LOGIN“พี่จินอยู่หรือไม่เจ้าคะ”
“น้าจินเหมย! เปาเปามาเอาไข่ขอรับ”
“เข้ามาๆ ขายของเป็นอย่างไร”
“ขายดีมากเจ้าค่ะ วันนี้พี่ไม่ไปเก็บของป่าหรือ”
“ไปมาแล้ว เอาไข่เพิ่มใช่หรือไม่เปาเปา”
“ขอรับ” เปาหลงยิ้มก่อนจะวิ่งไปเล่นกับลูกเจี๊ยบที่เดินเล่นอยู่รอบบ้านของจินเหมย
“เอาสักหนึ่งร้อยห้าสิบฟอง แล้วข้าก็จะให้พี่มาทำเสี่ยวหลงเปาไปขายแทนข้าด้วย ข้าสอนให้เอง” จินเหมยคราแรกก็ลังเลไม่รู้ว่าลี่อิงพูดจริงหรือเพียงล้อนางเล่น แต่พอเห็นว่านางต้องการให้ตนทำ เพราะไม่มีเวลาว่างทำอย่างอื่นจึงเข้าใจ
“อย่างไรข้าก็ยังไม่มีเงินลงทุนมากมายเสียขนาดนั้น”
“ช่วงแรกถือว่าข้าจ้างไปก่อนวันละหนึ่งร้อยอีแปะ”
“มากไปแล้ว ใครเขาจ้างคนงานกันวันละหนึ่งร้อยอีแปะกัน” จินเหมยปฏิเสธเสียงแข็ง การทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการเอาเปรียบลี่อิงสักนิด
“สุดท้ายแล้วการค้าขายนี้อย่างไรข้าก็ต้องเลิกทำ พี่เอาไปทำต่อเถอะ เก็บเงินได้สักหน่อยพี่ค่อยออกเงินทำเองก็ได้ อย่างน้อยๆ กำไรก็วันละสองร้อยอีแปะ” ลี่อิงที่เห็นจินเหมยยังเงียบอยู่จึงพูดต่อ
“พี่ไม่อยากมีเงินไว้ส่งลู่เว่ยไปสำนักศึกษาหรือ”
คำพูดนี้จี้จุดจินเหมยได้เป็นอย่างดี การส่งลูกเข้าสำนักศึกษาคือความฝันของพ่อแม่ทุกคน การเป็นชาวบ้านเช่นนี้ หากดินฟ้าไม่เป็นใจแม้เพียงนิด ผลผลิตที่คาดหวังไว้อาจไม่มีให้เห็นเลย ดวงตาของนางไหววูบมองมาที่ลี่อิงอย่างเลื่อมใส หากมีเงินส่วนนี้เข้ามาทุกวันนางย่อมสามารถส่งลูกชายไปเรียนและสอบเป็นขุนนางได้ “ข้าตกลง”
เมื่อเสิ่นลี่อิงได้ยินเช่นนั้นบทเรียนการทำเสี่ยวหลงเปาที่อร่อยครบรสก็ถือบังเกิดขึ้น ทำให้หน้าที่การรวบรวมไข่ตกไปเป็นของลู่จานแทน ส่วนเปาเปาน้อยก็ชวนลู่เว่ยไปวิ่งเล่นด้วยกัน
นางที่เหลือบมองเห็นว่าเด็กๆ เล่นกันภายในบริเวณบ้านก็หันมาสอนจินเหมยทำอาหารต่อ “ครานี้มีสิ่งที่พี่ต้องทำเพิ่มในไส้คือน้ำปรุงเห็ดหอม ข้าจะสอนให้” นางต้องสอนให้จินเหมยทำซอสเห็ดหอม เพราะเป็นเครื่องปรุงเดียวที่หาแบบสำเร็จในที่แห่งนี้ไม่ได้
“พี่นำเห็ดหอมมาสับให้ละเอียด จากนั้นสับหัวหอมใหญ่ ขิงแก่ และกระเทียม เราจะนำทุกอย่างมาผัดให้เข้ากัน” จินเหมยดูนางสับวัตถุดิบแต่ละชนิดอย่างตั้งใจ และแบ่งมาลองสับดูบ้าง
