Share

พบหน้า

Author: lianlian
last update Last Updated: 2025-07-05 07:50:58

โบราณว่า "พบศัตรูบนทางแคบ" ไม่ว่าจะเกลียดคนผู้นั้นมากเพียงใดจะหลบเลี่ยงเพียงไหนก็ยังมีโอกาสพบเจอ แล้วประสาอะไรกับฉางซื่อหลางที่ตอนนี้ยังเป็นคู่หมั้นคู่หมายของนาง

"คุณหนู คุณชายฉางมาขอพบเจ้าค่ะ" เด็กสาวผูกมวยผมสองข้างหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเดินเข้ามาในบ้านด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก นางคือ หลินหลาง สาวใช้ที่บิดาของนางซื้อตัวมาในขณะหลินหลางคุกเข่าข้างศพมารดา ประกาศตนว่าจะขอขายตัวเป็นข้ารับใช้หรือเป็นม้าเป็นวัวจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ทั้งนางและหลินหลางสนิทสนมรักใคร่ราวกับพี่น้องร่วมอุทรก็ไม่ปาน

ทว่าหลังจากที่หานฉงหรงถูกเรียกตัวมายังเมืองหลวง ในระหว่างที่นางตั้งครรภ์ซื่อหลางจึงเรียกหลินหลางมาเพื่ออยู่ปรนนิบัติรับใช้นางระหว่างตั้งครรภ์ แต่ใครจะคาดคิดว่า วันหนึ่งของการตั้งครรภ์ในเดือนที่ห้า หลินหลางกลับมาที่ห้องด้วยสภาพที่บอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ หลังจากที่หานฉงหรงคาดคั้นอยู่นานนางจึงยอมสารภาพว่า ฉางซื่อหลางเมามาย องค์หญิงเวินอี๋สุขภาพมิสู้ดีไม่ยินยอมปรนนิบัติ ส่วนนางตั้งครรภ์มิอาจร่วมอภิรมย์บนเตียงได้ ซื่อหลางจึงฉุดคร่านางเข้าห้อง ใช้กำลังบังคับนางด้วยแรงกำหนัดกล้าโดยที่หลินหลางมิยินยอม ตอนนั้นฉงหรงหมายไปเอาเรื่องแต่ถูกอีกฝ่ายห้ามเอาไว้ทั้งน้ำตาเพราะไม่อยากให้สองสามีภรรยาต้องมีนางเป็นต้นเหตุของความบาดหมาง จากนั้นไม่นานนักหลินหลางก็กระโดดน้ำฆ่าตัวตายที่บ่อน้ำหลังจวน โดยที่นางยังไม่ได้พูดคุยกับซื่อหลางที่จะเลื่อนหลินหลางขึ้นเป็นเผยฝาง (เผยฝาง (陪房) หมายถึงสาวใช้ของภรรยาเอกที่ติดตามมาและช่วยปรนนิบัติเรื่องบนเตียงให้ฝ่ายชายตามคำสั่งของภรรยาเอก)

นั่นคือฉากหน้าที่นางล่วงรู้...

หลังจากรู้ว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน นางสงสัยมาพักหนึ่งแล้วว่า ตัวนางตอนที่อยู่ในจวนราชบุตรเขยระมัดระวังเรื่องหยูกยาและอาหารการกินแทบทุกอย่างจนแทบเข้าขั้นหวาดระแวง ไฉนนางถึงยังได้ถูกลอบวางยาพิษจนอาการป่วยทรุดหนักเช่นนั้น

นอกจากจะมีเกลือเป็นหนอน...

