Masukเช้านี้เสิ่นลี่อิงลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากเย็น แม้หนิงอ๋องจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาง แต่จากการที่เปาหลงยังนึกถึงและกล่าวถึงพ่อของตนเสมอ ก็ทำให้นางเป็นห่วงเขาไม่น้อยเช่นกัน และที่สำคัญคือความรู้สึกของเปาหลง หากรู้ว่าพ่อของตนมิรู้ว่าเป็นเช่นไรจะกังวลหรือไม่ ลี่อิงก็คิดห่วงไปมากมาย
นางลืมตามองเพดานอยู่นานจนเปาหลงต้องตื่นมาเขย่าให้นางลุกขึ้น เพราะหน้าบ้านไฉ่ตู้กำลังส่งเสียงเรียกนางอยู่ “พี่สาวมีคนมา”
“แม่นางลี่อิง! ท่านอยู่หรือไม่ ข้ามาถอนหญ้าต่อ แม่นาง!”
“พี่สาว ไฉ่ตู้มา ท่านลุกขึ้น”
“ขอเวลาครู่เดียว” นางออกจากภวังค์ความคิด และลุกจากเตียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงค่อยจูงเปาหลงที่ยังงัวเงียให้เดินออกไปรับไฉ่ตู้ที่มาเพียงคนเดียว
เสิ่นลี่อิงไม่ได้ตกใจอันใดที่วันนี้ไฉ่ตู้มาทำงานที่บ้านนางตามลำพัง เพราะเมื่อคืนไฉ่หม่ากับฉินเปาถูกทำให้สลบลงคงจะบอบช้ำกันไม่น้อย และถึงแม้ว่าเขาจะมาด้วยนางก็คงไม่ให้ไฉ่หม่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับนางอีก ลอบดักคิดทำร้ายนางในป่าเช่นนั้น อย่างไรก็คิดกระทำชั่ว พวกเขาเพียงแค่อ่อนหัดเกินกว่าจะมีโอกาสทำร้ายนางก็เท่านั้น
ไฉ่ตู้ที่เห็นนางเอาแต่มองไม่พูดอะไร ก็ลุกลี้ลุกลนขออภัยแทนไฉ่หม่า “น้องชายข้าขอไม่มา เขาไม่สบายต้องขออภัยแม่นางด้วย”
“ไม่เป็นไร ข้าเองก็เริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจเขาเช่นกัน ไม่มาอีกต่อไปก็ดีแล้ว” นางตัดสินใจบอกไปตรงๆ กับไฉ่ตู้
ต่อให้หายดีก็ไม่ต้องมา ไอ้ชั่ว!
ไฉ่ตู้มิได้รู้สึกน้อยใจที่ต้องทำงานเพียงคนเดียวแต่อย่างใด การทำงานบ้านแม่นางลี่อิง แม้จะไม่ได้รับค่าจ้างเพราะเป็นการทำงานชดใช้ความผิด แต่เสิ่นลี่อิงถึงกับแบ่งปันอาหารอย่างดีให้ มีเนื้อให้กินเป็นชิ้นเป็นอันไม่อดอยาก หากจะพูดตามตรงไฉ่ตู้อยากจะมาทุกวันเสียด้วยซ้ำ
ด้านเสิ่นลี่อิงที่เห็นไฉ่ตู้เริ่มทำงานแล้ว นางก็ให้เปาหลงไปเล่นรูบิคที่ใกล้จะแก้สำเร็จแล้วในห้องนอนก่อน ส่วนตัวนางก็มาทำอาหารให้กับคนทั้งสาม ลี่อิงตัดสินใจทำข้าวไข่เจียวหมูสับและหอมใหญ่ราดซอสมะเขือเทศรสเข้มข้น และให้กินคู่กับผักโขมอบชีสที่อบด้วยเครื่องอบในมิติ โรยด้วยเบค่อนกรอบทานเป็นมื้อเช้ากัน และนางก็ไม่ลืมที่จะแบ่งส่วนหนึ่งสำหรับเซ่นไหว้ผีประจำบ้านหลังนี้ด้วย
เมื่อนำอาหารไปแบ่งไฉ่ตู้แล้ว นางก็เรียกเปาเปามานั่งทานข้าวที่โต๊ะพร้อมกัน “เมื่อคืนท่านน้าจินเหมยบอกว่าเจ้าร้องไห้จนหลับ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าไม่สบายใจ”