“เช่นนี้ใช้ได้หรือไม่ลี่อิง”
“ใช้ได้เจ้าค่ะ ดียิ่ง พี่นำไปผัดให้สีเข้มขึ้นได้เลย” นางให้จินเหมยใส่น้ำมันเล็กน้อยก่อนจะนำหัวหอมกระเทียมและขิงแก่ลงไปผัดก่อน ตามด้วยเห็ดหอมเป็นอย่างสุดท้ายและปิดท้ายด้วยน้ำหนึ่งถ้วย
“ต้องใส่ขิงแก่เสมอนะเจ้าคะ จึงจะทำให้เก็บได้นาน เมื่อเดือดพี่ก็ปรุงรสด้วยเกลือน้ำตาลและซีอิ๊ว จากนั้นพี่ผัดด้วยไฟอ่อนๆ จนน้ำงวดลง เหลือคลุกคลิกก็ถือว่าใช้ได้” เมื่อทำเสร็จนางก็สอนจินเหมยทำไส้หมูต่อ เรื่องการห่อไม่มีปัญหาใดจินเหมยทำได้อยู่แล้ว ลี่อิงเพียงแค่บอกขนาดแป้งปริมาณไส้หมู และก้อนน้ำแกงก็สามารถปล่อยให้จินเหมยทำต่อเองได้ นางจึงขอตัวกลับพร้อมไข่หนึ่งร้อยห้าสิบฟองเพื่อไปเตรียมขายของพรุ่งนี้
“ขอบใจเจ้ามากพรุ่งนี้เช้ามืดจะนำไปให้เจ้าดูก่อนว่าเป็นอย่างไร”
“ได้เจ้าค่ะ ข้าต้องไปแล้ว ลาเท่านี้”
นางหยุดอยู่หน้าบ้านบ่นพึมพำเบาๆ กับตนเอง “เหมือนข้าจะลืมอะไรสักอย่าง ลืมอะไรไปนะ”
“พี่สาว ลืมปลาไงขอรับ” เปาหลงที่เดินออกมาจากบ้านจินเหมยพร้อมกันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นนางบ่นอุบอิบ ไม่ยอมเข้าบ้านเสียที ทั้งยังบ่นว่าลืมอะไรบางอย่างไปด้วย
“เอ๊ะ จริงสิ พวกเราดักปลาไว้ ไปดูกันเถิด”
.
.
.
เมื่อมาถึงลำธารก็เจอชะลอมดักปลาของตน เสิ่นลี่อิงจับดูก็พบว่ามีปลาอยู่ด้านในค่อนข้างมาก “เปาเปาเจ้าดูสิ ปลาพยายามจะว่ายออกแต่ทำไม่ได้” นางชี้ให้เปาเปาน้อยดูว่าการทำที่ดักซ้อนไว้เช่นนี้ได้ผลจริง
“พี่สาวเก่ง”
“เจ้าช่วยข้าทำ เจ้าก็เก่ง มาเถอะข้าจะเอาขึ้นมาแล้ว” เสิ่นลี่อิงจับชะลอมยกขึ้นแล้วอุ้มกลับไป เพราะชะลอมนี้มีปลามาติดมามากจึงค่อนข้างหนัก โดยมีเปาเปาจับปลายชะลอมเหมือนกำลังช่วยนางยก นางจึงยิ้มขอบคุณให้เขาไปบางๆ
เดินกลับมาครู่หนึ่งนางก็มาถึงบ้านในสภาพที่น้ำซึมเปียกอาภรณ์ไปพอสมควร แต่ลี่อิงก็ตัดสินใจไม่เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เพราะอย่างไรก็ต้องนั่งทำปลาต่อ นางไม่อยากซักเสื้อผ้ามากเกินไป
“ทำเครื่องปรุงอย่างไร” ยังไม่ทันที่จะได้นั่งลงที่ครัวหลังบ้านดี เปาหลงก็ถามออกมาอย่างรอไม่ได้เสียแล้ว
