่าข้าคงต้องออกไปเรียนฮูหยินด้วยตัวเอง”

หญิงวัยกลางคนรีบเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังทำให้หยุนจิงได้แต่มองแผ่นหลังของนางตาปริบ ๆ ในขณะที่นางกำลังยังคงสับสนอยู่หูของเจ้าตัวก็พลันได้ยินเสียงเอะอะจากทางด้านนอก ร่างเล็ก ๆ ของเธอสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ เสียงนั้นดูเหมือนเป็นการโต้เถียงกันระหว่างผู้คนหลายคนและท่าทางจะเป็นเรื่องไม่เล็ก

เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างระมัดระวัง แม้จะยังรู้สึกมึนหัวอยู่บ้างแต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นกลับเอาชนะทุกอย่าง หยุนจิงเดินไปที่หน้าต่างเปิดม่านออกอย่างช้า ๆ และมองออกไปข้างนอก

ที่ลานด้านหน้าบริเวณสวนดอกไม้ คนหลายคนกำลังยืนออกันอยู่ ท่ามกลางพวกเขามีหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูคุ้นตาจากความทรงจำเลือนรางของร่างเดิมกำลังยืนปกป้องเด็กหญิงร่างเล็กที่น่าจะอายุไล่เลี่ยกับเจ้าของร่างที่เธอเข้ามาสิง (แค่ก ๆ อาศัย)

“พี่หญิง ลูกของข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเยว่ฮวา (นามรองของนางเอก) นะเจ้าคะ” จงเสวี่ยเหม่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแต่ใบหน้าที่ดูหวาดกลัวกลับเผยแววเจ้าเล่ห์อย่างเห็นได้ชัดสำหรับผู้ที่สังเกตดี ๆ

เหม่ยจูมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงเฉียบขาดสวนกลับไปอย่างไม่ยินยอม

“ไม่ตั้งใจ? เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดไร้ความจริงของเจ้าอีกหรือ! ลูกข้าเพิ่งฟื้นจากไข้หนักกลับถูกเจ้าลูกสารเลวของเจ้าผลักจนล้มไม่เป็นท่าจนหัวกระแทก แค่คำว่าไม่ตั้งใจจะชดใช้ได้อย่างนั้นรึ?”

จงเสวี่ยเหม่ยยกมือขึ้นปิดปากทำทีเหมือนสะอื้น “พี่หญิงอย่าได้พูดแรงถึงเพียงนั้น ลูกของข้ายังเด็ก นางอาจจะเล่นซนไปบ้างตามประสา แต่ไม่มีเจตนาทำร้ายเยว่ฮวาเลยจริง ๆ” น้ำเสียงของนางชวนให้ผู้ฟังคิดว่าเป็นผู้ถูกกระทำเสียเอง

“เล่นซน? ลูกของเจ้าแก่กว่าลูกของข้าสองปี” เหม่ยจูแค่นเสียงหัวเราะเยาะก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิม

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าลูกของเจ้าเล่นซนจนข้าเกือบเสียลูกไป! และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าพยายามจะใช้ลูกของเจ้าเป็นข้ออ้าง! ในการกระทำความผิด”

เสียงของเหม่ยจูดึงดูดความสนใจของเหล่าคนรับใช้ที่อยู่ใกล้เคียง จงเสวี่ยเหม่ยเริ่มรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมาจากทุกทิศทาง แต่นางยังคงรักษาท่าทีสงบไว้ พลางยิ้มแย้มแม้จะมีเหงื่อซึมเล็กน้อย

“พี่หญิง คิดไปเองหรือเปล่า?” นางเอ่ยเสียงเบาหวิว ทว่าคำพูดของนางกลับจุดประกายความโกรธในดวงตาของเหม่ยจู

“คิดไปเอง?” เหม่ยจูขยับเข้าไปใกล้พร้อมพูดอย่างดุดัน “ข้าคิดไปเองทุกครั้งที่ลูกของข้าต้องล้มป่วยหรือเลือดตกยางออกเพราะถูกลูกของเจ้ากระทำอย่างนั้นหรือ? อย่าคิดว่าข้าจะอดทนได้ตลอดไป!”

