เสียงเปิดประตูทำให้คนในห้องที่กำลังครุ่นคิดกับตัวเองหันไปมอง ก่อนจะมีเสียงเล็ก ๆ เอ่ยขึ้น “พี่ใหญ่ พี่ตื่นแล้ว”
หลิวอิ๋งอี เด็กผู้หญิงอายุเพียงห้าขวบต้องไปทำงานบ้านแทนพี่สาวที่ป่วยในห้อง หล่อนเข้ามาพร้อมพี่ชายผู้มีสติไม่สมประกอบ
“พี่ใหญ่”
หลิวตานมองทั้งสองคนเงียบ ๆ เวลานี้ปกติเธอต้องออกไปทำงานบ้านเหมือนเคย แต่ย่าคงเห็นว่าหลานสาวไม่สบายจริง ๆ จึงใช้หลานสาวอีกคน
“พี่ใหญ่รอก่อนเสี่ยวอีจะไปหยิบแผ่นแป้งให้” หลิวอิ๋งอีดันพี่ชายเข้ามาในห้องก่อนปิดประตูและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
หลิวตานเรียกน้องชายพลางตบพื้นข้าง ๆ “อาสวี่ เข้ามานั่งกับพี่สาวเร็วเข้า”
“ครับ” เจ้าตัวพยักหน้างึกงักแล้วเดินเข้ามานั่งและมองหน้าพี่สาวนิ่งๆ
ซึ่งการกระทำนี้ทำให้หลิวตานมีโอกาสได้มองน้องชายของร่างนี้อย่างใกล้ชิด หลิวเหอสวี่สติไม่สมประกอบก็จริงแต่ไม่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องเลย ยิ่งถูกเลี้ยงในบ้านของเธอที่เต็มไปด้วยความรักอีกฝ่ายจึงค่อนข้างรู้ความ
“ข้างนอกห้อง นอกจากเสี่ยวอีแล้วยังมีใครอยู่อีกไหม” หลิวตานหลอกถาม เธออยากออกไปดูข้างนอกว่าพอมีอะไรให้ทำกินบ้างหรือไม่ แต่ยังไม่พร้อมไปเจอกับใครให้ทะเลาะกัน ยิ่งตอนที่ยังมึนงงแบบนี้
“ย่าไม่มี ไม่มี กับพวกนั้นออกไปแล้ว”
‘ไม่มีย่า ย่าออกไปกับพวกนั้นแล้ว’ หลิวตานแปลความหมายของน้องชายได้อย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวชมน้องชายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เด็กอย่างเหอสวี่ต้องใช้ความใจเย็นและอ่อนโยนคุยด้วย มิฉะนั้นเขาจะอยู่ในโลกส่วนตัวทันที ดูได้จากความทรงจำของร่างเดิมที่ทิ้งเอาไว้ ต่อไปนี้เธอต้องยอมรับชีวิตใหม่และครอบครัวใหม่นี้และต้องทำให้พวกไม่อดอยากอีกต่อไป
“อ้อ เด็กดี”
ทั้งสองนั่งเงียบต่างอยู่ในภวังค์ของตัวเอง ก่อนประตูด้านนอกเปิดเข้ามาอีกครั้ง เป็นหลิวอิ๋งอีที่มาพร้อมแผ่นแป้งกับน้ำต้มสุกที่รีบไปต้มเมื่อครู่ หากมีคนอยู่บ้านการต้มน้ำแบบนี้เป็นการสิ้นเปลืองอย่างยิ่ง
หลิวอิ๋งอียกจานที่มีแผ่นแป้งกับน้ำร้อนมาให้พี่สาวและเอ่ยบอกเสียงเบา “เสี่ยวอีซ่อนแผ่นแป้งไว้ให้ได้เพียงแผ่นเดียว แผ่นแป้งอยู่สูงเกินไปจึงต้มน้ำร้อนมาให้ด้วย”
“เด็กดี ขอบคุณเธอมาก”
