“โอ๊ย! ไม่ต้องแล้วเจียงอ่าว เจ้าแกล้งข้าใช่ไหม ที่ข้าทำให้เจ้าถูกดุ และปรามาสคาดโทษ ฮึ... ข้าไม่อาบล่ะ เลิก ๆ หยุด ๆ พอกันที” ทำเสียงหงุดหงิด และจะออกจากอ่างอาบน้ำ
“แต่ว่า... ยังไม่ทันเสร็จเลยนะเจ้าคะ”
เจียงอ่าวผงะห่าง ฟู่หลินหลินก็ก้าวขาพรวดออกมาจากอ่างน้ำ
“พอแล้ว ไม่อาบแล้ว ที่จริงข้าก็ไม่ได้สกปรกจนต้องให้เจ้าขัดผิวข้าอย่างนี้ เจ้ารู้ตัวไหมเจ้าขัดน่ะนะเหมือนหนังจะหลุด ขัดแรงชะมัดเลย เจ็บ ๆ พอ ๆ อีกอย่างข้าก็หนาวแล้วด้วย” ปากของนางสั่นกระทบกันจริง ๆ
“ก็เถลไถลไปเล่นเรื่อยเปื่อย นี่หากท่านไม่สบายเจ็บป่วยขึ้นมา ต้องถูกท่านแม่ทัพเยาะเย้ยแน่ ๆ เจ้าค่ะ”
เมื่อเจ้านายพูดอย่างนั้น เจียงอ่าวจึงเอาผ้ามาให้นายหญิงห่อพันตัว
“ตอนที่อยู่ที่ลำธาร ข้าก็แช่อยู่ในน้ำตั้งนานสองนานแล้ว ขี้ไคลของข้าหลุดหมดแหละ และไม่ต้องห่วงว่าข้าจะเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะข้าได้ชื่อว่า เจ้าหญิงแห่งความแข็งแรง และสุขภาพดี ข้าไม่เคยป่วยให้ท่านแม่ต้องเป็นห่วงแม้แต่สักครั้ง” ฟู่หลินหลินอดที่จะค
“อะแฮ่ม... สวัสดี...” ทุกคนในนั้นหันมามองนาง“พวกเจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้ามีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยที่นี่แทนท่านแม่”บรรดาพ่อครัวต่างวางตะหลิวในมือ แล้วกล่าวตอบ “ขอรับนายหญิง”นางกวาดสายตามองพ่อครัวทุกคน และอาหารในกระทะที่พวกเขากำลังผัดอยู่“มีอะไรทำเสร็จแล้วบ้าง ข้าต้องชิมก่อน”“มีซาลาเปาขอรับนายหญิง เดี๋ยวข้าไปเอามาให้ขอรับ” พ่อครัวคนหนึ่งกุลีกุจอไปจัดหาซาลาเปาใส่จานมาให้นาง พอได้ซาลาเปามาแล้ว ฟู่หลินหลินก็กัดหนึ่งคำ ทำทีเป็นว่าเคี้ยวเล็กน้อยก่อนกลืนลงคอ“อร่อย รสชาติใช้ได้ทีเดียว” ฟู่หลินหลินพูดนางยกนิ้วหัวแม่โป้งให้กับทุกคน ปากก็เคี้ยวซาลาเปาไม่หยุด ในใจก็คิดว่าหน้าที่ดูแลจวนนี้ ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกันได้เวลาฟู่หลินหลินก็ไปคารวะรั่วฮูหยิน แม้จะถูกเสียดสีถากถาง นางก็เอาแต่ยิ้มจากนั้นก็มาตั้งสำรับให้กับคนเป็นสามี นางอยู่ปรนนิบัติท่านแม่ทัพแบบไม่ขาดตกบกพร่อง และก็สงบปากสงบคำ จนเขาก็จ้องมองนางอย่างเหลือเชื่อ
