Share

มหรสพนี้ข้าเป็นเพียงผู้ชม

Author: lianlian
last update Last Updated: 2025-07-06 05:24:58

“หรงเอ๋อร์” ฉางซื่อหลางเลิกคิ้วถามอย่างนึกสงสัยที่อีกฝ่ายนิ่งเงียบไป

หานฉงหรงหลุดจากภวังค์ ก่อนช้อนตาขึ้นมอง “ปิ่นที่เจ้าให้ ข้าชอบมาก เจ้าช่วยประดับที่เรือนผมของข้าให้หน่อยได้หรือไม่ จากนั้นข้าจะเดินไปอวดคนในตลาด ให้เขารู้ว่ากันให้ทั่วว่าว่าที่คู่หมั้นของข้านั้นช่างแสนดีเพียงใด”

ฉางซื่อหลางสะอึกอึ้ง ก่อนเอ่ยอย่างไม่เต็มเสียงนัก “หรงเอ๋อร์ ปิ่นชิ้นนี้ข้าอุตส่าห์สั่งทำพิเศษเพื่อเจ้า ไว้ประดับในงานสำคัญหรือช่วงเทศกาลไม่ดีกว่าหรือ ถ้าเกิดเผลอไผลทำตกขึ้นมาจะไม่มีอีกแล้วนะ”

ฉงหรงกล่าวเสียงเง้างอดอย่างมิเคยทำ “ไม่เอา ในเมื่อเป็นของพิเศษที่มีชิ้นเดียวในโลกก็ต้องอวดให้ผู้อื่นได้เห็นสิ นอกเสียจากว่าปิ่นชิ้นนี้จะมีผู้อื่นใส่เหมือนกัน”

เห็นฉางซื่อหลางทำสีหน้าย่ำแย่เหมือนคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นนางพลันรู้สึกปลอดโปร่งเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยวาจาออดอ้อนเขาต่อ “ถือว่าข้าขอร้องเจ้านะ ซื่อหลาง”

คล้ายคนขี่หลังเสือแล้วไม่อาจหาทางลงได้ สุดท้ายฉางซื่อหลางก็พยักหน้าด้วยสีหน้าจืดเจื่อนเล็กน้อย

เนื่องจากเป็นช่วงสาย ตลาดที่ถนนสายหลักยังคงครึกครื้น หานฉงหรงยิ้มรับขนมเม็ดบัวคลุกผงกุ้ยฮวาที่ว่าที่คู่หมายซื้อมาให้พลางกัดกินไปคำหนึ่ง จากนั้นก็เลี้ยวไปยังตรอกชิงฮวาพร้อมกับหลินหลาง แวะร้านขายน้ำหวานซื้อน้ำดอกสายน้ำผึ้งที่ใส่กระบอกไม้ไผ่มา ดื่มด่ำความหอมหวานอย่างมีความสุข พลางมองหาบางอย่างที่ต้องการ จากนั้นก็ลอบสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย ยิ่งเมื่อเห็นฉางซื่อหลางดูลุกลี้ลุกลนนางก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่นางคาดเดาไว้นั้นถูกต้อง

จำได้ว่าก่อนหน้าที่นางจะแต่งงานกับฉางซื่อหลาง หลินหลางเคยบอกนางว่าฉางซื่อหลางนั้นลักลอบมีความสัมพันธ์กับแม่ค้าขายดอกไม้นางหนึ่งในตรอกชิงฮวา ถึงขนาดมอบของแทนใจ ทว่าหานฉงหรงในเวลานั้นไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย

อาจเพราะตอนนั้นนางคงถูกความรักที่มีต่อฉางซื่อหลางและความดีงามที่เจ้าตัวเพียรกระทำตอนอยู่ต่อหน้าปิดหูปิดตาจนมืดบอด กว่าจะรู้ตัวทุกอย่างก็สายเกินแก้ไปเสียแล้ว

หานฉงหรงลอบถอนใจ เวลานี้ไม่มีประโยชน์ที่จะนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว เมื่อได้โอกาสย้อนกลับมา ก็อย่าได้โง่หลงงมงายอีก เพียงแค่นั้นก็พอ

