เข้าสู่ระบบช่วงปลายยามเว่ยนางและเปาหลงที่กำลังเดินไปจะขึ้นเกวียนเทียมวัวของลุงไฉ่ก็ทันเห็นเกวียนจากร้านเครื่องเรือนและข้าวของอยู่เต็มไปหมดกำลังออกไปพอดี นางจึงร้องบอกย้ำว่าให้ไปที่หมู่บ้านหยางหลังท้ายสุด ส่วนตัวนางก็จ่ายเงินกับลุงไฉ่อุ้มเปาหลงขึ้นนั่งตักบนเกวียน
“เจ้ามาพอดี หากเลยเข้าไปยามเซินข้าก็ไม่อยู่รอแล้ว”
“วันนี้ต้องซื้อของมาก ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ”
เกวียนกลับยามเซินแปลว่าถ้าจะขายของตอนเย็นต้องมีเกวียนของตัวเอง
เปาหลงก็ยังคงตื่นเต้นกับการนั่งวัวเทียมเกวียนเช่นเดิม ด้านเสิ่นลี่อิงที่นั่งประจันหน้ากับป้าผู่จานก็พลันรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที ยังดีที่ครานี้ป้าผู่ไม่ได้มาสนใจจะหาเรื่องอะไรกับนางอีก ทุกคนจึงสามารถเดินทางกันได้อย่างสงบสุข
เปาเปาน้อยวิ่งนำนางกลับบ้านเพื่อไปดูสิ่งของที่หาซื้อกันมาวันนี้ ระหว่างทางนางจึงไปบอกจินเหมยที่กำลังให้อาหารไก่ว่าให้พาครอบครัวของนางมาทานข้าวเย็นที่บ้านของนาง
“ต้องมานะเจ้าคะ ข้าซื้อเนื้อมาเพื่อทำอาหารเลี้ยงขอบคุณพี่โดยเฉพาะ”
มาถึงหน้าบ้านนางก็ให้คนส่งของช่วยยกฟูก ฉากกั้น และคันฉ่องเข้าไปภายในบ้าน ส่วนของที่เหลือ เสิ่นลี่อิงยกลงไปเก็บไว้ในครัวจนเรียบร้อย เว้นเพียงอาภรณ์และรองเท้าที่เอาไว้ในห้องนอน ส่วนเปาหลงตัวน้อยก็ขอวิ่งออกไปดูสวนเสียแล้ว
เออ…ผักที่ปลูกด้วยน้ำกลิ่นจันทร์ไว้เป็นยังไงบ้างเนี่ย
เมื่อจัดของเสร็จนางจึงเดินตามออกไปดูก็เห็นเปาเปานั่งจดจ้องที่แปลงผักเล็กๆ ของนาง “พี่สาว ผักหรือ”
“อืมผัก ทางนี้เป็นคะน้ากับขึ้นฉ่าย และไกลๆ ตรงนั้นมีพวกมันต่างๆ เก็บไว้กินได้นาน”
“อร่อยหรือไม่”
“ไว้จะทำให้เจ้าลองชิมดู” เมื่อพิจารณาดูพืชผักที่นางรดด้วยน้ำกลิ่นจันทร์นี้โตเร็วจนน่าตกใจ ผักสวนครัวที่นางปลูกพร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว คะน้าและขึ้นฉ่ายใช้เวลาปลูกประมาณห้าสิบถึงหกสิบวัน พืชหัวต่างๆ ก็ทิ้งไว้อีกสักหน่อยก็คงเก็บเกี่ยวได้ ไม้ผลริมรั้วก็โตขึ้นแล้วเช่นกัน
แปลว่าน้ำกลิ่นจันทร์เท่าที่ใช้คราวก่อน สามารถย่นระยะเวลาได้ประมาณห้าสิบวัน