“ขะ... ข้าหมายถึงวิชาคำนวณน่ะ”“ถ้าเจ้าอยากได้เครื่องมือสำหรับคำนวณ ก็อยู่ที่ชั้นวางด้านหลังข้า มาหยิบเอาเอง” แม่ทัพรั่วบอก‘จริงหรือ เป็นไปได้อย่างไรว่าที่นี่จะมีเครื่องคิดเลข ขนาดที่เซี่ยงไฮ้ยังหายากจะตายไป’ นางคิดแต่พอหยุดคิดปุ๊บ นางก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะทบทวนว่า คงไม่มีทางเป็นไปได้หรอกที่สมัยนี้จะมีเครื่องคิดเลขได้ แต่ฟู่หลินหลินก็ยังคงเดินไปที่ชั้นวางของ ตามที่เขาบอก แล้วก็พบว่าเป็นลูกคิดรางหนึ่ง“ท่านหมายถึงสิ่งนี้หรือเจ้าคะ” ฟู่หลินหลินถาม“ใช่ เจ้าจะเอาไปใช้คำนวณไม่ใช่หรือ ที่เจ้าเรียกว่าเครื่องคิดเลขอะไรนั่น” แม่ทัพรั่วถามกลับ“แบบนี้ข้าใช้ไม่เป็นหรอกเจ้าค่ะ” ฟู่หลินหลินยิ้มเจื่อนให้เขา ในตอนนั้นที่ท่านปู่ฟู่จะสอน นางเป็นคนที่เถลไถล แล้วไม่ยอมเรียน แถมบอกท่านปู่อีกว่า ไม่ได้ใช้แน่ ๆ“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้ว” แม่ทัพรั่วพูดโดยไม่สนใจว่านางจะใช้วิธีใดแก้ปัญหาเมื่อเดินกลับมาถึงโต๊ะ ฟู่หลินหลินก็ว
“ท่านพี่ปล่อยข้าลงไปเดี๋ยวนี้” ฟู่หลินหลินโวยวายแม่ทัพรั่วไม่สนใจ เขาจับนางยัดเข้าไปในรถม้าแล้วตามขึ้นไป“ออกรถเดี๋ยวนี้” เขาสั่งเสียงดัง หันมาจ้องหน้าของอิสตรีเจ้าเล่ห์เจ้ากล“เจ้าจะดื้อด้านไปไย ก็รู้อยู่ว่าข้าจะไปทำงาน ไม่รู้กี่วันจะได้กลับ อาจจะนานถึงหกเดือน หนึ่งปี”“หา! นานอย่างนั้นเชียวหรือ”“อื้อ แล้วยังจะมา...” เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แล้วขยับเข้าใกล้นาง“ข้ารู้ว่ามันเช้าอยู่ เจ้าอยากนอนก็มาหนุนตักข้าเนี่ย” ดึงร่างของฟู่หลินหลินเข้ามากอด พร้อมกับผลักนางให้นอนลงบนตัก หัวใจของนางเต้นรัวเร็ว ไม่คิดว่ารั่วเฉินจะทำแบบนี้แต่มือน้อย ๆ ของฟู่หลินหลินก็แตะต้องโดนอวัยวะบางอย่างที่อยู่กลางหว่างตักของเขา“เจ้าทำอะไรข้าฮึ”“เปล่านะเจ้าคะ” รีบลุกขึ้นทำหน้าเหลอหลา“อ้อ... เพราะข้าไม่ทำอะไรเจ้าหลายวัน เจ้าก็เลย”“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย” พลางขยับตัวหนี รั่วเฉินมองนางด้วยสายตาหื่น ๆ
“ไม่… พอเถอะค่ะท่านพี่ ข้าเสียวจนขาสั่นไปหมดแล้ว แต่ถ้าให้ม้าหยุด ทุกคนจะเห็นว่าท่านทำอะไรข้า” ฟู่หลินหลินดูเขินอาย เขาส่งยิ้ม และส่งมือหนาลูบไล้ไปทั่วร่างของฟู่หลินหลิน“ข้าก็เสียวเหมือนกัน เห็นไหมเปลี่ยนบรรยากาศก็แสนดีอย่างนี้แหละ พอไปถึงที่นั่น ข้าอาจจะไม่มีเวลาทำแบบนี้กับเจ้าอีก ตอนนี้ขอให้ข้าจัดเจ้าจนกว่าข้าจะพอใจดีกว่า” เขากระซิบเสียงกระเส่าที่ข้างหลังใบหู พูดเอาแต่ใจแล้วรั่วเฉินก็ผลักร่างของฟู่หลินหลินให้นอนลงไป จากนั้นแม่ทัพหนุ่มได้ประกบปากจูบนางอย่างดูดดื่มเพลงรักเร่าร้อนของเขาเริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง“มันทั้งสนุก และเป็นการทำทุกอย่างเพื่อฆ่าเวลา เจ้าจะได้ไม่เบื่อ”ปึก ปึก… นางทุบกำปั้นเล็ก ๆ ไปบนเนื้อตัวของเขา“มีลูกกับข้านะหลินหลิน” เขาทำเสียงอ้อน ๆฟู่หลินหลินไม่ตอบ เพราะการที่เขาทำอย่างนี้ และปล่อยในทุกครั้ง ไม่ช้าก็เร็วนางก็ต้องตั้งครรภ์“อูย... ซี้ด...” ที่ครางเสียวเพราะท่อนใหญ่ของเขาทำดุกดิกอยู่ในร่องสวาทของตนเอง&