ร้านดอกไม้ที่เป็นเป้าหมายนั้นหาไม่ยาก เพราะในตรอกชิงฮวานี้มีร้านดอกไม้อยู่สองร้าน ร้านหนึ่งเจ้าของเป็นหญิงชราอายุเกือบเจ็ดสิบ ส่วนอีกร้านเจ้าของยังเป็นดรุณีน้อยหน้าตางดงาม ซึ่งดูจากรสนิยมชมชอบของฉางซื่อหลางย่อมเลือกเกี้ยวพาราสีแม่ค้าจากร้านแรกมากกว่า อีกทั้งหญิงสาวเจ้าของร้านยังประดับปิ่นอวิ๋นเหยาที่เหมือนกับนางอย่างโดดเด่นสะดุดตาเสียขนาดนั้น ต่อให้เป็นเด็กสามขวบก็เข้าใจ

“หรงเอ๋อร์ เดี๋ยว...” ฉางซื่อหลางพยายามเรียกหานฉงหรงที่พลิ้วกายเดินไปยังร้านขายดอกไม้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานใส

“ดอกกล้วยไม้ช่อนี้งามนัก ราคาเท่าไหร่หรือ”

ฝูหรงผู้เป็นเจ้าของร้านที่กำลังง่วนกับการจัดร้านเงยหน้ามาพร้อมรอยยิ้ม “กล้วยไม้นั้นสามอีแปะเจ้าค่ะ”

กล่าวเพียงแค่นั้นก็พลันสะอึกอึ้งเมื่อเห็นฉางซื่อหลางอยู่เบื้องหลังคุณหนูนางนี้ ก่อนเอ่ย “กล้วยไม้นั้นก็งามอยู่ ทว่ากลีบดอกเริ่มช้ำแล้ว ข้าว่าคุณหนูควรดูดอกไม้ชนิดอื่นดีกว่าไหม”

ปลายนิ้วของหานฉงหรงไล้ไปตามกลีบแข็งของกล้วยไม้ดอกหนึ่งพลางเอ่ย “กล้วยไม้ ถือเป็นหนึ่งในสี่ของพฤกษาอันทรงเกียรติ [1] สื่อถึงความรักอันสูงส่ง มีเกียรติ และดีงาม ไม่มีหน้าหรือหลัง เหมือนกับความรักของข้ากับคู่หมายท่านนี้ ที่เขามาสู่ขอข้าอย่างเอิกเกริก ไม่เคยต้องหลบซ่อน หรือลักกินขโมยกิน”

ฝูหรงขายดอกไม้มานาน ลูกค้ามีตั้งแต่ชาวบ้านธรรมดาไปจนถึงบัณฑิตมีความรู้ จึงต้องศึกษาเรื่องดอกไม้มามากพอตัว มีหรือที่นางจะไม่เข้าใจความหมายของดอกไม้ที่หานฉงหรงจงใจเสียดสี แสดงว่านางเริ่มระแคะระคาย แต่เมื่อนึกถึงที่บุรุษที่ยืนอยู่ด้านหลังฉงหรง ทั้งยังคำมั่นที่อีกฝ่ายเคยบอกนางว่าหลังรักตนมาก่อน ก็ให้รู้สึกลำพอง "ขอบคุณคุณหนูที่อธิบาย กล้วยไม้นี้เหมาะสมกับสถานะและความรักอันสูงส่งของท่านอย่างยิ่ง ทว่าความรักของข้าเองก็ไม่ต่างจากดอกกล้วยไม้ ผู้มอบปิ่นอวิ๋นเหยานี้ให้กับข้าก็เป็นบุรุษที่สูงส่ง และมั่นคงในรักไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน" ฝูหรงว่าพลางหัวเราะเสียงใสจจนปิ่นอวิ๋นเหยาที่ประดับสะท้อนแสงแดดกรีดบาดนัยน์ตาคนฟัง

หานฉงหรงอมยิ้ม ขณะกำลังจะอ้าปากเอ่ย พลันมีเสียงๆ หนึ่งดังแทรกขึ้นมา

"นั่น ปิ่นอวิ๋นเหยาที่คุณชายฉางมอบให้คุณหนู เจ้าได้มาได้อย่างไร!?" เป็นหลินหลางนั่นเองที่โพล่งออกมา ท่าทางของนางโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าฉงหรงที่เป็นเจ้าของปิ่นเสียอีก ฉงหรงเห็นดังนั้นก็ไม่คิดห้ามปราม เพียงยืนดูอยู่เงียบๆ

