‘ระบบติดตั้งสำเร็จ ยินดีด้วยท่านได้เลือกระบบทำฟาร์ม เราขอให้ท่านโชคดี’
ดะ เดี๋ยวสิ!
นิ้วของเธอยังยกค้างและยังไม่ได้เลือกอะไรสักอย่างเลย ทำไมถึงเป็นระบบทำฟาร์มไปได้! แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรเธอต้องหันมามองระบบทำฟาร์มที่มันเอ่ยบอก
‘การใช้งานระบบเพียงแค่ทำภารกิจตามที่ระบบมอบหมายให้สำเร็จก็สามารถนำมาแลกรางวัลได้ หนึ่งภารกิจหนึ่งของรางวัล ของรางวัลเป็นความลับต้องสุ่มเพื่อลุ้นรางวัล ยกเว้นบางภารกิจที่จะมีรางวัลให้อยู่แล้ว โปรดทำภารกิจให้เสร็จสิ้นไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถทำภารกิจอื่นต่อได้’
หลิวตานอ่านรายละเอียดตรงหน้าก่อนที่มันจะหายไป
ระบบทำฟาร์มอย่างนั้นหรือ หลิวตานหลับตาเพื่อนึกถึงระบบก่อนมันปรากฎตัวขึ้นด้านหน้า เธอมองมันเพื่อหารายละเอียดเพิ่มเติมแต่มันไม่มี
“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าภารกิจแต่ละอย่างต้องทำแบบไหน” เพราะลองคิดว่าต้องการจะทำภารกิจแล้วระบบยังนิ่งเฉยไม่ปรากฏภารกิจให้ทำแล้วเธอจะทำอย่างไร
‘ระบบผิดพลาด ท่านจะได้รับภารกิจก็ต่อเมื่อมีภารกิจเข้ามา’
“ฮะ”
หลิวตานพยักหน้ารับเมื่อเข้าใจแล้วว่าระบบจะเข้ามาให้เธอทำภารกิจเรื่อย ๆ เอง หากทำภารกิจสำเร็จก็จะได้รับรางวัล แต่หากไม่สำเร็จก็จะไม่มีภารกิจใหม่มา เรื่องมาใช้ชีวิตใหม่ที่นี่เธอพอจะทำใจได้อยู่บ้าง เพราะเดิมที่การอยู่ดาวรกร้างก็เพื่อให้มีชีวิตไปวัน ๆ เท่านั้นเอง แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ระบบทำฟาร์มติดวิญญาณมาด้วย แม้ไม่รู้ว่ามันสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่อย่างน้อยมันก็เป็นตัวช่วยให้เธอดำเนินชีวิตต่อไป...
หลิวตานมองไปรอบ ๆ ตัว ระหว่างทบทวนความทรงจำเดิมที่มี ห้องนอนนี้เป็นห้องนอนของครอบครัวรองหลิวที่อาศัยรวมกับบ้านอื่น และด้วยจำนวนสมาชิกต้องบอกว่ามันแคบมาก ห้องนอนห้องเล็กต้องอาศัยรวมกันถึงห้าคน พ่อแม่ ลูกสาวสองคนและลูกชายอีกหนึ่ง ภายในห้องมีเตียงเตาที่ผู้ใหญ่นอนด้วยกันได้สองคนแต่ไม่ใหญ่มาก แม่ของเธอสละให้หลิวตานกับน้องสาวได้นอน