วันต่อมา ทุกคนก็ได้ออกเดินทางตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้น การเดินทางแม้จะยากลำบาก แต่ก็ไม่มีอุปสรรคอันใดคณะของแม่ทัพรั่วใช้เวลาในการเดินทางมาถึงเมืองหลูตงถึงสิบวัน แต่ถือว่าการเดินทางราบรื่น ถึงแม้จะรู้สึกเหนื่อยกันอยู่บ้าง เนื่องจากรอนแรมถึงสิบวัน แต่ก็หาได้ทำให้เหล่าทหาร และแม่ทัพรั่วเรี่ยวแรงถดถอยไม่ผิดกับฟู่หลินหลินที่ถูกเคี่ยวกรำอย่างหนักจากท่านแม่ทัพมาตลอดทาง นางถึงกับอ่อนเพลียราวกับวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง เมื่อได้เห็นห้องพักในจวนว่าการ ก็ถึงกับดีใจจนแทบจะร้องออกมา“ว้าว! และเราก็มาถึงเสียทีเจียงอ่าว”“ใช่เจ้าค่ะ เห็นที่นี่แล้ว หายเหนื่อยเลย”“ถ้าหากจะต้องให้ข้าเดินทางต่ออีกสักวัน ข้าคงตายในวันที่สิบเอ็ดเป็นแน่” ฟู่หลินหลินพูดมีบ่าวไพร่ที่ดูแลจวนเข้ามารับใช้ เจียงอ่าวจึงจัดแจงบอกให้สาว ๆ จัดหาน้ำอาบให้ทั้งนายหญิง และท่านแม่ทัพ โดยที่ท่านแม่ทัพสั่งให้จัดห้องนอนให้กับภรรยาของตนอีกห้องหนึ่ง เพื่อความสะดวกสบายหลังจากที่ฟู่หลินหลินอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ก็สบายตัวขึ้น เจียงอ่าวรีบจัดแจงที่
“อากาศมันร้อนเจ้าไม่เห็นเหรอ ไม่เอาแล้ว พูดเรื่องอื่นเถอะ เจียงอ่าวเจ้ารู้หรือไม่ว่า เมืองหลูตงเป็นอย่างไร เจ้าเคยไปหรือยัง” ฟู่หลินหลินถาม เพราะขัดเขินที่จะคิดถึงเรื่องของรั่วเฉิน“ข้าคิดว่า หากเราไปถึงที่นั่นแล้ว เมืองหลูตงสงบสุข เราสองคนก็อาจจะได้ออกไปเที่ยวเล่น” ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา“ข้ายังไม่เคยไปเจ้าค่ะ และอีกอย่างคิดแต่จะเที่ยวเล่นไม่ได้นะ เพราะอะไรที่แปลกถิ่น เราไม่มีคนรู้จักยิ่งอันตรายเจ้าค่ะ” เจียงอ่าวเกรงเหลือเกินว่านายหญิงของตนจะก่อปัญหาให้อีก แล้วนางก็ทำท่าทางครุ่นคิด“แต่ข้าเคยได้ยินมาว่า หลูตงเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านหุ่นกระบอกนะเจ้าคะ นายหญิงเองก็ชอบหุ่นกระบอกมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คงจะได้ของเล่นใหม่”“จริงหรือ งื้อ... ข้าคงไม่หลงรักเมืองหลูตงนะ”“เอาไว้ไปถึงก่อนเถอะ เราค่อยว่ากัน ว่าแต่ไปล้างเนื้อล้างตัว และเข้าห้องน้ำเถอะเจ้าค่ะ จะได้เข้ากระโจม อากาศเริ่มหนาวเย็นแล้ว”“เจียงอ่าวเจ้ามานอนกับข้านะ” ทำเสียงอ้อน“ถ้าท่านแม่ทัพอนุญา