“ใจร้อนจริงเด็กคนนี้” นางนั่งลงก่อนจะตอบคำถามเขา “วันนี้เราจะมาทำน้ำปลา ขั้นแรกก็ต้องเตรียมปลา”
เสิ่นลี่อิงนำถังมาวางรอไว้ นางใส่น้ำแข็งจากในมิติลงไป จากนั้นค่อยนำปลาในชะลอมออกมาวางบนน้ำแข็ง “รอปลาตายสนิทพวกเราค่อยเริ่ม” นางวางปลาทิ้งไว้ และลุกไปต้มน้ำให้เดือดเพื่อมาเทใส่ไหที่จะใช้หมักน้ำปลา
“ใส่น้ำร้อนลงไปฆ่าเชื้อเช่นนี้” เมื่อทำเรียบร้อย ปลาทั้งหมดก็นิ่งพร้อมให้นางจัดการต่อ ลี่อิงหยิบปลาขึ้นมาทีละตัวเริ่มผ่าเอาเครื่องในออกไป
“เอาออกทำไม” เปาหลงมองอย่างสงสัย
“ไส้ปลาจะทำให้น้ำปลาเน่า กินไม่อร่อย”
“ขอรับ” เขานั่งดูไปเรื่อยๆ รอให้นางคว้านไส้ปลาออกจนหมด เมื่อเห็นว่าลี่อิงนำปลามาล้างแล้ว เด็กน้อยจึงมาช่วย แม้จะมีท่าทางขยะแขยงอยู่บ้าง แต่เปาเปาก็ทำไปโดยไม่ปริปากบ่น
“เก่งมาก สะอาดดีแล้ว ครานี้เราจะมาหมักเกลือกัน” เสิ่นลี่อิงหยิบไหที่แช่น้ำร้อนไว้เทน้ำออกใช้ผ้าสะอาดเช็ดจนแห้ง
เสิ่นลี่อิงนำเกลือที่ต้มกันเองออกมาแบ่งไว้ นางยัดเกลือลงในท้องปลาจนเต็มแล้วให้เปาหลงทำตาม ทั้งสองยัดเกลือในท้องปลาจนครบทุกตัว แล้วเรียงใส่ไหไว้ ขั้นสุดท้ายโรยเกลือปิดไว้หนาๆ เสิ่นลี่อิงนำผ้าปิดปากไหใช้เชือกรัดให้เรียบร้อยและคลุมด้วยผ้าสีทึบอีกชั้นสำหรับบังแดดไว้
“เท่านี้หรือ” เปาหลงที่ยังไม่เข้าใจว่าปลาเป็นตัวกับเกลือเม็ดจะกลายเป็นน้ำปลาได้อย่างไรก็เอ่ยถาม
“ไม่ใช่ เราต้องรอให้เกลือกับปลามีน้ำออกมาก่อน จากนั้นก็ต้องกรองน้ำที่ได้ไปต้มประมาณสองเค่อ ปรุงรสด้วยน้ำตาล แล้วนำไปกรองให้ใสจึงจะใช้ได้”
“นานแค่ไหนจึงจะมีน้ำหรือ”
“รอเจ้าครบสามหนาวพวกเราค่อยมาเปิดดู ถ้ายังไม่มีน้ำก็ต้องรออีกหน่อย” เท่านั้นเสิ่นลี่อิงก็ย้ายไหหมักน้ำปลาเข้าไปไว้ในมิติรอครบหกเดือนจึงจะมาเปิดดูอีกครั้ง
เสิ่นลี่อิงพาเปาหลงไปอาบน้ำหลังหมักปลาเสร็จ วันนี้เปาหลงขอลองอาบน้ำด้วยตนเอง นางจึงนั่งเฝ้าเด็กน้อยเฉยๆ และคอยชี้หากมีส่วนใดที่ยังล้างฟองออกไม่หมดเท่านั้น ลี่อิงภาคภูมิใจในตัวเปาหลงนัก เด็กน้อยหัดทำหลายสิ่งด้วยตัวเองจนคล่องแคล่ว ควบคุมมือในการกินข้าวได้ไม่หกเลอะอย่างเดิม สามารถแต่งตัวเองได้ และวันนี้ยังขออาบน้ำเองอีก
ต้องแบบนี้สิเปาเปา!
