สะใภ้ใหญ่ชี้หน้าด่าหลานสาว “อี้ข่ายบอกฉันหมดแล้วว่าเขา... เธอขว้างกิ่งไม้ใส่ลูกชายของฉัน จิตใจทำด้วยอะไรกับเด็กตัวเล็ก ๆ!”
“เหรอคะ”
หลิวตานจ้องหน้าสะใภ้ใหญ่ที่เอ่ยตะกุกตะกักในตอนแรก คงรู้ดีว่าลูกชายของตัวเองทำอะไรบ้างแต่ที่มาหาเรื่องเพราะลูกชายเจ็บ และยอมไม่ได้ที่คนอื่นชนะโดยเฉพาะพวกเธอ
“เฮอะ ไม่ต้องพูดแล้ว วันนี้พวกแกสามพี่น้องไม่ต้องกินข้าวมื้อเย็น!” ย่าหลิวประกาศก่อนหันไปโอ๋หลานชายอีกคน ก่อนจะพาไปที่ห้องครัวอย่างเอาใจใส่
“อี้ข่ายไม่ต้องร้องนะ ย่าจะให้แม่ของหลานต้มไข่ให้”
หลิวตานมองภาพตรงหน้าแล้วเบ้ปาก ย่าของเธอช่างรักหลานเท่ากันจริง ๆ ไม่ลำเอียงเลยสักนิด!
“แค่นี้ใช่ไหม ไม่มีอะไรแล้วฉันจะได้ไปทำอย่างอื่น เสียเวลา” เธอหันไปถามป้าสะใภ้ใหญ่อย่างเย็นชา พวกเขาได้แต่พูดด่าทอเท่านั้นและงดอาหารเท่านั้น ไม่ได้คิดลงไม้ลงมือเพราะกลัวว่าจะเสียเงินค่ารักษา ซึ่งเรื่องนี้คงเป็นเรื่องดีที่หลิวตานรู้สึกชอบใจอยู่บ้าง
“เดี๋ยวนี้เก่งนะ มาต่อปากต่อคำสงสัยไม่อยากจะกินข้าวบ้านนี้แล้ว” สะใภ้ใหญ่มองหลานสาวที่เหมือนจะเปลี่ยนไปแล้วต่อว่าอย่างหงุดหงิด
หลิวตานไม่ได้สนใจป้าสะใภ้ใหญ่หันไปบอกน้องสาวกับน้องชาย“เสี่ยวอีพาอาสวี่เข้าไปอยู่ในห้อง แม่คงกลับมาแล้ววันนี้งานเสร็จแล้ว พี่ตากผ้าเสร็จจะตามเข้าไป”
“ค่ะ”
สะใภ้ใหญ่มองสามพี่น้องอย่างสะใจแต่เพราะความสะใจจึงไม่ได้สังเกตว่าสามพี่น้องดีใจมากแค่ไหนที่ถูกงดข้าวมื้อเย็น อาหารที่บ้านสู้เนื้อปลาอวบ ๆ หวาน ๆ ก็ไม่ได้
หลิวตานตากผ้าเสร็จไม่วายโดนบ่นที่ไม่เอาผ้าคนอื่นไปซักด้วย แต่คิดหรือว่าเธอจะสนใจ ป้าสะใภ้ใหญ่ก็ไม่ได้ทำงานทำไมเธอต้องซักให้ป้าสะใภ้ด้วย ขนาดอาสะใภ้สามทำงานเหนื่อยยังกลับมาซักเองได้เลย
ส่วนป้าสะใภ้ใหญ่ในแต่ละวันแทบจะไม่ได้ทำอะไร ทำงานในแปลงนาไม่นานกลับบ้าน ไปทำงานต่อแล้วกลับบ้าน เป็นแบบนี้ทุก ๆ วัน งานในบ้านก็แทบจะไม่ทำโยนมาให้บ้านรองทั้งที่ตกลงกันทำงานแล้ว
ผ้าแต่ละบ้านก่อนหน้านี้ตกลงกันว่าซักใครซักมัน แต่บ้านใหญ่โยนมาให้บ้านรองเสมอ และทั้งบ้านไม่ปฏิเสธต่างจากตอนนี้ที่หลิวตานไม่ยอมทำอะไรให้แล้ว