"คุณหนูเจ้าคะ" น้ำเสียงหวานใสของหลินหลางดังขึ้นอีกครั้ง

ครานี้หานฉงหรงจึงขานรับเบาๆ ทีหนึ่ง ท่าทางเกียจคร้านอย่างยิ่ง "ซื่อหลางมาหรือ ก็ให้เขามาสิ"

หลินหลางเลิกคิ้วท่าทางประหลาดใจ ปกติเวลาที่นางมารายงานคุณหนูของนางว่าฉางซื่อหลางมาหา ยังมิทันได้เห็นหน้าฉงหรงก็ยิ้มกว้างเสียยิ่งกว่ากว้าง ตั้งหน้าตั้งตารอคอยด้วยใจจดจ่อ ไม่มีทางมีท่าทีเช่นนี้ให้เห็นมาก่อนเด็ดขาด

หานฉงหรงเมินท่าทีของหลินหลาง พลางโบกมือเบาๆ ให้เด็กสาวไปพาอาคันตุกะคนใหม่เข้ามา หลินหลางทำตามคำสั่งอย่างคล่องแคล่วว่องไว ปล่อยให้หานฉงหรงจมจ่อมกับความคิดตนเอง

ปลายเล็บสีชมพูอ่อนจากน้ำคั้นดอกเทียนบ้านเขี่ยขอบถ้วยชาเบาๆ จนเกิดเสียงก้องกังวานใส คล้ายต้องการให้เสียงนั้นทำให้นางจิตใจสงบลง

ก่อนที่นางจะกลับมายังอดีต เทพเซียนที่ทำให้นางสมความปรารถนาถามย้ำกับนางครั้งหนึ่งว่านางทำใจที่จะเผชิญหน้ากับฉางซื่อหลางโดยไม่กระโดดเข้าบีบคออีกฝ่ายด้วยความโกรธแค้นได้หรือไม่

นับว่าเป็นโอกาสดีที่จะทดสอบตนเอง

เนื่องจากหลินหลางบอกนางเพิ่มว่าวันนี้เป็นวันหยุดของฉางซื่อหลาง ทำให้หานฉงหรงได้เห็นอีกฝ่ายในชุดธรรมดาสามัญที่มิใช่ชุดมือปราบเหมือนที่เคยเห็นในทุกๆ วัน ชายหนุ่มสวมชุดหลันผาวสีน้ำเงินเข้ม พร้อมหมวกสีดำครอบมวยเรียบร้อยเหมาะสมเข้ากับหน้าตาหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน ที่เอวประดับด้วยถุงหอมปักลายนกสาลิกาเคียงกิ่งหลานฮวาที่หานฉงหรงมอบให้เพื่อสื่อถึงความรักที่หอมหวานสดชื่นของพวกนาง

แต่ในยามนี้นางอยากตีมือคู่นี้ของตนให้หัก ฐานไม่รักดีไปนั่งหลังขดหลังแข็งปักถุงหอมให้ชายชั่วตรงหน้าพรรค์นี้ทำไมกัน!

แม้ในใจจะคิดเช่นนี้ แต่คำพูดที่เอ่ยออกมาหลังจากลอบถอนหายใจยาวเหยียดกลับเป็นคำพูดที่แฝงเร้นด้วยความปีติยินดีพร้อมทั้งใบหน้างามที่ปรับเป็นแช่มชื่นหลังจากที่งอง้ำไม่น่าดู “ซื่อหลาง เจ้ามาแล้วหรือ”

“ข้าเองก็มาหาเจ้าก่อนไปทำงานทุกวัน ยังทำท่าดีอกดีใจถึงปานนี้ ยังไม่คุ้นชินอีกหรือ” ซื่อหลางจับมือหานฉงหรงพลางดุเสียงอ่อน แต่ก็จับได้ถึงความรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องที่มีหญิงรอคอยเขาอย่างใจจดใจจ่อเช่นนี้

“เจ้าอย่าได้ดุข้านักเลย ข้าดีใจที่เจอเจ้าทุกวัน จะให้ทำอย่างไรก็ไม่คุ้นชินหรอก” หานฉงหรงตอบเสียงอ่อนหวานพร้อมชักมือตนเองกลับคืนโดยไม่ลืมลอบเช็ดมือของตนกับกระโปรงสีฟ้าอ่อนปักลายปุยดอกหลิ่วพลิ้วพรายพร้อยไปทั้งผืน ทว่าพอทิ้งมือของตนตกลงข้างตัว ฉางซื่อหลางก็รีบคว้ามือนางไปอีกครั้งพร้อมกับของบางอย่างในมือ