บรรยากาศรอบตัวเงียบงัน มีเพียงเสียงหายใจหนัก ๆ ของเหม่ยจูและเสียงลมหายใจที่พยายามอดกลั้นของผู้คนที่ยืนมองเหตุการณ์

หยุนจิงที่แอบฟังอยู่ด้านในรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันตึงเครียด เธอขมวดคิ้วแน่นพลางคิดว่า “แม่ของร่างนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ”

แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายไปมากกว่านี้ เสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจและความหนักแน่นของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น

“พอได้แล้ว! ข้าจะฟังเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”

เสียงของหลี่เจี้ยนเฉิงดังขึ้นพร้อมกับร่างของเขาที่ก้าวเข้ามากลางวงล้อมของผู้ชม สายตาของเขาแฝงไปด้วยความเย็นชาพลางกวาดมองทั้งเหม่ยจูและจงเสวี่ยเหม่ยอย่างพิจารณาราวกับต้องการให้ทั้งสองสงบลงด้วยแรงกดดันที่แผ่ออกมา

“เหตุใดจึงมีเสียงเอะอะในจวน? พวกเจ้าไม่เกรงใจข้าเลยหรืออย่างไร ไป๋เสวี่ย (นามรองของจงเสวี่ยเหม่ย) ไม่ใช่เจ้าให้ เหยียนเฉิง (นามรองของหลี่อี้เฉิน)ไปตามข้าเรื่องที่ถูกเหม่ยจูกล่าวหาว่าเจ้าขโมยของหรอกหรือ” น้ำเสียงของเขาต่ำลึกและเต็มไปด้วยอำนาจ มันจึงทำให้บรรยากาศดูอึดอัดยิ่งกว่าเดิม

“เจ้าค่ะ ท่านพี่” จงเสวี่ยเหม่ยก้มหน้าลงเล็กน้อย ท่าทางเหมือนหวาดกลัวแต่แฝงไว้ด้วยความน้อยใจ “ข้าแค่ต้องการอธิบายความจริงให้ท่านฟังแต่ดูเหมือนว่าพี่หญิงจะเข้าใจข้าผิดเสียก่อน”

เหม่ยจูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลับไม่ยอมลดราวาศอก ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความโกรธแต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างาม

“เข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าใครจะเชื่อคำพูดของเจ้ากันแน่ เสวี่ยเหม่ย!”

หลี่เจี้ยนเฉิงยกมือขึ้นเพื่อหยุดการโต้เถียงของทั้งสอง “ข้าจะฟังคำอธิบายจากเจ้าทั้งคู่ และข้าจะเป็นผู้ตัดสินเองว่าใครผิดใครถูก”

หยุนจิงที่แอบฟังอยู่ภายในห้องรู้สึกถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นางพยายามเงี่ยหูฟังเพื่อจับความหมายของบทสนทนาที่ดุเดือดระหว่างผู้ใหญ่เหล่านี้

ก่อนที่ดวงตาของเธอจะสว่างวาบ “ทำไมชื่อคนเหล่านี้ถึงคุ้นหูฉันมากขนาดนี้ มะ..ไม่จริงหรอกใช่ไหม เรื่องที่คุยกับเหม่ยหลินเมื่อคืนจะเกิดขึ้นได้ยังไง” หยุนจิงพึมพำด้วยใบหน้าซีดเผือด

ในตอนนี้เธอกำลังทำการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ถึงสิ่งที่รู้เห็นกับตาของตัวเองและผลสรุปที่ได้นั้นก็คือเธอได้หลงข้ามยุคผ่านกาลเวลามาอยู่ในนิยายเรื่องพยัคฆ์ล่มราชวงศ์ในยุคของฮั่นอู่ตี้เข้าให้แล้ว