หลังจัดการเรื่องตากผ้าเสร็จแล้วเธอเดินเข้ามาในห้องมองน้องทั้งสองคนที่นั่งเศร้าอยู่ก่อนหันไปบอกแม่ของพวกเธอ “แม่ ฉันจะพาน้องเข้าป่านะคะ”
จ้าวเหม่ยถึงแม้ว่าไม่อยากให้ลูกไปแต่ถ้าไม่ไปก็จะไม่ได้กินข้าวมื้อเย็นเลยพยักหน้าตอบ “ไปเถอะก่อนมืด แม่จะทำงานบ้านรอส่วนย่าแม่จะจัดการให้”
เด็ก ๆ ถูกงดอาหารแต่ว่าแม่ของพวกเขาไม่ได้ถูกงด ลำพังส่วนของจ้าวเหม่ยก็ไม่ได้มาก จะแบ่งให้ลูกก็เหมือนไม่ได้กินอะไรและลูกไม่ยอม จึงได้แต่อนุญาตให้พากันเข้าป่า โดยมีลูกสาวคนโตดูแลน้อง
“แม่ไม่ต้องทำงานบ้านไปทุกอย่างหรอกค่ะ ปล่อยให้พวกเขาทำเองบ้าง ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่เห็นทำงานนอกบ้าน งานในบ้านยังไม่ทำเลย แต่แม่ต้องมาทำงานทั้งนอกและใน” หลิวตานบ่น
เรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริง บ้านรองทำงานนอกบ้านยังต้องมาทำงานในบ้าน บ้านใหญ่มีลุงใหญ่ที่คอยอู้งาน ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่ทำงาน แต่ลูกทั้งสามได้เรียน หลิวตานจึงไม่ชอบเท่าไรหากพวกเขาทำงานนอกบ้านเรื่องงานในบ้านจะไม่ได้ว่าเลย
“ไม่ได้หรอก แม่ไม่อยากให้พ่อต้องลำบากใจ” จ้าวเหม่ยกล่าวยิ้ม ๆ แล้วไล่ลูก “รีบพากันไปสิตอนนี้ไม่มีคนอยู่หน้าบ้าน หากพวกเขากลับมาลูกจะไม่ได้ไป”
“ค่ะ”
สามพี่น้องเปลี่ยนชุดเข้าป่ามีตะกร้าเข้าไปเหมือนทุกที ตอนนี้สายแล้วแสงแดดค่อนข้างแรง หลิวตานจึงพาน้องชาย น้องสาวเดินไม่เร่งรีบจะได้ไม่เหนื่อยง่าย มองซ้าย มองขวาอย่างระมัดระวัง ต่อให้เข้ามาทุกวันก็ต้องมองทางให้ดี
“อยู่ตรงนี้ห้ามขยับ พี่ไปครู่เดียว” เธอหันไปบอกน้องสาวหลังเห็นอะไรวิ่งผ่านหน้าไป
“ระวังตัวด้วยค่ะ”
“อืม”
หลิวตานปลดตะกร้าลงพื้นจากนั้นค่อย ๆ เดิน ไปทางที่ได้ยินเสียงเมื่อครู่ และใช้จังหวะและเสียงเงียบในการโจมตี! ก่อนเสียงไก่ร้องดังทั่วบริเวณ
“ว้าว! พี่ใหญ่ได้ไก่” หลิวอิ๋งอีมีสีหน้าเป็นประกาย ตั้งแต่พ่อของหล่อนกลับไปทำงานก็ไม่ได้กินไก่อีกเลย จริง ๆ บ้านหลิวมีเนื้อกินทุกสัปดาห์แต่บ้านรองไม่ได้รับส่วนแบ่ง
หลิวตานจับไก่มัดขาแล้วหันมายิ้มให้น้อง ๆ “วันนี้โชคดีมากพวกเรามีเนื้อเพิ่มแล้ว ไปกันเถอะเมื่อวานวางกับดักปลาเอาไว้ ถ้ามันใช้ไม่ได้พี่จะลงไปจับปลามาย่างให้กิน”