เมื่อเช้านางยังไม่ได้เข้าไปปรนนิบัติและกินข้าวด้วยกันกับเขาเลย ฟู่หลินหลินเจอและได้ถามมือขวาของรั่วเฉิน ตงหยวนบอกว่า “ท่านแม่ทัพงานยุ่งมาก นายหญิงหาอะไรกินได้เลยขอรับ ส่วนท่านแม่ทัพนั้น ตงหยวนจะดูแลเอง” นางจึงได้กลับจวน ‘ใช่แหละตอนนี้เขาน่าจะยุ่งน่าดู’ ฟู่หลินหลินมองไปที่หน้าห้องทำงานของเขา ผู้คนมาจากไหนหลั่งไหลกันเข้ามา สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมากหน้าหลายตาจนน่าเวียนหัวแค่ความที่อยากไปเที่ยวของนาง ก็คงจะไม่สำคัญเท่ากับงานที่เขาทำอยู่ ฟู่หลินหลินไม่รู้สถานการณ์บ้านเมืองของหลูตง ดูสงบนิ่ง ไม่เห็นมีอะไรอย่างที่ว่าสักนิด เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว นางก็คิดว่า จะออกไปเลย โดยไม่ต้องบอกกล่าวแต่ทว่า...“นายหญิง” เปียงจี้เดินเข้ามาเห็นเสียก่อน“จะมาหาท่านแม่ทัพหรือขอรับ” เพราะเปียงจี้เห็นนางทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่สักครู่แล้ว“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะกลับห้อง”“เข้าไปสิขอรับ เพราะถึงตอนที่ทุกคนต้องออกไปทำงานแล้ว นั่นเห็นไหมขอรับ” เปียงจี้ชี้ให้ฟู่หลินหลินดู ทหารหลายคนดาหน้าก
แม่ทัพรั่วกับเหล่าทหารมาถึงหน้าจวนเจ้าเมืองที่ไฟกำลังไหม้อยู่ เขาเห็นเจียงอ่าวกับคนอื่นทว่ารั่วเฉินไม่เห็นฟู่หลินหลิน เขาถามเอาความกับเจียงอ่าว และทหารอีกสองคน“นายหญิงไปไหน”“ข้าไม่เห็นขอรับ”“อ้าวนายหญิงหายไปจากที่นี่ตอนไหน” หันรีหันขวาง ทุกคนดูตกใจ ที่ฟู่หลินหลินหายไปจากบริเวณนั้น“ช่วยกันตามหานางเร็ว” รั่วเฉินออกคำสั่ง ทุกคนพากันสอบถามว่าใครเห็นนางบ้างทหารคนหนึ่งวิ่งมาหาแม่ทัพรั่ว “มีคนเห็นนายหญิงวิ่งไปทางนั้นขอรับ”“รีบตามไป ฮึ... พวกเจ้านี่ละสายตาไปจากภรรยาของข้าได้อย่างไร ไป... หานางให้เจอ พวกเจ้าจำเอาไว้ หากว่าหาหลินหลินไม่เจอ กลับไป... ข้าจะลงโทษเจ้าให้หมด” แม่ทัพรั่วพูดด้วยโทสะเจียงอ่าวถึงกับเข่าอ่อนล้มพับลงตรงนั้น ดีว่ามีผู้หญิงอยู่ตรงนั้นหลายคนได้เข้ามาช่วยนางแม่ทัพรั่วออกวิ่งไปยังทิศทางที่ทหารบอกทันที มีทหารสี่ห้านายวิ่งตามเขามาด้วยส่วนฟู่หลินหลินที่ตั้งใจตามชายผู้นั้นไป เพราะนางมั่นใจว่าชายคนนั