สำหรับนางการฝึกให้เปาหลงช่วยเหลือตัวเองได้เป็นเรื่องสำคัญ หากตัดปริมาณบ่าวที่ต้องมาดูแลช่วยเหลือออกไปได้มาก โอกาสที่จะใช้ลอบทำร้ายเปาหลงย่อมน้อยลง เมื่อยังจับตัวผู้กระทำไม่ได้ มีแต่จะต้องป้องกันไว้
เปาเปาออกไปแต่งตัว หยิบขนมปังที่นางอบเอาไว้มาทานเอง และไปนั่งฝึกคัดลายมือจากตำราที่ได้มาใหม่อย่างเรียบร้อย เสิ่นลี่อิงที่เห็นว่าเด็กน้อยจัดการตนเองได้ จึงปล่อยเขาทำไปตามใจ
ส่วนตัวนางก็อาบน้ำชำระร่างกายบ้าง ลี่อิงรู้สึกเหม็นคาวปลาไปทั้งตัว การลวงไส้ปลาออกทำให้กลิ่นติดมือจนต้องเอาเลม่อนมาถูมือดับคาวลง แต่เมื่อขัดถูจนหนังตัวแทบจะถลอกนางก็ยอมแพ้ เพราะอย่างไรก็คงต้องปล่อยให้กลิ่นนี้จางหายไปเอง
เสิ่นลี่อิงออกมาก็พบว่าเปาเปาหลับคาโต๊ะ บนกระดาษพึ่งจะคัดอักษรไปได้เพียงหน้าเดียว “ไปนอนดีๆ เถิดเปาเปา” นางช้อนตัวเด็กน้อยที่ทำหลายสิ่งจนอ่อนเพลียให้มานอนบนเตียง แล้วนางก็ไปทำงานอื่นต่อ
เริ่มต้นจากการไปดูเพิงเห็ดเพราะนางไม่ได้จำเป็นต้องมาตรวจดูเห็ดหลายวันแล้ว จากเดิมที่ต้องมาฉีดน้ำทุกวันเช้าเย็น แต่เมื่อหาเครื่องพ่นไอน้ำแบบใส่ถ่านเจอในมิติ นางก็ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้มันแทน เมื่อเลื่อนแผ่นไม้บางที่นางไว้ใช้บังแดดออก และยกตะเกียงส่องดูถังไม้เพาะเห็ดดูก็พบว่า…
รวย รวย รวยเละ!!
บทที่ 28 ดาวนำโชคทำงานอีกครั้งบรรยากาศไม่เย็นไม่ร้อนทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่ลำบากนัก รถม้าที่ภายในตกแต่งมาอย่างดี ทำให้การเดินทางครั้งนี้สะดวกสบาย และช่วงเวลาพักม้าก็เป็นช่วงเวลาทองให้นางได้เก็บของป่าติดตัวไปด้วย แม้จะยังไม่พบอะไรที่รู้สึกว่าล้ำค่า แต่นางก็คิดว่าก่อนถึงจวนหนิงอ๋องรถม้าคงเต็มไปด้วยของให้นางและเปาเปาได้ใช้เล่นสนุกมากมายตู้เปาหลงแม้จะยังเล็กนักแต่เพราะการอบรมที่เข้มงวดให้เหมาะสมกับฐานะของเจ้าตัวที่ได้รับมาตั้งแต่ก่อนพบกับนาง ทำให้เปาเปาน้อยไม่งอแงเท่าที่นางคาดไว้ ทั้งยังดูเพลิดเพลินกับการเล่นแป้งนวดแบบที่เด็กๆ ในภพเดิมของนางเล่นกัน“นี่ๆ ดูเปาเปาปั้น” เด็กน้อยนำสัตว์ประหลาดสีเขียวมายื่นไว้ตรงหน้านาง
บทที่ 27 เตรียมตัวเดินทาง“ก็ปล่อยไว้เช่นนี้ ไม่เห็นต้องทำสิ่งใด”เหตุที่เสียนอ๋องเอ่ยถามกับนางเช่นนั้นเป็นเพราะก่อนหน้านี้เสิ่นลี่อิงได้ขอให้ญาติผู้พี่ของตนคุ้มกันตัวนาง และตู้เปาหลงไปส่งที่จวนหนิงอ๋อง และขอให้เขาสร้างสถานะใหม่ให้ตนเอง นางจะเข้าไปในวังหนิงอ๋องในฐานะหมอหญิงลี่อิง ผู้ช่วยชีวิตอ๋องน้อยแห่งจวนหนิงอ๋องเอาไว้แผนการนี้ถูกเสียนอ๋องคัดค้านในคราแรกเกรงว่าการกระทำของนางอาจดูไม่เหมาะสม แต่เมื่อเสิ่นลี่อิงยกเหตุผลว่าคนที่วางยาได้ทั้งหนิงอ๋องและลูกในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งยังเป็นยาพิษชนิดเดียวกันย่อมต้องเป็นฝีมือของคนภายในเป็นแน่ หากนางเทียวไปเทียวมาเพื่อทำการรักษา ตัวผู้บงการก็จะสามารถสั่งให้คนของตนวางยาซ้ำได้อยู่ดี จะดีกว่าหากนางอยู่ในเรือนเพื่อให้
