หลังจากที่ได้รับการยืนยันว่าน้ำมันงามีสิ่งแปลกปลอมเจือปน มู่ หานเจิ้น ก็เรียก เว่ย ซูหลิน มาพบที่ห้องทำงานของเขาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
"ซูหลิน" หานเจิ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เจ้ามีอะไรจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องน้ำมันงาในครัวหรือไม่?" ซูหลินหน้าซีดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงแสดงท่าทีปฏิเสธ "ข้าไม่ทราบเรื่องนั้นค่ะคุณชาย อาจจะเป็นความผิดพลาดของคนครัวเองก็ได้" "อย่าโกหกข้า" หานเจิ้นกล่าวเสียงต่ำ "ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจหลินฮวา และพยายามหาทางกลั่นแกล้งนาง" ซูหลินน้ำตาคลอเบ้า "คุณชายคะ ท่านเชื่อหญิงคนนั้นมากกว่าข้าหรือคะ? ข้าเป็นคู่หมั้นของท่านนะคะ!" "การเป็นคู่หมั้นไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ" หานเจิ้นกล่าวอย่างเฉียบขาด "ข้าเตือนเจ้าแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะถือว่าเจ้าไม่เคารพการตัดสินใจของข้า" ซูหลินรู้ว่าครั้งนี้หานเจิ้นโกรธจริงๆ เธอจึงไม่กล้าโต้เถียงอีกต่อไป ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ "ต่อไปนี้ จงอยู่ให้ห่างจากหลินฮวา และอย่าได้หาเรื่องนางอีก ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าทำอะไรไม่ดี ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่" หานเจิ้นสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด หลังจากที่ซูหลินออกไปแล้ว หานเจิ้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เขารู้สึกเหนื่อยใจกับความริษยาและความอาฆาตของคู่หมั้น ทางด้าน ไป๋ หลินฮวา เมื่อรู้ว่าหานเจิ้นได้จัดการเรื่องนี้แล้ว ก็รู้สึกโล่งใจและขอบคุณเขามากยิ่งขึ้น เธอตั้งใจที่จะทำงานของเธอให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เขาต้องผิดหวัง ถึงแม้ซูหลินจะถูกหานเจิ้นเตือนแล้ว แต่ความริษยาในใจของเธอก็ยังไม่จางหายไป เธอเริ่มวางแผนการร้ายครั้งใหม่ที่ซับซ้อนและแนบเนียนกว่าเดิม วันหนึ่ง ซูหลินแสร้งทำเป็นเข้ามาพูดคุยกับหลินฮวาด้วยท่าทีที่เป็นมิตรมากขึ้น "น้องหลินฮวา ข้าขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมานะ ข้าอาจจะเข้าใจผิดเจ้าไป" ซูหลินกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่จริงใจนัก หลินฮวามองเธอด้วยความสงสัย แต่ก็ตอบกลับไปอย่างสุภาพ "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านซูหลิน" "ต่อไปนี้เรามาเป็นเพื่อนกันนะ ข้าอยากจะเรียนรู้การทำอาหารจากเจ้าด้วย" ซูหลินกล่าวต่อ หลินฮวารู้สึกแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของซูหลิน แต่ด้วยความที่เป็นคนตรงไปตรงมา เธอจึงไม่ได้คิดระแวงอะไรมากนัก ซูหลินเริ่มเข้ามาคลุกคลีอยู่ในครัวมากขึ้น คอยสังเกตการทำงานของหลินฮวา และแอบสอบถามสูตรอาหารต่างๆ อยู่มาวันหนึ่ง ซูหลินแสร้งทำเป็นขอยืมเครื่องปรุงบางอย่างจากหลินฮวา "น้องหลินฮวา ข้าต้องการเครื่องปรุงชนิดนี้พอดี เจ้าพอจะมีแบ่งให้ข้าบ้างไหม?" ซูหลินถามพร้อมกับชี้ไปยังขวดเครื่องปรุงชนิดหนึ่ง หลินฮวาไม่ได้สงสัยอะไร จึงแบ่งเครื่องปรุงนั้นให้ซูหลินไป หลังจากนั้นไม่นาน อาหารที่หลินฮวาปรุงในวันนั้นก็มีรสชาติที่ผิดเพี้ยนไปเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากนัก คิดว่าเป็นเพราะวัตถุดิบไม่สดใหม่ แต่เหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาหารที่หลินฮวาปรุงเริ่มมีรสชาติที่เปลี่ยนไป ทำให้แขกบางคนเริ่มแสดงความไม่พอใจ หานเจิ้นเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ เขาเรียกหลินฮวามาสอบถาม "ช่วงนี้อาหารมีรสชาติแปลกไป เจ้ามีปัญหาอะไรหรือไม่?" หานเจิ้นถามด้วยความเป็นห่วง หลินฮวารู้สึกสับสน เธอพยายามปรุงอาหารอย่างดีที่สุด แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมรสชาติถึงเปลี่ยนไป "ข้าเจ้าก็ไม่ทราบเหมือนกันเจ้าค่ะ ข้าเจ้าปรุงตามสูตรเดิมทุกอย่าง" หลินฮวาตอบด้วยความงุนงง หานเจิ้นขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นหลังจากผ่านพ้นอุปสรรคและความเข้าใจผิดต่างๆ มู่ เฟยหลง และ ซินเยว่ ก็ยิ่งแน่ใจในความรู้สึกที่มีต่อกันมากขึ้น เฟยหลงชื่นชมในความเฉลียวฉลาด ความคิดที่ทันสมัย และจิตใจที่เข้มแข็งของซินเยว่ ส่วนซินเยว่ก็หลงรักในความอบอุ่น ความมีน้ำใจ และความซื่อตรงของเฟยหลงทั้งสองใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เฟยหลงพาซินเยว่ไปชมความงามของไร่ชาในทุกฤดูกาล สอนเธอเกี่ยวกับพืชพรรณและวิถีชีวิตของผู้คนในยุคนี้ ซินเยว่เองก็เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกอนาคต ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงไปให้เฟยหลงฟังอย่างสนุกสนานความแตกต่างของยุคสมัยกลับกลายเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ทั้งสองเรียนรู้ซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น เฟยหลงรู้สึกทึ่งในมุมมองที่แปลกใหม่ของซินเยว่ ในขณะที่ซินเยว่ก็ประทับใจในความงดงามและความเรียบง่ายของชีวิตในยุคนี้วันหนึ่ง ขณะที่ทั้งสองนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินที่เนินเขามองเห็นไร่ชาทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เฟยหลงก็จับมือซินเยว่อย่างอ่อนโยน"ซินเยว่ ตั้งแต่เจ้ามาอยู่ที่นี่ ชีวิตของข้าก็เปลี่ยนไป ข้ารู้สึกเหมือนโลกของข้ากว้างขึ้น และมีสีสันมากขึ้น" เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรักซินเยว่ย
ด้วยความโกรธเคือง มู่ เฟยหลง ตรงไปยังจวนตระกูลหลิวอีกครั้ง คราวนี้สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงออกถึงความสุภาพเหมือนครั้งก่อน แต่กลับฉายแววเด็ดเดี่ยวและโกรธเกรี้ยวเมื่อไปถึง เฟยหลงไม่ได้แจ้งคนรับใช้ แต่เดินเข้าไปในจวนด้วยท่าทีเร่งรีบ ตรงไปยังเรือนของ หลิว ฮุ่ยหลิน ทันทีฮุ่ยหลินที่กำลังนั่งปักผ้าอย่างใจเย็น เมื่อเห็นเฟยหลงเข้ามาด้วยสีหน้าที่ถมึงทึงก็ตกใจจนเข็มหลุดจากมือ"คุณชายมู่... ท่านมาที่นี่ด้วยท่าทีเช่นนี้ มีเรื่องอะไรหรือคะ?" ฮุ่ยหลินแสร้งถามด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย"ฮุ่ยหลิน เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!?" เฟยหลงตวาดเสียงดัง ทำให้ฮุ่ยหลินสะดุ้ง"ข้า... ข้าไม่เข้าใจว่าท่านหมายถึงอะไร" ฮุ่ยหลินพยายามทำเป็นไม่รู้เรื่อง"อย่าเสแสร้งเลย! ข้ารู้หมดแล้ว เรื่องผงสมุนไพรที่เจ้าซ่อนไว้ในครัว!" เฟยหลงกล่าวเสียงเข้ม ดวงตาจ้องมองฮุ่ยหลินอย่างไม่วางตาใบหน้าสวยของฮุ่ยหลินซีดเผือด เธอรู้ว่าความลับของเธอถูกเปิดเผยแล้ว"ท่าน... ท่านรู้ได้อย่างไร?" ฮุ่ยหลินถามเสียงแผ่ว"ท่านแม่ของข้าเป็นคนพบ! เจ้าคิดจะใช้ยาพิษนั่นทำร้ายใคร! ทำร้ายซินเยว่ใช่หรือไม่!?" เฟยหลงกล่าวด้วยความโกรธฮุ่ยหลินตัวสั่นเทิ้ม น้ำตาเริ่มคล