แต่ว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แม่ทัพรั่วมีความทรหดอดทนมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้ แทนที่เขาจะถูกพิษแล้วล้มลงไปกลับกลายเป็นว่าเขาไม่ได้แสดงท่าทีว่าเจ็บปวดอะไรเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังควบม้าพุ่งใส่เขาได้อีก หรือว่าธนูอาบยาพิษของเขาจะเกิดการผิดพลาดเสียงทวนกระทบกับดาบดังสะท้อนไปทั่วป่า ทั้งแม่ทัพรั่วและซื่อเล่อต่างก็โจมตีโรมรันกันไม่หยุดซื่อเล่อถึงแม้จะฝีมือด้อยกว่า ประสบการณ์น้อยกว่า แต่ทว่าเจอกับแม่ทัพรั่วที่มีลูกธนูปักอยู่ที่ไหล่ ก็เรียกได้ว่าไม่ทิ้งห่างกันมาก พวกทหารของซื่อเล่อพยายามยิงธนูเข้าใส่แม่ทัพรั่ว แต่ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากกลัวว่าจะพลาดไปโดนแม่ทัพของตัวเอง อย่างไรแล้วพญาอินทรีก็ยังคงเป็นพญาอินทรี ซื่อเล่อถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อน แต่เมื่อเจอกับแม่ทัพรั่ว ก็ยังคงเป็นเพียงนกอินทรีตัวผู้ที่บังอาจผยองอยากเป็นพญาอินทรีเท่านั้นซื่อเล่อถูกทวนของแม่ทัพรั่วแทงเข้าที่ท้องจนได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าด้วยความว่องไวของเขา ทำให้หลบหนีไปได้ หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้ถอยทัพกลับไป
เสียงเคาะดาบกับโล่ดังเป็นจังหวะ และเสียงกระทุ้งทวนกับพื้นก็ดังตามมา รองแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามสั่งให้เข้าบุกโจมตี พวกมันวิ่งเข้ามาในวงล้อมของค่ายกลแปดทิศ ราวกับว่าไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น และใช้ดาบฟันทุกอย่างที่ขวางหน้า ทหารทั้งสองฝ่ายโรมรันพันตูกันเสียงกระทบกันของดาบและทวนดังไปทั่วทั้งเนินหวงหยางแม่ทัพรั่วกำลังใช้สายตามองหาซื่อเล่อ แต่ว่าหาอย่างไรก็หาไม่พบ ตามกฎของสงครามแล้วสงครามจะจบลงก็ต่อเมื่อ ประการที่หนึ่งแม่ทัพของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย หรือไม่สามารถสู้ต่อไปได้แล้วประการที่สอง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ แล้วถอนทัพไป ดังนั้นแม่ทัพรั่วจึงต้องหาแม่ทัพของฝ่ายศัตรูให้พบ แล้วกำจัดเขาเสียฝีมือการสู้รบของชนเผ่าเร่ร่อน ถึงแม้ว่าจะไม่มีแบบแผนก็จริง แต่ว่าพวกเขาสู้รบได้ดุเดือด ยิ่งจนตอนนี้สามารถทำลายค่ายกลแปดทิศจนแตกแล้ว ทหารของแม่ทัพรั่วจึงได้เปลี่ยนไปใช้รูปแบบการตั้งรับแบบอื่นแทนแม่ทัพรั่วตัดสินใจขี่ม้าออกไปกลางความชุลมุนวุ่นวายนั่นแล้วตามหาตัวซื่อเล่อ ยิ่งหาตัวเขายากเท่าไร ก็ยิ่งมีโทสะมากขึ้นเท่านั้นที่จวนในวันนี้
