Share

หย่งเยี่ยน้อยเรียนหนังสือ 2

Author: lianlian
last update Huling Na-update: 2025-07-18 07:59:15

โต๊ะเรียนของหย่งเยี่ยอยู่ด้านในสุดของหอตำราที่เปิดโล่งออกมาเป็นสวนขนาดเล็กที่ปลูกดอกไม้ต้นไม้ร่มรื่นไม่ต่างจากหน้าหอตำรา มีพื้นไม้ยกสูงพร้อมวางโต๊ะตัวเล็กที่วางตำรา กระดาษหอม พู่กันและแท่งฝนหมึก ที่ขาดไปไม่ได้ก็คงเป็นกาน้ำชาร้อนกรุ่นและขนมกินเล่นที่มากพอจะสามารถเหนี่ยวรั้งเด็กชายให้อยู่กับที่ได้ประมาณชั่วยามหรือสองชั่วยามได้

“หย่งเยี่ยน้อย บอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าเรียนตำราใดไปแล้วบ้าง” หานฉงหรงยิ้มถามขณะวางตำราสามสี่เล่มเรียงบนโต๊ะ

หยางเยี่ยเอียงคอน้อยๆ ก่อนใช้นิ้วจิ้มที่ตำราไปสามเล่มแล้วก็หยิบขนมน้ำตาลขาวขึ้นมากัดกินไปพลางๆ

หานฉงหรงหยิบหนังสือเหล่านั้นมาดู ก็เห็นว่าเป็นตำราอักษรพื้นฐานสำหรับเด็กหนึ่งเล่ม อีกสองเล่มคือหนึ่งในคัมภีร์หลุนอวี่ [2] จากทั้งหมดยี่สิบเล่ม ส่วนอีกเล่มคือเชียนจื้อเหวิน (ตำราพันอักษร) ซึ่งทั้งหมดเป็นตำราพื้นฐานที่เด็กอายุขนาดหย่งเยี่ยต้องเรียนรู้ท่องจำให้ได้ และสำหรับเด็กเล็กอย่างหย่งเยี่ย นับว่าเด็กน้อยมีความสามารถในการท่องจำที่สมวัยในระดับหนึ่ง “แล้วคัมภีร์หลุนอวี่นี้เจ้าเรียนถึงเล่มไหนแล้ว”

หย่งเยี่ยไม่ตอบชื่อตำรา เพียงแค่โคลงศีรษะท่องเนื้อความจากในตำราท่อนหน
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Pinakabagong kabanata

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   งานเลี้ยงหงเหมิน 3

    “ขออภัยที่ข้าน้อยไม่ระวังเจ้าค่ะ” นางเอ่ยด้วยท่าทีร้อนรน ขณะที่เก็บกระดาษที่หล่นอยู่บนพื้น จวงหมิ่นกั๋วฟูเหรินคราแรกก็จะไม่ใส่ใจ แต่เมื่อเห็นพู่ป้ายหยกที่สตรีนางนั้นเหน็บไว้ที่เอวก็ให้รู้สึกเอะใจ “เจ้า...เป็นคนของจวนเป่ยหนานหวัง”หญิงสาวย่อกายคารวะพลางแนะนำตนเอง “เจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นเหลียงเจียจื่อของจวนเป่ยหนาน นามว่าหานฉงหรง เจ้าค่ะ”จวงหมิ่นกั๋วฟูเหรินเห็นว่าเป็นคนจากจวนอ๋องคนสำคัญของราชสำนักก็คลายท่าทีหงุดหงิดลงเล็กน้อย เอ่ยอย่างโอภาปราศรัยมากกว่าเดิม “ได้ยินจากท่านเสนาบดีว่าจวนเป่ยหนานมีอาจารย์หญิงแซ่หานนางหนึ่งคอยอบรมสอนสั่งองค์ชายน้อย ได้พบตัวจริงนับว่าองค์ชายน้อยช่างโชคดีที่ได้เจ้าอบรมสอนสั่ง”“ฮูหยินกล่าวเกินไปแล้ว ข้าน้อยเพียงรับหน้าที่สอนชั่วคราวก่อนที่ท่านพ่อจะย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวงถาวรเท่านั้น” หญิงสาวกล่าวอย่างถ่อมตนพลางกระชับกระดาษในอ้อมแขนที่เก็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว “แล้วนั่น...”ฉงหรงยิ้มอย่างละอาย “ข้าน้อยเป็นเพียงบุตรีบัณฑิต ไม่สันทัดเรื่องการจัดงานเลี้ยง รู้ตัวว่าองค์หญิงคงไม่โปรดสอบถามความเห็นของข้า ข้าเห็นว่าวันนี้นั่งอยู่ในมุมอับ จึงแอบทำแบบฝึกหัดเอาไว้ให้องค์ชายน้อ

