แชร์

มหรสพนี้ข้าเป็นเพียงผู้ชม

ผู้เขียน: lianlian
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-06 05:24:58

“หรงเอ๋อร์” ฉางซื่อหลางเลิกคิ้วถามอย่างนึกสงสัยที่อีกฝ่ายนิ่งเงียบไป

หานฉงหรงหลุดจากภวังค์ ก่อนช้อนตาขึ้นมอง “ปิ่นที่เจ้าให้ ข้าชอบมาก เจ้าช่วยประดับที่เรือนผมของข้าให้หน่อยได้หรือไม่ จากนั้นข้าจะเดินไปอวดคนในตลาด ให้เขารู้ว่ากันให้ทั่วว่าว่าที่คู่หมั้นของข้านั้นช่างแสนดีเพียงใด”

ฉางซื่อหลางสะอึกอึ้ง ก่อนเอ่ยอย่างไม่เต็มเสียงนัก “หรงเอ๋อร์ ปิ่นชิ้นนี้ข้าอุตส่าห์สั่งทำพิเศษเพื่อเจ้า ไว้ประดับในงานสำคัญหรือช่วงเทศกาลไม่ดีกว่าหรือ ถ้าเกิดเผลอไผลทำตกขึ้นมาจะไม่มีอีกแล้วนะ”

ฉงหรงกล่าวเสียงเง้างอดอย่างมิเคยทำ “ไม่เอา ในเมื่อเป็นของพิเศษที่มีชิ้นเดียวในโลกก็ต้องอวดให้ผู้อื่นได้เห็นสิ นอกเสียจากว่าปิ่นชิ้นนี้จะมีผู้อื่นใส่เหมือนกัน”

เห็นฉางซื่อหลางทำสีหน้าย่ำแย่เหมือนคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นนางพลันรู้สึกปลอดโปร่งเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยวาจาออดอ้อนเขาต่อ “ถือว่าข้าขอร้องเจ้านะ ซื่อหลาง”

คล้ายคนขี่หลังเสือแล้วไม่อาจหาทางลงได้ สุดท้ายฉางซื่อหลางก็พยักหน้าด้วยสีหน้าจืดเจื่อนเล็กน้อย

เนื่องจากเป็นช่วงสาย ตลาดที่ถนนสายหลักยังคงครึกครื้น หานฉงหรงยิ้มรับขนมเม็ดบัวคลุกผงกุ้ยฮวาที่ว่าที่คู่หมายซื้อมาให้พลางกัดกินไปคำหนึ่ง จากนั้นก็เลี้ยวไปยังตรอกชิงฮวาพร้อมกับหลินหลาง แวะร้านขายน้ำหวานซื้อน้ำดอกสายน้ำผึ้งที่ใส่กระบอกไม้ไผ่มา ดื่มด่ำความหอมหวานอย่างมีความสุข พลางมองหาบางอย่างที่ต้องการ จากนั้นก็ลอบสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย ยิ่งเมื่อเห็นฉางซื่อหลางดูลุกลี้ลุกลนนางก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่นางคาดเดาไว้นั้นถูกต้อง

จำได้ว่าก่อนหน้าที่นางจะแต่งงานกับฉางซื่อหลาง หลินหลางเคยบอกนางว่าฉางซื่อหลางนั้นลักลอบมีความสัมพันธ์กับแม่ค้าขายดอกไม้นางหนึ่งในตรอกชิงฮวา ถึงขนาดมอบของแทนใจ ทว่าหานฉงหรงในเวลานั้นไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย

อาจเพราะตอนนั้นนางคงถูกความรักที่มีต่อฉางซื่อหลางและความดีงามที่เจ้าตัวเพียรกระทำตอนอยู่ต่อหน้าปิดหูปิดตาจนมืดบอด กว่าจะรู้ตัวทุกอย่างก็สายเกินแก้ไปเสียแล้ว

หานฉงหรงลอบถอนใจ เวลานี้ไม่มีประโยชน์ที่จะนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว เมื่อได้โอกาสย้อนกลับมา ก็อย่าได้โง่หลงงมงายอีก เพียงแค่นั้นก็พอ