เมื่อแผนการสร้างความเข้าใจผิดทางวัฒนธรรมไม่เป็นผล หลิว ฮุ่ยหลิน ก็เริ่มคิดหาวิธีที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น เธอตัดสินใจที่จะใช้ประโยชน์จากความไม่คุ้นเคยของ ซินเยว่ กับยุคสมัยนี้ในทางที่อันตรายฮุ่ยหลินแอบได้ยินซินเยว่พูดคุยกับ ไป๋ หลินฮวา เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าในอนาคต ซึ่งสามารถรักษาโรคบางอย่างได้อย่างง่ายดาย ฮุ่ยหลินจึงเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นวันหนึ่ง ฮุ่ยหลินแสร้งทำเป็นหวังดี เข้ามาพูดคุยกับซินเยว่ด้วยท่าทีที่อ่อนโยนผิดปกติ"ซินเยว่ ข้าได้ยินว่าโลกของเจ้ามียาที่รักษาโรคได้สารพัดเลยใช่หรือไม่?" ฮุ่ยหลินถามด้วยน้ำเสียงที่ดูสนใจซินเยว่พยักหน้า "ค่ะ เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้ามาก มีหลายโรคที่รักษาได้ง่ายกว่าที่นี่มาก""จริงหรือ? น่าอัศจรรย์จริงๆ" ฮุ่ยหลินแสร้งทำเป็นทึ่ง "แล้ว... โรคที่ทำให้คนป่วยหนักๆ ล่ะคะ? อย่างเช่น... โรคที่ทำให้หมดสติไปนานๆ น่ะค่ะ"ซินเยว่มองฮุ่ยหลินด้วยความสงสัย "ก็มีวิธีรักษาค่ะ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ"ฮุ่ยหลินเก็บข้อมูลนั้นไว้ในใจ และเริ่มวางแผนการร้ายที่อันตราย เธอคิดที่จะใส่ร้ายซินเยว่ว่ามียาพิษร้ายแรงจากอนาคต และพยายามจะใช้มันทำร้ายคนในตระกูลมู่
เมื่อแผนการใส่ร้ายด้วยคำพูดไม่สำเร็จ หลิว ฮุ่ยหลิน ก็เริ่มคิดหาวิธีที่แนบเนียนและร้ายกาจยิ่งกว่าเดิม เธอตัดสินใจที่จะใช้ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและความไม่คุ้นเคยกับยุคสมัยของ ซินเยว่ มาเป็นเครื่องมือฮุ่ยหลินแอบสังเกตกิจวัตรประจำวันของซินเยว่ และพยายามหาโอกาสที่จะทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายหรือถูกเข้าใจผิดวันหนึ่ง ฮุ่ยหลินเห็นซินเยว่สนใจเครื่องดนตรีโบราณชิ้นหนึ่งในห้องโถงใหญ่ เธอจึงวางแผนที่จะใช้สิ่งนี้ต่อมา ฮุ่ยหลินแสร้งทำเป็นชวนซินเยว่ไปเดินเล่นในงานเทศกาลประจำหมู่บ้าน ที่นั่นมีการแสดงดนตรีพื้นเมืองและการละเล่นต่างๆ มากมาย"ซินเยว่ เจ้าเคยเห็นการแสดงแบบนี้หรือไม่?" ฮุ่ยหลินถามด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรซินเยว่มองการแสดงด้วยความสนใจ "ไม่เคยค่ะ น่าตื่นตาตื่นใจมาก"ฮุ่ยหลินชี้ไปยังเวทีที่มีนักดนตรีกำลังบรรเลงเพลงด้วยเครื่องดนตรีโบราณชิ้นหนึ่งที่คล้ายกับที่อยู่ในห้องโถงใหญ่"นั่นคือ 'กู่ฉิน' เครื่องดนตรีที่มีประวัติยาวนาน หากเจ้าสนใจ ข้าจะสอนวิธีเล่นให้" ฮุ่ยหลินเสนอซินเยว่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงตอบตกลงฮุ่ยหลินพาซินเยว่ไปที่กระท่อมเล็กๆ หลังเวที ซึ่งมีกู่ฉินวางอยู่ เธอเริ่ม
หลิว ฮุ่ยหลิน ใช้เวลาสังเกต มู่ เฟยหลง และ ซินเยว่ อย่างละเอียด จนกระทั่งเธอสังเกตเห็นความสนใจที่ซินเยว่มีต่อสิ่งประดิษฐ์และเรื่องราวเกี่ยวกับโลกอนาคตฮุ่ยหลินเริ่มวางแผนที่จะใช้ความแตกต่างทางยุคสมัยของซินเยว่มาเป็นเครื่องมือในการสร้างความเข้าใจผิด เธอตัดสินใจที่จะแสร้งทำเป็นสนใจในสิ่งที่ซินเยว่พูดถึง และบิดเบือนความหมายให้เฟยหลงเข้าใจผิดวันหนึ่ง ขณะที่เฟยหลงกำลังอธิบายเรื่องการทำชาแบบดั้งเดิมให้ซินเยว่ฟัง