ฟู่หลินหลินจึงได้หยิบตะเกียง แล้วเดินไปที่ชั้นนั้น นางหยิบยาออกมาสองเม็ดอย่างที่เขาบอก เม็ดยาปั้นแบบง่าย ๆ สีดำ ๆ
ฟู่หลินหลินพิจารณาดูเม็ดยานั้นอย่างถี่ถ้วน นางไม่เคยเห็นเม็ดยาเช่นนี้มาก่อน เนื่องจากโลกที่บ้านในตอนนี้ต่างนิยมกินยาฝรั่งกันหมดแล้ว ยาเม็ดแบบนี้คงมีตั้งแต่สมัยพ่อกับแม่ของนางกระมัง
นางหันไปหันมาว่าจะถามเขาว่ายานี้ต้องกินอย่างไร แต่พอมาคิดดูแล้ว ก็คงไม่ต่างมั้ง แค่ใส่ปาก แล้วดื่มน้ำตาม
อีกอย่างฟู่หลินหลินไม่อยากยั่วโทสะเขา ดูแล้วเขาเสียงแข็งมาก จนหัวใจนางสะท้าน หญิงสาวจึงได้ตัดสินใจกินยานั้นเข้าไปสองเม็ดดั่งที่เขาเอ่ยบอก และได้แต่ภาวนาให้กินแล้วหายปวดหัวด้วยเถิด
หลังจากนั้นฟู่หลินหลินจึงเดินกลับไปที่เตียง นางจึงปีนขึ้นที่นอนแล้วมุดเข้าใต้ผ้าห่มไป นอนข้างเขาคนนั้น คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีตั้งแต่ลืมตามาแล้วรู้สึกตัว
ฟู่หลินหลินไม่สามารถหยุดคิดได้ว่าสาเหตุที่ทำให้นางมาที่นี่คืออะไร ตายแล้วเกิดใหม่หรือ แต่ไยไม่เป็นทารก กลับมาเกิดในร่างของคนที่โตแล้ว แถมยัง...
ความวิงเวียนทำให้ฟู่หลินหลินต้องหยุดความคิด นางหลับตาลงเนื่องจากง่วงเพราะยาเริ่มออกฤทธิ์ อีกทั้งยังมึนตื้อขึ้นมาดื้อ ๆ
ทว่าหัวใจของนางก็หวาม ๆ ฟู่หลินหลินก็รู้สึกเสียววูบวาบราวกับว่ากำลังตกจากที่สูงลอยละลิ่วสู่พื้นดิน
‘โอ้! ทำไมรู้สึกหวาม ๆ อย่างนี้นะ’
หยุดคิดไปแล้ว แล้วก็คิดอีก วนเวียนซ้ำ ๆ
‘ใช่แล้ว... ตอนนั้นข้าตกจากหน้าผา หรือว่าข้าจะตายแล้ว ถ้าอย่างนั้น... นี่คือชาติใหม่ของข้าหรือ ข้าเกิดมาแล้วโตเป็นสาวเลย’ นางคิด
แต่ในขณะที่นางกำลังตกอยู่ในภวังค์นั้น มือหนาของบุรุษที่นอนอยู่ด้านข้างก็ได้สอดเข้ามาใต้อาภรณ์พลิ้วบางของตนเองอีกครั้ง แล้วฝ่ามือใหญ่ยังบีบเคล้นหน้าอกของนางอย่างไม่เกรงใจคนเป็นเจ้าของ จากเบาก็เพิ่มน้ำหนักทีละน้อย ๆ
จากที่ค่อยเนิบนาบ เขาก็ได้เพิ่มความแรงขึ้น ๆ ต่อมาไม่นาน ชายผู้นั้นก็ได้ก่ายเกยขึ้นมาอยู่บนตัวนางอีกครั้ง พร้อมกับคลุกใบหน้าลงไปละเลงหยอกเล่นกับเนื้อตัวของฟู่หลินหลิน อีกทั้งยังเลื่อนมือลงไปที่จุดเนินสวาทตรงหว่างขาทั้งสองข้างของนางด้วย
‘เขาจะทำอีกหรือ ไม่นะ ไม่...’ อยากจะขัดขืนมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ทั้งไร้เรี่ยวแรง และเมื่อกับถูกยาสั่งให้นอนนิ่ง ๆ แล้ว... ‘เสียว’ เพราะว่าเขาตั้งใจลูบคลำเพื่อตรวจสอบว่านางพร้อมแล้วหรือไม่