“มาช่วยข้าเก็บผักดีกว่า เปาเปาค่อยๆ ดึงขึ้นมานะ จับตรงโคนแล้วขยับมันเสียหน่อยก็จะดึงขึ้นได้แล้ว”
เปาหลงเม้มปากสังเกตการขยับมือของเสิ่นลี่อิง เขาลองโยกดูออกแรงมากขึ้นหน่อยก็ดึงออกมาได้หนึ่งต้น ลี่อิงที่ดึงล่วงหน้าไปก่อนหลายต้นแล้ว ก็เหลือต้นสุดท้ายไว้ให้เปาเปาน้อยดึงหลังจากดึงต้นแรกเสร็จ
“เก่งมาก! คราวนี้ต้องนำผักไปล้างตามข้ามา” นางตักน้ำใส่กะละมังสองใบแล้วให้เปาหลงล้างดินออกจากรากในกะละมังแรก เมื่อสะอาดแล้วก็ให้นำมาแช่ในอีกกะละมังล้างทั้งต้นอีกครั้ง
“นี่เป็นหน้าที่ของเปาเปาในวันนี้ ทำได้หรือไม่”
“ขอรับ” เด็กน้อยยิ้มร่าไม่ต่างกับได้เล่นสนุก คนเกิดมาเป็นอ๋องน้อยเรื่องล้างผักเช่นนี้คงน่าตื่นเต้นไม่หยอก
เสิ่นลี่อิงนำน้ำธรรมดาไปใช้รดต้นไม้ที่เหลือในวันนี้ก่อน ใจก็คิดว่าจะหาจังหวะใดตัดหญ้ารกๆ เหล่านี้ดี ในตอนที่เริ่มปลูกนางเพียงใช้จอบขุดให้มีผืนดินโล่งๆ นิดหน่อยเท่านั้น คิดแล้วก็เหนื่อยใจหากในมิติมีเครื่องตัดหญ้าคงดีไม่น้อย รดเสร็จนางก็นึกได้ว่าต้องรีบเตรียมอาหารรอต้อนรับครอบครัวของจินเหมย
“พี่สาว เปาเปาล้างเสร็จแล้ว” เด็กน้อยที่ไม่รู้ล้างผักอย่างไรให้เปียกไปทั้งตัววิ่งเข้ามาหานาง
“ไหนพาข้าไปดู สะอาดหรือไม่”
“สะอาดขอรับ”
นางพลิกผักดูก็สะอาดดี นางเลือกหยิบมาส่วนหนึ่ง อีกสองส่วนนางแกล้งทำทีว่าเก็บลงโอ่งแต่ความจริงแล้วนำไปเก็บในมิติ
“เรียบร้อย ส่วนเจ้ามาเปลี่ยนชุดแล้วนั่งเล่นรอในบ้านก่อน เข้าใจหรือไม่”
นางจับเจ้าก้อนแป้งตัวอวบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วให้เขาเล่นรอบนฟูกหลังใหม่ที่สู้อุตส่าห์ไปหาซื้อกันมา เปาหลงยังไม่มีของเล่นนางจึงนำรูบิคออกมาจากมิติ เสิ่นลี่อิงหมุนให้ดูและบอกเด็กน้อยว่าเป้าหมายของลูกเต๋านี้คือต้องทำให้ส่วนที่มีสีเดียวกันมาอยู่ด้วยกัน เปาหลงตาลุกวาวนั่งหมุนอยู่บนเตียงอย่างเรียบร้อย พร้อมยืดอกว่าจะทำให้ได้ภายในสามวัน ลี่อิงปล่อยเปาเปาไว้ในห้อง ส่วนตนเองก็ออกมาหน้าเตาในครัว
ทำอะไรกินดีละทีนี้ ต้องดีหน่อยแต่ไม่หรูเกินไป
เสิ่นลี่อิงหั่นหมูออกไว้หกส่วนนำไปหมักสับปะรดให้เนื้อนุ่มขึ้นสองส่วน หนึ่งส่วนเก็บไว้ทำไส้เสี่ยวหลงเปา อีกสามส่วนนางห่อเก็บไว้มอบให้เป็นของขวัญแด่จินเหมย