“เปาเปากลัว”
“อยากให้พี่สาวกอดหรือไม่”
“ขอรับ” เด็กน้อยเดินเข้ามาในอ้อมแขนนาง ในใจของเปาหลงรู้ว่านางเก่งกาจเหนือสามัญ แต่ในป่ามืดมิดและน่ากลัวเพียงใด เขาเองก็เคยพบเจอ หากเจอชาวยุทธที่ออกเดินทางปราบมาร เทพมารในความคิดของเขาอย่างพี่สาวลี่อิงอาจมีอันตรายได้
“ไม่เป็นไรแล้ว พี่สาวอยู่นี่” นางกอดไว้จนเปาเปาดิ้นขลุกขลักจึงผละออก ลี่อิงจึงเริ่มพูดคุยกับเขาแทน “เอาล่ะข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”
“เปาเปาตอบได้” เด็กน้อยพยักหน้า เดินกลับไปนั่งด้านหน้าจานข้าวของตนเอง และเริ่มตักข้าวกินไปด้วย
“ก่อนเจ้าออกเดินทาง ท่านพ่อเจ้าเป็นอย่างไร”
“ท่านพ่อ ไม่ค่อยเล่นกับข้า”
“ไม่เล่นบ่อยๆ เหมือนปกติหรือ”
“ใช่”
“พูดสิ่งใดบ้าง”
“ท่านพ่อบอกว่างานมาก”
“ทำสิ่งใดอีกบ้าง”
“ไม่ทำ ไม่ยิ้มบ่อยๆ หน้าดุทั้งวัน”
“แล้วเจ้าบอกว่าไม่ยิ้ม ปกติพ่อเจ้ายิ้มบ่อยหรือ” นางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ ชายที่เป็นแม่ทัพแต่กลับยิ้มง่าย น่าสนใจจริงๆ
“ยิ้มให้ข้า”
ที่แท้ก็ยิ้มให้แต่ลูกนี่เอง…
นางเลิกถามเปาหลง เพราะดูเหมือนก่อนที่เปาหลงจะมาหนิงอ๋องเพียงแค่เครียดจากเรื่องงาน มิได้มีสิ่งใดที่ผิดปกติจนเด็กน้อยจับสังเกตได้ หากอยากรู้อะไรก็คงต้องรอข่าวคราวจากญาติผู้พี่เท่านั้น
ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ข้าก็ต้องใช้ชีวิตของข้าให้ดี
“เปาเปารีบกินเข้า วันนี้เราจะมาแอบต้มเกลือในบ้านกัน” นางพูดกับเปาหลงด้วยเสียงกระซิบ ซึ่งเด็กน้อยก็เลียนแบบนางตอบ “แอบทำขอรับ” ว่าแล้วคู่หูต่างวัยก็เริ่มภารกิจกันทันที
เสิ่นลี่อิงเลือกใช้เตาแก๊สจากในมิติ เพราะนางไม่ถนัดคุมไฟด้วยการใช้ถ่านหรือฟืนเท่าใดนัก คงไม่เหมาะกับการต้มเกลือในระยะเวลานานๆ
น้ำเกลือที่วัดความเค็มด้วยหนามจางแล้วถูกเทใส่กระทะแบนใบใหญ่ต้มด้วยไฟอ่อนๆ คนต่อเนื่องไปจนเริ่มขึ้นมาเป็นเกล็ดเกลือ เสิ่นลี่อิงก็ตักขึ้น และให้เปาหลงเป็นคนนำใส่ถังไว้
ในระหว่างนั้นเสิ่นลี่อิงก็สลับไปทำอาหารเก็บไว้สำหรับมื้อกลางวันและมื้อเย็นไปด้วย ช่วงปลายยามอู่นางและเปาหลงก็ได้เกลือมาหนึ่งถังใหญ่
“เกลือมากขนาดนี้เรามาทำน้ำปลา และน้ำปรุงเห็ดหอมกันเถอะ”
“เปาเปาช่วยด้วย”
อาหารกลางวันของวันนี้เป็นแซนด์วิชอกไก่ให้ถือกินได้อย่างสะดวกระหว่างขึ้นเขา หลังนำไปแบ่งไฉ่ตู้ แล้วนางก็บอกเขาไว้ว่าจะพาเปาเปาขึ้นเขา และสั่งงานไฉ่ตู้อีกเล็กน้อย “หากเจ้ากินอิ่มแล้ว ข้าจะวานให้เจ้าหารถเข็นขายอาหารให้ข้าสักหน่อย หากราคาเหมาะสมก็รับมาได้เลยให้เขามาเก็บเงินที่ข้าได้ตอนยามเซิน ถือว่าเป็นงานครั้งที่สองแล้วกัน”
“ได้ข้าจัดการให้”
.