เป็นด้วยฤทธิ์ยาหรืออย่างไร จึงทำให้ฟู่หลินหลินไม่สามารถขัดขืนอะไรเขาได้เลย ได้แต่นอนนิ่ง และนอนทำเนื้อตัวสั่นเทา หญิงสาวจึงได้ปล่อยให้เขาขึ้นคร่อมร่างและครอบครองหยอกเอินนางได้ตามอำเภอใจ
ต่อมาเขาก็ส่งนิ้วแข็ง ๆ เข้าไปในร่องสวาทของนาง จากหนึ่งนิ้ว เพิ่มเป็นสองนิ้ว และเป็นสามนิ้ว ในที่สุด
“ข้าอึดอัด อื้อ...” ฟู่หลินหลินลั่นปากบอกเขา เกิดความรู้สึกหวามวาบเสียวจนบรรยายไม่ถูก นางยกสะโพกตามนิ้วของเขาที่ชักขยับ ฟู่หลินหลินผวาสะดุ้งตอนที่เขากระแทกนิ้วทั้งหมดกลับเข้ามา
“อึก อ้า อะ ซี้ด...” นางเพิ่งรู้สึกตัวว่า เขาหมุนตัวลงไปและใบหน้าของเขาเป่ารดลมหายใจที่ร้อน ๆ ลงไปบนเนื้อโหนกสาว ณ จุดนั้น บุรุษคนนี้ได้ส่งปลายลิ้นเรียวร้อนเน้น ๆ อยู่ตรงปุ่มรัญจวนกระสันของนาง พร้อมกับนิ้วพวกนั้นก็ยังแข่งกันทำงาน
“อึก อ้า อะ อะ อะ” ฟู่หลินหลินครางครวญแผ่วลั่นออกมาจากริมฝีปาก
“อ้าย...” นางกรีดร้องออกมาและแอ่นเด้งส่วนหวานหยดขึ้นรับการกระทำของเขา
ร่างสาวร้อนเร่า ๆ เลือดแล่นพล่านไปทั่วกายาทำให้ฟู่หลินหลินแทบคลั่ง น้ำตาแห่งความเสียวไหลเอ่อท่วมออกมาอีกครา ชายผู้นี้กำลังชวนนางดำดิ่งลึกลงไปในห้วงสิเน่หากับเขา เมื่อผละใบหน้าออกห่าง และดึงร่างที่หวั่นไหวให้คว่ำตัว
เขาจับสองขาของนางให้แยกออกจากกัน จากนั้นได้จัดส่งท่อนบุรุษจดจ่อ ตอนที่ฟู่หลินหลินฟื้นมาเมื่อก่อนหน้าบทรักของเขานั้นได้มากลางคันแล้ว
แต่ตอนนี้… ฟู่หลินหลินรับรู้ได้ตั้งแต่เริ่ม
“โอ้ ท่าน ข้า... อึก...” กัดปากขบเม้ม สองมือจับผ้าที่รองนอนเอาไว้แน่น
ฝ่ามือจับยกร่างบางให้ยกกายขึ้นและตั้งเข่าอยู่ในท่าคลาน ร่างหนายังขยำลงไปบีบเคล้นบนสองก้อนซาลาเปาของฟู่หลินหลินด้วย ทั้งยังก้มลงมาใช้กลีบปากงับอยู่ที่ต้นคอแล้วดูดจนทำให้เกิดสัญลักษณ์รอยสีแดงเหมือนกลีบดอกไม้ ส่วนด้านล่างเขาก็ยังแทงแท่งหยกของเขา จัดส่งเข้าไปในช่องหวาน ๆ ของฟู่หลินหลินโดยไม่อดกลั้น เขาจัดการนางในตอนที่ไม่มีทางหลบเลี่ยงและหลีกหนี
“อะ อ้าย... อู้ เจ็บ ท่านเบา ๆ หน่อย ข้า... อึก”
ปับ ปับ ปับ... แรงกระทบตามตัณหาของเขาบดโยกเข้ามาอย่างแสนจะป่าเถื่อน
น้ำหวานในร่องสาวล้นเอ่อมากมาย แถมยังสาดกระเซ็นเปรอะเลอะ ฟู่หลินหลินแพ้ต่อแรงปรารถนาภายในที่คุกรุ่น นางเด้งสะโพกมนสวนรับการอัดตอกของเขาผู้นั้นอย่างลืมตัว
‘เมื่อไรเขาจะหยุดเสียที ข้าไม่ไหวแล้วนะ’
กลีบปากของนางก็เผยออ้าและร้องลั่นแทบไม่เป็นคำแล้ว น้ำตาไหลบ่าลงมาไม่ขาดสาย เป็นน้ำตาแห่งความรัญจวนในชีวิตอย่างที่ตนเองก็ไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน
“อ๊าก...” เขาครางคำรามออกมาอย่างเหลืออด เร่งตอกแท่งบุรุษที่แข็งขันอัดเข้าร่องทางที่คับแคบ
