로그인เสิ่นลี่อิงกำลังจับจ้องไปยังถังเห็ดที่เรียงรายอยู่ภายใน เห็ดทั้งหมดเติบโตแล้ว รวมถึงเห็ดหลินจือที่พึ่งนำลงถังไปท้ายสุดด้วย แต่เพราะน้ำกลิ่นจันทร์ในถังเห็ดหลินจือมีปริมาณมากกว่าถังอื่นๆ เห็ดหลินจือจึงโตทันเห็ดชนิดอื่นเป็นที่เรียบร้อย การเพาะเห็ดในถังของนางได้ผล
นางนำมีดออกมาตัดเห็ดแยกตามสายพันธุ์และนางเก็บหลินจือส่วนหนึ่งไว้ในมิติสำหรับขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนถังต่อไปด้วย แต่นางก็ยังเหลือเห็ดป่าไว้จำนวนหนึ่งไม่ได้ตัดไปทั้งหมด
โชคดีอะไรขนาดนี้เนี่ย
เมื่อตัดเห็ดออกมาได้ตามต้องการแล้ว นางก็หันกลับไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับขายของพรุ่งนี้ต่อ นางคงต้องออกเช้ากว่าปกติเพื่อนำเห็ดเหล่านี้ไปขายก่อนที่ผู้คนจะพลุกพล่าน หากได้เงินค่าเห็ดนี้มา นางก็ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายใดๆ อีก ยิ่งรวมกับเงินที่มีอยู่ก่อนแล้วหากต้องหนีก็คงไม่มีปัญหา แต่เมื่อภัยยังไม่ถึงตัวนางก็จะไม่กระโตกกระตากให้ผู้คนสงสัย
เสิ่นลี่อิงเตรียมของอยู่เพียงสองเค่อก็เสร็จสิ้น นางมิได้เพิ่มเครื่องหรือเพิ่มรายการอาหารแต่อย่างใด นางจะรอให้ลูกค้าซาลงสักหน่อยก่อนที่จะหารายการอาหารอื่นไปทำให้ลูกค้าตื่นเต้นอีก
เมื่อจัดเรียงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางก็ตัดสินใจกลับไปนำเห็ดทั้งหมดที่ตัดออกมาเก็บไว้ในมิติ แม้จะไม่มีขโมยมาป้วนเปี้ยนในบ้านของนางนอกเหนือจากเรื่องในคืนนั้น ลี่อิงก็ไม่อยากเสี่ยงจะสูญเสียของมีค่าเหล่านี้ไปแม้เพียงนิด
“เท่านี้ก็เสร็จแล้วนอนได้” เสิ่นลี่อิงพูดกับตัวเอง วันนี้นางทั้งขายของ ช่วยคน กลับมาบ้านก็ทำน้ำปลาต่อจากการสอนพี่จินเหมยทำเสี่ยวหลงเปาอีก ทำหลายสิ่งต่อเนื่องมาจนล่วงเลยเข้ายามจื่อ ร่างกายของลี่อิงรู้สึกล้าเต็มที เมื่อยามที่หัวถึงหมอน เสิ่นลี่อิงก็หลับสนิทได้ทันทีความเหนื่อยที่สะสมมาทั้งวันคือยานอนหลับชั้นดีสำหรับนาง
เช้านี้เปาหลงปลุกลี่อิงตั้งแต่ยามอิ๋นเพราะความหิว เขาหลับไปโดยที่ไม่ได้กินข้าวเย็น และลี่อิงเองก็ไม่กล้าปลุกเด็กน้อย เปาเปาจึงหิวจนตื่นกลายเป็นนาฬิกาปลุกตัวป่วนตั้งแต่ฟ้ายังมืดมิด
“พี่สาว ตื่น เปาเปาหิวแล้ว ตื่นๆ” นางงัวเงียอยู่ได้เพียงครู่เดียวก็ส่งนมรสกล้วยให้เปาหลงดื่มรองท้อง และไปต้มโจ๊กไก่เป็นอาหารเช้า ส่วนอาหารกลางวันย่อมต้องเป็นไข่กระทะที่นางขาย หากไม่เพียงพอก็ยังมีร้านบะหมี่ลุงเฉินให้ไปซดน้ำแกงหอมๆ ได้เสมอ