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • ย้อนเวลาป่วน...ฉางอัน    บทที่ 253

    บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ยุคฮั่นตะวันตกจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ (หลิวเช่อ) ครองราชย์ 141 - 87 ปีก่อนคริสตกาลเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก และเป็นหนึ่งในจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่และครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์จีน (54 ปี)ความสำคัญ: รัชสมัยของพระองค์ถือเป็นยุคทองของราชวงศ์ฮั่น มีการขยาย

  • ย้อนเวลาป่วน...ฉางอัน    บทที่ 252

    การเดินทางบนเส้นทางสายไหมในครั้งนั้นของคณะหลิวหยุนจิงใช้เวลาหลายปีในการบุกเบิก สำรวจ และสร้างสัมพันธ์ทางการค้า มันเป็นการเดินทางที่ยาวนานจากที่หลิวหยุนจิงเคยคาดไว้พวกเขาล้วนผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านอันตรายนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งจากธรรมชาติอันโหดร้าย โจรป่า และความขัดแย้งระหว่างชนเผ่า แต่ด้วยความรู้ ความสาม

  • ย้อนเวลาป่วน...ฉางอัน    บทที่ 251

    "เจ้ามีเรื่องใดในใจเช่นนั้นหรือ" ฮั่วหยุนถามพลางโอบนางเข้ามาในวงแขนอย่างแผ่วเบา"ท่านจำเรื่องที่ข้าเคยเกริ่นไว้เนิ่นนานมาแล้วถึงเรื่องขององค์รัชทายาทได้หรือไม่เจ้าคะ" คำกล่าวของคนในอ้อมแขนทำให้ฮั่วหยุนมองนางพลางพยักหน้ารับ"จำได้ ว่าแต่เจ้าเอ่ยเรื่องนี้มาเพราะเหตุใดหรือว่ามีข่าวจากทางเมืองหลวงว่าฝ่า

  • ย้อนเวลาป่วน...ฉางอัน    บทที่ 250

    ในระหว่างที่พวกเขาเคลื่อนขบวนลึกเข้าไปในดินแดนทางตะวันตกมากขึ้นเรื่อย ๆ ทิวทัศน์สองข้างทางเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นทะเลทรายแสนเวิ้งว้างและแนวเขาหินสีน้ำตาลแดงมากกว่าเดิมอากาศในตอนกลางวันเองก็ร้อนระอุขึ้นแต่ทว่าในตอนกลางคืนกลับหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ พวกเขาต้องเดินทางผ่านเมืองน้อยใหญ่รวมถึงโอเอซิสขนาดเล็กและ

  • ย้อนเวลาป่วน...ฉางอัน    บทที่ 249

    ห้าปีผ่านไปไวราวสายลมพัด... ฤดูใบไม้ผลิอีกคราได้เวียนมาเยือน ทุ่งหญ้าชายแดนเริ่มผลิดอกออกใบขับไล่ความแห้งแล้งของฤดูหนาวให้จางหายไปขบวนเดินทางขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ประกอบด้วยทหารคุ้มกันหลายสิบนายและรถม้าขนสัมภาระกำลังเคลื่อนตัวออกจากประตูเมืองนอกด่านของเมืองเตี้ยนหวงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเส้นทางเบื้อ

  • ย้อนเวลาป่วน...ฉางอัน    บทที่ 248

    แม้จะมีบางคำถามที่เขาลังเลไปบ้าง ถึงกระนั้นเขาก็ผ่านด่านสุดท้ายไปได้ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า"เอาละ ๆ ข้ายอมให้ผ่านก็ได้!" หลิวหานซินกับซูอันหัวเราะร่าเปิดประตูให้เจ้าบ่าวเข้าไปแต่โดยดี ซึ่งฮั่วหยุนไม่ได้เอะใจกับสองพี่น้องที่กำลังยักคิ้วให้แก่กันฮั่วหยุนถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางปา

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status