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   งานเลี้ยงหงเหมิน 2

    เวลาผ่านไปหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม การประชุมหารือขององค์หญิงเวินอี๋พลันเสร็จสิ้นจวงหมิ่นกั๋วฟูเหรินพร้อมโฮ่วฉือสาวใช้กำลังเดินไปยังลานกว้างที่มีรถม้าและเกี้ยวจอดอยู่หลายสิบคัน สีหน้าของนางเคร่งเครียดคล้ายมีความคิดสารพันเวียนวนอยู่ในหัวไม่หยุดจนต้องหยุดเดินกะทันหันโฮ่วฉือรู้ดีว่าเจ้านายของตนคิดอันใดอยู่จึงเอ่ยอย่างวิตกกังวล “ฮูหยินเจ้าคะ เรื่องที่องค์หญิงเวินอี๋ทรงมอบหมายนั้นถ้าเราหาไม่ได้...”จวงหมิ่นกั๋วฟูเหรินเพียงลอบขบฟันกรืดกรอด ที่จริงสิ่งที่องค์หญิงเวินอี๋มอบหมายนั้น เพียงให้หาแพรไหมและอย่างอื่นที่เป็นสีม่วง เนื่องด้วยฮ่องเต้นั้นโปรดสีม่วงเป็นอย่างยิ่ง และสีม่วงนั้นยังโปรดทุกเฉดสีไม่ว่าจะเป็น สีม่วงไต้หลัน สีม่วงบัวเขียว หรือสีม่วงเข้มเช่นดอกจื่อถัง องค์หญิงวาดฝันไว้อย่างเต็มเปี่ยมว่าถ้าในงานเลี้ยงประดับประดาด้วยสีที่พระราชบิดาทรงโปรดอย่างยิ่งจะยิ่งทำให้บรรยากาศในงานเลี้ยงสมบูรณ์แบบมากขึ้นไปอีกแต่ในตอนนี้ต่อให้เป็นภรรยาขุนนางที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องราวความเป็นไปของโลกภายนอกต่างก็ต้องได้ยินเรื่องนี้เข้าหูบ้างเนื่องจากช่วงนี้คลื่นลมทะเลแปรปรวน ส่งผลให้สัตว์ทะเลล้มตายเกลื่อนชายห

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   งานเลี้ยงหงเหมิน 1

    เนื่องจากองค์หญิงเวินอี๋เป็นแม่งานในการจัดงานเลี้ยงฉลองพระราชสมภพของฮ่องเต้ ดังนั้นการหารือเกี่ยวกับงานเลี้ยงสังสรรค์ในตอนเย็นวันนั้นจึงจัดขึ้นที่จวนขององค์หญิงเพื่อให้สมเกียรติของตัวแทนจากจวนเป่ยหนานหวังอวิ๋นรุ่น จึงได้ให้หานฉงหรงใช้รถม้าประจำตัวของเขาเดินทางมายังจวนองค์หญิงต่างจากเหลียงเจียนางอื่นที่อาจนั่งเกี้ยวของตนเองหรือรถม้าที่การตกแต่งธรรมดาสามัญกว่ามากระหว่างที่หานฉงหรงเดินเข้าจวนองค์หญิงเดินไปตามทางเดินสายยาว นางลอบสังเกตว่าส่วนใหญ่ที่มาเป็นพระชายาของเหล่าเชื้อพระวงศ์ตั้งแต่ตำแหน่งกงขึ้นไปจนถึงตำแหน่งอ๋อง นอกนั้นถึงได้ชื่อว่าเหลียงเจียจื่อของจวนอ๋องนั้นๆ แต่ก็ได้ชื่อว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเจ้าของจวนจนถูกวางตัวเป็นอิ้งซื่อ (ตำแหน่งอนุภรรยาของท่านอ๋อง) ในอนาคต แต่ละอนงค์นางงดงามหาใดเปรียบ อีกทั้งปฏิภาณไหวพริบในการพูดคุยกับเหล่าชนชั้นสูงนั้นทั้งเต็มเปี่ยมด้วยความรู้ทว่ายังรักษากิริยามารยาทอย่างดีเยี่ยมสมกับเป็นตัวแทนของจวนอ๋องและจวนเชื้อพระวงศ์อันทรงเกียรติมิน่าเล่าตัวนางที่ได้ชื่อว่าเหลียงเจียจื่อจากจวนเป่ยหนานจึงได้ถูกคนจากจวนองค์หญิงและเหลียงเจียจื่อผู้อื่นจับจ้องเป็น