เสิ่นลี่อิงและเปาหลงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มีกลิ่นหอมสะอาด ท่ามกลางเสียงท่องคำสอนจากเปาหลงตามคำบอกของนาง “ขายอาหารต้องสะอาด เล็บมือต้องไม่ดำ ผมยาวต้องมัดเก็บ”
“ใช่แล้ว หากคนขายนำอาหารมาให้แล้วร่างกายดูไม่สะอาด เจ้าก็คงไม่อยากกลืนลงท้อง”
“ขอรับ ต้องสะอาด และเวลาเรียกลูกค้าต้องชมมากๆ ชมมากซื้อมาก”
“ถูกต้องอีกแล้ว น้องใครเหตุใดจึงเก่งกาจเช่นนี้”
“น้องของพี่สาวอย่างไรเล่า”
ระหว่างทางเดินไปหน้าหมู่บ้านก็เจอจินเหมยที่กำลังสวนทางมาเพื่อนำเสี่ยวหลงเปามาให้นางตรวจพอดี “ตายจริงพี่จินข้าลืมเสียสนิท”
“ไม่เป็นไร เจ้าดูให้ข้าครู่เดียวก็ได้” จินเหมยนำเสี่ยวหลงเปาที่ยังไม่นึ่ง และนึ่งแล้วมาให้นางตรวจดูอย่างละลูก ฮูหยินสกุลลู่ผู้นี้ ความจริงคงมีฝีมือทำอาหารที่ร้ายกาจแอบซ่อนอยู่ แต่เพราะความประหยัดเครื่องปรุงของนางจึงทำให้มื้อแรกที่ได้ชิม ไม่ใคร่จะถูกลิ้นของเสิ่นลี่อิงเท่าใดนัก
“สมบูรณ์แบบ ห่อได้งามกว่าข้าเสียอีก”
“ดีใจเหลือเกิน ข้าเตรียมนำไปส่งให้ลุงไฉ่ก่อน”
นางมิได้อยู่คอยจินเหมย เพราะลี่อิงเองก็กำลังรีบร้อนเช่นกัน หากต้องรอจินเหมยไปพร้อมกันนางคงไปไม่ทันเกวียนรอบแรกของลุงไฉ่ แต่แม้จะรีบอย่างไรนางก็ยังมาไม่ทันเกวียนส่งคนรอบแรก
เห้อ งั้นคงต้องรอไปขายเห็ดหลังของหมด
.
.
.
วันนี้เปาหลงก็ยังเป็นขวัญใจลูกค้าเช่นเดิม เด็กคนนี้ดึงดูดได้ทั้งลูกค้าหญิงและชาย ใครๆ ต่างก็เอ็นดูความน่ารักของเปาเปาตัวน้อยที่ตั้งใจร้องเรียกลูกค้าอย่างสุดความสามารถ
“เชิญก่อนขอรับ แป้งทอดเคลือบหวาน ไข่กระทะเครื่องล้น” สำเนียงน่ารักของเด็กวัยยังไม่สามหนาวดีดังขึ้น บางคำก็ชัดเจน บางคำก็ลิ้นพันกันเพราะพูดซ้ำหลายครา จนนางต้องคอยบอกให้ใจเย็นๆ
“แป้งทอดสามชิ้นเจ็ดอีแปะเจ้าค่ะ ไข่กระทะฟองเดียวเจ็ดอีแปะ สองฟองสิบสองอีแปะเจ้าค่ะ” นางช่วยเปาเปาร้องบอกราคาให้กับลูกค้าที่ยังไม่ได้มาต่อแถวด้วยเช่นกัน
ลูกค้ากลุ่มแรกในวันนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นบ่าวของคุณหนูคุณชายที่ได้ข่าวจากกลุ่มเพื่อนบัณฑิตของตนใช้ให้มาซื้อ นางจึงต้องเรียกความสนใจจากลูกค้ากลุ่มอื่นที่บังเอิญผ่านมาทางตรอกนี้เพิ่มเติมด้วย ในที่สุดแถวของร้านนางก็ยาวเหยียดจนขายหมดในเวลาไม่นานอีกเช่นเคย
