โบราณว่า "พบศัตรูบนทางแคบ" ไม่ว่าจะเกลียดคนผู้นั้นมากเพียงใดจะหลบเลี่ยงเพียงไหนก็ยังมีโอกาสพบเจอ แล้วประสาอะไรกับฉางซื่อหลางที่ตอนนี้ยังเป็นคู่หมั้นคู่หมายของนาง
"คุณหนู คุณชายฉางมาขอพบเจ้าค่ะ" เด็กสาวผูกมวยผมสองข้างหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเดินเข้ามาในบ้านด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก นางคือ หลินหลาง สาวใช้ที่บิดาของนางซื้อตัวมาในขณะหลินหลางคุกเข่าข้างศพมารดา ประกาศตนว่าจะขอขายตัวเป็นข้ารับใช้หรือเป็นม้าเป็นวัวจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ทั้งนางและหลินหลางสนิทสนมรักใคร่ราวกับพี่น้องร่วมอุทรก็ไม่ปาน ทว่าหลังจากที่หานฉงหรงถูกเรียกตัวมายังเมืองหลวง ในระหว่างที่นางตั้งครรภ์ซื่อหลางจึงเรียกหลินหลางมาเพื่ออยู่ปรนนิบัติรับใช้นางระหว่างตั้งครรภ์ แต่ใครจะคาดคิดว่า วันหนึ่งของการตั้งครรภ์ในเดือนที่ห้า หลินหลางกลับมาที่ห้องด้วยสภาพที่บอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ หลังจากที่หานฉงหรงคาดคั้นอยู่นานนางจึงยอมสารภาพว่า ฉางซื่อหลางเมามาย องค์หญิงเวินอี๋สุขภาพมิสู้ดีไม่ยินยอมปรนนิบัติ ส่วนนางตั้งครรภ์มิอาจร่วมอภิรมย์บนเตียงได้ ซื่อหลางจึงฉุดคร่านางเข้าห้อง ใช้กำลังบังคับนางด้วยแรงกำหนัดกล้าโดยที่หลินหลางมิยินยอม ตอนนั้นฉงหรงหมายไปเอาเรื่องแต่ถูกอีกฝ่ายห้ามเอาไว้ทั้งน้ำตาเพราะไม่อยากให้สองสามีภรรยาต้องมีนางเป็นต้นเหตุของความบาดหมาง จากนั้นไม่นานนักหลินหลางก็กระโดดน้ำฆ่าตัวตายที่บ่อน้ำหลังจวน โดยที่นางยังไม่ได้พูดคุยกับซื่อหลางที่จะเลื่อนหลินหลางขึ้นเป็นเผยฝาง (เผยฝาง (陪房) หมายถึงสาวใช้ของภรรยาเอกที่ติดตามมาและช่วยปรนนิบัติเรื่องบนเตียงให้ฝ่ายชายตามคำสั่งของภรรยาเอก) นั่นคือฉากหน้าที่นางล่วงรู้... หลังจากรู้ว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน นางสงสัยมาพักหนึ่งแล้วว่า ตัวนางตอนที่อยู่ในจวนราชบุตรเขยระมัดระวังเรื่องหยูกยาและอาหารการกินแทบทุกอย่างจนแทบเข้าขั้นหวาดระแวง ไฉนนางถึงยังได้ถูกลอบวางยาพิษจนอาการป่วยทรุดหนักเช่นนั้น นอกจากจะมีเกลือเป็นหนอน... "คุณหนูเจ้าคะ" น้ำเสียงหวานใสของหลินหลางดังขึ้นอีกครั้ง ครานี้หานฉงหรงจึงขานรับเบาๆ ทีหนึ่ง ท่าทางเกียจคร้านอย่างยิ่ง "ซื่อหลางมาหรือ ก็ให้เขามาสิ" หลินหลางเลิกคิ้วท่าทางประหลาดใจ ปกติเวลาที่นางมารายงานคุณหนูของนางว่าฉางซื่อหลางมาหา ยังมิทันได้เห็นหน้าฉงหรงก็ยิ้มกว้างเสียยิ่งกว่ากว้าง ตั้งหน้าตั้งตารอคอยด้วยใจจดจ่อ ไม่มีทางมีท่าทีเช่นนี้ให้เห็นมาก่อนเด็ดขาด หานฉงหรงเมินท่าทีของหลินหลาง พลางโบกมือเบาๆ ให้เด็กสาวไปพาอาคันตุกะคนใหม่เข้ามา หลินหลางทำตามคำสั่งอย่างคล่องแคล่วว่องไว ปล่อยให้หานฉงหรงจมจ่อมกับความคิดตนเอง ปลายเล็บสีชมพูอ่อนจากน้ำคั้นดอกเทียนบ้านเขี่ยขอบถ้วยชาเบาๆ จนเกิดเสียงก้องกังวานใส คล้ายต้องการให้เสียงนั้นทำให้นางจิตใจสงบลง ก่อนที่นางจะกลับมายังอดีต เทพเซียนที่ทำให้นางสมความปรารถนาถามย้ำกับนางครั้งหนึ่งว่านางทำใจที่จะเผชิญหน้ากับฉางซื่อหลางโดยไม่กระโดดเข้าบีบคออีกฝ่ายด้วยความโกรธแค้นได้หรือไม่ นับว่าเป็นโอกาสดีที่จะทดสอบตนเอง เนื่องจากหลินหลางบอกนางเพิ่มว่าวันนี้เป็นวันหยุดของฉางซื่อหลาง ทำให้หานฉงหรงได้เห็นอีกฝ่ายในชุดธรรมดาสามัญที่มิใช่ชุดมือปราบเหมือนที่เคยเห็นในทุกๆ วัน ชายหนุ่มสวมชุดหลันผาวสีน้ำเงินเข้ม พร้อมหมวกสีดำครอบมวยเรียบร้อยเหมาะสมเข้ากับหน้าตาหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน ที่เอวประดับด้วยถุงหอมปักลายนกสาลิกาเคียงกิ่งหลานฮวาที่หานฉงหรงมอบให้เพื่อสื่อถึงความรักที่หอมหวานสดชื่นของพวกนาง แต่ในยามนี้นางอยากตีมือคู่นี้ของตนให้หัก ฐานไม่รักดีไปนั่งหลังขดหลังแข็งปักถุงหอมให้ชายชั่วตรงหน้าพรรค์นี้ทำไมกัน! แม้ในใจจะคิดเช่นนี้ แต่คำพูดที่เอ่ยออกมาหลังจากลอบถอนหายใจยาวเหยียดกลับเป็นคำพูดที่แฝงเร้นด้วยความปีติยินดีพร้อมทั้งใบหน้างามที่ปรับเป็นแช่มชื่นหลังจากที่งอง้ำไม่น่าดู “ซื่อหลาง เจ้ามาแล้วหรือ” “ข้าเองก็มาหาเจ้าก่อนไปทำงานทุกวัน ยังทำท่าดีอกดีใจถึงปานนี้ ยังไม่คุ้นชินอีกหรือ” ซื่อหลางจับมือหานฉงหรงพลางดุเสียงอ่อน แต่ก็จับได้ถึงความรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องที่มีหญิงรอคอยเขาอย่างใจจดใจจ่อเช่นนี้ “เจ้าอย่าได้ดุข้านักเลย ข้าดีใจที่เจอเจ้าทุกวัน จะให้ทำอย่างไรก็ไม่คุ้นชินหรอก” หานฉงหรงตอบเสียงอ่อนหวานพร้อมชักมือตนเองกลับคืนโดยไม่ลืมลอบเช็ดมือของตนกับกระโปรงสีฟ้าอ่อนปักลายปุยดอกหลิ่วพลิ้วพรายพร้อยไปทั้งผืน