ร้านดอกไม้ที่เป็นเป้าหมายนั้นหาไม่ยาก เพราะในตรอกชิงฮวานี้มีร้านดอกไม้อยู่สองร้าน ร้านหนึ่งเจ้าของเป็นหญิงชราอายุเกือบเจ็ดสิบ ส่วนอีกร้านเจ้าของยังเป็นดรุณีน้อยหน้าตางดงาม ซึ่งดูจากรสนิยมชมชอบของฉางซื่อหลางย่อมเลือกเกี้ยวพาราสีแม่ค้าจากร้านแรกมากกว่า อีกทั้งหญิงสาวเจ้าของร้านยังประดับปิ่นอวิ๋นเหยาที่เหมือนกับนางอย่างโดดเด่นสะดุดตาเสียขนาดนั้น ต่อให้เป็นเด็กสามขวบก็เข้าใจ

“หรงเอ๋อร์ เดี๋ยว...” ฉางซื่อหลางพยายามเรียกหานฉงหรงที่พลิ้วกายเดินไปยังร้านขายดอกไม้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานใส

“ดอกกล้วยไม้ช่อนี้งามนัก ราคาเท่าไหร่หรือ”

ฝูหรงผู้เป็นเจ้าของร้านที่กำลังง่วนกับการจัดร้านเงยหน้ามาพร้อมรอยยิ้ม “กล้วยไม้นั้นสามอีแปะเจ้าค่ะ”

กล่าวเพียงแค่นั้นก็พลันสะอึกอึ้งเมื่อเห็นฉางซื่อหลางอยู่เบื้องหลังคุณหนูนางนี้ ก่อนเอ่ย “กล้วยไม้นั้นก็งามอยู่ ทว่ากลีบดอกเริ่มช้ำแล้ว ข้าว่าคุณหนูควรดูดอกไม้ชนิดอื่นดีกว่าไหม”

ปลายนิ้วของหานฉงหรงไล้ไปตามกลีบแข็งของกล้วยไม้ดอกหนึ่งพลางเอ่ย “กล้วยไม้ ถือเป็นหนึ่งในสี่ของพฤกษาอันทรงเกียรติ [1] สื่อถึงความรักอันสูงส่ง มีเกียรติ และดีงาม ไม่มีหน้าหรือหลัง เหมือนกับความรักของข้ากับคู่หมายท่านนี้ ที่เขามาสู่ขอข้าอย่างเอิกเกริก ไม่เคยต้องหลบซ่อน หรือลักกินขโมยกิน”

ฝูหรงขายดอกไม้มานาน ลูกค้ามีตั้งแต่ชาวบ้านธรรมดาไปจนถึงบัณฑิตมีความรู้ จึงต้องศึกษาเรื่องดอกไม้มามากพอตัว มีหรือที่นางจะไม่เข้าใจความหมายของดอกไม้ที่หานฉงหรงจงใจเสียดสี แสดงว่านางเริ่มระแคะระคาย แต่เมื่อนึกถึงที่บุรุษที่ยืนอยู่ด้านหลังฉงหรง ทั้งยังคำมั่นที่อีกฝ่ายเคยบอกนางว่าหลังรักตนมาก่อน ก็ให้รู้สึกลำพอง "ขอบคุณคุณหนูที่อธิบาย กล้วยไม้นี้เหมาะสมกับสถานะและความรักอันสูงส่งของท่านอย่างยิ่ง ทว่าความรักของข้าเองก็ไม่ต่างจากดอกกล้วยไม้ ผู้มอบปิ่นอวิ๋นเหยานี้ให้กับข้าก็เป็นบุรุษที่สูงส่ง และมั่นคงในรักไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน" ฝูหรงว่าพลางหัวเราะเสียงใสจจนปิ่นอวิ๋นเหยาที่ประดับสะท้อนแสงแดดกรีดบาดนัยน์ตาคนฟัง

หานฉงหรงอมยิ้ม ขณะกำลังจะอ้าปากเอ่ย พลันมีเสียงๆ หนึ่งดังแทรกขึ้นมา

"นั่น ปิ่นอวิ๋นเหยาที่คุณชายฉางมอบให้คุณหนู เจ้าได้มาได้อย่างไร!?" เป็นหลินหลางนั่นเองที่โพล่งออกมา ท่าทางของนางโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าฉงหรงที่เป็นเจ้าของปิ่นเสียอีก ฉงหรงเห็นดังนั้นก็ไม่คิดห้ามปราม เพียงยืนดูอยู่เงียบๆ