ฮุ่ยหลินก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร"โอ้โห! คุยเรื่องอะไรกันอยู่คะ น่าสนุกจัง" ฮุ่ยหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวาน"พวกเรากำลังคุยกันเรื่องชาครับ" เฟยหลงตอบด้วยความสุภาพ"ซินเยว่เล่าเรื่องเทคโนโลยีที่ทันสมัยของยุคเธอให้ฉันฟังด้วยค่ะ น่าทึ่งมากเลย" ฮุ่ยหลินกล่าวเสริมพลางหันไปยิ้มให้ซินเยว่ซินเยว่รู้สึกแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของฮุ่ยหลิน แต่ก็ตอบกลับไปอย่างเป็นมิตร"ค่ะ ฉันเล่าเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าให้คุณฮุ่ยหลินฟัง""ใช่ค่ะ! รถยนต์ที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน! สุดยอดไปเลย" ฮุ่ยหลินแสดงท่าทีตื่นเต้น ก่อนจะหันไปมองเฟยหลงด้วยสายตาที่แฝงความหมาย "แต่ก็น่าแปลกนะคะ ที่บางคนมาจากยุคที่เจริญก้าว
ด้วยความหนักใจ มู่ เฟยหลง เดินทางไปยังจวนของขุนนางหลิว บิดาของ หลิว ฮุ่ยหลิน เขาหวังว่าการพูดคุยกับผู้ใหญ่จะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้เมื่อเฟยหลงแจ้งความประสงค์ที่จะพบ ท่านขุนนางหลิวก็ออกมาต้อนรับด้วยท่าทีสงสัย"คุณชายมู่ มาถึงจวนข้าแต่เช้า มีธุระอันใดหรือ?" ท่านขุนนางหลิวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ"ท่านพ่อตาหลิว ข้ามาเพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคุณหนูฮุ่ยหลิน" เฟยหลงกล่าวตรงไปตรงมาท่านขุนนางหลิวขมวดคิ้วเล็กน้อย "เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?"เฟยหลงเล่าเรื่องที่ฮุ่ยหลินปล่อยข่าวลือใส่ร้าย ซินเยว่ และล่าสุดยังลงมือทำร้ายร่างกายเธอด้วยท่านขุนนางหลิวฟังด้วยสีหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเฟยหลงเล่าจบ เขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ"ข้าขออภัยแทนลูกสาวของข้าด้วยคุณชายมู่ นางอาจจะทำอะไรที่ไม่สมควรลงไปเพราะความหึงหวง" ท่านขุนนางหลิวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเสียใจ"ข้าหวังว่าท่านจะตักเตือนคุณหนูฮุ่ยหลินไม่ให้กระทำการเช่นนี้อีก ซินเยว่เป็นแขกของตระกูลข้า การกระทำของนางเป็นการไม่ให้เกียรติกัน" เฟยหลงกล่าวอย่างหนักแน่น"ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะพูดคุยกับฮุ่ยหลินอย่างจริงจัง และจะดูแลไม่ให้เ
ความโกรธและความแค้นที่ หลิว ฮุ่ยหลิน มีต่อ ซินเยว่ ไม่ได้ลดน้อยลงเลย ตรงกันข้าม มันกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อรู้ว่า เฟยหลง ปกป้องซินเยว่อย่างออกหน้าออกตาฮุ่ยหลินเริ่มคิดหาวิธีที่ร้ายกาจกว่าการปล่อยข่าวลือ เธอต้องการที่จะกำจัดซินเยว่ออกไปจากชีวิตของเฟยหลงอย่างถาวรฮุ่ยหลินแอบสืบประวัติของซินเยว่อย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ที่จะนำมาใช้ใส่ร้ายเธอได้ นั่นยิ่งทำให้ฮุ่ยหลินรู้สึกหงุดหงิด"หญิงคนนั้นมาจากไหนกันแน่ ทำไมถึงไม่มีใครรู้จักนางเลย?" ฮุ่ยหลินพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัยในที่สุด ฮุ่ยหลินก็ตัดสินใจที่จะใช้วิธีสกปรก เธอวางแผนที่จะทำให้ซินเยว่ต้องอับอายและถูกขับไล่ออกจากไร่ชาไปวันหนึ่ง ขณะที่ซินเยว่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวน ฮุ่ยหลินก็แอบสะกดรอยตามเธอไปอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นว่าซินเยว่อยู่คนเดียว ฮุ่ยหลินก็เดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้ง"ซินเยว่ ข้ามีบางอย่างอยากจะคุยกับเจ้า" ฮุ่ยหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นมิตรซินเยว่มองฮุ่ยหลินด้วยความระแวงเล็กน้อย แต่ก็ตอบกลับไปอย่างสุภาพ "มีอะไรหรือคะ?""ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนของที่นี่" ฮุ่ยหลินกล่าวตรงๆ ทำให้ซินเยว่ตกใจ"คุณหมายความว