"เจ้าบอกว่าปิ่นนี้เป็นของคุณหนูเจ้า สาวใช้ชั้นต่ำเช่นเจ้าจะแยกแยะอันใดได้มากน้อย หรือเจ้าจะบอกว่าคุณชายฉางอะไรนั่นของเจ้าเป็นพวกเจ้าชู้มากรัก สั่งทำปิ่นแจกจ่ายสตรีไปทั่ว" ฝูหรงพลางค้อนควับไปยังฉางซื่อหลางที่มีใบหน้าเครียดดั่งเมฆาฟ้าคำรณ

"เจ้า!" หลินหลางยื่นมือไปดึงปิ่นออกจากเรือนผมฝูหรง "อย่าได้บังอาจพูดจาดูถูกคุณชายฉาง!"

"นางเด็กนี่!" ฝูหรงตั้งหลักได้พลันคว้าสาบเสื้อของหลินหลางเอาไว้ "ทำกับข้าเพียงนี้ ก็อย่าหาว่าแม่ค้าปากตลาดเช่นข้าโหดร้าย!"

ตวาดจบฝูหรงก็ผลักหลินหลางล้มลงไปกับพื้น ก่อนก้าวคร่อมตัวอีกฝ่ายไว้ ขณะที่กำลังเงื้อมือหมายฟาดไปที่หน้าของสาวใช้ชั้นต่ำ สายตาพลันเหลือบไปเห็นปิ่นอวิ๋นเหยาที่เหมือนกับนางไม่ผิดเพี้ยนจึงพลันเหยียดยิ้ม "โถๆ ทำเป็นสาวใช้ผู้ภักดีเถียงแทนเจ้านาย ที่แท้หลวงอนุรักใคร่กลมเกลียวเช่นนี้!"

"นางสารเลว วาจายิ่งกว่าสวาปามอาจมไปทั้งหลุมเช่นนี้อย่าเก็บปากไว้กินข้าวอีกต่อไปเลย!" หลินหลางเลือดขึ้นหน้าก่อนตบหน้าฝูหรงอย่างไม่ออมแรง การกระทำนี้ไม่ต่างจากการรัวกลองเปิดศึก สองสตรีตรงเข้าตะลุมบอนจนฝุ่นตลบทั้งยังเสียกิริยาน่าเอนจอนาถยิ่ง

ฉางซื่อหลางหลับตานิ่งอย่างข่มอารมณ์ ทำเป็นไม่เห็นเหตุร้ายเบื้องหน้าก่อนเอ่ย "หรงเอ๋อร์ เราไปที่อื่นเถอะ"

หานฉงหรงไม่มีท่าทีเคืองขุ่นก่อนเอ่ย "ข้าน่ะไปได้ แต่เจ้าจะไปได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ของทางการอย่างเจ้าต้องรักษาความสงบเรียบร้อย เจ้ารีบไประงับเหตุก่อนเถอะ ส่วนข้าจะไปรอที่ปากทางเข้าตรอกเอง"

ว่าจบนางก็ตบบ่าเขาสองสามครั้ง ก่อนเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี

[1] พฤกษาอันทรงเกียรติทั้งสี่ (四君子) ได้แก่ ดอกกล้วยไม้ ดอกเหมย ดอกเบญจมาศ และต้นไผ่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   เจ้าแผนการ