เมื่อฉงหรงยกมือขึ้นมองก็พบว่าในมือนางเป็นปิ่นอวิ๋นเหยาทำจากเงินแท้มากราคาประดับด้วยพลอยและหยกเม็ดจิ๋ว ดูกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง

แม้จะรู้สึกอยากขว้างไปให้พ้นตาไม่ต่างจากปิ่นของหมั้นที่นางโยนทิ้งอย่างไม่แยแสอยู่ในห้อง แต่หานฉงหรงเองก็ต้องทำหน้าซาบซึ้งเหมือนจะร้องไห้ “งดงามยิ่ง เจ้าซื้อมาเพื่อข้าเช่นนั้นหรือ”

ฉางซื่อหลางส่ายหน้า “ไม่ใช่ของที่หาซื้อได้จากตลาด หากแต่เป็นของที่สั่งทำเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ”

ถึงในใจจะนึกเคลือบแคลง แต่หานฉงหรงก็จำใจเล่นไปตามน้ำ ตรงเข้าสวมกอดฉางซื่อหลางอย่างอ่อนโยน “ซื่อหลาง เจ้าดีกับข้ายิ่ง ข้าโชคดีนักที่จะได้แต่งงานเป็นภรรยาของเจ้า”

ฉางซื่อหลางคลี่ยิ้มอ่อนโยนก่อนกอดตอบหญิงสาวอย่างเปี่ยมรัก ทว่าในชั่วเสี้ยววิบตานั้นหานฉงหรงกลับเห็นความผิดปกติอย่างหนึ่ง

หลินหลาง...สาวใช้ของนางกำลังทำหน้าบึ้งตึงคล้ายไม่รู้สึกยินดี มือบอบบางยกขึ้นขยำสาบเสื้อแน่นจนสิ่งที่ซ่อนอยู่โผล่แพลมออกมา เป็นโลหะเงินแวววาวลายเมฆขดแบบเดียวกับปิ่นอวิ๋นเหยาที่หานฉงหรงเพิ่งได้รับมา...หานฉงหรงเห็นดังนั้นจึงอดลอบถอนใจอย่างสมเพชไม่ได้

ตัวบัดซบฉางซื่อหลาง...แท้จริงของที่สั่งทำนั้นมิใช่เพื่อข้าโดยเฉพาะ...

นอกจากข้าแล้ว แม้แต่สาวใช้ หญิงชาวบ้านร้านตลาด หรือแม้แต่นางคณิกาในย่านเริงรมย์ คงมีปิ่นอวิ๋นเหยาแบบเดียวกันนี้ประดับเรือนผมทั่วเมืองแล้วกระมัง...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   ในงานเลี้ยง 1

    เมื่อถึงยามซื่อ สายลมเย็นสดชื่นชวนให้กระปรี้กระเปร่า แดดในเวลานั้นสาดแสงแจ่มจ้า สะท้อนผ่านต้นเฟิงที่ใบของมันกำลังกลายเป็นสีแดงอมส้มเต็มต้นทำให้บรรยากาศโดยรอบอบอุ่นขึ้น โถงจัดเลี้ยงในตอนนี้วิจิตรตระการ เหล่าเชื้อพระวงศ์เริ่มทยอยมาตามลำดับ ทุกผู้ต่างแต่งกายอย่างหรูหราพิถีพิถันประชันกันไม่มีใครยอมใคร จวงหมิ่นกั๋วฟูเหรินเองก็ได้รับเชิญมางานเลี้ยงสังสรรค์นี้ด้วยเนื่องจากเป็นพระสหายสนิทขององค์หญิงใหญ่เผิงเฉิง ทันทีที่นางได้เห็นหานฉงหรงก็แย้มยิ้มยินดี “ไม่เจอเจ้าเสียนาน งดงามขึ้นเป็นกอง แถมเริ่มมีราศีของว่าที่ชายาเอกเป่ยหนานอ๋องแล้วด้วย ข้าต้องแสดงความยินดีจากใจจริงๆ”หานฉงยิ้มเอ่ย “พี่สาวล้อข้าเล่นแล้ว ข้าก็ยังเป็นข้าอยู่เช่นเดิม มีเพียงพี่สาวที่งามยิ่งกว่าครั้งสุดท้ายที่เราพบกัน” นางกล่าวเช่นนั้นก่อนกดเสียงเบา “ยิ่งพระสนมหานกลับมาได้รับความโปรดปรานตามเดิม ราศีเชื้อพระวงศ์ของท่านยิ่งแจ่มชัดกว่าข้าเสียอีก”“น้องสาวคนดีก็พูดเกินไป เรื่องราศีเชื้อพระวงศ์แจ่มชัดกว่าผู้ใดนั้นข้าคงเทียบกับชายาเอกของโซ่วอ๋องมิได้หรอก” จวงหมิ่นกั๋วฟูเหรินยิ้มน้อยๆ พลางปรายตาไปยังสตรีสูงศักดิ์นางหนึ่งที่กำลังถูกผู้