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   เข้าเฝ้าไทโฮ่ว 4

    หลังจากที่ผ่านเรื่องราวชวนอกสั่นขวัญที่แม้ว่าสีหน้าของสามอาคันตุกะในตอนนั้นจะแทบไม่เปลี่ยนเลยก็ตามมาได้ ไทโฮ่วก็มีรับสั่งให้จัดงานเลี้ยงเล็กรับรองพวกเขาพร้อมสนทนาพาทีในเรื่องสัพเพเหระอีกประมาณชั่วยามหนึ่งอวิ๋นรุ่นจึงขอตัวพาหานฉงหรงและหย่งเยี่ยกลับด้วยเหตุว่ามีธุระต้องไปทำรถม้าคันใหญ่เคลื่อนตัวออกจากประตูวังหน้าอย่างเชื่องช้า เวลายังเป็นช่วงบ่าย แต่กลับมีเมฆมากทำให้อากาศไม่ร้อนอบอ้าวอย่างที่คิด หย่งเยี่ยเนื่องจากอิ่มทั้งขนมและอาหารเลิศรสฝีมือพ่อครัวตำหนักไทโฮ่วที่ไม่ได้กินมานานจึงกินเสียเต็มคราบ พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน เด็กน้อยซุกตัวลงกับตักของหานฉงหรงโดยมีเจ้าของตักคอยโบกพัดกลมลายดอกเบญจมาศไปมาด้วยท่าทีไม่ช้าไม่เร็วเพื่อไม่ให้ลมแรงจนเกินไป“ตอนแรกที่ท่านอ๋องแนะนำให้องค์ชายเล่าถึงเรื่องของเสี่ยวมี่ หม่อมฉันก๊อกสั่นขวัญแขวนไม่น้อย ปกติเชื้อพระวงศ์มักไม่โปรดให้บุตรธิดาคลุกคลีร่วมกับสามัญชน แต่นี่ท่านกลับบอกให้หย่งเยี่ยทูลไทเฮาตามตรง หม่อมฉันนึกว่าจะถูกพระนางสั่งคนลากไปโบยไม่ก็ตัดหัวเสียแล้ว”อวิ๋นรุ่นเพียงจับจ้องหลานชายที่ยังนอนหลับฝันหวาน “ปณิธานของฝ่าบาทและไทโฮ่วนั้นปรารถนาที่จะให้