ทว่าพอทิ้งมือของตนตกลงข้างตัว ฉางซื่อหลางก็รีบคว้ามือนางไปอีกครั้งพร้อมกับของบางอย่างในมือ เมื่อฉงหรงยกมือขึ้นมองก็พบว่าในมือนางเป็นปิ่นอวิ๋นเหยาทำจากเงินแท้มากราคาประดับด้วยพลอยและหยกเม็ดจิ๋ว ดูกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง แม้จะรู้สึกอยากขว้างไปให้พ้นตาไม่ต่างจากปิ่นของหมั้นที่นางโยนทิ้งอย่างไม่แยแสอยู่ในห้อง แต่หานฉงหรงเองก็ต้องทำหน้าซาบซึ้งเหมือนจะร้องไห้ “งดงามยิ่ง เจ้าซื้อมาเพื่อข้าเช่นนั้นหรือ” ฉางซื่อหลางส่ายหน้า “ไม่ใช่ของที่หาซื้อได้จากตลาด หากแต่เป็นของที่สั่งทำเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ” ถึงในใจจะนึกเคลือบแคลง แต่หานฉงหรงก็จำใจเล่นไปตามน้ำ ตรงเข้าสวมกอดฉางซื่อหลางอย่างอ่อนโยน “ซื่อหลาง เจ้าดีกับข้ายิ่ง ข้าโชคดีนักที่จะได้แต่งงานเป็นภรรยาของเจ้า” ฉางซื่อหลางคลี่ยิ้มอ่อนโยนก่อนกอดตอบหญิงสาวอย่างเปี่ยมรัก ทว่าในชั่วเสี้ยววิบตานั้นหานฉงหรงกลับเห็นความผิดปกติอย่างหนึ่ง หลินหลาง...สาวใช้ของนางกำลังทำหน้าบึ้งตึงคล้ายไม่รู้สึกยินดี มือบอบบางยกขึ้นขยำสาบเสื้อแน่นจนสิ่งที่ซ่อนอยู่โผล่แพลมออกมา เป็นโลหะเงินแวววาวลายเมฆขดแบบเดียวกับปิ่นอวิ๋นเหยาที่หานฉงหรงเพิ่งได้รับมา...หานฉงหรงเห็นดังนั้นจึงอดลอบถอนใจอย่างสมเพชไม่ได้ ตัวบัดซบฉางซื่อหลาง...แท้จริงของที่สั่งทำนั้นมิใช่เพื่อข้าโดยเฉพาะ... นอกจากข้าแล้ว แม้แต่สาวใช้ หญิงชาวบ้านร้านตลาด หรือแม้แต่นางคณิกาในย่านเริงรมย์ คงมีปิ่นอวิ๋นเหยาแบบเดียวกันนี้ประดับเรือนผมทั่วเมืองแล้วกระมัง...ทั้งหมดรับคำตามคำสั่งก่อนแยกย้ายกันไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย คืนความสงบส่วนตัวให้กับชนชั้นสูงทั้งสาม นางกำนัลเด็กรินชาถ้วยใหม่ให้ทั้งสามก่อนที่ไทโฮ่วจะยิ้มแย้มมองหานฉงหรงกำลังใช้มือขาวเนียนปอกส้มบรรณาการสดใหม่แช่เย็นแล้วส่งกลีบส้มกลีบหนึ่งให้อวิ๋นรุ่น ซึ่งแทนที่อีกฝ่ายจะรับมาด้วยมือ กลับยื่นหน้าเข้ามารับด้วยปากเสียอย่างนั้น ทำเอาหมัวมัวที่ยืนอยู่ข้างไทโฮ่วถึงกับเบือนหน้าหลบมิกล้ามองให้เสียมารยาท ไทโฮ่วเองก็ยกมือแตะแขนเสื้อหมัวมัวพลางเอ่ย “เจ้าดู รุ่นเอ๋อร์ของข้ากาลก่อนจะปอกส้มให้ข้ารับประทานทุกครา ไม่ทันไรก็มีคนรู้ใจปอกส้มให้กินเสียแล้ว