หลิวตานหลุบตามองของในมืออย่างเศร้าใจ ถึงแม้จะไม่ได้กินเนื้อสัตว์เป็นเวลานาน แต่มันก็ไม่ได้ไม่มีกินแบบนี้ จะให้บอกน้องสาวไปหาอะไรให้อีกก็ไม่ได้ หล่อนตัวเล็กมากถ้าไม่รู้ต้องบอกว่าสามขวบเป็นแน่
“แม่ไปทำงานในแปลงนาตั้งแต่เช้ามืด วันนี้ไม่มีใครเอาอาหารไปให้แม่เลย เสี่ยวอีไม่กล้าเอาไปกลัวย่ากลับมาตี เดี๋ยวพี่ชายจะโดนตีไปด้วย”
หลิวอิ๋งอีเอ่ยบอกพี่สาวที่นั่งนิ่งอยู่ที่นอน ดวงตากลมโตมองพี่สาวอย่างห่วงใย เวลาอาหารมื้อกลางวันของบ้านก็จะมีแผ่นแป้ง ลวกผัก บางวันจะมีพวกธัญพืชที่จะได้กินสัปดาห์ละสองวัน ปกติเป็นหน้าที่ของพี่สาวที่ต้องเอาไป เธอจึงไม่กล้าเข้าไปยุ่งเพราะถ้าถูกลงโทษพี่ชายจะโดนไปด้วย ลำพังตัวเองไม่เป็นอะไรแต่พี่ชายถูกรังแกทุกวัน
“เดี๋ยวอาหารแม่พี่จัดการเอง เสี่ยวอี อาสวี่นอนพักกลางวันเถอะ ย่าไม่อยู่แบบนี้ก็นอนเอาแรง ตอนเย็นเดี๋ยวจะได้ออกไปจัดการข้างนอกบ้านอีก” หลิวตานบอกน้องชายน้องสาวเมื่อกินหมดแล้ว
“ค่ะ”
เด็กเพียงห้าขวบ เจ็ดขวบ ในชนบทแบบนี้ก็ถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวแล้ว เด็กบางคนที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จะดีหน่อยเมื่อถึงมื้ออาหารพวกผู้ใหญ่จะตามหา แต่ถ้าเป็นเด็กอย่างเช่นบ้านหลิว หากสองพี่น้องออกไปเล่นข้างนอกเวลามื้ออาหารก็จะไม่ได้รับส่วนแบ่งด้วย อย่างหลิวตานเธอก็ไม่ได้รับส่วนแบ่งของวันนี้
น้อง ๆ หลับไปแล้ว หลิวตานห่มผ้าให้ทั้งสองคน ก่อนจัดการสวมใส่ชุดให้เรียบร้อย เมื่อมองดูเสื้อผ้าที่สวมใส่ที่ซีดจนไม่รู้สีเดิมและยังมีรอยปะมากมายแล้วได้แต่ถอนหายใจอย่างยอมรับความจริงจากนั้นจึงเดินออกไปนอกห้องนอนเพื่อสำรวจบ้านของตระกูลหลิวหลังนี้
บ้านดินผสมฟางหลังคามุงกระเบื้องอย่างดี ทางห้องของปู่ย่า บ้านใหญ่ บ้านสี่ และลูกสาวคนเล็กนั้นด้านนอกและด้านในเพิ่งถูกปรับปรุงไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ส่วนของบ้านรอง บ้านสาม แน่นอนว่ามันเก่าและโทรมมาก ย่าหลิวให้เหตุผลว่ามีเงินไม่พอ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งให้อั่งเปาเด็กบ้านใหญ่ไปคนละหลายซอง
“ยายแก่ลำเอียงจริง ๆ” หลิวตานส่ายหน้า โชคร้ายที่พ่อของร่างเดิมไม่คิดแยกบ้าน แม่ยังอ่อนแอจึงถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่ตลอด