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม 4

    เวลาผันผ่านไปหลายวัน ในที่สุดก็ถึงวันที่งานเลี้ยงสังสรรค์ของเหล่าเชื้อพระวงศ์หญิงเริ่มต้น เนื่องจากงานเลี้ยงจะเริ่มในยามซื่อ[1] หานฉงหรงจึงตื่นตั้งแต่ช่วงเช้ามืดตรงไปยังโถงจัดเลี้ยงและห้องเครื่องเพื่อสำรวจความเรียบร้อยของอาหารและสถานที่จัดงานจนแน่ใจว่าจะมิมีสิ่งใดผิดพลาด จากนั้นจึงติดตามหลิวกูกูที่ได้รับพระราชเสาวนีย์จากหวงไทโฮ่วที่เรียกให้นางไปแต่งตัวและประทินโฉม เมื่อมาถึงไทโฮ่วได้เลือกอาภรณ์และเครื่องประดับที่เข้าชุดกันเอาไว้ให้แล้ว“วันนี้เป็นวันสำคัญของเจ้าอีกทั้งมีเหล่าเชื้อพระวงศ์หญิงมาร่วมงานจำนวนมาก จำเป็นต้องพิถีพิถันในการแต่งกายและประทินโฉมให้ดี สิ่งนี้เป็นของที่ตัวข้าให้ซ่างกงฝ่ายอาภรณ์และเครื่องประดับทำมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ เจ้าลองสวมดูว่าพอดีหรือไม่”หานฉงหรงรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง “ขอบพระทัยไทโฮ่วสำหรับพระกรุณา เพียงแต่วันนี้เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ของเหล่าเชื้อพระวงศ์ หม่อมฉันเป็นผู้น้อยไม่สมควรแต่งกายหรูหรานัก เกรงว่าจะทำให้พระนางถูกติฉินไปด้วย หม่อมฉันคิดว่าแต่งกายเรียบง่ายก็เพียงพอแล้วเพคะ”“แสดงว่าเจ้าไม่เข้าใจจุดประสงค์ของการจัดเลี้ยงนี้” หวงไทโฮ่วขมวดคิ้ว รู้ได้ทันทีว่าไ