"เจ้าบอกว่าปิ่นนี้เป็นของคุณหนูเจ้า สาวใช้ชั้นต่ำเช่นเจ้าจะแยกแยะอันใดได้มากน้อย หรือเจ้าจะบอกว่าคุณชายฉางอะไรนั่นของเจ้าเป็นพวกเจ้าชู้มากรัก สั่งทำปิ่นแจกจ่ายสตรีไปทั่ว" ฝูหรงพลางค้อนควับไปยังฉางซื่อหลางที่มีใบหน้าเครียดดั่งเมฆาฟ้าคำรณ

"เจ้า!" หลินหลางยื่นมือไปดึงปิ่นออกจากเรือนผมฝูหรง "อย่าได้บังอาจพูดจาดูถูกคุณชายฉาง!"

"นางเด็กนี่!" ฝูหรงตั้งหลักได้พลันคว้าสาบเสื้อของหลินหลางเอาไว้ "ทำกับข้าเพียงนี้ ก็อย่าหาว่าแม่ค้าปากตลาดเช่นข้าโหดร้าย!"

ตวาดจบฝูหรงก็ผลักหลินหลางล้มลงไปกับพื้น ก่อนก้าวคร่อมตัวอีกฝ่ายไว้ ขณะที่กำลังเงื้อมือหมายฟาดไปที่หน้าของสาวใช้ชั้นต่ำ สายตาพลันเหลือบไปเห็นปิ่นอวิ๋นเหยาที่เหมือนกับนางไม่ผิดเพี้ยนจึงพลันเหยียดยิ้ม "โถๆ ทำเป็นสาวใช้ผู้ภักดีเถียงแทนเจ้านาย ที่แท้หลวงอนุรักใคร่กลมเกลียวเช่นนี้!"

"นางสารเลว วาจายิ่งกว่าสวาปามอาจมไปทั้งหลุมเช่นนี้อย่าเก็บปากไว้กินข้าวอีกต่อไปเลย!" หลินหลางเลือดขึ้นหน้าก่อนตบหน้าฝูหรงอย่างไม่ออมแรง การกระทำนี้ไม่ต่างจากการรัวกลองเปิดศึก สองสตรีตรงเข้าตะลุมบอนจนฝุ่นตลบทั้งยังเสียกิริยาน่าเอนจอนาถยิ่ง

ฉางซื่อหลางหลับตานิ่งอย่างข่มอารมณ์ ทำเป็นไม่เห็นเหตุร้ายเบื้องหน้าก่อนเอ่ย "หรงเอ๋อร์ เราไปที่อื่นเถอะ"

หานฉงหรงไม่มีท่าทีเคืองขุ่นก่อนเอ่ย "ข้าน่ะไปได้ แต่เจ้าจะไปได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ของทางการอย่างเจ้าต้องรักษาความสงบเรียบร้อย เจ้ารีบไประงับเหตุก่อนเถอะ ส่วนข้าจะไปรอที่ปากทางเข้าตรอกเอง"

ว่าจบนางก็ตบบ่าเขาสองสามครั้ง ก่อนเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี

[1] พฤกษาอันทรงเกียรติทั้งสี่ (四君子) ได้แก่ ดอกกล้วยไม้ ดอกเหมย ดอกเบญจมาศ และต้นไผ่

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   ตัดเย็บชุดสาวเจ้าให้ผู้อื่น ข้าเต็มใจเสียยิ่งกว่าเต็มใจ 2