“เก่งมากเปาเปา นี่ค่าแรงของเจ้าเมื่อวานและวันนี้” นางยื่นเงินให้เด็กน้อยยี่สิบอีแปะ ให้เขาใส่ลงในถุงผ้าเล็กๆ ผูกข้างเอวไว้
“พี่สาวให้ทำไม”
นางย่อตัวลงมาอยู่ระดับเดียวกับเปาหลงเพื่อพูดกับเด็กน้อยอย่างจริงจัง “เจ้าทำงานต้องได้เงิน”
“แต่พี่สาวเลี้ยงดูข้า”
“นั่นเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว เจ้ามาช่วยงานข้า เราจึงขายดีเช่นนี้ เงินนี้เป็นของเจ้าจะใช้จ่ายอย่างไรต้องคิดให้ดี” นางให้เงินเด็กน้อยเป็นรางวัลส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนนางอยากฝึกการบริหารจัดการเงินของเด็กตรงหน้าตั้งแต่เล็ก อย่างไรก็เป็นอ๋องน้อยผู้หนึ่ง
ภายภาคหน้าต้องมีเงินมากมายในมือ หากไม่ฝึกให้ใช้จ่ายไว้จะแย่เอา ตามประวัติศาสตร์ที่เสิ่นลี่อิงได้เรียนรู้มาตอนยังเป็นซาร่าก็มีกษัตริย์และองค์ชายมากมายที่สุรุ่ยสุร่ายจนคลังแตก
“ขอบคุณขอรับ” เด็กน้อยกุมถุงเงินไว้แน่นระหว่างรอนางเก็บรถเข็นขายของให้เรียบร้อย
“ต่อไปกลับบ้านใช่หรือไม่ขอรับ”
“ยังหรอก เมื่อคืนเห็ดพร้อมตัดขายแล้ว เราจะไปขายเห็ดกัน”
นางเข็นรถและจูงเปาเปามาจนถึงหน้าร้านสมุนไพรใหญ่โตแห่งหนึ่งตามทางที่คนในตลาดบอก นางคิดจะไปสอบถามราคารับซื้อจากร้านนี้ก่อน และจะไปถามราคากับร้านเล็กๆ ที่อยู่ในตรอกลึกเพื่อเปรียบเทียบราคาด้วย
“หลงจู๊ ข้ามีเห็ดหลินจือดำและแดงมาขาย รับซื้อหรือไม่”
“รับ รับ เข้านำออกมาให้ข้าดู นางนำตัวอย่างออกมาอย่างละดอกให้กับหลงจู๊ร้านสมุนไพรดู
“ท่านให้ราคาดอกละเท่าไรหรือ”
“อืมดอกใหญ่นัก หลินจือดำเจ็ดสิบตำลึงทอง หลินจือแดงหนึ่งร้อยตำลึงทอง แม่นางพอใจหรือไม่”
“ข้าบอกตามตรง ข้าขอนำไปเทียบราคากับร้านอื่นก่อน เดี๋ยวข้ากลับมา”
“หากไปแล้วก็ไม่ต้องกลับมา มาขายของถึงที่ มีที่ไหนไม่ยอมขาย”
“ข้าก็ต้องเลือกผู้ที่ให้ราคาสูงสุด ไม่ถูกต้องหรือ หากค้าขายใจแคบเช่นนี้ ข้าไม่ขายจริงๆ ก็ได้ ไปกันเปาเปา” นางส่ายหัวให้พฤติกรรมของหลงจู๊ผู้นี้ หากให้ราคาสมเหตุสมผลนางย่อมกลับมาขายกับเขา เห็ดหลินจือยี่สิบดอก ร้านใดก็คงอาจจะไม่สามารถซื้อได้ทั้งหมด
นางเข็นมาจอดหน้าร้านสมุนไพรขนาดเล็กก็ร้องเรียกคนด้านในทันที “ท่านเป็นเถ้าแก่ใช่หรือไม่” นางถามเช่นนั้นเพราะชายมีอายุผู้นี้สวมใส่กำไลหยกเนื้อดี หากเป็นเพียงหลงจู๊ในร้านเล็กเช่นนี้คงไม่สามารถหามาสวมใส่ได้
“ใช่แล้วแม่นางมาซื้อหรือมาขายเล่า”