ท่อนใหญ่ถูกบีบรัดจากร่องสตรี เหมือนจะทำให้แกนบุรุษที่ขยับเคลื่อนที่ให้หยุดและฝังแน่นสนิทอยู่ข้างในนั้น เขาได้แต่ส่งเสียงสูดปากเหมือนกินของเผ็ด ๆ
“แน่นมาก ซี้ด... ของเจ้าตอดข้าใหญ่เลย อู้... ข้าชอบ...” เขาสูดปากเสียงยาว และครางกระเส่าออกมาอยู่ตลอดเวลา
ตับ ตับ ตับ ตับ...
เสียงเนื้อหนังมนุษย์กระทบกันดังลั่น ผสมผสานกับเสียงแห่งความสุขสำราญของสองคน นางเอาแต่ส่ายหน้า สองมือกำผ้าปูเอาไว้แน่น แรงโหมกระแทกของเขาเร่งรัวขยับท่อนบุรุษลำแข็งเร็วรี่
“อ้าย...” ฟู่หลินหลินหวีดหน้าตาแดงซ่าน แม้จะกรีดร้องบอกบุรุษคนนี้ว่านางเสร็จสุขสมขึ้นสวรรค์ไปอีกครั้ง ทว่าเขายังไม่หยุดโยกกระชั้นถี่เร็วกว่าเดิมอีก
“โอ้... ข้า” เขากระทำแบบไม่เว้นจังหวะ
“อะ อะ อะ อะ” ฟู่หลินหลินหายใจไม่ทัน มันสุขสันต์จนจุกแน่น
“แล้วถ้าท่านพี่ทายผิด”“อือ… ข้าจะลาออกจากราชการ และไปอยู่กับเจ้าที่นอกเมืองหลวง ไปอยู่ในชนบทดีไหม”“จริงหรือเจ้าคะ” หน้าตาของฟู่หลินหลินยินดีมาก นางรีบลุกขึ้น แล้ววิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทันที เพราะนางเปรยเรื่องนี้มาหลายครั้ง เพราะไม่อยากเห็นสามีตายในสนามรบ สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง“ลูกขอให้เป็นไปดั่งคำทายของข้า ให้ท่านพี่ทายผิด เราจะได้ไปอยู่นอกเมืองอย่างสงบเจ้าค่ะ”“ทำไมล่ะ เจ้าถึงต้องการมากถึงเพียงนี้”“ท่านพี่ ท่านน่ะไม่รู้ใจของข้าหรอก ตอนที่ท่านออกรบ ข้านอนไม่ได้ กินไม่ได้ เพราะเป็นห่วงท่าน ถ้าจะให้ดีเราไปเป็นเกษตรกรดีกว่า”แม่ทัพรั่วถึงกับหัวเราะเสียงใส“ข้าจะเก็บเอาไว้พิจารณานะ”แต่แล้วพอถึงวันคลอด ฟู่หลินหลินคลอดลูกสาว ทำให้แม่ทัพรั่วต้องทำงานรับใช้ราชสำนักต่อไป และเริ่มไว้หนวดเครา เพราะว่ารักลูกสาวตัวน้อยอย่างกับไข่ในหินและทั้งสองได้ตั้งชื่อลูกสาวว่า “ลูหลู้”ฟู่หลินหลิ
นางเพียงก้าวออกมาจากห้องเรื่อย ๆ แม้ลมที่พัดมาจะวูบพัดพาความเย็นมามากเพียงใด ทว่าใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยเหงื่อที่แตกพลั่ก ๆแล้วขาที่อ่อนแรงก็ทำให้นางลื่นล้มและไถลไปกับพื้น ก้นและหลังกระแทกเข้ากับก้อนหินก้อนใหญ่ที่วางประดับอยู่ใกล้ ๆ ตรงนั้น“โอ๊ย!” เสียงร้องอย่างตกใจ และร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้น ฟู่หลินหลินที่กำลังเดินมา เพื่อจะมาหารั่วฮูหยิน“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านอยู่ที่ไหน”“ข้าอยู่นี่ ช่วยด้วย ช่วยด้วย” พยายามเปล่งเสียงออกมาให้ดังที่สุดฟู่หลินหลินเดินตามเสียง จนพบว่าแม่สามีกำลังนอนอยู่กับพื้นร้องโอดโอย นางจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยทันที“ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่” ฟู่หลินหลินรีบยกหัวของท่านขึ้นมา“โอ๊ย!”