    หานฉงหรงถือวิสาสะเข้ามาในห้องของหลินหลางโดยไม่มีการบอกล่วงหน้า จึงได้ทันเห็นหลินหลางในสภาพบอบช้ำยับเยิน ทั่วร่างมีแต่รอยฟกช้ำไม่เว้นที่ โดยเฉพาะที่ใบหน้าที่แทบไม่เหลือเค้าความน่ารักน่าเอ็นดูอีกต่อไปใจหนึ่งหญิงสาวอยากจะสมน้ำหน้า แต่ใจหนึ่งก็สมเพชเวทนาที่อีกฝ่ายไม่ทันเล่ห์ลวงของบุรุษจนต้องมามีสารรูปเช่นนี้ นางสูดลมหายใจลึกก่อนเอ่ยเรียก “หลินหลาง”หลินหลางสะดุ้งสุดตัว ก่อนหันไปทางที่มาเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใด นางก็รีบยกมือปิดหน้าตนเองก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว “คุณหนู”หานฉงหรงเพียงปรายตามองที่โต๊ะข้างเตียงก็เห็นว่ามีคนเอายามาวางเอาไว้แล้ว นางจึงฉวยเอาตลับกระเบื้องที่อยู่ในบรรดายาทั้งหมดออกมาใบหนึ่งแล้วเดินไปนั่งข้างๆ ท่าทางเต็มเปี่ยมด้วยความห่วงใย “ให้ข้าทายาให้เจ้า”“คุณหนูเจ้าคะ ข้าเป็นบ่าวต่ำต้อย ท่านอย่าได้ลดตัวทำเช่นนี้เพื่อข้าเลยเจ้าค่ะ”หานฉงหรงช้อนตาขึ้นมอง “บ่าวต่ำต้อยอันใด สกุลหานของเราให้เกียรติคนทุกชนชั้น ทั้งข้าและเจ้าต่างก็เป็นคนดุจเดียวกัน อีกอย่างเราสองคนเติบโตมาด้วยกัน รักใคร่ดั่งพี่น้อง เรื่องเพียงแค่นี้มิใช่เรื่องใหญ่โต”หลินหลางได้ฟังเช่นนั้นพลันน้ำตาเอ่อคลอ มองอีกฝ่ายป้า

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   ตัดเย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่น ข้าเต็มใจเสียยิ่งกว่าเต็มใจ 1

    พอถึงช่วงบ่าย หานฉงหรงก็กลับมาถึงบ้านสกุลหานโดยสวัสดิภาพ จากนั้นจึงเดินไปต้มน้ำชงชาและเตรียมขนมด้วยตนเอง เพราะรู้ดีว่าหลินหลางในตอนนี้คงไม่อาจกลับมาถึงได้ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ชาอู่อี๋เหยียน (ชาหินผา) ที่ถูกความร้อนค่อยๆ คลายตัวออกในถ้วยเปลี่ยนน้ำให้เป็นสีแดงดั่งทับทิม กลิ่นหอมคล้ายดอกกุ้ยซึ่งเป็นกลิ่นประเฉพาะตัวของชาชนิดนี้ลอยตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง หลังจากนั้นก็แกะห่อกระดาษที่มีขนมเปี๊ยะไส้เนื้อ ขนมเกลียว และขนมอื่นๆ ที่นางแวะซื้อระหว่างทางกลับมาแกะกินอย่างมีความสุขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้นับว่าเป็นความสำเร็จก้าวแรกในการเขี่ยฉางซื่อหลางออกไปจากชีวิต ทว่าเพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอ นางต้องการอะไรบางอย่างที่จะเป็นจุดแตกหักในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางให้ได้อย่างหมดจดพ้นเรื่องพ้นราวไป ซึ่งแน่นอนว่านางค้นพบแล้ว ถึงได้มานั่งกินขนมดื่มชาอย่างสบายใจเช่นนี้ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ฉางซื่อหลางก็มาถึงที่บ้านของนางพร้อมกับหลินหลางที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าก็ฉีกขาดบางส่วน จนฉงหรงต้องไม่พยายามออกปากถามว่าสตรีข้างๆ นางนั้นไปตบตีกับคนด้วยกันหรือว่าโดนฝูงสุนัขจรจัดรุมทึ้งมากันแน่ นางพยายามวางท่า