.
.
“เอาล่ะ หากจะลงไปจับปลาในน้ำนั้นได้น้อย และใช้เวลามาก เพราะฉะนั้นเราจะมาทำกับดักปลากัน”
“ขอรับ”
นางสอนเปาเปาทำชะลอมดักปลาง่ายๆ ด้วยไม้ไผ่ที่เก็บมา นางเลือกจะทุ่นเวลาสานด้วยการใช้กาวร้อนติดแทน และใช้เชือกมัดหลอกตบตาเปาหลงไว้
เสิ่นลี่อิงเริ่มทำชะลอมจากชั้นนอกก่อน นางขึ้นรูปเป็นกระบอกยาวๆ สำหรับเก็บปลา ส่วนชั้นในเสิ่นลี่อิงติดไม้ไผ่ให้ลู่ลงเข้าหากันคล้ายกรวยจนครบรอบ “เมื่อปลาว่ายเข้ารูก็จะติดอยู่ในชะลอมเพราะว่ายสวนออกมาไม่ได้ เราต้องใช้มือกดเช่นนี้ไม้ไผ่ชั้นในจึงจะอ้าออกให้เทปลาออกมาได้”
“ขอรับ”
เมื่ออธิบายจนเด็กน้อยเข้าใจ นางจึงนำวางลงในลำธารลึกที่จินเหมยเคยพามาในทีแรก นางเลือกวางไว้ในซอกโขดหินที่มีน้ำไหลผ่าน และใช้เชือกรัดไว้จนแน่นดี เสร็จแล้วจึงชวนเปาหลงสำรวจป่าแทบนี้ดูเสียบ้าง “ห้ามจับสิ่งที่ไม่รู้จัก อยากรู้อะไรให้ถามพี่สาวก่อน เข้าใจหรือไม่”
“ขอรับ ไม่จับ” เสร็จสิ้นการตกลงเรื่องความปลอดภัยเด็กน้อยก็เริ่มเดินชี้ถามเจื้อยแจ้ว ให้นางอธิบายพืชพรรณต่างๆ ในป่าไม่ยอมหยุด นางเองก็พร้อมจะเดินตามเพื่ออธิบายสิ่งที่นางรู้ให้เปาหลงฟัง จนเขาไปพบซากเปลือกต้นไม้ใหญ่อันหนึ่งเข้า
“พี่สาว อยากดูใต้นี้” เปาหลงชี้บอกนาง เสิ่นลี่อิงจึงยกเปลือกไม้ดูก็พบกับเห็ดหกถึงเจ็ดดอก และถัดมาเล็กน้อยก็มีให้เห็นอีกสี่ห้าดอก
“อะไร ไม่สวย” เปาเปาน้อยเมื่อเห็นว่าหน้าตาของสิ่งที่อยู่ใต้เปลือกไม้นั้นดูน่ากลัวก็ไม่สนใจอีก และกำลังจะเดินไปทางอื่น แต่เสิ่นลี่อิงกลับมีสีหน้าประหลาดใจ จนเด็กน้อยไม่กล้าไปไหนไกล
“นั่นมัน!” ลี่อิงร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนจะปิดปากตนเองแล้วหันมองรอบตัวอย่างรวดเร็ว นางรีบขุดออกมาทั้งยวง และชวนเปาหลงเดินออกจากป่าทันที “เปาหลงรีบกลับกันเถิดสิ่งนี้สำคัญนัก เจ้านี่ช่างเป็นดาวนำโชคของข้าเสียจริงๆ”
นางตื่นตะลึงกับเด็กคนนี้นัก ฉลาด รู้ความทั้งยังโชคดีอีกด้วย ช่างเป็นผู้มีบุญญาธิการมาเกิดโดยแท้
เปาหลงแม้จะไม่รู้ว่าตนเองพบสิ่งใดเข้า แต่ในใจของเด็กน้อยกู่ร้องว่าตนเป็นคนเก่งซ้ำไปซ้ำมาจนถึงบ้าน
______
กาวร้อน หมายถึงกาวอเนกประสงค์มีไซยาโนอะคริเลตเป็นส่วนประกอบ มีลักษณะเป็นน้ำใส
บทพิเศษ 17 ต้องช่วยเหลือนาง เวลาของความสุขผันผ่านไปรวดเร็วเพียงชั่วกระพริบตา ชินอ๋องและพระชายาอยู่ในวัยใกล้ฝั่งเสียแล้ว บุตรล้วนเติบใหญ่ให้ได้ภาคภูมิใจมีครอบครัว และหลานมากมายให้ชื่นใจ ส่วนตนและฮูหยินคู่ใจก็ใช้เวลาส่วนใหญ่นึกย้อนถึงวันเวลาเก่าๆ แต่การหวนย้อนคิดเหล่านี้ ทำให้ชินอ๋องนึกถึงภาพฝันที่เคยอยู่เป็นเพื่อนยามค่ำคืนเสมอมา ตู้หนิงหลงในวัยชรากลับมาฝันถึงแม่นางผู้หนึ่งมาติดต่อกันหลายคืนแล้ว