รั่วฮูหยินยังเช็ดน้ำตาให้กับฟู่หลินหลินอีกด้วย“ห้ามร้องไห้เด็ดขาดเลยนะ เดี๋ยวลูกของเจ้าออกมาจะนั่งหงิกหน้างอ”“เจ้าค่ะ” บรรยากาศในจวนแห่งนี้เปลี่ยนไปในทันที ความสุขอบอวลไปทั่ว สีหน้าของทุกคนแช่มชื่น ที่ได้ข่าวการมาเยือนของหลานตัวน้อยที่อยู่ในท้องของภรรยาท่านแม่ทัพ“ท่านแม่อย่าบอกเรื่องนี้กับท่านพี่นะเจ้าคะ”“ทำไมรึ”“ถ้ากลัวว่าท่านพี่จะเป็นห่วงเป็นใย”“ถูกของเจ้า จะให้มาพะวงเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด แต่แม่จะต้องไปบอกท่านพ่อก่อน เขาจะต้องดีใจมาก”“แล้วแต่ท่านแม่”“ได้หรือยังน่ะของกินร้อน ๆ” รั่วฮูหยินหันไปถาม เพราะดูเหมือนจะนานไปแล้ว“มาแล้วเจ้าค่ะ ซุปไก่ร้อน ๆ ใส่สมุนไพรบำรุงด้วยเจ้าค่ะ”“เจ้าเอายาไปต้มให้กับฮูหยินน้อยด้วยหรือยัง” ท่านหันไปถามเจียงอ่าว“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเสร็จแล้วคนในครัวจะยกมาให้”“ถ้าอย่างนั้นเจ้ากินน้ำ
“อร่อย! เจียงอ่าวเจ้าว่าอร่อยหรือไม่” ฟู่หลินหลินหันไปถามเจียงอ่าว ที่กำลังเคี้ยวขนมอยู่ยังไม่ทันได้กลืน ก็ตอบด้วยเสียงอู้อี้กลับมาว่า“อร่อยเจ้าค่ะ”ฟู่หลินหลินจึงได้ซื้อขนมถั่วตัดนี้มาห้าถุง หนึ่งถุงสำหรับส่งให้แม่ทัพรั่ว หนึ่งถุงสำหรับนางกับเจียงอ่าว อีกหนึ่งถุงให้ท่านแม่ และอีกสองถุงไว้ให้บ่าวไพร่ในเรือนแบ่งกันกิน พอกลับถึงจวน ฟู่หลินหลินก็ให้ทุกคนมาช่วยกันจัดสิ่งของที่ซื้อมาใส่จวน จวนแม่ทัพรั่วตอนนี้ได้สลัดกลิ่นอายของความเก่าทึมทึบออกไปแล้ว เมื่อมีเครื่องเรือนใหม่เข้ามาทำให้ดูสดใสขึ้นอักโขแต่ว่าฟู่หลินหลินก็ไม่ได้สั่งให้คนยกเครื่องเรือนเก่าออกไปเนื่องจากไม่อยากมีเรื่องกับแม่สามี จึงทำเพียงแต่เติมของใหม่เข้าไปเท่านั้นเมื่อกลับมาถึงที่ห้องนอนของนางแล้ว รั่วฮูหยินก็สั่งให้คนมาตามนางไปหา ฟู่หลินหลินจึงขัดไม่ได้ แม้จะแสนเพลีย แต่ก็ต้องไปหารั่วฮูหยินที่จวนของท่านทว่าเมื่อไปถึงแล้ว ไม่ได้มีแต่รั่วฮูหยินเพียงคนเดียว ยังมีแม่นางจ้าวนั่งอยู่ข้างกา
กองทัพออกเดินทางกันมาได้หลายวันแล้ว ตลอดระยะเวลาสองวันนี้ ทุกคนแทบจะไม่ได้พักเลย เนื่องจากจะต้องไปให้ถึงเมืองซุยโจว ก่อนที่ทัพของข้าศึกจะมาประชิดเมือง จะหยุดพักกันก็แค่ในตอนรับประทานอาหารเช้ากับเย็นเท่านั้นการนอนพักผ่อนก็จะพักให้หายเหนื่อยเพียงแค่สองถึงสามชั่วยาม นอกจากกายจะไม่ได้พักแล้ว ใจก็ไม่ได้พักเช่นกันตั้งแต่แม่ทัพรั่วออกมาจากจวน เขาก็เฝ้าคิดถึงแต่ฟู่หลินหลินภรรยาของตนพอ ๆ กับคิดถึงเรื่องสงครามที่อยู่ข้างหน้า การศึกครั้งนี้เขาตั้งใจไว้ว่าจะทำให้รวบรัดและทำการศึกให้ใช้เวลาน้อยที่สุด