ยายแก่เช่นข้าคงต้องพึ่งสายตาฝ้าฟางของเจ้าปอกส้มให้ข้ากินเสียแล้วกระมัง”หมัวมัวรีบอมยิ้มประสมโรง “เพคะ ถึงแม้หม่อมฉันจะสายตาฝ้าฟาง แต่ก็จะถวายการรับใช้พระนางอย่างสุดความสามารถ”อวิ่นรุ่นเคี้ยวส้มอย่างสบายใจขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงนบนอบ “เสด็จแม่มีหลิวกูกูเป็นคนรู้ใจคอยดูแลเรื่องราวรอบพระองค์มาหลายสิบปี แต่ลูกเพิ่งมีหรงเอ๋อร์เป็นผู้รู้ใจไม่นาน จึงดีอกดีใจมากเกินไปสักหน่อย ท่านก็อย่าได้น้อยใจลูกนักเลยพ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มพูดจบก็เป็นจังหวะเดียวกับที่หานฉงหรงวา
แน่นอนว่านอกจากขบวนสู่ขอและสินสอดที่ยิ่งใหญ่อลังการแล้ว ชุดวิวาห์ของโอรสองค์โปรดของหวงไทโฮ่วและว่าที่พระชายาย่อมมิใช่ธรรมดาสามัญ พระนางไม่ยอมให้ร้านรวงและแม่สื่อคนใดได้ข้องเกี่ยวกับรายละเอียดในพระราชพิธีแม้แต่น้อย แต่กลับให้หัวหน้าซ่างกงทั้งหกกองงานเป็นวางแผนรายละเอียดภายในงานทั้งหมด ทั้งยังเชิญให้หานฉงหรงและอวิ๋นรุ่นมาร่วมออกความเห็นที่ตำหนักไท่หยาง ทั้งสองเมื่อเห็นสีหน้าอิ่มเอมของสตรีสูงศักดิ์ตรงหน้าก็ไม่อยากขัดอันใด เพียงมองเหล่าหัวหน้าซ่างกงเสนอความคิดเห็นด้วยท่าทีสุขุมนุ่มนวลซ่างกงฝ่ายภูษาและซ่างกงฝ่ายเย็บปักยื่นหนังสือรายงานพร้อมรายงานด้วยท่าทีนอบน้อม “ไทโฮ่ว นี่คือแบบชุดแต่งงานที่หม่อมฉันให้ทางกองออกแบบตัดเย็บเป็นผู้ออกแบบเพคะ”“หม่อมฉันให้คนร่างแบบไว้สามแบบพร้อมทั้งรายการเครื่องประดับจากในพระคลังส่วนพระองค์ที่เข้าชุดกัน ขอพระนางเชิญทอดพระเนตรเพคะ”ซ่างกงฝ่ายห้องเครื่องยิ้มแย้มเอื้อนเอ่ย “ไทโฮ่วเพคะ นี่คือรายการอาหารที่จะใช้จัดเลี้ยงในงานพระราชทานสมรส มีทั้งเนื้อสัตว์และอาหารทะเลครบครัน แต่ละจานล้วนมีนามที่มีความหมายมงคลและจัดเตรียมตามความชอบของแขกเหรื่อในงานเพคะ”ซ่างกงฝ่ายพร
กว่าอวิ๋นรุ่นจะกลับมาถึงจวนก็เป็นช่วงเย็นย่ำของอีกวันหนึ่ง เบื้องหลังมีบ่าวรับใช้ของจวนที่โดนตามตัวไปยังนอกเมืองภายหลังลากเกวียนขนาดใหญ่ที่มีกรงกักขังสัตว์ป่าคู่หนึ่งส่งเสียงขู่อย่างดุร้ายมาตลอดทางแม้จะมีการเอาผ้าคลุมกรงไว้มิให้แตกตื่นอาละวาด ข้างกันมีหีบไม้สองหีบ นอกเหนือจากนั้นก็มีกรงเล็กอีกกรงที่มีแพรไหมประดับพู่งามวิจิตรคลุมอยู่หานฉงหรงออกมารับอวิ๋นรุ่นด้วยตนเอง เมื่อเห็นชายหนุ่มลงจากหลังม้าก็เอ่ยเสียงนุ่ม “ท่านอ๋องเหน็ดเหนื่อยมาเสียหลายวัน หม่อมฉันเตรียมเครื่องดื่มและของว่างไว้ให้แล้ว เชิญเสด็จสักเล็กน้อยแล้วค่อยรับอาหารเย็นเถิดเพคะ” กล่าวจบก็หลบตาน้อยๆ เมื่อท่าทีรักใคร่อย่างไม่ปิดบังของอีกคน คล้ายกับขบวนสู่ขอในวันนี้ได้ปลดพันธนาการบางอย่างที่เคยฉุดรั้งความรู้สึกเอาไว้อวิ๋นรุ่นมีท่าทีตื่นเต้นยินดี เขาจับจูงมือของหานฉงหรงเอาไว้พลางกล่าว “เรื่องนั้นไว้ดูของที่ข้าหามาให้เจ้าก่อน แล้วข้าจะมากินกับเจ้าทีหลัง”หานฉงหรงได้ยินก็อมยิ้มพยักหน้าแล้วเดินตามไปยังลานฝึกจังหวะเดียวกับที่เหวินซิ่วกับหลีรั่วตามมาสมทบ อวิ๋นรุ่นพยักหน้าเล็กน้อยให้ทั้งสอง พวกเขาเข้าใจโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยรีบดึงผ้าท
ในอีกสามวันต่อมา หวงไทโฮ่วที่แต่งกายเต็มยศพร้อมกับเหล่าข้ารับใช้แห่งตำหนักไท่หยางเดินทางมายังจวนเป่ยหนานหวังอย่างเอิกเกริก เบื้องหลังเป็นหีบแดงนับสิบหีบที่นับว่าเป็นสินสอดที่ฮ่องเต้พระราชทานให้กับพระอนุชาองค์โปรดเพื่อสู่ขอสตรีที่เขาหมายปอง ขบวนเสด็จนั้นยาวไปเกือบครึ่งค่อนถนนสายหลักเรียกให้เหล่าชาวบ้านร้านตลาดมามุงดูพร้อมแสดงความยินดีอย่างอุ่นหนาฝาคั่งอวิ่นรุ่นและหานเซี่ยงอวิ๋นเป็นผู้ออกมาตอนรับที่หน้าจวน เวี่ยงอวิ่นถึงกับหลั่งน้ำตาก่อนประสานมือคารวะหวงไทโฮ่ว “พระนางไทโฮ่วให้เกียรติถึงเพียงนี้ เป็นวาสนาของกระหม่อมและบุตรสาวยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”“อีกไม่นานพวกเราจะเป็นทองแผ่นเดียวแล้ว หานปั๋วซื่ออย่าได้มากพิธี” ไทโฮ่วยิ้มแย้มขณะส่งหนังสือปกแดงหุ้มขอบทองสองเล่มในมือส่งให้ “นี่คือหนังสือหมั้นหมายและหนังสือสินสอด ในพระนามอันสูงส่งของฮ่องเต้รัชกาลปัจจุบันและตัวข้าไท่อี๋ไทโฮ่ว ขอดำเนินการสู่ขอหานฉงหรง ธิดาของหานเซี่ยงอวิ๋นผู้เป็นพระอาจารย์ขององค์ชายเก้าหย่งเยี่ยให้กับเป่ยหนานอ๋องโอรสของข้า หวังว่าหานปั๋วซื่อจะไม่ปฏิเสธ”“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ หามิได้ ขอเพียงท่านอ๋องรักใคร่ พระนางไทโฮ่วเอ็นดูบุตรสาวขอ