ระหว่างรอก็ใช้หม้อหุงข้าวในมิติไปก่อน นางหุงข้าวในหม้อธรรมดาเป็น แต่การใช้หม้อหุงข้าวแบบในโลกเดิมอย่างไรก็ประหยัดเวลากว่า
จากนั้นลี่อิงหั่นมันหมูออกมาเล็กน้อยใส่ลงในกระทะก้นลึก นางเจียวให้น้ำมันออกมา ใช้ความร้อนรีดน้ำมันออกจากมันหมูใต้ชั้นหนังหมูจนหมด เสิ่นลี่อิงเทออกมาครึ่งหนึ่งพักไว้ใช้คราวหลัง จากนั้นนางหยิบกระเทียมที่ได้แถมมาหั่นหยาบๆ ลงไปรวนจนเหลืองทอง ตามด้วยล้างหมูชิ้นที่หมักสับปะรดไว้ เติมน้ำและซีอิ๊วขาวผัดจนเกือบสุกก็หั่นขึ้นฉ่ายที่เปาเปาล้างไว้แล้วตามลงไป เพิ่มน้ำตาลทรายเล็กน้อย ผัดต่อจนสุกก็เสร็จสิ้นไปหนึ่งจาน
ควันหอมฉุยจากหมูผัดขึ้นฉ่ายทำให้นางพอใจ นางวางพักไว้ในมิติช่องว่าง อีกรายการนางคิดว่าควรเป็นน้ำแกงจึงคิดทำน้ำแกงไก่ถู่โต้วที่ย่าของนางในภพก่อนชอบทำ โชคดีที่มีมิติช่องว่างนี้นางจึงมีวัตถุดิบพร้อมทำทุกสิ่ง
เมื่อนำของออกมาเรียงรายก็ได้ยินเสียงเรียกของเด็กน้อยที่เริ่มจะคุ้นเคยกัน “พี่สาว ทำสิ่งใด”
“ตอนนี้หรือ ข้ากำลังจะทำน้ำแกงไก่ถู่โต้ว ย่าของข้าทำให้กินบ่อยๆ”
“ดูได้หรือไม่”
นางพยักหน้ากวักมือให้เปาหลงเข้ามาใกล้ นางหั่นเนื้อไก่ส่วนสะโพกที่เลาะกระดูกออกแล้วให้เป็นชิ้นพอดีคำ แต่ส่วนน่องนางปล่อยไว้อย่างเดิม ลี่อิงตั้งหม้อและน้ำไก่ลงไปต้มแอบใส่น้ำกลิ่นจันทร์ลงในหม้อเล็กน้อย ก่อนจะหยิบเขียงอีกอันที่ใช้หั่นขึ้นฉ่ายก่อนหน้ามาหั่นผักอื่นๆ ต่อ
“หั่นเนื้อสัตว์และผักต้องแยกเขียงให้ชัดเจน ห้ามปะปนกันเด็ดขาด”
“ทำไม”
“เพราะเนื้อสัตว์ที่ไม่สุกจะทำให้เจ้าไม่สบาย หากหั่นผักต่อจากเนื้อสัตว์แล้วเจ้ากินเข้าไปโดยที่ไม่ได้ทำให้ร้อนก่อนก็จะไม่สบายเช่นกัน”
“ต้องทำสัญลักษณ์” เปาหลงทำสีหน้าเคร่งเครียดมองมายังนางอย่างจริงจัง
“ความคิดดี ไว้เรามาทำสัญลักษณ์กัน”
เสิ่นลี่อิงนำถู่โต้ว แครอท หอมใหญ่ ขึ้นฉ่าย และมะเขือเทศมาหั่นแบ่ง ก็พอดีกับเวลาที่ต้องตักฟองออกจากหม้อต้มไก่ “ตักฟองออกเช่นนี้จะทำให้เราได้น้ำแกงที่ใส ตักหมดแล้วข้าจึงจะเริ่มปรุงรส เกลือ ซีอิ๊ว น้ำตาลไม่ต้องมาก พริกไทยนิดหน่อย คราวนี้เปาเปาส่งผักมาช่วยข้าเร็ว”
“ขอรับ” เปาหลงหยิบให้นางทีละสองชิ้น แต่นางก็ปล่อยให้เขาทำไปเช่นนั้น เพื่อปลูกฝังนิสัยชอบช่วยเหลือในตัวเปาเปา