บทที่ 26 รับผลกรรมที่ก่อเสิ่นลี่อิงเบื่อแสนเบื่อกับการทะเลาะกับคนในหมู่บ้านแห่งนี้เต็มที พวกเขาเห็นนางไม่เอาเรื่องจนเด็ดขาดก็เลยตามหาเรื่องไม่ยอมหยุดหย่อน พอครั้งนี้นางเลือกตีให้น่วมเป็นตัวอย่างก็ยังกล้าหาเรื่องลำบากใจมาให้นางอีก คงเป็นเพราะฉินเปาที่ไม่ยอมบอกสาเหตุที่ถูกลี่อิงตีจนเกือบตายอยากตายกันไปข้างก็จัดให้ได้!“มาคร่ำครวญเอาอะไรไม่ทราบ”“เจ้า!” ทันทีที่เสิ่นลี่อิงก้าวลงมาจากรถม้าผู่จานก็พุ่งเข้ามาหวังทำร้ายนางทันที แต่ก่อนจะได้ฟาดฝ่ามือลงมาก็ถูกสกัดไว้เสียก่อนจากองครักษ์ที่ติดตามมาด้วย“เจ้า ตีลูกข้าปางตาย นังปีศาจ เจ้ามันโหดร้ายเกินคน”
บทที่ 25 เสียนหวางเฟยจะคลอดบ่าวที่วิ่งมาตามคือท่านพ่อบ้านประจำจวน พระชายาเอกของเสียนอ๋องมาเจ็บท้องคลอดในวันนี้พอดีในระหว่างที่กำลังรับรองแขกสำหรับงานเลี้ยงหลอกๆ ครั้งนี้การเข้าป่าจนโดนตามฆ่าในครั้งนั้นของเสียนอ๋องก็เพื่อตามหาสมุนไพรชนิดหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กพลิกตัวกลับได้ง่าย เพราะหญิงในสกุลหลี่ของพระชายาผู้นี้ ครึ่งหนึ่งคลอดลูกตายด้วยสาเหตุเดียวกัน คือเด็กไม่พลิกตัวเสิ่นลี่อิงเองก็ไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดเขาจึงไม่บอกนางตั้งแต่คืนวันนั้น แต่หากจะให้นางคาดเดาก็คงเหมือนดังเช่นนางที่มิรู้ว่าผู้ใดสามารถไว้ใจเต็มสิบส่วนได้บ้าง&
บทที่ 24 ข่าวใหญ่จากจวนอ๋องคืนนั้นเสิ่นลี่อิงไปลอบดักฟังที่บ้านของฉินเปา ได้ยินแต่เสียงป้าผู่และสามีก่นด่ากัน“ลูกชายของท่านเข้าเมืองทีไรไม่ยอมกลับบ้าน ใช้การไม่ได้”“ผู่จานเจ้านั่นแหละอบรมฉินเปาอย่างไร”ลี่อิงที่ได้ยินว่าพวกเขาไม่ได้กำลังร้อนใจว่าลูกชายไม่กลับบ้าน แต่กลับทะเลาะกันเสมือนเป็นพฤติกรรมปกติของบุตรชาย นางก็กลับไปนอนเล่นอย่างสบายใจ ต่อให้พรุ่งนี้พบตัวแล้วมาโวยวายนางก็ไม่กลัว อย่างไรชาวบ้านที่ขายไข่ไก่ย่อมต้องเข้าข้างนางที่เป็นลูกค้าบ้างเมื่อสบายใจแล้วจึงนึกได้ว่าเห็ดป่าที่เพ
บทที่ 23 จัดการเด็ดขาดเสิ่นลี่อิงกำลังจับจ้องไปยังถังเห็ดที่เรียงรายอยู่ภายใน เห็ดทั้งหมดเติบโตแล้ว รวมถึงเห็ดหลินจือที่พึ่งนำลงถังไปท้ายสุดด้วย แต่เพราะน้ำกลิ่นจันทร์ในถังเห็ดหลินจือมีปริมาณมากกว่าถังอื่นๆ เห็ดหลินจือจึงโตทันเห็ดชนิดอื่นเป็นที่เรียบร้อย การเพาะเห็ดในถังของนางได้ผลนางนำมีดออกมาตัดเห็ดแยกตามสายพันธุ์และนางเก็บหลินจือส่วนหนึ่งไว้ในมิติสำหรับขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนถังต่อไปด้วย แต่นางก็ยังเหลือเห็ดป่าไว้จำนวนหนึ่งไม่ได้ตัดไปทั้งหมดโชคดีอะไรขนาดนี้เนี่ยเมื่อตัดเห็ดออกมาได้ตามต้องการแล้ว นางก็หัน