ด้านหลังบ้านมีห้องครัวเล็ก ๆ ที่ใหญ่กว่าห้องนอนของบ้านรอง มีโรงเก็บฟืนเอาไว้ใช้งานในฤดูหนาว และมีแปลงผัก คอกหมู เล้าไก่อยู่หลังบ้าน บอกได้เลยว่าถ้าต้องการประหยัดของพวกนี้มันช่วยได้มาก แต่ไม่ใช่ว่าจะประหยัดจนลำบากขนาดนี้! ไม่สิ ไม่ใช่ประหยัดเพียงแค่ย่าลำเอียงมีของดีอะไรก็ให้คนบ้านใหญ่หมด บ้านรองก็แค่เป็นทาสรับใช้ในเรือนเท่านั้น
แม่ไม่ต้องการให้พ่อลำบากใจแต่สี่คนแม่ลูกต่างถูกกดขี่ข่มเหง จะให้ไปบอกพ่อก็ไม่ได้เนื่องจากไม่รู้ที่อยู่และเบอร์โทร ต่อให้ใช้โทรศัพท์ของหัวหน้าหมู่บ้านก็ใช้ไม่ได้ เนื่องจากไม่มีเงินเลย“พี่ใหญ่ พวกเราจะต้องทนแบบนี้หรือคะ” หลิวอิ๋งอีถามพี่สาวหลิวตานหันไปมองน้องสาวที่มองมาอย่างน่าสงสาร เธอยกมือลูบศีรษะของน้องสาวแผ่วเบาก่อนยกยิ้มแล้วบอก “รออีกหน่อย พี่ใหญ่ผู้นี้กำลังหาทางออก”“ฉันจะรอค่ะ”“รอ” หลิวเหอสวี่พูดตามหลิวตานมองน้องทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มหลิวเหอสวี่เป็นเด็กไม่ค่อยพูด แต่พอเวลาอยู่กับน้องสาวทั้งสองจะสื่อสารกันรู้เรื่องแม้ว่าจะไม่ได้พูด ส่วนหลิวอิ๋งอีมีเรื่องอะไรหล่อนจะบอกพี่สาวทั้งหมดการอยู่ในครอบครัวแสนห่วยแบบนี้หลิวตานไม่มีทางจะอยู่แน่ ชีวิตก่อนอย่างน้อยถูกส่งไปอยู่พื้นที่ห่างไกล ถูกจำกัดการใช้ชีวิตยังดีกว่าต้องมาร่วมชายคากับคนแบบนี้อีกอย่างเธอทำอะไรล้วนไม่สะดวกต้องคอยหลบซ่อนทุกคน ทั้งเธอ แม่ น้องสาว น้องชาย ต้องนอนแออัดในห้องนอนที่แส
โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยเธอลงมือปลูกผักกาดเพิ่มอีกสองหัว พอได้ในสิ่งที่ต้องการรีบขุดเอาไปซ่อนไว้ในห้องนอน ผักอวบแบบนี้ต้องอร่อยและหลิวตานจะให้แค่คนที่บ้านได้กินหลิวตานเดินเข้าบ้านหลังนำถังที่ซ่อนผักกาดเข้าไปในห้อง เจอเข้ากับย่าหลิวที่กลับมาถึงบ้านพอดี “ฉันไม่อยู่ไม่เคยคิดที่จะทำงานบ้านเลยใช่ไหม”“ฉันทำแล้ว ลูกสาวของย่านู้นทำเลอะแล้วไม่เก็บ” หลิวตานตอบโต้ มองหลิวถงเหยาที่นั่งพิงเก้าอี้อย่างสบายใจพื้นด้านล่างที่เคยสะอาดตอนนี้เต็มด้วยเปลือกเมล็ดแตงโม หลิวตานเพิ่งทำความสะอาดไปยังไม่ทันถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ และก่อนเดินไปหลังบ้านมันยังสะอาดอยู่ คนที่ทำให้พื้นไม่สะอาดย่อมเป็นคนที่อยู่ในบ้าน“ฉันไม่ได้ทำ หลานของแม่นั่นแหละไม่ยอมทำงานบ้าน บอกให้ทำ ๆ ก็ไม่ทำ”“เฮอะ สักวันฉันจะบอกพ่อของหล่อน ให้หย่ากับแม่ของหล่อนไปเลย นอกจากได้แต่ลูกผู้หญิงแล้วลูกชายยังไม่สมประกอบอีก น่าสมเพชจริง ๆ” ย่าหลิวชี้หน้าหลานสาวแล้วพูดต่อ “ลูกชายฉันเป็นทหารต่อให้เขาเคยแต่งงานมีลูกมาแล้วคนอื่นก็อยา