“อันสุดท้ายแล้ว เจ้าเก่งมาก เท่านี้ก็เรียบร้อย รอทุกอย่างนิ่มก็กินได้ เปาเปาไปล้างมือเถิดตรงนี้ข้าจัดการเอง” สิ้นคำนางเปาหลงก็ลุกไปทันที เสิ่นลี่อิงนำหนังหมูไปใส่ลงหม้อตุ๋นในมิติพร้อมกับน้ำแกงบะหมี่ที่ได้มา ตุ๋นทิ้งไว้หลังทานข้าวค่อยมาจัดการต่อ
นางจัดเตรียมทุกอย่างออกไปตั้งที่กลางบ้านรอรับแขกในยามโหย่ว โดยมีลูกมือตัวน้อยคอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่าง หาถ้วยหาจานมาวางอย่างแข็งขัน ปากก็บ่นอุบว่าไม่เข้าชุดเหมือนของที่จวนท่านพ่อ
จ้าาาา…รู้แล้วว่าเกิดมารวย
เมื่อนำหม้อน้ำแกงไก่ถู่โต้วมาตั้ง เสียงจินเหมยก็แว่วเข้ามาพอดี “ลี่อิง ข้ามาแล้ว เจ้าทำอะไรกินนั่น หอมมาหน้าบ้านเลยเชียว”
_______
ยามเว่ย หมายถึงเวลา 13:00 - 14:59 น.
ยามเซิน หมายถึงเวลา 15:00 - 16:59 น.
ยามโหย่ว หมายถึงเวลา 17:00 - 18:59 น.
บทพิเศษ 17 ต้องช่วยเหลือนาง เวลาของความสุขผันผ่านไปรวดเร็วเพียงชั่วกระพริบตา ชินอ๋องและพระชายาอยู่ในวัยใกล้ฝั่งเสียแล้ว บุตรล้วนเติบใหญ่ให้ได้ภาคภูมิใจมีครอบครัว และหลานมากมายให้ชื่นใจ ส่วนตนและฮูหยินคู่ใจก็ใช้เวลาส่วนใหญ่นึกย้อนถึงวันเวลาเก่าๆ แต่การหวนย้อนคิดเหล่านี้ ทำให้ชินอ๋องนึกถึงภาพฝันที่เคยอยู่เป็นเพื่อนยามค่ำคืนเสมอมา ตู้หนิงหลงในวัยชรากลับมาฝันถึงแม่นางผู้หนึ่งมาติดต่อกันหลายคืนแล้ว ความฝันนี้เป็นฝันเช่นเดียวกับยามเยาว์วัย เขามักจะฝันเห็นนางยิ้มหัวเราะ บางคราก็โกรธเกรี้ยว สลับกับการไปช่วยเหลือผู้คนที่ตกอยู่ในอันตรายร่วมกับแม่นางผู้นั้น เหตุการณ์ในฝันนั้นไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก แต่สุดท้ายก็มักจะจบลงเช่นเดิมคือ เขาและนางไปช่วยดับไฟสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อขึ้นไปด้านบน แม่นางผู้นั้นจะตกลงในหลุม จากนั้นเขาก็จะตกลงมาเช่นกัน แต่ร่างของชินอ๋องในฝันนั้น จะถูกโลหะแท่งใหญ่ปักทะลุอก กระอักเลือดออกมาคำโต จนแม่นางผู้นั้นกรีดร้องออกมาคล้ายดวงใจแตกสลาย ทว่าครานี้ฝันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ภาพที่ปรากฏยังคล้ายเดิม เพียงแต่ไม่มีร่างที่สมควรจะเป็นตัวของเขาอยู่ในฝันนั้น