“ข้ามาขายเห็ดหลินจือเจ้าค่ะ” นางหยิบเห็ดตัวอย่างอันเดิมออกมาวางบนโต๊ะ
“อืมดอกใหญ่สวยไร้ตำหนิ คุณภาพเช่นนี้ หลินจือดำข้าให้แปดสิบตำลึงทอง ส่วนหลินจือแดงให้ถึงหนึ่งร้อยสิบห้าตำลึงทองก็คงได้”
“ข้ามีทั้งหมดยี่สิบดอก ท่านรับหมดไหวหรือไม่” นางบอกจำนวนเห็ดที่จะแยกไว้ขายออกไป
“ห๊า! นำออกมาให้ดูที” ชายชราเก็บสีหน้าตื่นเต้นไว้ไม่มิด คนเช่นใดจึงจะโชคดีเจอเห็ดหลินจือและนำมาขายได้ถึงยี่สิบดอก
เสิ่นลี่อิงค่อยๆ หยิบเห็ดออกมาวางเรียงกันเป็นสองฝั่ง ทุกดอกที่วางลงบนโต๊ะล้วนแต่สวยงามไร้ที่ติ เถ้าแก่ร้านสมุนไพรมือสั่นมิใช่เพราะไม่เคยเห็นสมุนไพรนี้ แต่เขามือสั่นเพราะคนตรงหน้าต่างหาก หนึ่งแม่นางหนึ่งเด็กชายเห็นทีคงเป็นผู้มีชะตาเหนือผู้ใดจึงได้มีโชคที่มิอาจฝันถึงเช่นนี้ได้
“ดอกที่เล็กหน่อย ข้าให้ราคาลดลงมาสักหน่อยก็แล้วกัน”
“ได้เจ้าค่ะ”
“หลินจือแดงใหญ่สี่ดอกสี่ร้อยหกสิบตำลึงทอง ขนาดเล็กสองดอกสองร้อยตำลึงทอง หลินจือดำใหญ่สิบดอก แปดร้อยตำลึงทอง ส่วนขนาดเล็กสี่ดอก สองร้อยสี่สิบตำลึงทอง ทั้งหมดเป็น…” ชายชราด้านหน้าดีดลูกคิดมือเป็นระวิง
“หนึ่งพันเจ็ดร้อยตำลึงทอง” เสียงทั้งสามเอ่ยประสานกันออกมาอย่างพร้อมเพรียง
“นอกจากโชคดียังคิดเลขในใจได้กันอีกหรือน่าทึ่งเสียจริง”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ เด็กคนนี้คิดคำนวณไวเหลือเกิน มีเพียงครั้งนี้ที่ข้าคำนวณทัน”
นางรับตั๋วเงินและตำลึงทองออกมาก็เตรียมจะกลับทันที ยังไม่มีสิ่งใดที่ต้องซื้อหาเพิ่มอีก และวันพรุ่งนี้ตัวนางก็ไม่คิดจะขายของอีกด้วย หากนางไปจวนเสียนอ๋องในฐานะผู้มาจับจ่ายย่อมมีความคล่องตัวกว่า
ร้านสมุนไพรอยู่ค่อนข้างลึกจึงทำให้บางช่วงของถนนก็ปลอดผู้คนจนเงียบเชียบ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกถึงของแข็งตีลงมาที่ศีรษะ นางเบี่ยงตัวหลบท่อนไม้นั้น จึงฟาดลงมาโดนที่บ่าของนางด้วย
“โอ๊ย!”
“พี่สาว!” เปาหลงวิ่งเข้ามากอดนางไว้แต่ก็โดนมือใหญ่ของอีกฝ่ายกระชากออกไป เมื่อมองเห็นเปาหลงถูกเหวี่ยงออกไปจนล้มฟาดไปบนพื้น ก็เหมือนร่างกายขจัดความมึนงงได้ทันที
“อยากตายใช่ไหม” เสิ่นลี่อิงกล่าวเสียงเย็น นางโกรธจนเลือดขึ้นหน้า และยิ่งโมโหเมื่อคนทั้งสองมีหนึ่งในนั้นเป็นฉินเปารวมอยู่ด้วย
“ไอ้ชั่วฉินเปา” นางหันไปให้สัญญาณเปาหลงให้ไปหลบหลังรถเข็น ซึ่งเด็กน้อยก็เชื่อฟังและทำตาม