“ข้าถูกวางยา”“ใครกันทำท่านแม่”ยังไม่ได้คำตอบ รั่วฮูหยินหมดสติไปแล้วฟู่หลินหลินวางท่านลง แล้ววิ่งไปตามบ่าวไพร่ และให้คนไปตามหมอลมที่พัดแรงอากาศรอบตัวดูเวิ้งว้าง ฟู่หลินหลินใจหา
“ก็มีความจริงอยู่นิดหนึ่งนั่นแหละ แต่ตอนนี้ข้าไม่เหมือนเดิมแล้ว”“แน่นอนอยู่แล้วหลินหลิน ก็เจ้ากำลังจะเป็นแม่คนแล้วนี่นา”“ข้าตื่นเต้นจริง ๆ เจ้าค่ะ”“พี่หาหมอที่ดีที่สุดมาทำคลอดให้เจ้าแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไปยิ่งใกล้คลอดข้าจะให้แม่หมอมาอยู่กับเจ้าเลย”แค่นี้ฟู่หลินหลินก็อบอุ่นในหัวใจแล้วแม่ทัพรั่วจึงพานางไปจับจ่ายซื้อของในตลาด พอได้ กินขนม และชมการละเล่นต่าง ๆ จนนางพอใจ ก็ชวนกลับ“หลินหลิน เจ้าลองคิดดูสิว่าเจ้าได้ลืมสิ่งใดไปหรือไม่” แม่ทัพรั่วเอ่ยถามในขณะที่พานางออกมาชมดอกบัวที่สระว่ายน้ำใหญ่น่าจวน“ข้าลืมอะไรไปหรือเจ้าคะ”ฟู่หลินหลินมองเขาอย่างประหลาดใจ พยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าตนเองลืมอะไรนางก็นึกไม่ออกแม่ทัพรั่วใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในแขนเสื้อแล้วหยิบพู่ห้อยเอวที่ทำจากไม้อันหนึ่งออกมา“เจ้าจำสิ่งนี้ได้หรือไม่” “นี่คือพู่ห้อยเอวที่ข้าคล้องห่วงได้วัน
แม้ฟู่หลินหลินจะมีความรู้ด้านการถอนพิษติดตัวมาจากชาติที่แล้วบ้าง แต่ในเมื่อฮ่องเต้ส่งหมอที่เก่งที่สุดมาถึงแล้ว จำต้องหลีกทาง“เจียงอ่าวเจ้าพานายหญิงออกไปที่ห้องรับรองเถอะ” นางจึงพาฟู่หลินหลินออกมาที่ห้องรับรอง และบังคับให้นอน“นายหญิงท่านต้องพักผ่อน เพื่อนายน้อยของเจียงอ่าวที่อยู่ในท้องนี้ด้วยนะเจ้าคะ แล้วนายหญิงไม่ต้องเป็นห่วงท่านแม่ทัพแล้ว เพราะอยู่ในมือของหมอหลวง มาทั้งสองคน และมีเครื่องมือและยาถอนพิษมาพร้อมสรรพ ท่านแม่ทัพจะหายในเร็ววันนี้เจ้าค่ะ”“อื้อ” ฟู่หลินหลินเอนตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า และได้แต่ภาวนาให้หมอหลวงรักษาหมอท่านจะต้องหาทางช่วยชีวิตของเขาให้ได้ ตอนนี้ทุกคนทำได้แต่เพียงรอความหวังจากการรักษาของหมอหลวงเท่านั้น จากที่จับชีพจรของแม่ทัพรั่วดู และทดสอบเล็กน้อย หมอหลวงก็สามารถตอบได้ทันที“ท่านแม่ทัพถูกพิษของเจิ้นตู๋ เป็นพิษที่ได้มาจากนกเจิ้นเหนี่ยว”“ถ้าอย่างนั้นไม่น่าจะยาก” ว่าแล้วท่านหมอหลวงก็สั่งให้ผู้ช่วยของเขาหยิบนอแรดที่อยู่ในล่วมยาออกมาทำการฝนสองสามทีแล้วเทผงที่ได้
