แชร์

เรื่องบนเตียง

ผู้เขียน: คุณธิดา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-18 15:04:39

เขาได้เร่งกระหน่ำกระแทกอัดท่อนบุรุษไปข้างหน้า

“อ้าย...” ฟู่หลินหลินหวีดร้องออกมาอีก นางจิกเล็บไปกับที่นอนจนเจ็บนิ้ว เขาอัดโยกกระแทกชนหัวมนแรงสุดแล้วหยุดนิ่ง

นางรับรู้ได้ถึงความร้อนที่พ่นจากปลายลำใหญ่ฉีดพ่นความสุขของเขาเข้าไปในช่องท้องของนาง ซึ่งมากจนมันเอ่อท่วมล้นออกมาตามร่องรูน้อย ๆ ไหลอาบสองขา

เขาก็ทาบทับลงมาฝังแกนหยกในร่องสวาทของนางไม่ผละออก ฟู่หลินหลินได้แต่หายใจหอบระรวยอยู่ใต้ร่างของเขา

นางผล็อยหลับลงไปด้วยความอ่อนเพลีย อีกทั้งยังมีฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปด้วย เขาขยับร่างกายออกรู้สึกสุขจนเต็มอิ่ม และกอดรัดร่างนาง ต่อมาชายหนุ่มได้จัดท่าให้นอนสบายและก่ายกอดนางจนถึงรุ่งเช้า

วันต่อมา

ฟู่หลินหลินขยับกายอย่างปวดร้าวอยู่บนเตียง นางรู้สึกปวดร้าวไปทั่วสรรพางค์ ตอนที่ขยับเปลือกตาเปิดออก จึงรับรู้ได้ถึงแสงที่เจิดจ้าที่ลอดเข้ามาในห้องนั้น

‘ฉันอยู่ที่ไหน ที่ไหน’ สถานที่ไม่คุ้นตา

‘โอ้... แล้วทำไมปวดเมื่อยไปหมดอย่างนี้นะ’ ขยับตัวอย่างเมื่อยขบ พยายามยันยกศีรษะของตัวเอง

ย้อนไปที่ปัจจุบัน พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าลงไปทุกที จากที่วางแผนกันไว้ว่าจะเดินไปให้ถึงยอดเขาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน กลับกลายเป็นว่า ต้องพากันรีบวิ่งลงเขามาที่หุบเหวเบื้องล่าง เพื่อค้นหาร่างของฟู่หลินหลิน

นางที่ตกลงมาจากหน้าผา ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ทุกคนได้แต่ตื่นตระหนกตกใจจนแทบจะบ้าคลั่ง

ท่านฟู่กับฟู่หวั่นอิ๋นกำลังใช้ปลายเชือกด้านหนึ่งมัดเข้ากับต้นไม้ ส่วนปลายเชือกอีกด้านมัดเข้ากับตัวเองเพื่อที่จะโรยตัวลงจากหน้าผา ตั้งใจลงไปค้นหาฟู่หลินหลินที่ด้านล่าง

ส่วนฟู่เหว่ยกวงทำหน้าที่ลงเขาไปเพื่อแจ้งตำรวจ

“ลูกจะรีบไปรีบมานะครับ ทางนี้ก็ขอฝากท่านปู่ด้วย” พูดจบฟู่เหว่ยกวงก็รีบลงจากเขา

สถานีตำรวจห่างจากเขาเถาซานแห่งนี้ค่อนข้างไกล น่าจะราว ๆ สิบกิโลเมตรได้ ด้วยฝีเท้าของชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าที่แข็งแรงและว่องไว ก็น่าจะใช้เวลาวิ่งไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่ว่าเวลาทุกนาทีมีค่า ฟู่เหว่ยกวงจึงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งให้เร็วที่สุด

“หวังว่าเชือกนี่มันคงจะยาวถึงข้างล่างเหวนะครับ” ฟู่หวั่นอิ๋นพูดขึ้น

ท่านฟู่มองเขาที่ดูจะกล้า ๆ กลัว ๆ การจะลงไปเบื้องล่างเหวในครั้งนี้มันก็อันตราย “หากเจ้าไม่มั่นใจ ปู่ลงไปคนเดียวก็ได้ เจ้าอยู่เป็นเพื่อนแม่กับน้องของเจ้าเถอะนะ” ท่านยังเป็นห่วงหลินฮวาด้วย

“ลงไปค้นหากันสองคน น่าจะไวกว่าคนเดียวนะครับ ยังไงหลานก็จะลงไปกับท่านปู่” ฟู่หวั่นอิ๋นว่า