ส่วนตัวเองกับลูกชายนอนด้านล่าง เพราะลูกสาวคนโตกำลังเป็นสาวหากให้น้องชายขึ้นไปนอนด้วยคงไม่ดี จะให้แม่ขึ้นไปนอนด้วยลูกชายก็จะได้นอนคนเดียว แต่เมื่อไหร่ที่พ่อกลับบ้าน ผู้หญิงทั้งสามคนจะนอนบนเตียงเตาสองพ่อลูกนอนด้านล่าง
นอกจากหมอนเก่าขาด ๆ ที่ใช้มาตั้งแต่พ่อแม่แต่งงานกันยังมีผ้าห่มเก่าที่มีสำลีด้านในแล้วอีกสามผืน มีผืนหนึ่งที่ดีขึ้นหน่อยซื้อเมื่อสองปีที่แล้ว กับนอนพื้นเย็น ๆ แต่เลือกอะไรไม่ได้
พอคิดมาถึงตรงนี้ทำให้หลิวตานนึกถึงบ้านลุงใหญ่ก่อนเบะปาก สมาชิกเท่ากันแต่สิ่งของ ห้อง หรือการปฏิบัติต่างกันมาก ฝาแฝดหลานคนโตของบ้านมีห้องนอนส่วนตัวของตัวเอง ยังไม่รวมกับห้องพ่อแม่ที่อาศัยกับน้องชายคนเล็กอีกคน จะว่าไปแล้วห้องของหลิวอี้ผิงยังใหญ่กว่าห้องของบ้านรองอีก
บ้านใหญ่ได้ทุกอย่างที่ต้องการ ลูกทั้งสามได้เรียนหนังสือทั้งที่พ่อแม่ไม่ได้ทำงานมีเงินเดือน ส่วนบ้านรองที่มีคนหาเงินเข้าบ้านอย่างหนักกลับไม่ได้อะไรเลย
“ถ้ายังอยู่ที่นี่ สักวันฉันคงต้องตายอีกรอบแน่ ๆ”
ที่เธอคิดแบบนั้นเพราะขนาดหลิวตานเจ้าของร่างยังตายไปแล้วเลย ยุค 80 เป็นยุคที่ได้รับการปฏิวัติแล้ว ไม่เหมือนช่วงสิบปีที่ผ่านมาต้องอดมื้อกินมื้อหรือบางครั้งสองวันค่อยได้กินข้าวที่เป็นแป้งแข็ง ๆ เพื่อรัดเข็มขัดอาหารให้ได้มากที่สุด ผู้คนล้มตายจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกยากจะยอมรับได้เพราะครอบครัวนี้ยากจนมากและยังถูกคนบ้านใหญ่กดขี่ข่มเหงเอาไว้ไม่ต่างจากสิบปีก่อนด้วยซ้ำไป
หลิวตานถอนหายใจก่อนหันมาตรวจสอบระบบฟาร์ม “ตอนนี้ยังไม่มีภารกิจอีกเหรอ หรือระบบผิดพลาดกำลังซ่อมอยู่”
“ช่างเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก”
อาจจะเป็นเพราะเธอมาจากอนาคตที่มีเรื่องไอไอประดิษฐ์พวกนี้ มันถึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ให้ตื่นเต้นหรือตกใจ อีกทั้งเทคโนโลยีพวกนี้มันพัฒนาไปไกลกว่าที่คิด บางทีสิ่งที่ทำให้เธอมายังที่นี่อาจเป็นเทคโนโลยีก็ได้ใครจะไปรู้
ก็อย่างว่าแหละ ดาวรกร้างที่อยู่สงบมานับสิบปีจู่ ๆ ถูกพวกเซิร์กเข้ามาโจมตีเธอก็คิดบ้าง แต่ไม่รู้ว่าเรื่องราวหลังจากนั้นจะเป็นยังไงบ้าง คิดว่าการตายจะหลุดพ้นแต่กลับต้องมาเริ่มต้นใหม่เสียนี่ช่างน่าเหนื่อยใจจริง ๆ
“เฮ้อ”