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   เด็กน้อย 2

    ใช้เวลาเดินโดยที่เหงื่อยังไม่ทันซึมหลัง หานฉงหรงและบุรุษปริศนาท่าทางงามสง่าก็เดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองจี๋หลิน โดยมีขันทีนามหลี่ฉางเดินนำทั้งสองขึ้นไปยังห้องพักชั้นสองที่อยู่ปีกขวาด้านในสุดซึ่งกล่าวกันว่าเป็นห้องที่หรูหราและมีความเป็นส่วนตัวเป็นที่สุด ซึ่งก็จริงดังคำกล่าว เมื่อหานฉงหรงอุ้มเด็กน้อยเข้ามาในห้องก็รู้สึกว่าห้องห้องนี้ตัดขาดกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิงราวกับอยู่กันคนละมิติฉงหรงอุ้มเด็กน้อยไปยังเตียงนอนที่อยู่ด้านในสุดที่มีเพียงแค่ม่านมุกกางกั้น เด็กชายที่ถูกนางอุ้มรู้สึกอุ่นกายสบายใจราวกับอยู่ในอ้อมอกมารดา หลับตาพริ้มพลางดูดนิ้วอย่างไร้เดียงสา ทำเอาหญิงสาวใจละลาย ทว่าเมื่อเห็นชายหนุ่มจ้องเขม็งมายังที่นาง จึงจำใจต้องวางร่างเล็กลงกับเตียงนอนทั้งๆ ที่ในใจยังรู้สึกอาวรณ์เด็กคนนี้น่ารักจริงๆ ไฉนผู้เลี้ยงดูจึงมิได้เศษเสี้ยวความน่ารักนี้มาบ้างเลยเล่าหานฉงหรงถอนใจอย่างนึกเห็นใจหนุ่มน้อยที่หลับปุ๋ยไปเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะเดินกลับออกไป ทว่าก็ติดกำแพงเลือดเนื้อที่ยังยืนตัวตรงประหนึ่งเสาค้ำสมุทรทำให้นางต้องหยุดนิ่งดุจเดิม “คุณชาย โปรดหลีกทางด้วยเจ้

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   เด็กน้อย 1

    3เด็กน้อยหานฉงหรงไปได้ยืนรออยู่ตรงปากทางเข้าตรอกชิงฮวาตามที่บอกไว้กับฉางซื่อหลาง กลับเพียงเดินไปอย่างไม่เร่งร้อนเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ห่างหายไปนานและเคยคิดว่าจะไม่มีโอกาสกลับมาอีกแล้วแต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ให้รู้สึกผะอืดผะอมจนต้องเอามือปิดปากตนเอง สตรีสองคนตบตีกันเพราะบุรุษสารเลวเพียงผู้เดียว ถ้าผู้ที่ลงมือนั้นเป็นนางในอดีตที่ยังถูกซื่อหลางปิดหูปิดตาจนมืดบอดไม่ใช่หลินหลาง คงทำให้บิดาและสกุลหานอับอายขายหน้าเป็นแน่เนิ่นนานกว่าที่หานฉงหรงจะยอมเอามือออกจากปากตนเอง นางถอนใจอย่างแช่มช้า ทำท่าจะเดินกลับไปที่บ้านของตน ทว่านางกลับต้องชะงักอยู่กับที่เหมือนถูกบางอย่างกอดรัดตรึงขาเอาไว้เมื่อก้มลงมองก็เห็นเด็กชายที่อายุประมาณสามสี่ขวบคนหนึ่ง ตาสองข้างวามแววดั่งดวงดารา พวงแก้มกลมยุ้ย ริมฝีปากแดงอิ่มดังผลอิงเถา ช่างเป็นเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูเหลือประมาณโดยไม่ได้ตั้งใจ...สายตาของหานฉงหรงเผลอมองใบหน้าของเด็กชายซ้อนทับกับลูกน้อยของตนเอง...ลูกน้อยวัยเก้าเดือนที่สิ้นลมหายใจพร้อมกับนางในเพลิงผลาญซึ่งจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีต่อมา...สองตาของนางพลันรื้อรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่จวนเจีย

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   มหรสพนี้ข้าเป็นเพียงผู้ชม