จากนั้นทั้งสองก็ค่อย ๆ โรยตัวลงมาช้า ๆ หน้าผาที่เป็นหินค่อนข้างเรียบและลื่น จึงทำให้การโรยตัวเป็นไปอย่างยากลำบาก คิดที่จะเหยียบพักเท้าตรงไหน ก็ทำได้ยากยิ่ง กว่าจะลงมาถึงข้างล่างก็เล่นเอาเหนื่อยพอสมควร

เมื่อปลดเชือกออกจากตัวแล้ว ท่านฟู่กับฟู่หวั่นอิ๋นก็ทำการค้นหาฟู่หลินหลินทันที “เจ้าไปทางด้านนั้น ส่วนด้านนี้ เดี๋ยวปู่ไปหาเอง ระวังตัวด้วย” ท่านฟู่บอก

“ขอรับ ท่านปู่เองก็ระวังตัวด้วย” ฟู่หวั่นอิ๋นตอบรับ

บทที่ 4 ชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม

เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง

ท่านฟู่กับฟู่หวั่นอิ๋นก็หาฟู่หลินหลินไม่พบ ทั้งจุดที่พวกเขาหานั้นก็ไม่ได้ไกลจากจุดที่นางตกลงไปเลย ท่านฟู่จึงมานั่งพักกันตรงที่เชือกโรยตัวของพวกเขาที่ห้อยอยู่

“ด้านนี้ไม่พบเลยขอรับท่านปู่” ฟู่หวั่นอิ๋นวิ่งกลับมา ทั้งหายใจหอบ ทั้งรายงานว่าตนเองไม่พบร่างของน้องสาว

“ทางด้านนี้ก็ไม่มีเช่นกัน” ท่านฟู่ว่า

ท่านฟู่คิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวิเคราะห์ว่า

“แปลกเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่หลินหลินตกลงมาบริเวณนี้แท้ ๆ แต่ทำไมถึงหาไม่เจอ”

“หรือว่านางไม่ได้เป็นอะไร และเดินไปที่อื่นแล้ว”

“ท่านปู่ หลานเองก็ไม่ได้อยากจะพูดอะไรที่ไม่ดีออกมานะครับ แต่ว่าหุบเหวก็ลึกถึงปานนั้น ผู้ที่ตกลงมาจะสามารถเดินไปต่อได้เชียวหรือครับ” ฟู่หวั่นอิ๋นตอบ

“ก็จริงอย่างที่เจ้าว่า” ท่านฟู่เห็นด้วย

ฟู่หวั่นอิ๋นพาเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งกลับมาด้วย มีสี่ห้าคนที่ตามพวกท่านลงมาเพื่อช่วยค้นหาฟู่หลินหลินอีกแรงหนึ่ง

ตอนนี้ก็เป็นเวลาค่ำมืดแล้ว แสงสว่างแทบจะไม่มีนอกจากแสงจากไฟฉายของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น จากนั้นไม่นานก็เหมือนปาฏิหาริย์ พวกเขาก็หาเจอร่างของฟู่หลินหลิน ร่างของเธอตกอยู่ที่พุ่มไม้ไม่ไกลจากที่พวกเขาตามหามากนัก บริเวณนี้ฟู่หวั่นอิ๋นเดินมาหารอบหนึ่งแล้ว

แต่น่าจะเป็นเพราะว่ามืดเกินไป จึงไม่เห็นว่าร่างของฟู่หลินหลินนอนอยู่ที่ใต้พุ่มไม้ อาจเป็นเพราะว่าตรงนั้นเป็นเนิน จึงทำให้ร่างของนางกลิ้งมาไกลกว่าปกติ

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเจอฟู่หลินหลิน ก็ต้องแสดงความเสียใจกับท่านฟู่ เนื่องจากร่างนั้นไร้ซึ่งลมหายใจแล้ว ท่านฟู่เองก็ทำใจเผื่อเอาไว้แล้ว เนื่องจากคาดเดาได้ว่าหน้าผาสูงถึงเพียงนี้คงจะยากที่จะมีชีวิตรอดกลับไป

ส่วนฟู่หวั่นอิ๋นผู้เป็นพี่ชายนั้นได้แต่ร้องไห้โฮออกมา ทุกคนรับรู้และต่างเศร้าเสียใจ การมาพักผ่อนกลับสูญเสียคนที่รัก พวกเขาได้ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจลำเลียงร่างไร้วิญญาณของฟู่หลินหลินออกมาจากหุบเหวนั้น