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม 3

    แน่นอนว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น หลังจากเอนหลังพักผ่อนจนสบายใจแล้ว องค์หญิงเวินอี๋เดินนำซีเยวี่ยและผู้ติดตามจำนวนหนึ่งไปยังห้องเครื่องเล็กที่อยู่ใกล้กับโถงจัดเลี้ยง เมื่อไปถึงก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอย่างโกลาหล ทั้งเสียงหวีดร้องห้ามปรามของเหล่าแม่ครัว ทั้งกลิ่นแปลกประหลาดที่ทั้งสาบทั้งฉุนจนแสบจมูก เวินอี๋ยกผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมประดับพู่ไหมทองยกขึ้นปิดจมูกพร้อมกับขมวดคิ้ว “นี่มันกลิ่นอันใด แสบจมูกยิ่ง”ซีเยวี่ยไอโขลกๆ อยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยกล่าวออกมาอย่างกระท่อนกระแท่น “ทูลองค์หญิง...แค่กๆ...เป็นกลิ่นเครื่องเทศเพคะ”“กลิ่นเครื่องเทศฉุนปานนี้คิดจะให้คนทั้งวังขาดใจตายหรืออย่างไรกัน” เวินอี๋ทั้งฉิวทั้งขันเพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเกิดอันใดขึ้น “ฉงหรงจวิน ท่านยังปลอดภัยดีหรือไม่”ไม่นานนักหานฉงหรงก็เดินเข้ามา ใบหน้ามอมแมมด้วยผงขมิ้นและผงเครื่องเทศอื่นๆ นางมีท่าทีเก้อกระดาก หลังจากเช็ดหน้าตนเองลวกๆ แล้วก็รีบถวายบังคม “หม่อมฉันกำลังยุ่งอยู่ในครัว จึงไม่ได้ออกมาต้อนรับทันที ต้องขอประทานอภัยเพคะ”เวินอี๋ยกผ้าเช็ดหน้ากดริมฝีปากมิให้เผยอรอยยิ้มสาแก่ใจออกมา ก่อนจะเปลี่ยนมันเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนระคนเห็นใจ “มิเป

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าปะจิม 2

    องค์หญิงใหญ่เผิงเฉิงที่เพิ่งแยกกับฮ่องเต้ที่ตำหนักทรงพระอักษร ตั้งใจว่าจะกลับจวนองค์หญิงของตนโดยไม่แวะไปหาที่ใดหรือผู้ใด กลับพบบุรุษผู้หนึ่งที่เดินมาหานางพร้อมกับรอยยิ้มบางที่ดูอบอุ่นเป็นมิตร เขาหยุดยืนประสานมือ เรียกขานนางว่า “พี่หญิง” อย่างสนิทสนม องค์หญิงเผิงเฉิงเอียงคอเล็กน้อยก่อนยกยิ้มตอบ “นึกว่าใคร ที่แท้รุ่นเอ๋อร์น้องชายคนดีของข้านั่นเอง ลมอันใดหอบเจ้ามาหาถึงวังหลวงได้กัน” นางกล่าวเว้นช่วงเล็กน้อย คล้ายว่ากล่าวสิ่งใดไม่ถูกไม่ควร “ไม่สิ ลมที่ว่าคงไม่ได้หอบเจ้ามาหาข้ากระมัง แต่มาหาคนที่อยู่ที่ตำหนักไท่หยางนู่น”อวิ๋นรุ่นทำหน้าตาใสซื่อ “แน่นอนว่ารุ่นเอ๋อร์ต้องไปตำหนักไท่หยาง เยี่ยมเยียนเสด็จแม่ในฐานะบุตรชายผู้กตัญญู”นิ้วเรียวงามขององค์หญิงใหญ่เผิงเฉิงจิ้มที่หน้าผากน้องชายแผ่วเบา “อย่ามาทำเฉไฉสวมบทบาทลูกกตัญญู เสด็จแม่ทรงบอกข้าจนหมดสิ้นแล้วว่าว่าที่น้องสะใภ้ของข้าพำนักที่นั่น แถมยามค่ำคืนยังมีการดัดเสียงอ่อนเสียงหวานเป็นขันทีน้อยแถมติดสินบนหลิวกูกูเพื่อให้ได้พบนาง ใช้ได้ที่ไหนกัน”ชายหนุ่มลูบหน้าผากแก้เก้อ “ผู้ใดให้เสด็จแม่ใจร้ายไม่ยอมให้ข้าพบนางกัน มิเช่นนั้นข้าคงมิยอมใช้เล่ห์เพท

