ฟู่หลินหลินที่มาเข้าร่างใหม่นั้น ก็ตื่นขึ้นมาในอีกวัน ตอนนี้ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าจนแทบจะอยู่กลางศีรษะอยู่รำมะร่อ
ก็จะให้ทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อบุรุษผู้นั้นเคี่ยวกรำนางอย่างหนักมาตลอดทั้งคืน สามสี่ยกเลยก็ว่าได้ แต่ละยกนั้นเขาก็ใช้เวลานานแสนนาน จนนางแทบไม่ได้นอนขอบตาดำคล้ำไปหมดแล้ว
ฟู่หลินหลินปวดเนื้อปวดตัวจนแทบจะขยับร่างกายไปไหนไม่ได้ ‘บุรุษผู้นั้นเป็นใครกัน เป็นสามีของข้าในชาตินี้อย่างนั้นหรือ’ ฟู่หลินหลินพูดคุยกับตนเอง
พอตั้งสติได้แล้ว ฟู่หลินหลินก็ลุกขึ้นนั่ง ปรากฏว่าบนเรือนร่างของนางไม่มีอาภรณ์เลยแม้แต่ชิ้นเดียว
‘นี่เขากระทำอย่างนั้นกับข้าเสร็จแล้ว ก็ไม่คิดที่จะใส่เสื้อผ้าหรือว่าหาอะไรมาคลุมให้ข้าหน่อยหรืออย่างไร เหตุใดจึงได้ปล่อยให้ข้าล่อนจ้อนเพียงนี้ หากมีใครมาเห็นเข้าจะว่าอย่างไรเล่า’ นางคิดก็เกิดความอาย
ฟู่หลินหลินมองสังเกตไปรอบห้อง เมื่อคืนที่นางลุกไปเอายานั้น แสงไฟไม่ค่อยสว่างเท่าใดนัก จึงไม่ได้ดูว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างใด
พอได้เห็นเต็มตา การประดับตกแต่งโบร่ำโบราณ แต่ทุกอย่างก็ดูโอ่อ่า
‘ที่นี่ก็น่าจะเป็นจวนหรือไม่ก็บ้านของคนมีฐานะกระมัง ห้องนี้มีขนาดใหญ่มาก’ ฟู่หลินหลินค่อย ๆ หย่อนขาลงจากเตียง เคยเห็นแต่ในโทรทัศน์ ในละคร
‘ห้องนอนห้องนี้ ใหญ่มาก น่าจะเป็นห้องนอนหลักของบ้านนี้ ‘เขาเป็นเจ้าของที่นี่ ที่ใหญ่โตรโหฐาน ถ้าอย่างนั้นเขาต้องร่ำรวยและมีอำนาจมาก’
ข้าวของเครื่องใช้ดูสวยงามและน่าจะมีราคาอยู่ไม่น้อย อีกทั้งบุรุษผู้นั้นก็ดูน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมฟังแล้วดูเหมือนคนมีอำนาจ
“เฮ้อ...”
‘นิสัยเศรษฐี คนมีอันจะกิน มิเช่นนั้นคงไม่ติดนิสัยเอาอำนาจมาบังคับขู่ฉันหรอก’ ฟู่หลินหลินคิดไปถึงเหตุการณ์หวามหวิวบนเตียง เฉกเช่นที่เขาทำกับนางเมื่อคืน ใจคอก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
‘แต่ว่าเขาคือใครกันเล่า ในเมื่อข้าต้องมาอยู่ที่นี่แล้ว และยังเป็นเมียของเขาอีก ข้าก็ต้องออกไปสำรวจดูสักหน่อย’ เมื่อคิดได้ดังนั้น ฟู่หลินหลินพยายามลุกขึ้นจากเตียง แม้จะร่างกายร้าวรานเจ็บระบม แต่ก็ต้องทน
‘บ้าจริง เพิ่งรู้ว่าเสียตัวครั้งแรกมันเจ็บระบมจนจะยืนไม่ได้ แล้วถ้าก้าวขาล่ะ’
“อูย” ฟู่หลินหลินลั่นเสียงเจ็บร้าวออกมาทันที หน้าตาเหยเก นึกถึงคนที่ทำให้นางเป็นอย่างนี้
‘ไอ้คนหน้าหม้อ’ อดที่จะเหน็บเขาในใจไม่ได้
ฟู่หลินหลินมองหาบางสิ่งที่จะใช้คลุมตัว ฉับพลันก็ไปเห็นว่ามีชุดนอนพลิ้วบางชุดหนึ่งตกอยู่ใต้เตียง นางจึงหยิบขึ้นมาแล้วเอามาสวมใส่