    ในขณะเดียวกันกับที่การหาต้นตอของโรคระบาดในเมืองจี๋หลินควบคู่ไปกับการรักษาอยู่นั้น รถม้าหลากหลายขนาดที่ประดับประดาอย่างวิจิตรงามตระการสมตามฐานะของเจ้าของกำลังเคลื่อนตัวเป็นทิวแถวอย่างเป็นระเบียบผ่านทิวทัศน์ป่าเขาที่ชอุ่มร่มรื่น รอบนอกเป็นเหล่าทหารองครักษ์และเจ้าหน้าที่จากที่ว่าการจี๋หลินคอยอารักขา รองลงมาเป็นเหล่านางกำนัลขันทีและผู้ติดตาม และในสุดจึงเป็นบุคคลสำคัญอย่างฮ่องเต้และเหล่าเชื้อพระวงศ์กับขุนนางระดับสูงทุกผู้ต่างเดินเท้าด้วยจังหวะและความเร็วที่สม่ำเสมอเพื่อที่จะได้ถึงเมืองหลวงโดยเร็วที่สุดตามรับสั่งของโอรสสวรรค์ ซึ่งในบรรดารถม้านั้น มีรถม้าที่ประดับประดาอย่างวิจิตรหรูหราไม่แพ้ราชรถของฮ่องเต้และหวงไทโฮ่ว เนื่องจากเป็นฤดูร้อน ม่านรถม้าจะเปลี่ยนผ้าเนื้อหนาหนักกันลมเป็นผ้าโปร่งปักลายดอกเหมยเขียวด้วยด้ายเงินดูน่ารักกระจุ๋มจิ๋ม ตรงชายผ้าม่านยังประดับพู่ไหมทองทำให้ภายในรถม้าเย็นสบายกอปรกับยามม่านโปร่งพลิกพลิ้วตามลมจนเห็นข้าวของเครื่องใช้ในรถม้าที่มีทั้งเครื่องเงินและกาสุราทองคำชั่วขณะหนึ่งยิ่งส่งเสริมให้รถม้าคันนี้ทั้งหรูหรามีระดับสมฐานะของเชื้อพระวงศ์หญิงระดับสูงของแคว้นชิ่ง หญิงสา

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   วิกฤติผ่านพ้น

    หลายวันต่อมา เมื่อสถานการณ์โรคระบาดในเมืองจี๋หลินคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นและเป่ยหนานหวังอวิ๋นรุ่นเริ่มต้นการสอบสวนหาต้นตอที่มาของโรคระบาด รองผู้ว่าการเมืองจี๋หลินก็รีบมาคุกเข่าโขกศีรษะให้กับอวิ๋นรุ่นทั้งน้ำตา ข้างตัวมีชายหนุ่มคนหนึ่งถูกมัดมือมัดเท้าปานขนมจ้าง อีกทั้งใบหน้าและตลอดทั้งเนื้อตัวที่โผล่พ้นเสื้อผ้ามีแต่รอยฟกช้ำเขียวม่วงพร้อยพรายคล้ายถูกทำร้ายจนสะบักสะบอม โดยเฉพาะที่ปากนั้นบวมเป่งใหญ่กว่ากว่าปากคนปกติเกือบเท่าตัว เมื่อมองไปยังด้านหลังยังคงเห็นคราบเลือดและเศษฟันที่คายทิ้งตามรายทางชวนให้ขนพองสยองเกล้าอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาซากสังขารที่ยังมีลมหายใจเสร็จสิ้น อวิ๋นรุ่นที่ถามสถานการณ์พอเป็นพิธีก็เริ่มล้างหูรอฟังชายชราตรงหน้าแผดเสียงสารภาพหมดเปลือก จับใจความได้ว่าคนที่นอนเป็นซากอยู่ตรงนั้นเป็นหลานชายของตระกูลสายรองของตน นิสัยเลวร้ายเสเพลซ้ำยังลอบค้าขายผงห้าศิลา เมื่อไม่นานมานี้ถูกทางการกวาดล้างจนไม่สามารถหาผงห้าศิลามาขายได้เพิ่ม จึงผูกใจเจ็บ ลอบวางยากำมะถันผสมกับผงห้าศิลาลงในบ่อน้ำจนทำให้ผู้คนเดือดร้อนไปทั่ว พอรู้ว่าเป็นฝีมือของคนชั่วผู้นี้ก็รีบจับมารับโทษกับท่านอ๋อง ขอให้ท่านอ๋องคน