หลินฮวาเห็นร่างของลูกสาวก็ถึงกับร้องไห้จนเป็นลมล้มพับไป ฟู่เหว่ยกวงต้องพยุงแม่ของตนเองเดินมาขึ้นรถอย่างทุลักทุเล

หลินฮวารู้สึกเสียใจมาก ได้แต่โทษตัวเองที่ชวนท่านฟู่กับลูก ๆ มาเที่ยวที่นี่ และเป็นสาเหตุให้ฟู่หลินหลินต้องตาย

“เป็นเพราะแม่คนเดียว แม่ไม่น่าพาทุกคนมาที่นี่” หลินฮวาพูดไปร้องไห้ไป ท่านฟู่เห็นหลินฮวาโศกเศร้าเสียใจ ก็รีบพูดปลอบใจทั้ง ๆ ที่ตนเองก็เศร้าเช่นกัน

“อย่าคิดว่าเป็นความผิดของเจ้าเลย คนเราย่อมมีเกิด มีตายเป็นธรรมดา ถึงเวลาของหลินหลิน” ท่านฟู่ก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา

งานศพของฟู่หลินหลินจัดอย่างยิ่งใหญ่ที่สุสานตระกูลฟู่แถบชานเมืองเซี่ยงไฮ้

มีแขกเหรื่อมาร่วมงานมากมาย ทุกคนต่างก็พากันแสดงความเสียใจกับเทียนหยูและหลินฮวาที่ต้องสูญเสียลูกสาว ท่ามกลางความเสียใจของทุกคน

อยู่ ๆ ก็มีนกสีขาวบินมาเกาะรอบ ๆ โลงศพของฟู่หลินหลิน ตามความเชื่อของคนสมัยนั้น เมื่อมีนกมาเกาะที่โลงศพก็หมายความว่า นกนั้นมานำพาวิญญาณของผู้เสียชีวิตไปขึ้นสวรรค์

หลินฮวาเมื่อเห็นนกนั้นก็ร้องไห้ออกมาโฮใหญ่ รู้แน่แก่ใจว่าลูกสาวของตนจะไม่มีทางได้กลับมาบ้านแล้ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลามาเป็นภรรยาแสนชังของแม่ทัพรั่ว   สุขเกษม

    “แล้วถ้าท่านพี่ทายผิด”“อือ… ข้าจะลาออกจากราชการ และไปอยู่กับเจ้าที่นอกเมืองหลวง ไปอยู่ในชนบทดีไหม”“จริงหรือเจ้าคะ” หน้าตาของฟู่หลินหลินยินดีมาก นางรีบลุกขึ้น แล้ววิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทันที เพราะนางเปรยเรื่องนี้มาหลายครั้ง เพราะไม่อยากเห็นสามีตายในสนามรบ สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง“ลูกขอให้เป็นไปดั่งคำทายของข้า ให้ท่านพี่ทายผิด เราจะได้ไปอยู่นอกเมืองอย่างสงบเจ้าค่ะ”“ทำไมล่ะ เจ้าถึงต้องการมากถึงเพียงนี้”“ท่านพี่ ท่านน่ะไม่รู้ใจของข้าหรอก ตอนที่ท่านออกรบ ข้านอนไม่ได้ กินไม่ได้ เพราะเป็นห่วงท่าน ถ้าจะให้ดีเราไปเป็นเกษตรกรดีกว่า”แม่ทัพรั่วถึงกับหัวเราะเสียงใส“ข้าจะเก็บเอาไว้พิจารณานะ”แต่แล้วพอถึงวันคลอด ฟู่หลินหลินคลอดลูกสาว ทำให้แม่ทัพรั่วต้องทำงานรับใช้ราชสำนักต่อไป และเริ่มไว้หนวดเครา เพราะว่ารักลูกสาวตัวน้อยอย่างกับไข่ในหินและทั้งสองได้ตั้งชื่อลูกสาวว่า “ลูหลู้”ฟู่หลินหลิ