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม 1

    แม้ว่าองค์หญิงเวินอี๋จากไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่สุดท้ายก็ยังมีแก่ใจให้ซีเยวี่ยนางกำนัลคนสนิทของนางมาบอกกล่าวให้นางกำนัลและรวมไปถึงตัวของหานฉงหรงเองให้เลิกงานก่อนกำหนด หานฉงหรงจึงเก็บรายละเอียดและบอกกล่าวงานที่จะเริ่มทำต่อในวันรุ่งขึ้นแก่นางกำนัลที่เกี่ยวข้อง ก่อนให้พวกนางแยกย้ายกันไปพักผ่อน ส่วนตนเองเดินทางกลับตำหนักไท่หยาง เนื่องจากยังมีบันทึกสมาชิกราชวงศ์และรายละเอียดอื่นๆ ที่สำคัญต้องเรียนรู้อีกมาก ทว่าขณะที่เดินใกล้มาถึงประตูตำหนัก พลันเห็นฮ่องเต้ก้าวออกมาพร้อมสตรีวัยไล่เลี่ยกันนางหนึ่ง สตรีนางนั้นรูปโฉมงดงาม แต่งกายอย่างสตรีชาววังที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงถักทอจากไหมเลอค่า ศีรษะประดับมุกหยกและเครื่องทองเป็นหลัก ท่วงท่าการเดินล้วนสง่างาม ยามโอภาปราศรัยกับฮ่องเต้ก็ดูเป็นมิตรมิเคอะเขิน อีกทั้งด้านหลังของนางยังมีสาวใช้สวมชุดกระโปรงแบบชาวนอกด่านสองคน ประดับเครื่องเงินแพรวพราวแปลกตา ยามเคลื่อนไหวมีเสียงเครื่องกระทบกันแผ่วเบาทว่าไพเราะ ซึ่งการแต่งกายเช่นนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหญิงสาวเผ่าหูหานฉงหรงถอยมายืนชิดริมกำแพงพร้อมย่อกายคารวะฮ่องเต้และสตรีสูงศักดิ์ผู้นั้นแล้วก้มหน้าเล็ก

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   เพื่อนใหม่

    แน่นอนว่าเมื่อการประชันบรรเลงพิณจบลง ย่อมมีผู้ที่พึงพอใจระคนลำพองด้วยชัยชนะ และผู้ที่เก็บสีหน้าผิดหวังระคนเคืองขุ่นเอาไว้ไม่มิดจากผู้พ่ายแพ้ ผู้ใดจะรู้ว่าฝีมือการบรรเลงพิณของหานลู่นั้นเหนือล้ำกว่าเนี่ยไหวหยางอยู่หลายขุม ทำเอาฮ่องเต้พอพระทัยอย่างยิ่ง “หานไฉเหรินฝีมือบรรเลงพิณเลิศล้ำ ราวกับได้เทพเจ้าขุย[1]คุ้มครองประทานพร ไม่เสียทีที่เรามอบพิณหยกขาวของราชวงศ์ก่อนให้กับเจ้า นับว่าให้กับผู้ที่คู่ควรโดยแท้”หานลู่ซ่อนสีหน้าสาแก่ใจไว้ภายใต้รอยยิ้มนุ่มนวลอย่างที่สนมนางในพึงมี กล่าววาจาอ่อนน้อมถ่อมตน “ฝ่าบาทกล่าวชมเกินไป หม่อมฉันเพียงไม่อยากให้ฝ่าบาทที่อุตส่าห์พระราชทานของล้ำค่าต้องทรงผิดหวังที่มอบให้กับคนที่ไม่เหมาะสม จึงจำเป็นต้องทำอย่างสุดความสามารถเพคะ”ยิ่งได้ฟังฮ่องเต้ก็ยิ่งพึงใจ มือใหญ่แตะถูกหยกพกที่ห้อยอยู่ข้างเอว จึงปลดออกจากสายคาดเอวแล้วยื่นให้นาง “นี่คือหยกเหอเถียนที่เป็นของบรรณาการจากซื่อชวน ทั้งลวดลายสีสันเราชมชอบยิ่งนัก ช่วงนี้จึงมักพกติดกายเป็นประจำ บัดนี้ขอมอบให้เจ้า หวังว่าเราจะได้สดับรับฟังดนตรีอันยอดเยี่ยมเช่นนี้อีก”หานลู่กล่าวขอบพระทัยพลางรับด้วยสองมือ คลี่ยิ้มยวนเสน่ห์ “

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status