    “หรงเอ๋อร์” ฉางซื่อหลางเลิกคิ้วถามอย่างนึกสงสัยที่อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปหานฉงหรงหลุดจากภวังค์ ก่อนช้อนตาขึ้นมอง “ปิ่นที่เจ้าให้ ข้าชอบมาก เจ้าช่วยประดับที่เรือนผมของข้าให้หน่อยได้หรือไม่ จากนั้นข้าจะเดินไปอวดคนในตลาด ให้เขารู้ว่ากันให้ทั่วว่าว่าที่คู่หมั้นของข้านั้นช่างแสนดีเพียงใด”ฉางซื่อหลางสะอึกอึ้ง ก่อนเอ่ยอย่างไม่เต็มเสียงนัก “หรงเอ๋อร์ ปิ่นชิ้นนี้ข้าอุตส่าห์สั่งทำพิเศษเพื่อเจ้า ไว้ประดับในงานสำคัญหรือช่วงเทศกาลไม่ดีกว่าหรือ ถ้าเกิดเผลอไผลทำตกขึ้นมาจะไม่มีอีกแล้วนะ”ฉงหรงกล่าวเสียงเง้างอดอย่างมิเคยทำ “ไม่เอา ในเมื่อเป็นของพิเศษที่มีชิ้นเดียวในโลกก็ต้องอวดให้ผู้อื่นได้เห็นสิ นอกเสียจากว่าปิ่นชิ้นนี้จะมีผู้อื่นใส่เหมือนกัน”เห็นฉางซื่อหลางทำสีหน้าย่ำแย่เหมือนคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นนางพลันรู้สึกปลอดโปร่งเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยวาจาออดอ้อนเขาต่อ “ถือว่าข้าขอร้องเจ้านะ ซื่อหลาง”คล้ายคนขี่หลังเสือแล้วไม่อาจหาทางลงได้ สุดท้ายฉางซื่อหลางก็พยักหน้าด้วยสีหน้าจืดเจื่อนเล็กน้อยเนื่องจากเป็นช่วงสาย ตลาดที่ถนนสายหลักยังคงครึกครื้น หานฉงหรงยิ้มรับขนมเม็ดบัวคลุกผงกุ้ยฮวาที่ว่าที่คู่หมายซื้อมาให

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   พบหน้า

    โบราณว่า "พบศัตรูบนทางแคบ" ไม่ว่าจะเกลียดคนผู้นั้นมากเพียงใดจะหลบเลี่ยงเพียงไหนก็ยังมีโอกาสพบเจอ แล้วประสาอะไรกับฉางซื่อหลางที่ตอนนี้ยังเป็นคู่หมั้นคู่หมายของนาง "คุณหนู คุณชายฉางมาขอพบเจ้าค่ะ" เด็กสาวผูกมวยผมสองข้างหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเดินเข้ามาในบ้านด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก นางคือ หลินหลาง สาวใช้ที่บิดาของนางซื้อตัวมาในขณะหลินหลางคุกเข่าข้างศพมารดา ประกาศตนว่าจะขอขายตัวเป็นข้ารับใช้หรือเป็นม้าเป็นวัวจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ทั้งนางและหลินหลางสนิทสนมรักใคร่ราวกับพี่น้องร่วมอุทรก็ไม่ปานทว่าหลังจากที่หานฉงหรงถูกเรียกตัวมายังเมืองหลวง ในระหว่างที่นางตั้งครรภ์ซื่อหลางจึงเรียกหลินหลางมาเพื่ออยู่ปรนนิบัติรับใช้นางระหว่างตั้งครรภ์ แต่ใครจะคาดคิดว่า วันหนึ่งของการตั้งครรภ์ในเดือนที่ห้า หลินหลางกลับมาที่ห้องด้วยสภาพที่บอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ หลังจากที่หานฉงหรงคาดคั้นอยู่นานนางจึงยอมสารภาพว่า ฉางซื่อหลางเมามาย องค์หญิงเวินอี๋สุขภาพมิสู้ดีไม่ยินยอมปรนนิบัติ ส่วนนางตั้งครรภ์มิอาจร่วมอภิรมย์บนเตียงได้ ซื่อหลางจึงฉุดคร่านางเข้าห้อง ใช้กำลังบังคับนางด้วยแรงกำหนัดกล้าโดยที่หลินหลางมิยินยอม ตอนนั้นฉงหรง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status