ความฝันนี้เป็นฝันเช่นเดียวกับยามเยาว์วัย เขามักจะฝันเห็นนางยิ้มหัวเราะ บางคราก็โกรธเกรี้ยว สลับกับการไปช่วยเหลือผู้คนที่ตกอยู่ในอันตรายร่วมกับแม่นางผู้นั้น เหตุการณ์ในฝันนั้นไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก แต่สุดท้ายก็มักจะจบลงเช่นเดิมคือ เขาและนางไปช่วยดับไฟสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อขึ้นไปด้านบน แม่นางผู้นั้นจะตกลงในหลุม จากนั้นเขาก็จะตกลงมาเช่นกัน แต่ร่างของชินอ๋องในฝันนั้น จะถูกโลหะแท่งใหญ่ปักทะลุอก กระอักเลือดออกมาคำโต จนแม่นางผู้นั้นกรีดร้องออกมาคล้ายดวงใจแตกสลาย ทว่าครานี้ฝันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ภาพที่ปรากฏยังคล้ายเดิม เพียงแต่ไม่มีร่างที่สมควรจะเป็นตัวของเขาอยู่ในฝันนั้น
บทพิเศษ 16 เผยเรื่องน่าอาย ตู้หนิงหลงผู้เป็นถึงชินอ๋องกำลังรอดักเรียกบุตรชายผู้เป็นรุ่ยอ๋อง เพราะยามกลับมาถึงจวนทีไร ก็มาในสภาพคลุกเคล้าไปด้วยฝุ่นผงทุกวัน ทั้งยังมีข่าวคราวหนาหูเกี่ยวกับว่าที่รุ่ยหวางเฟยให้ได้ยินนั่นอีก แต่เมื่อจะเรียกมาสอบถามกลับหลบหนีหายไปทุกครั้ง จนผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินรองจากฮ่องเต้ต้องมายืนพิงกำแพงจวน รอบุตรชายกลับมาด้วยตนเอง“เปาหลง” ชินอ๋องเอ่ยเรียก ตั้งมั่นว่าครานี้ต้องรู้เรื่องราวให้ได้ อ๋องน้อยผู้นี้บิดพลิ้วหนีคนที่สั่งให้มาตาม ปิดโอกาสสืบความใดไปเสียหมด“ท่านพ่อ! เหตุใดมาอยู่ตรงนี้ ข้าตกใจหมด” เปาเปาที่แม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เมื่อยามอยู่กับบิดาและมารดาเลี้ยง ก็กลับไปมีท่าทีเป็นเด็กเล็กๆ ไปทุกครา“ตามพ่อมา” หนิงหลงไม่ลื่นไหลไปกับบทสนทนาที่พยายามจะนอกเรื่องหาทางหลีกหนี เมื่อกล่าวจบก็พยักหน้าให้ทหารหิ้วปีกมุ่งไปที่ห้องหนังสือ“ท่านพ่อ ทำเช่นนี้ไม่ได้ ไม่รักษาภาพพจน์ข้าบ้างหรือ บุตรชายของท่านเป็นถึงรุ่ยอ๋องเชียวนะ” เปาหลงโวยวายเมื่อถูกลากเข้าจวน และยกทั้งร่างมาวางไว้ในเรือนกลางของผู้เป็นพ่อ... เปาหลงที่หันมองหาทางหนีทีไล่ ถอนหายใจอย่า
บทพิเศษ 15 รุกล้ำในชุดแดงวันมงคลของเสิ่นลี่อิงและองค์ชายเก้าเกิดขึ้นในวันที่ถัดมาจากวันที่ครบพันปีหนึ่งวันพอดิบพอดี เมื่อเซียนลี่บอกให้ตู้หนิงหลงผู้นี้รอไปพันปี เขาก็ทำเช่นนั้นตามข้อตกลงแต่องค์ชายผู้นี้ก็ยังคงไม่ยอมรับต่อหน้าคนรักอยู่ดีว่าการตัดสินใจให้เป็นคนรักกันไปพันปีของนางเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว หากขืนยอมรับไปเขาได้รับคำย้ำเตือนไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่แน่ ว่าทำอันใดก็ให้เชื่อนางจึงจะออกมาดีตู้หนิงหลงกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังห้องหอด้วยใจระทึก เขาถูกพี่ชายทั้งหลายล้อเลียนว่าเป็นเด็กแก่แดดแต่งงานตัดหน้าทุกคน และถูกบังคับให้กินเหล้าหลายจอกจนทรงตัวแทบไม่อยู่&nbs