หลิวอี้ผิงหันไปขอความช่วยเหลือ “ย่า”“หลิวตานอย่าลามปาม! อี้ผิงน่ะเรียนเก่งในอนาคตแกต้องพึ่งพาพี่เขา”“ฉันไม่อยากพึ่งพาหรอก คนอะไรเรียนซ้ำชั้นมาสองปีแล้ว”อีกเรื่องที่เป็นความอัปยศของบ้านใหญ่คือลูกชาย ลูกสาวไม่สามารถเลื่อนชั้นปีได้ แต่ต้องการตบตาคนในหมู่บ้านจากที่เรียนในตำบลถูกพาเข้าปเรียนในอำเภอ“กรี๊ดดด!”“หุบปากไปเลย!” หลิวตานตวาดแม้แต่ผู้เป็นย่ายังสะดุ้งตกใจ “งานบ้านของบ้านรองพวกฉันจัดการอยู่แล้ว งานบ้านของบ้านอื่นฉันไม่ช่วยทำให้หรอกนะ ถ้าย่ายังมาบังคับแม่ของฉันอีกฉันจะบอกพ่อแน่” ก่อนพาน้องเดินไปหาแม่ในบ้านย่าหลิวได้แต่ก่นด่าหลานสาวในใจเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเอาไปฟ้องลูกชาย ลูกชายคนรองรักครอบครัวแต่เชื่อฟังลูกสาวมาก ต่อให้เป็นแม่เรื่องมันอาจจะแย่ไปได้ ก่อนหันไปบอกหลานสาว “ไปบอกแม่ของเธอให้มาทำงานบ้าน”“แม่พาน้องชายออกไปข้างนอก อีกนานกว่าจะกลับ”“เธอก็ท
“ฉันอยากกินเนื้อไก่มากกว่า” หลิวอิ๋งอีหน้างอ “พี่อยากกินเนื้อปลาก็กินไปเลย วันนี้ฉันจะกินเนื้อไก่” ว่าแล้วหันมามองไก่ในมือของพี่สาวตาเป็นมัน เธอหัวเราะออกมาเสียงดัง “พอแล้ว วันนี้จะมีทั้งไก่และปลา ย่างดอาหารพวกเราแล้วอย่างไรไม่ต้องไปง้อหรอก พี่สาวผู้นี้จะหาของกินดี ๆ มาให้เอง!” “เย้!” ตอนแรกหลิวเหอสวี่กับหลิวอิ๋งอีเศร้ามากเมื่อถูกงดอาหาร ลำพังส่วนแบ่งแต่ละวันน้อยแล้วยังไม่มีเนื้อให้กิน พอได้ยินพี่สาวจะพาเข้าป่าก็หายเศร้าทันที ยิ่งมีไก่ให้จับไม่ต้องบอกสองพี่น้องรู้ได้ทันทีว่ามันจะเป็นอาหารของพวกเขา หลิวตานลงไปดูกับดักปลาพบว่ามีปลาสองตัวค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว ที่ได้น้อยเพราะมันตัวใหญ่ด้วย แต่ไม่ได้จับเพิ่มเนื่องจากมีไก่อยู่แล้ว ในเมื่อเอาเข้าไปบ้านไม่ได้อย่างนั้นต้องแปรสภาพก่อน จัดการก่อไฟด้วยความรู้ที่มี จัดการไก่กับปลาและย่างด้วยเกลือ ต้องบอกว่าหลิวตานคิดไม่ผิดหยิบเกลือในบ้านมาด้วย ถ้าถามว่าใช้อะไรจัดการเชือดไก่ก็เป็นมีดที่พ่อของพวกเธอทิ้งเอาไว้ให้ หลังวางปลาลงบนไฟหลิวตานหันไปบอกน้องสาว “เสี่ยวอีดูแลอาสวี่ดี ๆ พี่จะออกไปข้างนอก นานหน่อย” “ฉันจะดูแลพี่ชายอย่างดีค่ะ” หลิงอิ๋งอีพยั