“นางเป็นธิดาของขุนนางระดับสูง ได้รับตำแหน่งไฉเหรินไม่นับว่าโดดเด่น” อวิ๋นรุ่นมองขันทีน้อยยกถ้วยน้ำชาร้อนกรุ่นที่นำมาเปลี่ยนแทนถ้วยชาที่เริ่มเย็นชืดแล้วยกยิ้ม “อีกอย่าง ยอมตามพระทัยฝ่าบาทหนึ่งส่วนแลกกับคนของเสด็จแม่สามส่วนมีหรือจะมีสิ่งใดโต้แย้ง ขนาดหานลี่ไท่เฟยที่เคยสนับสนุนให้หานลู่สมรสกับข้า พอได้ยินข่าวลือนี้ยังยอมสงบปากสงบคำ ข่าวว่าโสมคนและเครื่องประดับอื่นๆ ที่องค์หญิงเวินอี๋เคยมอบให้ก็ยังลอบส่งกลับคืนไปอย่างลับๆ ไม่รู้ว่าป่านนี้นางจะอาละวาดจนจวนถล่มไปหรือยัง” ว่าพลางชายหนุ่มก็นึกอะไรบางอย่างได้ “จริงสิ หลังจากประชุมเช้า ฝ่าบาทก็เปรยๆ กับข้าว่ามีขุนนางบางส่วนทูลท้วงติงเรื่องรับหานลู่เป็นสนม อ้างเหตุผลว่านางเคยมีข่าวลือเกี่ยวกับข้า เกรงว่าจะถูกใต้หล้าครหาว่ากระทำตนเยี่ยงถังเซวียนจง แย่งคนรักของคนในครอบครัว”หานฉงหรงพยักหน้ารับรู้ เรื่องนี้มองเผินๆ เหมือนเป็นเรื่องส่วนพระองค์ แต่ถ้าข่าวลือลือกระฉ่อนเสียหาย ก็สามารถทำให้ภาพลักษณ์อันทรงคุณธรรมน่านับถือในใจของเหล่าขุนนางสั่นคลอนเอาได้ “แล้วฝ่าบาททรงมีวิธีรับมืออย่างไรเพคะ”ราวกับรอให้นางถามคำถามนี้กับเขา เขาลุกจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมาน
“แล้วอย่างไร สรุปว่าก็ถูกสตรีนางนั้นโยนกลับมาให้ถามข้าเช่นนั้นหรือ” อวิ๋นรุ่นที่ทำธุระของตนเสร็จเรียบร้อยมาพบกับนางที่หน้าตำหนักไท่หยางตามที่นัดหมายกันเอาไว้ ทั้งสองนั่งอยู่ที่ศาลาน้อยริมทะเลสาบใกล้กับตำหนักเลิกคิ้วเมื่อรับฟังหานฉงหรงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตำหนักฮั่นหยวนจนหมดเปลือก ก่อนถูกขัดจังหวะด้วยนางกำนัลน้อยของตำหนักไท่หยางที่น้ำชาและของว่างออกมารับรองตามรับสั่งของไทโฮ่ว“เพคะ” นางพยักหน้าพลางเหลือบมองไปยังนางกำนัลน้อยที่เดินห่างออกไป “ไม่มีคนอื่นนอกจากพระองค์กับหม่อมฉัน หม่อมฉันคงได้ล่วงรู้สิ่งที่อยากรู้กระมัง”อวิ๋นรุ่นหยิบขนมรากบัวหอมหมื่นลี้ในจานขึ้นมากัดกินอย่างสบายอารมณ์ “ใช่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัดอันกั๋วเป็นฝีมือของข้าเอง”หานฉงหรงขมวดคิ้วไม่รู้รอบที่เท่าใดของวัน เขาจึงหยิบขนมรากบัวหอมหมื่นลี้ชิ้นหนึ่งใส่จานให้นาง “เจ้าใจเย็นๆ ก่อน ถึงจะบอกว่าเป็นฝีมือข้า แท้จริงแล้วเป็นการซ้อนแผน เชื่อว่าผู้ร้ายตัวจริงคงขมวดคิ้วจนเป็นปมไม่แพ้เจ้าในตอนนี้หรอก”“ซ้อนแผน?”“ข้าให้เหวินซิ่วกับทหารองครักษ์ไปสำรวจเส้นทางและบริเวณโดยรอบวัดอันกั๋ว พบว่าในสองข้างทางระหว่างขบวนเสด็จมีการวางกับ