“ถ้าเจ้าไม่อยากโดนพวกข้ารุมทำร้ายก็ส่งเงินที่ขายสมุนไพรมาทั้งหมด” นางมองหน้าชายท่าทางเป็นนักเลงหัวไม้อีกคนที่ฉินเปาพามา ก่อนจะมาหยุดมองที่ฉินเปา
นางล้วงเข้าไปในถุงผ้าคล้ายว่าจะยอมหยิบเงิน แต่ความจริงนางกำลังล้วงเอาแก้วเซรามิกออกมาจากในมิติต่างหาก เมื่อนำออกมาได้นางถือไว้ในมือ และเดินตรงไปที่นักเลงผู้นั้น นางต่อยเสยจมูก และเตะขาเข้าไปที่กล่องดวงใจของชายที่ไม่รู้จัก แล้วเบี่ยงตัวมาทางฉินเปานำก้นแก้วเซรามิกตีไปที่หน้าขาจนฉินเปาล้มลงกับพื้น นางลากตัวเขาขึ้นมา จับมือวางไว้บนโต๊ะเก่าตัวหนึ่งในตรอก แล้วใช้ก้นแก้วทุบลงไปทันที “ข้างไหนที่คิดจะขโมยเงินข้า”
“อ๊าก! ไว้ชีวิตด้วย” นางทุบลงไปแบบไม่ยั้งแรง หากนางเป็นคนใจร้ายกว่านี้เพียงนิด สิ่งที่กำลังทุบมือของฉินเปาอยู่คงจะเปลี่ยนเป็นค้อนเหล็ก
ชายนักเลงที่เคยทำท่าทางขึงขังกลับมีสีน่าตกใจที่เห็นนางทุบมือคนโดยที่ตาไม่กะพริบ เขาจึงคิดจะวิ่งหนีไป แต่นางก็ใช้มือคว้าปลายผมเขาไว้ดึงให้กลับมา “ข้ายังไม่เสร็จธุระกับเจ้า”
“แม่นางโหดร้ายเกินไปแล้ว” นางโมโหในคำพูดนั้น จากที่ใจเย็นลงบ้างแล้ว ก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากระบายอารมณ์ขึ้นมาอีก
รู้ตัวอีกทีทั้งฉินเปาและคนที่มาด้วยกัน ก็สะบักสะบอมจนสลบไปแล้ว คิดจะขู่ให้นางกลัวแต่ตนเองกลับไม่กล้าแม้แต่จะต่อสู้ เสิ่นลี่อิงนำเชือกออกมามัดมือมัดเท้าพวกเขาไว้ด้วยกัน ลากตัวให้ไปหลบมุมอยู่ไกลและลึกในตรอกนั้น
“พวกเจ้าคงจะตาลุกวาวลอบยิ้มให้โอกาสที่จะพลิกชีวิตเป็นคนรวยได้จากการทำเลวเพียงครั้งเดียว คงไม่ได้คิดว่าสตรีตัวบางๆ อย่างข้าจะกล้าทำร้ายคน เรื่องนี้ต้องโทษความโง่ของฉินเปา เคยเห็นความสามารถของข้าแล้วแต่กลับไม่เกรงกลัว หลงชวนคนท่าทางน่ากลัว แต่ไร้ความสามารถอย่างเจ้ามาเป็นพวก เช่นนี้ก็หาวิธีกลับบ้าน หรือตื่นมาร้องให้คนช่วยให้ได้ก็แล้วกัน!”
นางพูดออกไปยืดยาวกับคนที่สลบไร้สติพร้อมกับยื่นเท้าออกไปเตะส่งท้ายอีกหลายที จากนั้นนำเศษผ้าออกมารัดปากเพิ่มความลำบากในการขอความช่วยเหลือให้พวกเขา เสิ่นลี่อิงกลับไปที่รถเข็นก็พบเปาหลงที่กำลังร้องไห้เงียบๆ
“พี่สาว” เขามองขึ้นมาที่นางอย่างมีความหวัง
“ไม่เป็นไรแล้ว ข้าต่อสู้ชนะแล้ว” นางยิ้มให้เด็กน้อยปลอบขวัญเขาอย่างอ่อนโยน
“ฮืออ เก่งๆๆ พี่สาวมาแล้ว กลับบ้านกัน” นางปาดน้ำตาให้เด็กน้อยและพาเขากลับบ้านทันที
_______
ยามจื่อ หมายถึง เวลา 23.00 - 24.59น.