แม้มันจะบางจนดูน่าอับอาย และดูเห็นผู้หญิง ๆ แต่ก็ยังดีกว่าเปลือยตัวล่อนจ้อนอย่างนี้ แบบไม่มีอะไรห่อกาย จากนั้นฟู่หลินหลินก็ลุกขึ้นไปสำรวจรอบ ๆ ห้องนอนนั้นอีกครั้ง
แล้วก็เจอหีบใส่อาภรณ์ชุดอื่นที่มีเสื้อผ้าเต็มไปหมด ของผู้หญิง ก็น่าจะเป็นของตัวเอง
‘แล้วเสื้อผ้าแบบนี้ใส่อย่างไร’ ฟู่หลินหลินพยายามจะใส่มัน ทว่าก็ไม่คุ้นเคย จึงทำอย่างเก้กังและใส่ไม่ถูก
ในจังหวะนั้นเสียงเสียดสีกันของประตูไม้ดังขึ้นมาจากทางหน้าห้อง สาวใช้ที่ดูมีอายุคนหนึ่งได้เดินเข้ามาด้านใน พร้อมอ่างน้ำใบหนึ่ง และผ้าสำหรับเช็ดหน้า
“เจียงอ่าวมารับใช้นายหญิงและแต่งตัวให้เจ้าค่ะ” สาวใช้แนะนำตัว พอเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของอีกฝ่าย ฟู่หลินหลินก็หายใจโล่ง
แต่... “ช้าก่อน อย่าเพิ่งเข้ามา ข้าโป๊อยู่” ฟู่หลินหลินยังอยู่ในสภาพที่สวมใส่ชุดนอนอย่างลวก ๆ นึกถึงจะต้องโชว์เนื้อตัวให้คนอื่นดูก็นึกอาย จำได้ว่า... เมื่อก่อนตนเองเป็นคนขี้อายมาก ๆ แม้แต่แม่หลินฮวานางก็ไม่ยอมอาบน้ำด้วย และยังไม่ยอมให้คนรับใช้อาบน้ำให้อีก
“ไม่ต้องอายอะไรเจ้าค่ะ ข้าเห็นของนายหญิงหมดแล้ว รีบ ๆ เถอะ ประเดี๋ยวนายหญิงจะโดนเอ็ดนะ”
“หื้อ ใครจะเอ็ดข้า” ฟู่หลินหลินรีบหยิบเสื้อคลุมมาห่อกาย และจัดแจงตัวเองให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยไม่อุจาดตา แล้วก็โผล่หน้าออกมาดูเจียงอ่าว
โอ้! เจียงอ่าวหน้าตาเหมือนกับจี้หลิงคนที่ดูแลนางเมื่อตอนอยู่กับท่านแม่
“เจียงอ่าว... ใครที่จะเอ็ดข้า และเข้ามาตรงนี้ได้เล่า” ฟู่หลินหลินก็ตะโกนบอก
เจียงอ่าวรีบจ้ำอ้าวเข้ามา แล้ววางอ่างน้ำกับผ้าขนหนูไว้ที่พื้นด้านข้าง หันมาพูดกับนายหญิงของตน
“เหตุใดจึงได้ตื่นสายเพียงนี้เล่าเจ้าคะ นายหญิงก็รู้อยู่ว่าวันนี้ต้องไปทำอะไร ท่านรั่วฮูหยินไม่พอใจนายหญิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นี่ก็เลยเวลาไปคารวะแม่สามีมาเป็นชั่วยามแล้วนะเจ้าคะ” เจียงอ่าวบ่นงึมงำ
“คารวะแม่สามีอย่างนั้นหรือ ทำไมต้องคารวะด้วย” ฟู่หลินหลินถามอย่างงง ๆ พลางเอียงคอมองหน้าเจียงอ่าวด้วยความสงสัย
‘จะอยู่ที่นี่ให้ได้ ก็ต้องรู้เรื่องของตัวเองให้มากกว่านี้ใช่หรือไม่’ ฟู่หลินหลินยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
เจียงอ่าวถอนหายใจหนึ่งที ก่อนจะอธิบาย “นี่นายหญิงเจ้าคะ ทำไมลืมไปแล้วหรืออย่างไร เฮ้อ... ข้าล่ะปวดหัวใจจริง ๆ ตามธรรมเนียมของชาวฉินแล้ว ลูก ๆ ต้องไปคารวะผู้เป็นมารดาในทุก ๆ เช้า นายหญิงเป็นลูกสะใภ้ของจวนนี้ ก็ต้องปฏิบัติอย่าได้ขาดตกบกพร่อง อยู่ที่แคว้นฉินนี่ เราจะทำตัวเฉกเช่นชาวแคว้นจ้าวเหมือนเดิมนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ”