สะใภ้ใหญ่ชี้หน้าด่าหลานสาว “อี้ข่ายบอกฉันหมดแล้วว่าเขา... เธอขว้างกิ่งไม้ใส่ลูกชายของฉัน จิตใจทำด้วยอะไรกับเด็กตัวเล็ก ๆ!”“เหรอคะ”หลิวตานจ้องหน้าสะใภ้ใหญ่ที่เอ่ยตะกุกตะกักในตอนแรก คงรู้ดีว่าลูกชายของตัวเองทำอะไรบ้างแต่ที่มาหาเรื่องเพราะลูกชายเจ็บ และยอมไม่ได้ที่คนอื่นชนะโดยเฉพาะพวกเธอ“เฮอะ ไม่ต้องพูดแล้ว วันนี้พวกแกสามพี่น้องไม่ต้องกินข้าวมื้อเย็น!” ย่าหลิวประกาศก่อนหันไปโอ๋หลานชายอีกคน ก่อนจะพาไปที่ห้องครัวอย่างเอาใจใส่“อี้ข่ายไม่ต้องร้องนะ ย่าจะให้แม่ของหลานต้มไข่ให้”หลิวตานมองภาพตรงหน้าแล้วเบ้ปาก ย่าของเธอช่างรักหลานเท่ากันจริง ๆ ไม่ลำเอียงเลยสักนิด!“แค่นี้ใช่ไหม ไม่มีอะไรแล้วฉันจะได้ไปทำอย่างอื่น เสียเวลา”เธอหันไปถามป้าสะใภ้ใหญ่อย่างเย็นชา พวกเขาได้แต่พูดด่าทอเท่านั้นและงดอาหารเท่านั้น ไม่ได้คิดลงไม้ลงมือเพราะกลัวว่าจะเสียเงินค่ารักษา ซึ่งเรื่องนี้คงเป็นเรื่องดีที่หลิวตานรู้สึกชอบใจอยู่บ้าง“เดี๋ยวนี้เก่งนะ มาต่อปากต่อคำสงสั
“เฮอะ คิดว่าตัวเองจะได้เรียนอย่างนั้นหรือ” หลิวถิงเหยาหัวเราะเยาะ “ฝันไปเถอะ แม่ของฉันดูแลเงินของบ้านถ้าแม่ฉันไม่อนุญาตหล่อนก็ไม่ได้เรียน อย่างตอนนี้ยังไม่ได้เรียนเลย” หลิวถิงเหยาไม่ชอบเด็กผู้หญิงในบ้านโดยเฉพาะสองพี่น้องบ้านพี่ชายคนรอง เพราะหลิวถิงเหยาต้องการให้คนที่บ้านสนใจเพียงตนเอง หลานสาวใหญ่ไม่ได้สนใจเพราะพี่ชาย พี่สะใภ้ใหญ่ยังเอาใจหล่อน แต่บ้านรองไม่มีใครสนใจหล่อนจึงพาลไม่ชอบเด็กบ้านนี้ไปด้วย หลิวตานส่ายหน้าไม่สนใจอาเล็กของเธออีกต่อไป แบกตะกร้าผ้าออกจากบ้านเดินตรงไปทางแม่น้ำ ยิ่งซักผ้าเสร็จเร็วเธอจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น ‘พี่อี้ข่ายปล่อยพี่ชายของฉันเดี๋ยวนี้นะ!’ น้ำเสียงกระวนกระวายดังขึ้นไม่ไกลจากแม่น้ำ ‘ไม่ปล่อย!’ ‘ฉันจะไม่บอกย่า ปล่อยพี่ชายรองเถอะนะ’ โอ้ย! ‘พี่รอง!’ เสียงอ้อนวอนขอให้หยุดกับเสียงหัวเราะเรียกความสนใจจากหลิวตานได้เป็นอย่างดี เธอจำเสียงน้องสาวของตัวเองได้ เร็วเท่าความคิดตะกร้าผ้าถูกวางลงก่อนจะรีบวิ่งไปทางที่ได้ยินเสียง ภาพน้องชายถูกดึงแขนและหลิวอิ๋งอีที่พยายามช่วยพี่ชายแต่สู้แรงเด็กผู้ชายตัวอวบไม่ไหว สองพี่น้องจึงถูกจัดการได้ด้วยเด็กเพียงคนเดียวที่คุ้นหน้