  • ย้อนเวลามาเป็นภรรยาแสนชังของแม่ทัพรั่ว   เกือบสิ้นชื่อ

    นางเพียงก้าวออกมาจากห้องเรื่อย ๆ แม้ลมที่พัดมาจะวูบพัดพาความเย็นมามากเพียงใด ทว่าใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยเหงื่อที่แตกพลั่ก ๆแล้วขาที่อ่อนแรงก็ทำให้นางลื่นล้มและไถลไปกับพื้น ก้นและหลังกระแทกเข้ากับก้อนหินก้อนใหญ่ที่วางประดับอยู่ใกล้ ๆ ตรงนั้น“โอ๊ย!” เสียงร้องอย่างตกใจ และร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้น ฟู่หลินหลินที่กำลังเดินมา เพื่อจะมาหารั่วฮูหยิน“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านอยู่ที่ไหน”“ข้าอยู่นี่ ช่วยด้วย ช่วยด้วย” พยายามเปล่งเสียงออกมาให้ดังที่สุดฟู่หลินหลินเดินตามเสียง จนพบว่าแม่สามีกำลังนอนอยู่กับพื้นร้องโอดโอย นางจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยทันที“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่” ฟู่หลินหลินรีบยกหัวของท่านขึ้นมา“โอ๊ย!”“ข้าถูกวางยา”“ใครกันทำท่านแม่”ยังไม่ได้คำตอบ รั่วฮูหยินหมดสติไปแล้วฟู่หลินหลินวางท่านลง แล้ววิ่งไปตามบ่าวไพร่ และให้คนไปตามหมอลมที่พัดแรงอากาศรอบตัวดูเวิ้งว้าง ฟู่หลินหลินใจหา

  • ย้อนเวลามาเป็นภรรยาแสนชังของแม่ทัพรั่ว   หัวใจของข้ามีเพียงเจ้า

    “ก็มีความจริงอยู่นิดหนึ่งนั่นแหละ แต่ตอนนี้ข้าไม่เหมือนเดิมแล้ว”“แน่นอนอยู่แล้วหลินหลิน ก็เจ้ากำลังจะเป็นแม่คนแล้วนี่นา”“ข้าตื่นเต้นจริง ๆ เจ้าค่ะ”“พี่หาหมอที่ดีที่สุดมาทำคลอดให้เจ้าแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไปยิ่งใกล้คลอดข้าจะให้แม่หมอมาอยู่กับเจ้าเลย”แค่นี้ฟู่หลินหลินก็อบอุ่นในหัวใจแล้วแม่ทัพรั่วจึงพานางไปจับจ่ายซื้อของในตลาด พอได้ กินขนม และชมการละเล่นต่าง ๆ จนนางพอใจ ก็ชวนกลับ“หลินหลิน เจ้าลองคิดดูสิว่าเจ้าได้ลืมสิ่งใดไปหรือไม่” แม่ทัพรั่วเอ่ยถามในขณะที่พานางออกมาชมดอกบัวที่สระว่ายน้ำใหญ่น่าจวน“ข้าลืมอะไรไปหรือเจ้าคะ”ฟู่หลินหลินมองเขาอย่างประหลาดใจ พยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าตนเองลืมอะไรนางก็นึกไม่ออกแม่ทัพรั่วใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในแขนเสื้อแล้วหยิบพู่ห้อยเอวที่ทำจากไม้อันหนึ่งออกมา“เจ้าจำสิ่งนี้ได้หรือไม่” “นี่คือพู่ห้อยเอวที่ข้าคล้องห่วงได้วัน

  • ย้อนเวลามาเป็นภรรยาแสนชังของแม่ทัพรั่ว   ข่าวดี ท่านแม่ทัพอาการดีขึ้น

    แม้ฟู่หลินหลินจะมีความรู้ด้านการถอนพิษติดตัวมาจากชาติที่แล้วบ้าง แต่ในเมื่อฮ่องเต้ส่งหมอที่เก่งที่สุดมาถึงแล้ว จำต้องหลีกทาง“เจียงอ่าวเจ้าพานายหญิงออกไปที่ห้องรับรองเถอะ” นางจึงพาฟู่หลินหลินออกมาที่ห้องรับรอง และบังคับให้นอน“นายหญิงท่านต้องพักผ่อน เพื่อนายน้อยของเจียงอ่าวที่อยู่ในท้องนี้ด้วยนะเจ้าคะ แล้วนายหญิงไม่ต้องเป็นห่วงท่านแม่ทัพแล้ว เพราะอยู่ในมือของหมอหลวง มาทั้งสองคน และมีเครื่องมือและยาถอนพิษมาพร้อมสรรพ ท่านแม่ทัพจะหายในเร็ววันนี้เจ้าค่ะ”“อื้อ” ฟู่หลินหลินเอนตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า และได้แต่ภาวนาให้หมอหลวงรักษาหมอท่านจะต้องหาทางช่วยชีวิตของเขาให้ได้ ตอนนี้ทุกคนทำได้แต่เพียงรอความหวังจากการรักษาของหมอหลวงเท่านั้น จากที่จับชีพจรของแม่ทัพรั่วดู และทดสอบเล็กน้อย หมอหลวงก็สามารถตอบได้ทันที“ท่านแม่ทัพถูกพิษของเจิ้นตู๋ เป็นพิษที่ได้มาจากนกเจิ้นเหนี่ยว”“ถ้าอย่างนั้นไม่น่าจะยาก” ว่าแล้วท่านหมอหลวงก็สั่งให้ผู้ช่วยของเขาหยิบนอแรดที่อยู่ในล่วมยาออกมาทำการฝนสองสามทีแล้วเทผงที่ได้