“กินปลากันเถอะ” หลิวเหอสวี่บอก
“วันนี้พวกเราจะไม่นอนในบ้าน” หลิวตานกล่าวยิ้ม ๆ มองลูกเล่นน้ำในสระปูน“เอ๋ ไม่นอนในบ้านแล้วนอนที่ไหนคะ” นอกจากบ้านพักเวลามาที่นี่พวกเขาไม่เคยไปนอนที่ไหนเลยหลิวตานไม่ตอบแต่พยักหน้าสั่งสามีให้เริ่มทำที่นอนพักของคืนนี้ทันที ลานดินไม่มีหญ้าหรือกิ่งไม้เคยขวางเหมือนอดีตถูกปูด้วยผ้าผืนบาง ก่อนเต็นท์ถูกนำมากางทับ ผ้านิ่มถูกปูไว้ด้านในเพื่อนให้ลูกได้นอนนิ่ม ๆ พร้อมกับเตรียมก่อไฟไว้ข้างนอกนี่คือสิ่งที่หลิวตานเพิ่งได้รับมาจากระบบ เธอเลยอยากลองใช้ไหน ๆ ก็มีสถานที่ให้ใช้ และลูกของเธอดูตื่นเต้นมาก ถึงขั้นอาบน้ำและรีบมาดู“ว้าว! ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”“ถ้าเคยเห็นสิแปลก” หลิวตานพึมพำแม้แต่เธอเองยังเคยเห็นเต็นท์ไม่กี่ครั้งและใช้งานไม่เป็น โชคดีว่าสามีของเธอคือทหารและการใช้ของพวกนี้เขาคุ้นเคยอยู่บ้างเลยไม่ต้องอธิบายให้เขาฟังว่าได้มันมาจากไหนและต้องกางเต็นท์ยังไง“ยังดีนะครับว่าฝนไม่ตก ไม่อย่างนั้นคงน่าเสียดายแย่” สือหยวนเฟิ
“เขาก็แค่ไม่อยากเล่นกับลูกคนงานคนอื่น ทั้งที่เขาก็เป็นแค่ลูกคนงานเหมือนกัน”หลิวตานเอ่ยปราม “เจียวมิ่ง แม่ไม่เคยสอนให้ลูกแบ่งชนชั้นกับใครนะ”คำว่าลูกคนงานทำให้หลิวตานรับไม่ได้จริง ๆ ที่คำนี้มันออกมาจากปากลูกของเธอเอง เพราะหลิวตานสอนให้ลูกใช้ชีวิตกับฟาร์มตลอดและการแบ่งชนชั้นเป็นสิ่งที่เธอไม่ชอบ และในอดีตเธอโดยกระทำเช่นนี้มาก่อนอีกด้วย“ขอโทษครับ”“ไม่ใช่แค่ขอโทษ ลูกไม่ควรไปพูดคำนี้กับใคร ถ้าแม่ไม่ใช่เจ้าของฟาร์มเป็นแค่คนงาน ลูกก็ต้องเป็นลูกคนงานเหมือนคนอื่น” หลิวตานสอนลูกชายสือเจียวมิ่งนั่งก้มหน้า สือเจียวเจี้ยก็อยากเข้าไปปลอบพี่ชายแต่ถูกบิดาห้าม หลิวตานปล่อยให้เขานั่งสำนึกผิดเกือบสิบนาทีถึงได้ชวนสามีกลับบ้านบ้านพักท้ายฟาร์มถูกสร้างขึ้นหลายหลังเป็นบ้านหลังเล็กมีหนึ่งห้องนอนเพราะว่าทุกคนในฟาร์มชอบมาฉลองกันที่นี่ ตอนแรกหลิวตานต้องการต่อเติมแต่เธอมองว่าถ้าต่อเติมบ้านพักท้ายฟาร์มมันจะกลายเป็นบ้า