แม่ไม่ต้องการให้พ่อลำบากใจแต่สี่คนแม่ลูกต่างถูกกดขี่ข่มเหง จะให้ไปบอกพ่อก็ไม่ได้เนื่องจากไม่รู้ที่อยู่และเบอร์โทร ต่อให้ใช้โทรศัพท์ของหัวหน้าหมู่บ้านก็ใช้ไม่ได้ เนื่องจากไม่มีเงินเลย“พี่ใหญ่ พวกเราจะต้องทนแบบนี้หรือคะ” หลิวอิ๋งอีถามพี่สาวหลิวตานหันไปมองน้องสาวที่มองมาอย่างน่าสงสาร เธอยกมือลูบศีรษะของน้องสาวแผ่วเบาก่อนยกยิ้มแล้วบอก “รออีกหน่อย พี่ใหญ่ผู้นี้กำลังหาทางออก”“ฉันจะรอค่ะ”“รอ” หลิวเหอสวี่พูดตามหลิวตานมองน้องทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มหลิวเหอสวี่เป็นเด็กไม่ค่อยพูด แต่พอเวลาอยู่กับน้องสาวทั้งสองจะสื่อสารกันรู้เรื่องแม้ว่าจะไม่ได้พูด ส่วนหลิวอิ๋งอีมีเรื่องอะไรหล่อนจะบอกพี่สาวทั้งหมดการอยู่ในครอบครัวแสนห่วยแบบนี้หลิวตานไม่มีทางจะอยู่แน่ ชีวิตก่อนอย่างน้อยถูกส่งไปอยู่พื้นที่ห่างไกล ถูกจำกัดการใช้ชีวิตยังดีกว่าต้องมาร่วมชายคากับคนแบบนี้อีกอย่างเธอทำอะไรล้วนไม่สะดวกต้องคอยหลบซ่อนทุกคน ทั้งเธอ แม่ น้องสาว น้องชาย ต้องนอนแออัดในห้องนอนที่แส
โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยเธอลงมือปลูกผักกาดเพิ่มอีกสองหัว พอได้ในสิ่งที่ต้องการรีบขุดเอาไปซ่อนไว้ในห้องนอน ผักอวบแบบนี้ต้องอร่อยและหลิวตานจะให้แค่คนที่บ้านได้กินหลิวตานเดินเข้าบ้านหลังนำถังที่ซ่อนผักกาดเข้าไปในห้อง เจอเข้ากับย่าหลิวที่กลับมาถึงบ้านพอดี “ฉันไม่อยู่ไม่เคยคิดที่จะทำงานบ้านเลยใช่ไหม”“ฉันทำแล้ว ลูกสาวของย่านู้นทำเลอะแล้วไม่เก็บ” หลิวตานตอบโต้ มองหลิวถงเหยาที่นั่งพิงเก้าอี้อย่างสบายใจพื้นด้านล่างที่เคยสะอาดตอนนี้เต็มด้วยเปลือกเมล็ดแตงโม หลิวตานเพิ่งทำความสะอาดไปยังไม่ทันถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ และก่อนเดินไปหลังบ้านมันยังสะอาดอยู่ คนที่ทำให้พื้นไม่สะอาดย่อมเป็นคนที่อยู่ในบ้าน“ฉันไม่ได้ทำ หลานของแม่นั่นแหละไม่ยอมทำงานบ้าน บอกให้ทำ ๆ ก็ไม่ทำ”“เฮอะ สักวันฉันจะบอกพ่อของหล่อน ให้หย่ากับแม่ของหล่อนไปเลย นอกจากได้แต่ลูกผู้หญิงแล้วลูกชายยังไม่สมประกอบอีก น่าสมเพชจริง ๆ” ย่าหลิวชี้หน้าหลานสาวแล้วพูดต่อ “ลูกชายฉันเป็นทหารต่อให้เขาเคยแต่งงานมีลูกมาแล้วคนอื่นก็อยา