แล้วหยุดพักพ่นลมหายใจออกมา เจียงอ่าวมองหน้านายหญิงของตนอย่างระทดท้อ
“แล้วชาวแคว้นจ้าวทำตัวกันอย่างไรหรือ” เนื่องจากไม่มีอะไรอยู่ในหัวเลย ฟู่หลินหลินจึงถามต่อ แต่ก็ยอมให้เจียงอ่าวช่วยแต่งตัวไปด้วย
ฟู่หลินหลินจะต้องเรียนรู้การเอาชีวิตรอด นอกจากเรื่องที่จะต้องทนกับบุรุษเมื่อคืนกับเรื่องบนเตียงหนักหน่วงนั่นด้วย
“ชาวแคว้นจ้าวของเราไม่ได้ยึดถือพิธีรีตองอะไรมากมาย ทำตัวตามสบาย ๆ ขอเพียงเราไม่ทำตนให้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใครก็เป็นพอเจ้าค่ะ แต่ที่นี่ไม่ได้ ยิ่งตระกูลรั่วด้วยแล้ว พิธีมากมายเจ้าค่ะ”
ฟู่หลินหลินหันไปมองเจียงอ่าวแล้วทำตาปริบ ๆ
“ถ้าอย่างนั้นข้าควรทำตัวอย่างไรให้เข้ากับที่นี่ได้”
“ก็ต้องทำตามประเพณีอย่างเคร่งครัด แต่เอ๊ะ!” เจียงอ่าวเริ่มสงสัย เจ้านายของตนเปลี่ยนไป
“อืม... ถ้าเช่นนั้นข้าคิดว่า ข้าก็เหมาะที่จะเป็นชาวจ้าวมากกว่าชาวฉินนะสิ จริงไหม? เพราะข้าไม่อยากจะอยู่ในพิธีรีตอง เอาแบบนี้เจียงอ่าว เราสองคนกลับไปเป็นชาวจ้าว และก็จะได้ทำอะไร ๆ แบบชาวจ้าว”
“แล้วถ้าท่านพี่ทายผิด”“อือ… ข้าจะลาออกจากราชการ และไปอยู่กับเจ้าที่นอกเมืองหลวง ไปอยู่ในชนบทดีไหม”“จริงหรือเจ้าคะ” หน้าตาของฟู่หลินหลินยินดีมาก นางรีบลุกขึ้น แล้ววิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทันที เพราะนางเปรยเรื่องนี้มาหลายครั้ง เพราะไม่อยากเห็นสามีตายในสนามรบ สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง“ลูกขอให้เป็นไปดั่งคำทายของข้า ให้ท่านพี่ทายผิด เราจะได้ไปอยู่นอกเมืองอย่างสงบเจ้าค่ะ”“ทำไมล่ะ เจ้าถึงต้องการมากถึงเพียงนี้”“ท่านพี่ ท่านน่ะไม่รู้ใจของข้าหรอก ตอนที่ท่านออกรบ ข้านอนไม่ได้ กินไม่ได้ เพราะเป็นห่วงท่าน ถ้าจะให้ดีเราไปเป็นเกษตรกรดีกว่า”แม่ทัพรั่วถึงกับหัวเราะเสียงใส“ข้าจะเก็บเอาไว้พิจารณานะ”แต่แล้วพอถึงวันคลอด ฟู่หลินหลินคลอดลูกสาว ทำให้แม่ทัพรั่วต้องทำงานรับใช้ราชสำนักต่อไป และเริ่มไว้หนวดเครา เพราะว่ารักลูกสาวตัวน้อยอย่างกับไข่ในหินและทั้งสองได้ตั้งชื่อลูกสาวว่า “ลูหลู้”ฟู่หลินหลิ
นางเพียงก้าวออกมาจากห้องเรื่อย ๆ แม้ลมที่พัดมาจะวูบพัดพาความเย็นมามากเพียงใด ทว่าใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยเหงื่อที่แตกพลั่ก ๆแล้วขาที่อ่อนแรงก็ทำให้นางลื่นล้มและไถลไปกับพื้น ก้นและหลังกระแทกเข้ากับก้อนหินก้อนใหญ่ที่วางประดับอยู่ใกล้ ๆ ตรงนั้น“โอ๊ย!” เสียงร้องอย่างตกใจ และร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้น