เพื่อจะได้กลับไปหาภรรยาสุดที่รักของเขาพวกเขาพักค้างแรมกันที่ชายป่าก่อนถึงเมืองซุยโจว จากตรงนี้ไปใช้เวลาเดินเท้าอีกแค่ไม่เกินสองวัน ก็จะถึงเขตเมืองซุยโจวดังนั้นแม่ทัพรั่วจึงสั่งให้ทหารตั้งกระโจมพักผ่อนกันแบบยาว ๆ สักหน่อย เพื่อที่จะได้เก็บแรงเอาไว้ต้านศึก“พวกเราตั้งค่ายพักแรมกันตรงนี้เถิด” แม่ทัพรั่วสั่ง“เหลือระยะทางอีกไม่ไกลแล้ว พักผ่อนกันให้เต็มที่ พวกเจ้าจะต้องนอนเอาแรง” เขาหันหน้าไปทางหวังหว่าน
เขากลับบ้านมาด้วยความเร่งรีบเพื่อที่เตรียมเอาเฉพาะของที่จำเป็นไปด้วยฟู่หลินหลินรอเขาอยู่ที่ห้อง เมื่อเห็นเขากลับมาในช่วงกลางวันก็รู้สึกแปลกใจ เพราะว่าปกติแล้วเวลาที่เขาเข้าวังไปประชุมข้อราชการ กว่าจะกลับมาก็ค่ำมืดทุกครั้ง“ท่านพี่มีเรื่องเร่งด่วนอันใดหรือ” ฟู่หลินหลินถาม“ข้าต้องไปออกรบ และต้องไปเดี๋ยวนี้” แม่ทัพรั่วตอบ“เหตุใดจึงได้กะทันหันเช่นนี้เล่า” ฟู่หลินหลินเอียงคอเล็กน้อย สีหน้าของนางมีแต่ความกังวลใจ ใครอยากให้สามีของตนไปผจญกับคมดาบและศึกสงคราม แต่นี่คือหน้าที่“ตอนนี้ยังไม่มีเวลาที่จะอธิบาย เจ้าช่วยไปเก็บเสื้อผ้าของข้าให้หน่อย แล้วก็สิ่งของต่าง ๆ ที่จำเป็นด้วย ข้าต้องรีบเปลี่ยนชุด” แม่ทัพรั่วกล่าวในขณะที่แม่ทัพรั่วกำลังถอดชุดเข้าเฝ้าออก แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบทหารนั้น ฟู่หลินหลินก็เรียกเจียงอ่าว และคนรับใช้อื่น ๆ ให้ทยอยเก็บข้าวของให้เขาเมื่อเก็บของเสร็จแล้ว ฟู่หลินหลินก็เรียกให้บ่าวไพร่มาขนหีบไปขึ้นรถม้า แม่ทัพรั่วแต่งตัวเสร็จ เขากำลังจะเดินออกไป เขาหันไปพ
“ทำไมท่านพูดอย่างนี้ ท่านไม่ไว้ใจข้าเหรอ ข้ามิได้…” ฟู่หลินหลินพูดไม่ทันจบ เขาก็กระโจนเข้าใส่แล้ว กิริยาอาการที่เถื่อนดิบท่านแม่ทัพจัดการถอดเสื้อผ้าของหญิงสาวออกมาจนหมด จนฟู่หลินหลินเปลือยกายล่อนจ้อน แม้นางจะขัดขืนเพราะไม่ชอบความกักขฬะของสามีในตอนนี้แต่ด้วยไฟอารมณ์ที่ฉุนเฉียวโกรธเกรี้ยว ไม่พอใจที่เห็นภรรยาของตนอยู่กับชายอื่น ใบหน้าน้อย ๆ ของนางถูกท่านแม่ทัพจับเอาไว้ให้อยู่นิ่ง ๆ เขาก็ประทับจูบลงมาอย่างบดขยี้ จนฟู่หลินหลินเจ็บริมฝีปากไปหมด“อื้อ… ไม่นะเจ้าคะท่านพี่ ท่านอย่ารุนแรงกับข้า”แต่เพราะว่าสุราที่ร่ำในงานนั้นมีสมุนไพรบางอย่างที่คลับเคลื่อนอารมณ์กายกำหนัดของชายชาตรีให้ปะทุขึ้นท่อนบุรุษของท่านแม่ทัพแข็งขืนขึ้นมาจนตึง เขาเจ็บแกนกายของตัวเองอย่างมาก สิ่งเดียวที่ปรารถนาในตอนนี้ ก็คือการผนึกแน่นเป็นร่างเดียวกับฟู่หลินหลินเขาจับขาของภรรยาพร้อมกับดึงมาให้สะโพกมนอยู่ที่ขอบเตียง จากนั้นก็จับจรดแกนแกร่งเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มของฟู่หลินหลิน เขากดแรงจนท่อนลำกระทุ้งฝังเข้าไปในร่องสาวอย่างรวดเร็วนางไ