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   เข้าเฝ้าไทโฮ่ว 3

    นับว่าอีกฝ่ายสมกับเป็นปราชญ์หญิงมากกว่าเป็นสตรีในวังหลวง มีทักษะการควบคุมอารมณ์ได้ดีเยี่ยม ยามปกติถ้าเป็นเชื้อพระวงศ์คนอื่น นางคงถูกลากไปโบยไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วกระมังหย่งเยี่ยเฉลียวฉลาดสักปานใด บรรยากาศเช่นนี้ใช่ว่าเขาจะอ่านไม่ออก เด็กชายตอบด้วยน้ำเสียงซื่อ “กราบทูลเสด็จย่า ถึงจะพูดว่าเป็นเพื่อนเรียน หากแท้จริงแล้วเสี่ยวมี่เป็นศิษย์ของหลาน”คำพูดนี้เรียกรอยยิ้มอ่อนจางเต็มไปด้วยความสงสัยระคนเอ็นดูจากคนตรงหน้า “อย่างไร”“เสี่ยวมี่บอกว่าพ่อของนางไม่ให้นางเรียนหนังสือ เพราะเห็นว่าไม่นานก็ต้องแต่งงานออกเรือนจะเรียนไปทำอันใด หลานคิดว่าความคิดนี้ขัดกับความคิดของเสด็จพ่อกับเสด็จย่าที่มีพระประสงค์ให้เด็กผู้หญิงได้เรียนหนังสือเฉกเช่นเดียวกับเด็กผู้ชาย หลานเห็นว่านางไม่ควรจะเสียโอกาสได้รู้หนังสือ จึงได้ขอให้หานเหลียงเจียให้ทูลขอกับเสด็จอา ให้หลานเป็นคนสอนอักษรพื้นฐานให้นาง ส่วนนางก็มีหน้าที่คอยสอดส่องดูแลมิให้หลานเกียจคร้านการเรียน นับว่ายิงธนูดอกเดียวได้นกถึงสองตัว”ไทโฮ่วจับจ้องนัดดาคนโปรด เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้กล่าวมุสา กระนั้นก็อดถอนใจมิได้ “เจ้าเองก็อายุน้อยเพียงนี้ก็ริอ่านไปสอนหนัง

  • ย้อนเวลามากำจัดสามีสับปลับกับองค์หญิงบัวขาว   เข้าเฝ้าไทโฮ่ว 2

    “ใจจริงตัวข้าก็อยากสอนสั่งหย่งเยี่ยด้วยตนเอง แต่เจ้าตัวดื้อของข้ายืนกรานว่าจะไม่ยอมเรียนกับข้าเด็กขาด” ไทโฮ่วว่าพลางจิ้มแก้มขาวเนียนของหลานชายที่กำลังหยิบขนมพันชั้นเข้าปาก “เสด็จย่าของเจ้าเป็นถึงปราชญ์หญิงแห่งยุคเชียวนะ ถ้าเจ้ายอมมาเรียน เสด็จย่าก็พร้อมที่จะทุ่มเทกำลังสอนสั่งเจ้าเป็นอย่างดี”หย่งเยี่ยเคี้ยวขนมหมุบหมับ ตอบด้วยน้ำเสียงไหลลื่น “ถ้าเสด็จย่าต้องทุ่มเทกำลังสอนหลาน เกรงว่าต้องโมโหหย่งเยี่ยจนประชวรเป็นแน่ หย่งเยี่ยอยากให้เสด็จย่าอยู่ด้วยกันไปนานๆ จึงไปเรียนที่หอตำรากับเสด็จอาดีกว่า”“ชักแม่น้ำทั้งห้าใส่ตัวข้าเช่นนี้ แสดงว่าแม่นางหานของเสด็จอาเจ้าสอนดี” นางเอ่ยขณะปรายตาไปยังหานฉงหรง จากนั้นจึงหันไปพูดคุยกับหย่งเยี่ยต่ออย่างแนบเนียน ไหนเจ้าเล่าให้เสด็จย่าฟัง ว่าช่วงนี้เจ้าเรียนอันใดบ้างหย่งเยี่ยยิ้มแป้นราวกับรอคอยจังหวะเวลานี้มานาน เด็กน้อยหยิบกล่องไม้จากแขนเสื้อตัวยาวออกมาวางบนมือไทโฮ่ว “ช่วงนี้หลานเรียนประสมอักษรพ่ะย่ะค่ะ”“เรียนประสมอักษร อย่างไร?” ไทโฮ่วว่าขณะโบกมือให้นางกำนัลเก็บขนมน้ำชาไปเก็บเพื่อให้เด็กน้อยเทของที่อยู่ในกล่อง จากนั้นมือน้อยๆ ก็เกลี่ยกระดาษเหล่านั้นให้ปน

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status