ฟู่หลินหลินที่กำลังเดินมา เพื่อจะมาหารั่วฮูหยิน“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านอยู่ที่ไหน”“ข้าอยู่นี่ ช่วยด้วย ช่วยด้วย” พยายามเปล่งเสียงออกมาให้ดังที่สุดฟู่หลินหลินเดินตามเสียง จนพบว่าแม่สามีกำลังนอนอยู่กับพื้นร้องโอดโอย นางจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยทันที“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่” ฟู่หลินหลินรีบยกหัวของท่านขึ้นมา“โอ๊ย!”“ข้าถูกวางยา”“ใครกันทำท่านแม่”ยังไม่ได้คำตอบ รั่วฮูหยินหมดสติไปแล้วฟู่หลินหลินวางท่านลง แล้ววิ่งไปตามบ่าวไพร่ และให้คนไปตามหมอลมที่พัดแรงอากาศรอบตัวดูเวิ้งว้าง ฟู่หลินหลินใจหา
“ก็มีความจริงอยู่นิดหนึ่งนั่นแหละ แต่ตอนนี้ข้าไม่เหมือนเดิมแล้ว”“แน่นอนอยู่แล้วหลินหลิน ก็เจ้ากำลังจะเป็นแม่คนแล้วนี่นา”“ข้าตื่นเต้นจริง ๆ เจ้าค่ะ”“พี่หาหมอที่ดีที่สุดมาทำคลอดให้เจ้าแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไปยิ่งใกล้คลอดข้าจะให้แม่หมอมาอยู่กับเจ้าเลย”แค่นี้ฟู่หลินหลินก็อบอุ่นในหัวใจแล้วแม่ทัพรั่วจึงพานางไปจับจ่ายซื้อของในตลาด พอได้ กินขนม และชมการละเล่นต่าง ๆ จนนางพอใจ ก็ชวนกลับ“หลินหลิน เจ้าลองคิดดูสิว่าเจ้าได้ลืมสิ่งใดไปหรือไม่” แม่ทัพรั่วเอ่ยถามในขณะที่พานางออกมาชมดอกบัวที่สระว่ายน้ำใหญ่น่าจวน“ข้าลืมอะไรไปหรือเจ้าคะ”ฟู่หลินหลินมองเขาอย่างประหลาดใจ พยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าตนเองลืมอะไรนางก็นึกไม่ออกแม่ทัพรั่วใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในแขนเสื้อแล้วหยิบพู่ห้อยเอวที่ทำจากไม้อันหนึ่งออกมา“เจ้าจำสิ่งนี้ได้หรือไม่” “นี่คือพู่ห้อยเอวที่ข้าคล้องห่วงได้วัน
แม้ฟู่หลินหลินจะมีความรู้ด้านการถอนพิษติดตัวมาจากชาติที่แล้วบ้าง แต่ในเมื่อฮ่องเต้ส่งหมอที่เก่งที่สุดมาถึงแล้ว จำต้องหลีกทาง“เจียงอ่าวเจ้าพานายหญิงออกไปที่ห้องรับรองเถอะ” นางจึงพาฟู่หลินหลินออกมาที่ห้องรับรอง และบังคับให้นอน“นายหญิงท่านต้องพักผ่อน เพื่อนายน้อยของเจียงอ่าวที่อยู่ในท้องนี้ด้วยนะเจ้าคะ แล้วนายหญิงไม่ต้องเป็นห่วงท่านแม่ทัพแล้ว เพราะอยู่ในมือของหมอหลวง มาทั้งสองคน และมีเครื่องมือและยาถอนพิษมาพร้อมสรรพ ท่านแม่ทัพจะหายในเร็ววันนี้เจ้าค่ะ”“อื้อ” ฟู่หลินหลินเอนตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า และได้แต่ภาวนาให้หมอหลวงรักษาหมอท่านจะต้องหาทางช่วยชีวิตของเขาให้ได้ ตอนนี้ทุกคนทำได้แต่เพียงรอความหวังจากการรักษาของหมอหลวงเท่านั้น จากที่จับชีพจรของแม่ทัพรั่วดู และทดสอบเล็กน้อย หมอหลวงก็สามารถตอบได้ทันที“ท่านแม่ทัพถูกพิษของเจิ้นตู๋ เป็นพิษที่ได้มาจากนกเจิ้นเหนี่ยว”“ถ้าอย่างนั้นไม่น่าจะยาก” ว่าแล้วท่านหมอหลวงก็สั่งให้ผู้ช่วยของเขาหยิบนอแรดที่อยู่ในล่วมยาออกมาทำการฝนสองสามทีแล้วเทผงที่ได้