หลิวอี้ผิงหันไปขอความช่วยเหลือ “ย่า”“หลิวตานอย่าลามปาม! อี้ผิงน่ะเรียนเก่งในอนาคตแกต้องพึ่งพาพี่เขา”“ฉันไม่อยากพึ่งพาหรอก คนอะไรเรียนซ้ำชั้นมาสองปีแล้ว”อีกเรื่องที่เป็นความอัปยศของบ้านใหญ่คือลูกชาย ลูกสาวไม่สามารถเลื่อนชั้นปีได้ แต่ต้องการตบตาคนในหมู่บ้านจากที่เรียนในตำบลถูกพาเข้าปเรียนในอำเภอ“กรี๊ดดด!”“หุบปากไปเลย!” หลิวตานตวาดแม้แต่ผู้เป็นย่ายังสะดุ้งตกใจ “งานบ้านของบ้านรองพวกฉันจัดการอยู่แล้ว งานบ้านของบ้านอื่นฉันไม่ช่วยทำให้หรอกนะ ถ้าย่ายังมาบังคับแม่ของฉันอีกฉันจะบอกพ่อแน่” ก่อนพาน้องเดินไปหาแม่ในบ้านย่าหลิวได้แต่ก่นด่าหลานสาวในใจเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเอาไปฟ้องลูกชาย ลูกชายคนรองรักครอบครัวแต่เชื่อฟังลูกสาวมาก ต่อให้เป็นแม่เรื่องมันอาจจะแย่ไปได้ ก่อนหันไปบอกหลานสาว “ไปบอกแม่ของเธอให้มาทำงานบ้าน”“แม่พาน้องชายออกไปข้างนอก อีกนานกว่าจะกลับ”“เธอก็ท
“ฉันอยากกินเนื้อไก่มากกว่า” หลิวอิ๋งอีหน้างอ “พี่อยากกินเนื้อปลาก็กินไปเลย วันนี้ฉันจะกินเนื้อไก่” ว่าแล้วหันมามองไก่ในมือของพี่สาวตาเป็นมัน เธอหัวเราะออกมาเสียงดัง “พอแล้ว วันนี้จะมีทั้งไก่และปลา ย่างดอาหารพวกเราแล้วอย่างไรไม่ต้องไปง้อหรอก พี่สาวผู้นี้จะหาของกินดี ๆ มาให้เอง!” “เย้!” ตอนแรกหลิวเหอสวี่กับหลิวอิ๋งอีเศร้ามากเมื่อถูกงดอาหาร ลำพังส่วนแบ่งแต่ละวันน้อยแล้วยังไม่มีเนื้อให้กิน พอได้ยินพี่สาวจะพาเข้าป่าก็หายเศร้าทันที ยิ่งมีไก่ให้จับไม่ต้องบอกสองพี่น้องรู้ได้ทันทีว่ามันจะเป็นอาหารของพวกเขา หลิวตานลงไปดูกับดักปลาพบว่ามีปลาสองตัวค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว ที่ได้น้อยเพราะมันตัวใหญ่ด้วย แต่ไม่ได้จับเพิ่มเนื่องจากมีไก่อยู่แล้ว ในเมื่อเอาเข้าไปบ้านไม่ได้อย่างนั้นต้องแปรสภาพก่อน จัดการก่อไฟด้วยความรู้ที่มี จัดการไก่กับปลาและย่างด้วยเกลือ ต้องบอกว่าหลิวตานคิดไม่ผิดหยิบเกลือในบ้านมาด้วย ถ้าถามว่าใช้อะไรจัดการเชือดไก่ก็เป็นมีดที่พ่อของพวกเธอทิ้งเอาไว้ให้ หลังวางปลาลงบนไฟหลิวตานหันไปบอกน้องสาว “เสี่ยวอีดูแลอาสวี่ดี ๆ พี่จะออกไปข้างนอก นานหน่อย” “ฉันจะดูแลพี่ชายอย่างดีค่ะ” หลิงอิ๋งอีพยั