บทพิเศษ 17 ต้องช่วยเหลือนาง เวลาของความสุขผันผ่านไปรวดเร็วเพียงชั่วกระพริบตา ชินอ๋องและพระชายาอยู่ในวัยใกล้ฝั่งเสียแล้ว บุตรล้วนเติบใหญ่ให้ได้ภาคภูมิใจมีครอบครัว และหลานมากมายให้ชื่นใจ ส่วนตนและฮูหยินคู่ใจก็ใช้เวลาส่วนใหญ่นึกย้อนถึงวันเวลาเก่าๆ แต่การหวนย้อนคิดเหล่านี้ ทำให้ชินอ๋องนึกถึงภาพฝันที่เคยอยู่เป็นเพื่อนยามค่ำคืนเสมอมา ตู้หนิงหลงในวัยชรากลับมาฝันถึงแม่นางผู้หนึ่งมาติดต่อกันหลายคืนแล้ว ความฝันนี้เป็นฝันเช่นเดียวกับยามเยาว์วัย เขามักจะฝันเห็นนางยิ้มหัวเราะ บางคราก็โกรธเกรี้ยว สลับกับการไปช่วยเหลือผู้คนที่ตกอยู่ในอันตรายร่วมกับแม่นางผู้นั้น เหตุการณ์ในฝันนั้นไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก แต่สุดท้ายก็มักจะจบลงเช่นเดิมคือ เขาและนางไปช่วยดับไฟสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อขึ้นไปด้านบน แม่นางผู้นั้นจะตกลงในหลุม จากนั้นเขาก็จะตกลงมาเช่นกัน แต่ร่างของชินอ๋องในฝันนั้น จะถูกโลหะแท่งใหญ่ปักทะลุอก กระอักเลือดออกมาคำโต จนแม่นางผู้นั้นกรีดร้องออกมาคล้ายดวงใจแตกสลาย ทว่าครานี้ฝันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ภาพที่ปรากฏยังคล้ายเดิม เพียงแต่ไม่มีร่างที่สมควรจะเป็นตัวของเขาอยู่ในฝันนั้น
บทพิเศษ 16 เผยเรื่องน่าอาย ตู้หนิงหลงผู้เป็นถึงชินอ๋องกำลังรอดักเรียกบุตรชายผู้เป็นรุ่ยอ๋อง เพราะยามกลับมาถึงจวนทีไร ก็มาในสภาพคลุกเคล้าไปด้วยฝุ่นผงทุกวัน ทั้งยังมีข่าวคราวหนาหูเกี่ยวกับว่าที่รุ่ยหวางเฟยให้ได้ยินนั่นอีก แต่เมื่อจะเรียกมาสอบถามกลับหลบหนีหายไปทุกครั้ง จนผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินรองจากฮ่องเต้ต้องมายืนพิงกำแพงจวน รอบุตรชายกลับมาด้วยตนเอง“เปาหลง” ชินอ๋องเอ่ยเรียก ตั้งมั่นว่าครานี้ต้องรู้เรื่องราวให้ได้ อ๋องน้อยผู้นี้บิดพลิ้วหนีคนที่สั่งให้มาตาม ปิดโอกาสสืบความใดไปเสียหมด“ท่านพ่อ! เหตุใดมาอยู่ตรงนี้ ข้าตกใจหมด” เปาเปาที่แม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เมื่อยามอยู่กับบิดาและมารดาเลี้ยง ก็กลับไปมีท่าทีเป็นเด็กเล็กๆ ไปทุกครา“ตามพ่อมา” หนิงหลงไม่ลื่นไหลไปกับบทสนทนาที่พยายามจะนอกเรื่องหาทางหลีกหนี เมื่อกล่าวจบก็พยักหน้าให้ทหารหิ้วปีกมุ่งไปที่ห้องหนังสือ“ท่านพ่อ ทำเช่นนี้ไม่ได้ ไม่รักษาภาพพจน์ข้าบ้างหรือ บุตรชายของท่านเป็นถึงรุ่ยอ๋องเชียวนะ” เปาหลงโวยวายเมื่อถูกลากเข้าจวน และยกทั้งร่างมาวางไว้ในเรือนกลางของผู้เป็นพ่อ... เปาหลงที่หันมองหาทางหนีทีไล่ ถอนหายใจอย่า