ด้านนอกจวน คนดูแลรถม้าใช้เวลาเตรียมตัวไม่ถึงหนึ่งชั่วยามขบวนรถม้าที่มีเพียงฟู่หลินหลิน เจียงอ่าว แล้วก็องครักษ์อีกสองนาย ก็ออกเดินทางมุ่งสู่เมืองซุยโจวถึงแม้ว่าการนำองครักษ์ไปเพียงแค่ไม่กี่นายนั้นออกจะเสี่ยงมากเกินไปหน่อยแต่ทว่าฟู่หลินหลินไม่อยากให้การเดินทางล่าช้าไปกว่านี้อีกแล้วในใจนางอยากจะไปให้ถึงเมืองซุยโจวในวันนี้พรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำไปจนกระทั่ง…กำแพงเมืองซุยโจวตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ฟู่หลินหลินมองไปก็รู้สึกว่ากำแพงเมืองนี้ช่างขัดขวางหัวใจของนางยิ่งนัก ใจจริงแล้วอยากที่จะเดินทะลุฝ่ากำแพงเมืองไปเพื่อเจอสามีของตนเองให้เร็ว ๆ การรออยู่ที่ด่านตรวจตรงประตูเมืองเพียงชั่วเวลาแค่ครึ่งก้านธูปนั้น ก็ยาวนานราวกับว่าเป็นเวลาร่วมสิบวัน “เจ้าช่วยไปบอกให้พวกเขาปล่อยให้พวกเราเข้าไปก่อนได้หรือไม่ บอกเขาไปว่านี่เป็นรถม้าของภรรยาท่านแม่ทัพ” เจียงอ่าวกระซิบบอกองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างองครักษ์ผู้นั้นยิ้มตอบอย่างลำบา
แต่ว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แม่ทัพรั่วมีความทรหดอดทนมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้ แทนที่เขาจะถูกพิษแล้วล้มลงไปกลับกลายเป็นว่าเขาไม่ได้แสดงท่าทีว่าเจ็บปวดอะไรเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังควบม้าพุ่งใส่เขาได้อีก หรือว่าธนูอาบยาพิษของเขาจะเกิดการผิดพลาดเสียงทวนกระทบกับดาบดังสะท้อนไปทั่วป่า ทั้งแม่ทัพรั่วและซื่อเล่อต่างก็โจมตีโรมรันกันไม่หยุดซื่อเล่อถึงแม้จะฝีมือด้อยกว่า ประสบการณ์น้อยกว่า แต่ทว่าเจอกับแม่ทัพรั่วที่มีลูกธนูปักอยู่ที่ไหล่ ก็เรียกได้ว่าไม่ทิ้งห่างกันมาก พวกทหารของซื่อเล่อพยายามยิงธนูเข้าใส่แม่ทัพรั่ว แต่ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากกลัวว่าจะพลาดไปโดนแม่ทัพของตัวเอง อย่างไรแล้วพญาอินทรีก็ยังคงเป็นพญาอินทรี ซื่อเล่อถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อน แต่เมื่อเจอกับแม่ทัพรั่ว ก็ยังคงเป็นเพียงนกอินทรีตัวผู้ที่บังอาจผยองอยากเป็นพญาอินทรีเท่านั้นซื่อเล่อถูกทวนของแม่ทัพรั่วแทงเข้าที่ท้องจนได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าด้วยความว่องไวของเขา ทำให้หลบหนีไปได้ หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้ถอยทัพกลับไป