สือหยวนเฟิงได้ยินก็ไม่ลืมคนเก่าแก่ “ลุงเจา ลุงหลี ครอบครัวลุงชาง ป้าเฉวียน แล้วก็พี่ชายชาง พวกเขาทำงานในฟาร์มตั้งแต่ฟาร์มเปิดรับคนงาน 20 คน ตอนนี้เพิ่มมาอีกหลายร้อยคน ผมคิดว่าควรมีของขวัญให้พวกเขาบ้างนะครับ”ทั้งห้าคนคือคนที่อยู่กับฟาร์มนานที่สุดและลุงเจาปีนี้ยังได้เป็นหัวหน้าคนงานปีสุดท้ายก่อนส่งต่อให้พี่ชายชางเพื่อการประสานงานรวดเร็ว แต่ลุงเจายังคงทำงานในฟาร์มเป็นผู้ช่วยของหลิวตงตง โดยที่ลุงเจาเข้าใจทุกอย่าง“แน่นอนค่ะ”นอกจากลุงเจา ลุงหลี ทั้งสามคนคือครอบครัวเดียวกัน นอกจากเงินเดือนจะเพิ่มหลิวตานก็เตรียมโบนัสประจำปีเอาให้ทั้งห้าคนอีกด้วย และมีการปรับเพิ่มสวัสดิการต่าง ๆ อย่างเหมาะสม หลิวตานคิดว่าปีหน้าจะเปิดรับเพิ่มอีกประมาณ 200 คน และหยุดการขยายฟาร์มไปก่อนจนกว่าคนจะเพียงพอช่วงบ่ายสี่พ่อแม่ลูกพากันเข้าฟาร์มหลิว แต่ละคนแต่งตัวเต็มยศบ่งบอกว่าจะเข้ามาทำงาน และไม่รู้ว่าที่ผ่านมาระบบสงสารหลิวตานหรืออะไร ตั้งแต่ท้องลูกตอนนั้นการที่สามีเข้ามาช่วยทำภารกิจมันสาม
เกือบบ่ายสองรถยนต์สองคันมุ่งหน้าตามกันไปยังท้ายฟาร์ม หลิวตานกับเพื่อนไปรถคันเดียวกันโดยมีสือหยวนเฟิงเป็นคนขับ อีกคันคือน้องของหลิวตานกับสือหยวนเฟิง มีหลิวต้าสยงเป็นคนขับ“อากาศเย็นจริง ๆ พวกเราไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้กันหลายเดือนเลย!” หลิวอิ๋งอีสูดดมอากาศเข้าปอดแล้วพูดออกมาด้วยความดีใจ หล่อนยุ่งกับการเรียนนอกจากกินอาหารร่วมโต๊ะกับครอบครัว ที่เหลือคงเป็นการอยู่ในบ้านอ่านหนังสือชุยเฟิงเอ่ยแซว “แหม ว่าที่คุณหมอนาน ๆ ถึงมีเวลามาเลี้ยงฉลองกับคนอื่นอย่างเธอ ไม่แปลกที่ไม่ได้มานาน”ในขณะที่คนอื่นเรียนจบกันว่าที่คุณหมออย่างหลิวอิ๋งอี หลิวต้าสยง ยังต้องเรียนต่อกันอีกเกือบสองปี ซึ่งสาขาที่ทั้งสองเลือกเรียนใช้เวลาเรียนนานกว่าสาขาอื่นอยู่แล้ว“คุณอายังโทรมาถามเลยว่าต้าสยงเรียนจริงไหม” หลิวตานหัวเราะ“ถามว่าเรียนจริงไหมยังดีกว่าถามหาภรรยานะครับ เฮ้อ” หลิวต้าสยงถอนหายใจ ปีนี้เขาอายุยี่สิบหกปีถ้าอยู่ที่หมู่บ้านคงมีลูกจนโตแล้ว ค่านิยมของเมืองใหญ่กับชนบทไม่เหมือนกัน เขาไม่จำเป็นต้องรีบมีลูกขนาดนั้น&nbs