บทพิเศษ 14 เป็นคนรักกันไปพันปีเมื่ออยู่ต่อหน้าเทียนจวินองค์ชายเก้าตู้หนิงหลงทำอย่างที่ลั่นวาจาไว้ เขากล่าวต่อหน้าผู้คนทั้งท้องพระโรงว่าต้องการสมรสพระราชทานให้เสิ่นลี่อิง มาเป็นพระชายาเอกในองค์ชายเก้า แรกเริ่มนางก็คิดหวังว่าอาจมีองค์เทพที่กล่าววาจาคัดค้านว่าเซียนเล็กๆ เช่นนาง แม้จะผลคะแนนแซงหน้าบุตรหลานชาวสวรรค์แต่กำเนิด แต่ที่มาไร้ความสูงส่งเช่นนี้ก็ไม่ใคร่ว่าจะเหมาะสมแต่ทว่าเรื่องนี้ก็ผิดความคาดหมายของเสิ่นลี่อิง เพราะนอกจากจะไม่มีใครคัดค้านแล้ว ยังเห็นดีเห็นงามว่าควรมีเซียนตัวเล็กตัวน้อยแต่งเข้าราชวงศ์ในตำแหน่งใหญ่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเผ่าสวรรค์นั้นไม่คิดรังเกียจแบ่งแยกผู้ใดเอ้า! จะมาใช้ข้าเป็นโครงการป
บทพิเศษ 13 ภารกิจจบการศึกษาเสิ่นลี่อิงที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าในวันที่ต้องไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย สองวันก่อนท่านอาจารย์ให้ทั้งสามสุ่มเลือกภารกิจที่พวกตนต้องรับผิดชอบ โดยที่จะไม่มีอาจารย์ท่านใดคอยช่วยเหลือนาง หนิงหลง และหลิวหยาง หากไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจนถึงตายไม่แน่ว่าทั้งสามโชคดีหรือร้าย เพราะภารกิจที่สุ่มได้มานั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีผู้พบเห็นน้อยมาก ความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรชนิดนี้มีเพียงหนึ่งบรรทัด ความอันตรายไม่แน่ชัดนัก เป้าหมายคือการจับเป็นเพื่อนำมาศึกษาหากให้ไปกำจัดอสูรร้ายคงง่ายกว่าเพราะทำจากระยะไกลได้“พี่สาววันนี้มีพี่หานมารอท่านด้วยอีกคน รีบออกมาเถิด องค์ชายเก้าดูกระวนกระวายใจ
บทพิเศษ 12 ม้ามืดฟ้าสดใสเปล่งประกายครึ่งปีที่ผ่านมาองค์ชายเก้ามันหาเรื่องราวให้ได้มาอยู่ใกล้เสิ่นลี่อิง หากนางรำคาญก็จะเปลี่ยนเป้าหมายไปตีสนิทเปาหลงแทน อ้างความเป็นพ่อลูกในภพมนุษย์จึงทำให้รู้สึกอยากสนิทด้วย“นี่วังของท่านไม่มีท้อให้กินหรือ เหตุใดต้องมาแย่งของเซียนเล็กๆ อย่างข้ากับพี่สาวด้วย” เปาหลงที่เห็นองค์ชายตู้หนิงหลงกินอย่างอิ่มเอมก็อดจิกกัดออกไปไม่ได้“วันนี้เป็นวันสอบทฤษฎี ข้าก็ต้องมาสอดส่องว่าคู่แข่งของข้าทำสิ่งใด” หนิงหลงยักไหล่คล้ายว่าตนไม่ได้ทำอันใดแปลกประหลาด“อย่างไรอันดับหนึ่งสองและสามก็ย่อมได้ไปสอบปฏิบัติเพื่อโอกาสที่จะจบการศึกษาเร็วกว่าเพื่อนในรุ่นครึ่งปีอยู่แล้ว