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   โรคระบาด 6

    “ผงห้าศิลาที่เป็นยาเสพติดที่ทางการสั่งห้ามประชนใช้อย่างเด็ดขาดน่ะหรือเพคะ” หานฉงหรงเลิกคิ้วถาม นางเคยอ่านเจอผ่านๆ ในตำราแพทย์ที่รวบรวมอยู่ภายในหอตำรา กำลังคิดว่าหลังจากที่โรคระบาดเสร็จสิ้นจะศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม แต่ไม่นึกว่าจะได้มาเห็นของจริงเร็วเพียงนี้อวิ๋นรุ่นพยักหน้า “เดิมผงห้าศิลาเป็นยาสำหรับรักษาโรคบางชนิด แต่มีคนหัวหมอนำไปขายให้กับเหล่าชนชั้นสูงและเชื้อพระวงศ์ เพราะทำให้คึกคัก เสพติด มึนเมาเคลิบเคลิ้มเห็นภาพหลอน นักกวีบางคนก็ใช้มันเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ในทีแรกทางการก็มิได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่เมื่อผงห้าศิลาเริ่มระบาดไปยังขุนนางระดับสูงถึงระดับกลางไปจนถึงบัณฑิตนักปราชญ์ บางรายถึงขั้นคลุ้มคลั่งทำร้ายสังหารคน นั่นล่ะถึงได้นั่งกันไม่ติดตื่นตัวปราบปราม”“ผงห้าศิลาเป็นของหายากราคาก็มิใช่น้อย ส่วนประกอบของมันจะมาอยู่ตรงก้นบ่อน้ำในตลาดได้อย่างไรกัน หรือว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ...”“ถ้าเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ คงไม่มีส่วนประกอบของผงห้าศิลาอยู่ในดินโคลนก้นบ่อมากถึงขนาดนี้แน่ขอรับ” หยวนเคอแย้งก่อนยื่นรายงานที่เพิ่งเขียนเสร็จให้กับท่านอ๋องหนุ่ม “บางทีอาจเป็นที่พวกท่านสันน

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   โรคระบาด 5

    เวลาผ่านไปถึงช่วงเย็น รายงานสภาพน้ำของแหล่งน้ำธรรมชาติและบ่อน้ำทั่วเมืองจี๋หลินก็ถูกส่งมาถึงมือของอวิ๋นรุ่น ในขณะเดียวกันตัวอย่างดินโคลนก้นบ่อสาธารณะและบ่อน้ำกินน้ำใช้ในแต่ละบ้านเรือนก็วางเรียงรายเต็มโต๊ะยาว หลังจากรับประทานซาลาเปาไส้เนื้อสับต้นหอมเป็นอาหารเย็นแล้ว ทั้งสองก็เริ่มลงมือทำงานทันที“ดินโคลนก้นบ่อที่รวบรวมมาได้ หม่อมฉันได้แยกออกเป็นเขตต่างๆ ในเมืองจี๋หลินเพื่อสะดวกในการตรวจสอบแล้วเพคะ” หานฉงหรงยิ้มเอ่ยหลังจากเขียกชื่อเขตเขตสุดท้ายของเมืองจี๋หลินลงบนแผ่นไม้แล้ววางไว้ที่กองก้อนโคลนที่เขียนชื่อสถานที่กำกับเอาไว้อวิ๋นรุ่นพยักหน้า ก่อนเรียกให้บุรุษผู้หนึ่งเข้ามา “นี่คือ หยวนเคอ เป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลการขุดเหมืองแร่ส่งเข้าวังหลวงโดยตรง มีความสามารถในการจำแนกสินแร่ได้อย่างถูกต้องแม่นยำแม้ว่าจะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพียงใดก็ตาม เขาจะมาช่วยเจ้าจำแนกสินแร่ที่ผิดปกติหรือไม่ชอบมาพากลได้”หยวนเคอและหานฉงหรงทักทายตามมารยาทพอสมควร ทั้งสองจึงเริ่มทำงานทันที หยวนเคอถึงแม้เป็นขุนนาง แต่ก็มีพื้นเพมาจากตระกูลสามัญชน อาศัยความสามารถและความจริงใจอาศัยฝ่าคลื่นลมมรสุมที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิง

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   โรคระบาด 4

    เป่ยหนานหวังหันไปถามอีกฝ่ายเสียงเรียบ “ยังมีที่ใดอีก” แต่นางกลับไม่ตอบเขาทันที เพียงเดินไปทางด้านหลังเรือน ตรงไปยังบ่อน้ำที่ใช้กินใช้ภายในเรือน “ถ้าพูดถึงแหล่งน้ำ ที่จี๋หลินมิได้มีเพียงแต่แหล่งน้ำธรรมชาติอย่างเดียว ยังมีบ่อน้ำที่ทางการสร้างเอาไว้ใช้เพื่อสาธารณะ และบ่อน้ำที่ชาวบ้านขุดเอาไว้ใช้เองที่บ้าน ท่านพ่อเคยบอกว่าบ่อน้ำทุกบ่อในเมืองจี๋หลินแห่งนี้ต่างใช้น้ำใต้ดินสายเดียวกัน ถ้าบ่อหนึ่งมีปัญหา บ่อน้ำที่เหลือก็ไม่น่าจะปลอดภัย”เพราะถ้าแหล่งน้ำธรรมชาติไม่มีความผิดปกติ แต่มีเฉพาะน้ำบ่อ ก็เป็นไปได้ว่าโรคระบาดในครานี้อาจเป็นฝีมือของมนุษย์...“เรื่องนั้นข้าก็คิดเหมือนกันกับเจ้า เลยสั่งให้คนไปสำรวจน้ำในบริเวณบ่อน้ำกินน้ำใช้ของแต่ละบ้านด้วย” อวิ๋นรุ่นกล่าว “ที่เจ้าพูดถึงเรื่องนี้เพราะกลัวว่าโรคระบาดคราวนี้จะเป็นฝีมือมนุษย์ใช่หรือไม่”หานฉงหรงพยักหน้ารับเขาจึงได้เข้าใจ ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายเท่าใดนัก แต่เขาก็อดพอใจมิได้ที่นางคิดการเผื่อเขาอย่างรอบคอบเช่นนี้หญิงสาวกลับส่ายหน้าช้าๆ “ยังไม่พอเพคะ ถ้าจะให้ดีหม่อมฉันอยากให้ตรวจสอบดินโคลนก้นบ่อด้วย ถ้าเกิดว่าต้นตอของโรคระบาดเกิด

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   โรคระบาด 3

    “ถึงเป็นเช่นนั้นหม่อมฉันก็รู้สึกซาบซึ้งในตัวพระองค์จากใจจริงเพคะ” หานฉงหรงยิ้มแย้มก่อนรินชาอีกจอกเทินส่งให้เขาอีกครา “หม่อมฉันขอใช้ชาจอกนี้แทนคำสัตย์สาบาน จะขอช่วยเหลือท่านอ๋องและหมอหลวงทุกท่านในการหาต้นตอของโรคระบาดให้พบให้ได้ เพื่อตอบแทนในพระกรุณาในครานี้”“เป็นเช่นนั้นก็ดี แต่อย่าได้หักโหมจนล้มป่วยไปอีกคน เจ้าเป็นลูกสาวของว่าที่ขุนนางคนสำคัญ เกิดล้มหายตายจากไปข้าคงไม่มีปัญญาชดใช้ให้”นางอมยิ้มพลางพยักหน้ารับไม่หยุด จนอวิ๋นรุ่นขมวดคิ้วสงสัยว่าอีกฝ่ายจะอารมณ์ดีอันใดหนักหนา หานฉงหรงก็กล่าวเพียงว่า“วันนี้หม่อมฉันได้พบเจอคนดี ได้รับฟังแต่เรื่องน่ายินดี จึงได้อารมณ์ดีเช่นนี้ และอาจจะเป็นเช่นนี้ไปอีกหลายวัน ขอท่านอ๋องทรงโปรดอย่าได้ถือสาหม่อมฉันเลยเพคะ”หญิงชาวบ้านที่หานฉงหรงเคยช่วยบุตรชายของนางเอาไว้ที่ตลาดวันก่อนกลับมาหานางที่สถานศึกษาสกุลหานเพื่อรายงานอาการและจำนวนผู้ป่วยในอีกหนึ่งวันหลังจากนั้น ที่ทิ้งช่วงนานข้ามวันกว่าจะกล้ามาอาจเป็นเพราะว่ากำลังรอดูอาการบุตรชายที่กินยาของนางเข้าไปจะได้ผลดีมากน้อยเพียงใด พอเห็นว่าปลอดภัยในระดับหนึ่งจึงยอมวางใจให้ความร่วมมือ ดังนั้นสิ่งที่ต้องคิดต่อจา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status