  • ย้อนเวลามาเป็นภรรยาแสนชังของแม่ทัพรั่ว   ข้ามาช่วยท่านพี่แล้ว

    ด้านนอกจวน คนดูแลรถม้าใช้เวลาเตรียมตัวไม่ถึงหนึ่งชั่วยามขบวนรถม้าที่มีเพียงฟู่หลินหลิน เจียงอ่าว แล้วก็องครักษ์อีกสองนาย ก็ออกเดินทางมุ่งสู่เมืองซุยโจวถึงแม้ว่าการนำองครักษ์ไปเพียงแค่ไม่กี่นายนั้นออกจะเสี่ยงมากเกินไปหน่อยแต่ทว่าฟู่หลินหลินไม่อยากให้การเดินทางล่าช้าไปกว่านี้อีกแล้วในใจนางอยากจะไปให้ถึงเมืองซุยโจวในวันนี้พรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำไปจนกระทั่ง…กำแพงเมืองซุยโจวตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ฟู่หลินหลินมองไปก็รู้สึกว่ากำแพงเมืองนี้ช่างขัดขวางหัวใจของนางยิ่งนัก ใจจริงแล้วอยากที่จะเดินทะลุฝ่ากำแพงเมืองไปเพื่อเจอสามีของตนเองให้เร็ว ๆ การรออยู่ที่ด่านตรวจตรงประตูเมืองเพียงชั่วเวลาแค่ครึ่งก้านธูปนั้น ก็ยาวนานราวกับว่าเป็นเวลาร่วมสิบวัน “เจ้าช่วยไปบอกให้พวกเขาปล่อยให้พวกเราเข้าไปก่อนได้หรือไม่ บอกเขาไปว่านี่เป็นรถม้าของภรรยาท่านแม่ทัพ” เจียงอ่าวกระซิบบอกองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างองครักษ์ผู้นั้นยิ้มตอบอย่างลำบา

  • ย้อนเวลามาเป็นภรรยาแสนชังของแม่ทัพรั่ว   เพลี่ยงพล้ำ

    แต่ว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แม่ทัพรั่วมีความทรหดอดทนมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้ แทนที่เขาจะถูกพิษแล้วล้มลงไปกลับกลายเป็นว่าเขาไม่ได้แสดงท่าทีว่าเจ็บปวดอะไรเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังควบม้าพุ่งใส่เขาได้อีก หรือว่าธนูอาบยาพิษของเขาจะเกิดการผิดพลาดเสียงทวนกระทบกับดาบดังสะท้อนไปทั่วป่า ทั้งแม่ทัพรั่วและซื่อเล่อต่างก็โจมตีโรมรันกันไม่หยุดซื่อเล่อถึงแม้จะฝีมือด้อยกว่า ประสบการณ์น้อยกว่า แต่ทว่าเจอกับแม่ทัพรั่วที่มีลูกธนูปักอยู่ที่ไหล่ ก็เรียกได้ว่าไม่ทิ้งห่างกันมาก พวกทหารของซื่อเล่อพยายามยิงธนูเข้าใส่แม่ทัพรั่ว แต่ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากกลัวว่าจะพลาดไปโดนแม่ทัพของตัวเอง อย่างไรแล้วพญาอินทรีก็ยังคงเป็นพญาอินทรี ซื่อเล่อถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อน แต่เมื่อเจอกับแม่ทัพรั่ว ก็ยังคงเป็นเพียงนกอินทรีตัวผู้ที่บังอาจผยองอยากเป็นพญาอินทรีเท่านั้นซื่อเล่อถูกทวนของแม่ทัพรั่วแทงเข้าที่ท้องจนได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าด้วยความว่องไวของเขา ทำให้หลบหนีไปได้ หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้ถอยทัพกลับไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status