ด้านนอกจวน คนดูแลรถม้าใช้เวลาเตรียมตัวไม่ถึงหนึ่งชั่วยามขบวนรถม้าที่มีเพียงฟู่หลินหลิน เจียงอ่าว แล้วก็องครักษ์อีกสองนาย ก็ออกเดินทางมุ่งสู่เมืองซุยโจวถึงแม้ว่าการนำองครักษ์ไปเพียงแค่ไม่กี่นายนั้นออกจะเสี่ยงมากเกินไปหน่อยแต่ทว่าฟู่หลินหลินไม่อยากให้การเดินทางล่าช้าไปกว่านี้อีกแล้วในใจนางอยากจะไปให้ถึงเมืองซุยโจวในวันนี้พรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำไปจนกระทั่ง…กำแพงเมืองซุยโจวตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ฟู่หลินหลินมองไปก็รู้สึกว่ากำแพงเมืองนี้ช่างขัดขวางหัวใจของนางยิ่งนัก ใจจริงแล้วอยากที่จะเดินทะลุฝ่ากำแพงเมืองไปเพื่อเจอสามีของตนเองให้เร็ว ๆ การรออยู่ที่ด่านตรวจตรงประตูเมืองเพียงชั่วเวลาแค่ครึ่งก้านธูปนั้น ก็ยาวนานราวกับว่าเป็นเวลาร่วมสิบวัน “เจ้าช่วยไปบอกให้พวกเขาปล่อยให้พวกเราเข้าไปก่อนได้หรือไม่ บอกเขาไปว่านี่เป็นรถม้าของภรรยาท่านแม่ทัพ” เจียงอ่าวกระซิบบอกองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างองครักษ์ผู้นั้นยิ้มตอบอย่างลำบา
แต่ว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แม่ทัพรั่วมีความทรหดอดทนมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้ แทนที่เขาจะถูกพิษแล้วล้มลงไปกลับกลายเป็นว่าเขาไม่ได้แสดงท่าทีว่าเจ็บปวดอะไรเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังควบม้าพุ่งใส่เขาได้อีก หรือว่าธนูอาบยาพิษของเขาจะเกิดการผิดพลาดเสียงทวนกระทบกับดาบดังสะท้อนไปทั่วป่า ทั้งแม่ทัพรั่วและซื่อเล่อต่างก็โจมตีโรมรันกันไม่หยุดซื่อเล่อถึงแม้จะฝีมือด้อยกว่า ประสบการณ์น้อยกว่า แต่ทว่าเจอกับแม่ทัพรั่วที่มีลูกธนูปักอยู่ที่ไหล่ ก็เรียกได้ว่าไม่ทิ้งห่างกันมาก พวกทหารของซื่อเล่อพยายามยิงธนูเข้าใส่แม่ทัพรั่ว แต่ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากกลัวว่าจะพลาดไปโดนแม่ทัพของตัวเอง อย่างไรแล้วพญาอินทรีก็ยังคงเป็นพญาอินทรี ซื่อเล่อถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อน แต่เมื่อเจอกับแม่ทัพรั่ว ก็ยังคงเป็นเพียงนกอินทรีตัวผู้ที่บังอาจผยองอยากเป็นพญาอินทรีเท่านั้นซื่อเล่อถูกทวนของแม่ทัพรั่วแทงเข้าที่ท้องจนได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าด้วยความว่องไวของเขา ทำให้หลบหนีไปได้ หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้ถอยทัพกลับไป