“ที่นี่ไม่เหมาะที่อิสตรีจะมาเดินเที่ยวคนเดียว” เขาเอ่ยเหมือนตำหนิ“ขอประทานอภัยเจ้าค่ะ คือข้าน้อยไม่รู้ว่าที่นี่เป็นเขตหวงห้าม”“เจ้ามิได้อยู่ในวังนี้ดอกหรือ”“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าน้อยมากับสามีของข้า”“หื้อ สามีของเจ้าหรือ คือผู้ใด”“ท่านแม่ทัพรั่ว”“อ้อ ท่านรั่วเฉิน”“ท่านรู้จักสามีของข้าด้วยหรือเจ้าคะ”“ไม่เพียงแต่รู้จักเขา เจ้าก็คือเชลย”คำว่าเชลยสะกิดใจนัก แต่ฟู่หลินหลินก็ยังฝืนยิ้ม“ตอนนี้ข้าถือว่าเป็นคนในครอบครัวของแม่ทัพรั่วแล้ว คำว่าเชลย มักใช้กับผู้ที่เป็นศัตรูกันเท่านั้น”“จริงดังเจ้าว่า อ่า… ขอโทษนะ ถ้าหากข้าพูดอะไรทำให้เจ้ารู้สึกไม่พอใจ”“หามิได้เจ้าค่ะ” ฟู่หลินหลินรู้แล้วว่าไม่ควรจะอยู่ที่แห่งนี้นานมากไป จึงได้เอ่ย“ข้าขอตัวก่อน” นางกำลังจะหันหลัง ไม่อยากจะคุยกับบัณฑิตท่านนี้ต่อแล้ว ไม่พอใจนิด ๆ ที่เขาดูถูกตนเอง&ldqu
ประโยคนี้ทำให้จ้าวอวี้เจินผงะ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะมีฟู่หลินหลินนี่แหละที่กล้าต่อปากต่อคำกับนาง จนตอนนี้ถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะคิดคำพูดใดมาตอบโต้ดี“ถ้าแม่นางจ้าวไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้ ข้าก็ขอตัว แต่อยากจะเตือนอย่างหนึ่ง แม้ข้าจะอายุน้อยกว่าท่าน แต่อะไรที่ทำแล้วเสื่อมเกียรติ หรือด้อยคุณค่าในตัวเองข้าจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด“อีกอย่างถ้าสิ่งที่คิดทำไม่ได้สมดั่งมุ่งหวัง ความผิดหวังจักมากตามมา” เหมือนทิ้งความไม่พอใจเอาไว้ให้กับจ้าวอวี้เจิน“ข้าก็ขอตัว” ฟู่หลินหลินไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง นางก้มโน้มศีรษะ พร้อมกับเดินจากมาฟู่หลินหลินพูดไปทั้งที่ก็หวั่น ๆ แต่ถ้าเป็นตัวของนางเอง หากว่ามีคนมาตอกย้ำและเตือนแบบนี้ จะล่าถอยทันที แม้จะรู้สึกเสียหน้าบ้างก็ตามเถอะสำหรับฟู่หลินหลินแล้ว หากไม่ได้เป็นที่หนึ่งในใจของสามีของตน ก็ไม่ต้องมีสามีจะดีกว่า แม่นางจ้าวที่เพียบพร้อมทุกอย่าง นางจะหาคนที่คู่ควรกับนางได้เอง หากเปิดใจยอมรับเขาผู้นั้น และเวลาอย่างนี้ แม่นางจ้าวก็สมควรจะล่าถอยไปได้แล้วผู้ที่ถูกตอกหน้าถึงกับเจ็บแค้น กำหมัดในมือแน่น