บทพิเศษ 15 รุกล้ำในชุดแดงวันมงคลของเสิ่นลี่อิงและองค์ชายเก้าเกิดขึ้นในวันที่ถัดมาจากวันที่ครบพันปีหนึ่งวันพอดิบพอดี เมื่อเซียนลี่บอกให้ตู้หนิงหลงผู้นี้รอไปพันปี เขาก็ทำเช่นนั้นตามข้อตกลงแต่องค์ชายผู้นี้ก็ยังคงไม่ยอมรับต่อหน้าคนรักอยู่ดีว่าการตัดสินใจให้เป็นคนรักกันไปพันปีของนางเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว หากขืนยอมรับไปเขาได้รับคำย้ำเตือนไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่แน่ ว่าทำอันใดก็ให้เชื่อนางจึงจะออกมาดีตู้หนิงหลงกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังห้องหอด้วยใจระทึก เขาถูกพี่ชายทั้งหลายล้อเลียนว่าเป็นเด็กแก่แดดแต่งงานตัดหน้าทุกคน และถูกบังคับให้กินเหล้าหลายจอกจนทรงตัวแทบไม่อยู่&nbs
บทพิเศษ 14 เป็นคนรักกันไปพันปีเมื่ออยู่ต่อหน้าเทียนจวินองค์ชายเก้าตู้หนิงหลงทำอย่างที่ลั่นวาจาไว้ เขากล่าวต่อหน้าผู้คนทั้งท้องพระโรงว่าต้องการสมรสพระราชทานให้เสิ่นลี่อิง มาเป็นพระชายาเอกในองค์ชายเก้า แรกเริ่มนางก็คิดหวังว่าอาจมีองค์เทพที่กล่าววาจาคัดค้านว่าเซียนเล็กๆ เช่นนาง แม้จะผลคะแนนแซงหน้าบุตรหลานชาวสวรรค์แต่กำเนิด แต่ที่มาไร้ความสูงส่งเช่นนี้ก็ไม่ใคร่ว่าจะเหมาะสมแต่ทว่าเรื่องนี้ก็ผิดความคาดหมายของเสิ่นลี่อิง เพราะนอกจากจะไม่มีใครคัดค้านแล้ว ยังเห็นดีเห็นงามว่าควรมีเซียนตัวเล็กตัวน้อยแต่งเข้าราชวงศ์ในตำแหน่งใหญ่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเผ่าสวรรค์นั้นไม่คิดรังเกียจแบ่งแยกผู้ใดเอ้า! จะมาใช้ข้าเป็นโครงการป
บทพิเศษ 13 ภารกิจจบการศึกษาเสิ่นลี่อิงที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าในวันที่ต้องไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย สองวันก่อนท่านอาจารย์ให้ทั้งสามสุ่มเลือกภารกิจที่พวกตนต้องรับผิดชอบ โดยที่จะไม่มีอาจารย์ท่านใดคอยช่วยเหลือนาง หนิงหลง และหลิวหยาง หากไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจนถึงตายไม่แน่ว่าทั้งสามโชคดีหรือร้าย เพราะภารกิจที่สุ่มได้มานั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีผู้พบเห็นน้อยมาก ความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรชนิดนี้มีเพียงหนึ่งบรรทัด ความอันตรายไม่แน่ชัดนัก เป้าหมายคือการจับเป็นเพื่อนำมาศึกษาหากให้ไปกำจัดอสูรร้ายคงง่ายกว่าเพราะทำจากระยะไกลได้“พี่สาววันนี้มีพี่หานมารอท่านด้วยอีกคน รีบออกมาเถิด องค์ชายเก้าดูกระวนกระวายใจ
บทพิเศษ 12 ม้ามืดฟ้าสดใสเปล่งประกายครึ่งปีที่ผ่านมาองค์ชายเก้ามันหาเรื่องราวให้ได้มาอยู่ใกล้เสิ่นลี่อิง หากนางรำคาญก็จะเปลี่ยนเป้าหมายไปตีสนิทเปาหลงแทน อ้างความเป็นพ่อลูกในภพมนุษย์จึงทำให้รู้สึกอยากสนิทด้วย“นี่วังของท่านไม่มีท้อให้กินหรือ เหตุใดต้องมาแย่งของเซียนเล็กๆ อย่างข้ากับพี่สาวด้วย” เปาหลงที่เห็นองค์ชายตู้หนิงหลงกินอย่างอิ่มเอมก็อดจิกกัดออกไปไม่ได้“วันนี้เป็นวันสอบทฤษฎี ข้าก็ต้องมาสอดส่องว่าคู่แข่งของข้าทำสิ่งใด” หนิงหลงยักไหล่คล้ายว่าตนไม่ได้ทำอันใดแปลกประหลาด“อย่างไรอันดับหนึ่งสองและสามก็ย่อมได้ไปสอบปฏิบัติเพื่อโอกาสที่จะจบการศึกษาเร็วกว่าเพื่อนในรุ่นครึ่งปีอยู่แล้ว