ความริษยาในใจของ หลิว ฮุ่ยหลิน ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็น เฟยหลง ให้ความสนใจ ซินเยว่ มากขึ้น เธอรู้สึกเหมือนถูกแย่งชิงสิ่งที่ควรจะเป็นของตนเองฮุ่ยหลินเริ่มวางแผนอย่างรอบคอบ เธอเรียกคนสนิทมาปรึกษาหารือ"ข้าต้องการให้พวกเจ้าช่วยข้าจัดการกับหญิงแปลกหน้านั่น" ฮุ่ยหลินกระซิบเสียงต่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาต"คุณหนูต้องการให้พวกเราทำอะไรหรือคะ?" คนสนิทถามด้วยความสงสัย"ข้าต้องการให้พวกเจ้าปล่อยข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับนาง ทำให้คนในไร่ชาและชาวบ้านเข้าใจผิดว่านางเป็นคนไม่ดี" ฮุ่ยหลินสั่งคนสนิทรับคำสั่งและเริ่มกระจายข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับซินเยว่ พวกเขาใส่ร้ายว่าเธอเป็นคนมาจากแดนไกลที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ และพยายามเข้ามาปั่นป่วนชีวิตของเฟยหลงและตระกูลมู่ข่าวลือเริ่มแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว คนในไร่ชาเริ่มมองซินเยว่ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป บางคนก็เริ่มซุบซิบนินทาเธอซินเยว่รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เธอสังเกตเห็นสายตาที่แปลกไปของผู้คน และได้ยินคำพูดที่ไม่เป็นมิตรบ้าง"เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าซินเยว่? เจ้าดูไม่สบายใจเลย" เฟยหลงถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าของเธอซินเยว่ถอนหายใจเบาๆ "
เฟยหลง มองสลับระหว่าง หลิว ฮุ่ยหลิน ที่แสดงท่าทีเป็นศัตรูอย่างชัดเจน และ ซินเยว่ ที่ยืนอยู่ข้างกายเขาด้วยสีหน้าอึดอัด เขารู้สึกไม่พอใจกับการกระทำที่ไร้มารยาทของฮุ่ยหลิน"ฮุ่ยหลิน" เฟยหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ข้าขอเตือนเจ้าอีกครั้ง จงให้เกียรติซินเยว่ นางเป็นแขกของตระกูลมู่ หากเจ้ายังคงแสดงท่าทีเช่นนี้ ข้าคงต้องเชิญเจ้ากลับไป"คำพูดของเฟยหลงทำให้ฮุ่ยหลินชะงักไปเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะปกป้องหญิงแปลกหน้าคนนี้อย่างออกหน้าออกตา"เฟยหลง! ท่านกำลังเข้าข้างนางหรือคะ?" ฮุ่ยหลินถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ"ข้าเพียงแค่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง" เฟยหลงตอบอย่างหนักแน่นไป๋ หลินฮวา มองสถานการณ์ด้วยความกังวล เธอไม่อยากให้ลูกชายต้องมีปัญหากับครอบครัวที่มีอิทธิพลในท้องถิ่น"คุณหนูหลิวเจ้าคะ หากท่านไม่มีธุระอื่นแล้ว เชิญท่านพักผ่อนตามสบายเถิดเจ้าค่ะ" หลินฮวาเอ่ยแทรกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ก็แฝงความเด็ดเดี่ยวฮุ่ยหลินจ้องมองหลินฮวาด้วยสายตาไม่พอใจ ก่อนจะหันกลับไปมองเฟยหลง"ดี! ในเมื่อท่านเลือกที่จะปกป้องนาง ข้าก็จะรอดูต่อไป ว่านางจะดีเลิศสมกับที่ท่านให้ความสำคัญนักหรือ!" ฮุ่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ก