นับว่าฟาร์มหลิวได้รับความสำเร็จเป็นอย่างมาก ฟาร์มเก่าแก่อยู่มานานหลายสิบปียังถูกเขี่ยออกจากสิบอันดับของฟาร์มใหญ่ได้ จริง ๆ หลายปีมานี้ฟาร์มหลิวต้องพิสูจน์ตัวตนมานาน ลูกค้าหาย ถูกยกเลิกคำสั่งซื้อ ถูกใส่ร้ายเรื่องผักไม่สดและปีนี้หลิวตานยังได้น้องชายมาช่วยงานในฟาร์มทันทีที่เขาเรียนจบ การเติบโตของฟาร์มจึงขยายเพิ่มปัจจุบันคนงานในฟาร์มมีจำนวนมากกว่า 500 คน แบ่งเป็นทำงานในสำนักงานเกือบยี่สิบคน ทำงานในโรงผลิตเครื่องปรุงรสจำนวน 120 คน พนักงานแปรรูปผัก 50 คน ที่เหลือคือคนงานในฟาร์มบ้านหลิวประสบความสำเร็จแน่นอนว่างานเลี้ยงถูกจัดขึ้นด้วยความยิ่งใหญ่ ครบรอบสิบปีของฟาร์มทั้งทีร้านค้าพันธมิตร ลูกค้ารายใหญ่ และคนสำคัญถูกเชิญมาร่วมงาน งานจัดขึ้นตอนเช้าเพราะว่าตอนบ่ายหลิวตานกับพี่น้องนัดกันไปเล่นน้ำตกท้ายฟาร์ม“แม่”เสียงของลูกสาวตัวน้อยทำให้หลิวตานละมือจากงานตรงหน้า หันไปคุยกับลูกสาว “เจียวเจี้ยมีอะไรหรือเปล่าคะลูก”ปีนี้เด็กแฝดของหลิวตานกับสามีอายุ 5 ขวบแล้ว ทั้งสองเป็นเด็กฉลาดที่ทุกคนพบเห
ถึงเวลาลูกตื่นช่วงเลิกงานของทุกคน หลิวตาน สือหยวนเฟิงมุ่งหน้าไปยังจุดหมายหลังบอกคนในครอบครัวเอาไว้ ยังดีว่าคนงานช่วยดูแลบ้านให้ทุกวันจึงไม่ต้องทำความสะอาดอะไร “พาลูกไปเดินเล่นแถวนี้ก่อนนะ แล้วก็อย่าลืมเอาถุงตาข่ายใส่ตะไคร้หอมสับติดตัวลูกด้วย ฉันจะต้มนมให้ลูกหน่อย” หลิวตานบอกสามี“ครับ”นมวัวไม่ควรอุ่นบ่อย ๆ และต้องอุ่นให้ถูกวิธีไม่ให้สารอาหารลดลง ทุกวันจะมีนมวัวมาส่งที่ฟาร์มหลิว หลิวตานซื้อให้ลูกวันต่อวันและนำนมดิบมาต้มเอง เธอไม่รู้ว่าถ้าให้ฟาร์มวัวต้มมาให้สารอาหารยังเหลือไหม แม้ยุ่งยากหน่อยแต่ว่าเพื่อประโยชน์เธอยอมใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำนมพร้อมให้ลูกได้ดื่ม บางส่วนเก็บใส่ตู้เย็นพอนมในขวดใกล้หมดค่อยนำนมออกมาละลายในน้ำอุ่น หลิวตานลงมือทำเองทุกขั้นตอน“พ่อกับลูกกลับมาได้แล้ว!”ช่วงนี้เพิ่งพ้นปีใหม่มาได้ไม่นานและอากาศไม่ร้อนไม่เย็น การเล่นน้ำตกและยิ่งมีเด็กเล็กมาด้วยยิ่งไม่ควร แต่ว่าหลิวตานเตรียมน้ำอุ่น ๆ ให้ลูกเล่นหน้าบ้าน“แม่”