สะใภ้ใหญ่ชี้หน้าด่าหลานสาว “อี้ข่ายบอกฉันหมดแล้วว่าเขา... เธอขว้างกิ่งไม้ใส่ลูกชายของฉัน จิตใจทำด้วยอะไรกับเด็กตัวเล็ก ๆ!”“เหรอคะ”หลิวตานจ้องหน้าสะใภ้ใหญ่ที่เอ่ยตะกุกตะกักในตอนแรก คงรู้ดีว่าลูกชายของตัวเองทำอะไรบ้างแต่ที่มาหาเรื่องเพราะลูกชายเจ็บ และยอมไม่ได้ที่คนอื่นชนะโดยเฉพาะพวกเธอ“เฮอะ ไม่ต้องพูดแล้ว วันนี้พวกแกสามพี่น้องไม่ต้องกินข้าวมื้อเย็น!” ย่าหลิวประกาศก่อนหันไปโอ๋หลานชายอีกคน ก่อนจะพาไปที่ห้องครัวอย่างเอาใจใส่“อี้ข่ายไม่ต้องร้องนะ ย่าจะให้แม่ของหลานต้มไข่ให้”หลิวตานมองภาพตรงหน้าแล้วเบ้ปาก ย่าของเธอช่างรักหลานเท่ากันจริง ๆ ไม่ลำเอียงเลยสักนิด!“แค่นี้ใช่ไหม ไม่มีอะไรแล้วฉันจะได้ไปทำอย่างอื่น เสียเวลา”เธอหันไปถามป้าสะใภ้ใหญ่อย่างเย็นชา พวกเขาได้แต่พูดด่าทอเท่านั้นและงดอาหารเท่านั้น ไม่ได้คิดลงไม้ลงมือเพราะกลัวว่าจะเสียเงินค่ารักษา ซึ่งเรื่องนี้คงเป็นเรื่องดีที่หลิวตานรู้สึกชอบใจอยู่บ้าง“เดี๋ยวนี้เก่งนะ มาต่อปากต่อคำสงสั
“เฮอะ คิดว่าตัวเองจะได้เรียนอย่างนั้นหรือ” หลิวถิงเหยาหัวเราะเยาะ “ฝันไปเถอะ แม่ของฉันดูแลเงินของบ้านถ้าแม่ฉันไม่อนุญาตหล่อนก็ไม่ได้เรียน อย่างตอนนี้ยังไม่ได้เรียนเลย” หลิวถิงเหยาไม่ชอบเด็กผู้หญิงในบ้านโดยเฉพาะสองพี่น้องบ้านพี่ชายคนรอง เพราะหลิวถิงเหยาต้องการให้คนที่บ้านสนใจเพียงตนเอง หลานสาวใหญ่ไม่ได้สนใจเพราะพี่ชาย พี่สะใภ้ใหญ่ยังเอาใจหล่อน แต่บ้านรองไม่มีใครสนใจหล่อนจึงพาลไม่ชอบเด็กบ้านนี้ไปด้วย หลิวตานส่ายหน้าไม่สนใจอาเล็กของเธออีกต่อไป แบกตะกร้าผ้าออกจากบ้านเดินตรงไปทางแม่น้ำ ยิ่งซักผ้าเสร็จเร็วเธอจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น ‘พี่อี้ข่ายปล่อยพี่ชายของฉันเดี๋ยวนี้นะ!’ น้ำเสียงกระวนกระวายดังขึ้นไม่ไกลจากแม่น้ำ ‘ไม่ปล่อย!’ ‘ฉันจะไม่บอกย่า ปล่อยพี่ชายรองเถอะนะ’ โอ้ย! ‘พี่รอง!’ เสียงอ้อนวอนขอให้หยุดกับเสียงหัวเราะเรียกความสนใจจากหลิวตานได้เป็นอย่างดี เธอจำเสียงน้องสาวของตัวเองได้ เร็วเท่าความคิดตะกร้าผ้าถูกวางลงก่อนจะรีบวิ่งไปทางที่ได้ยินเสียง ภาพน้องชายถูกดึงแขนและหลิวอิ๋งอีที่พยายามช่วยพี่ชายแต่สู้แรงเด็กผู้ชายตัวอวบไม่ไหว สองพี่น้องจึงถูกจัดการได้ด้วยเด็กเพียงคนเดียวที่คุ้นหน้