บทพิเศษ 16 เผยเรื่องน่าอาย ตู้หนิงหลงผู้เป็นถึงชินอ๋องกำลังรอดักเรียกบุตรชายผู้เป็นรุ่ยอ๋อง เพราะยามกลับมาถึงจวนทีไร ก็มาในสภาพคลุกเคล้าไปด้วยฝุ่นผงทุกวัน ทั้งยังมีข่าวคราวหนาหูเกี่ยวกับว่าที่รุ่ยหวางเฟยให้ได้ยินนั่นอีก แต่เมื่อจะเรียกมาสอบถามกลับหลบหนีหายไปทุกครั้ง จนผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินรองจากฮ่องเต้ต้องมายืนพิงกำแพงจวน รอบุตรชายกลับมาด้วยตนเอง“เปาหลง” ชินอ๋องเอ่ยเรียก ตั้งมั่นว่าครานี้ต้องรู้เรื่องราวให้ได้ อ๋องน้อยผู้นี้บิดพลิ้วหนีคนที่สั่งให้มาตาม ปิดโอกาสสืบความใดไปเสียหมด“ท่านพ่อ! เหตุใดมาอยู่ตรงนี้ ข้าตกใจหมด” เปาเปาที่แม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เมื่อยามอยู่กับบิดาและมารดาเลี้ยง ก็กลับไปมีท่าทีเป็นเด็กเล็กๆ ไปทุกครา“ตามพ่อมา” หนิงหลงไม่ลื่นไหลไปกับบทสนทนาที่พยายามจะนอกเรื่องหาทางหลีกหนี เมื่อกล่าวจบก็พยักหน้าให้ทหารหิ้วปีกมุ่งไปที่ห้องหนังสือ“ท่านพ่อ ทำเช่นนี้ไม่ได้ ไม่รักษาภาพพจน์ข้าบ้างหรือ บุตรชายของท่านเป็นถึงรุ่ยอ๋องเชียวนะ” เปาหลงโวยวายเมื่อถูกลากเข้าจวน และยกทั้งร่างมาวางไว้ในเรือนกลางของผู้เป็นพ่อ... เปาหลงที่หันมองหาทางหนีทีไล่ ถอนหายใจอย่า
บทพิเศษ 15 รุกล้ำในชุดแดงวันมงคลของเสิ่นลี่อิงและองค์ชายเก้าเกิดขึ้นในวันที่ถัดมาจากวันที่ครบพันปีหนึ่งวันพอดิบพอดี เมื่อเซียนลี่บอกให้ตู้หนิงหลงผู้นี้รอไปพันปี เขาก็ทำเช่นนั้นตามข้อตกลงแต่องค์ชายผู้นี้ก็ยังคงไม่ยอมรับต่อหน้าคนรักอยู่ดีว่าการตัดสินใจให้เป็นคนรักกันไปพันปีของนางเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว หากขืนยอมรับไปเขาได้รับคำย้ำเตือนไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่แน่ ว่าทำอันใดก็ให้เชื่อนางจึงจะออกมาดีตู้หนิงหลงกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังห้องหอด้วยใจระทึก เขาถูกพี่ชายทั้งหลายล้อเลียนว่าเป็นเด็กแก่แดดแต่งงานตัดหน้าทุกคน และถูกบังคับให้กินเหล้าหลายจอกจนทรงตัวแทบไม่อยู่&nbs
บทพิเศษ 14 เป็นคนรักกันไปพันปีเมื่ออยู่ต่อหน้าเทียนจวินองค์ชายเก้าตู้หนิงหลงทำอย่างที่ลั่นวาจาไว้ เขากล่าวต่อหน้าผู้คนทั้งท้องพระโรงว่าต้องการสมรสพระราชทานให้เสิ่นลี่อิง มาเป็นพระชายาเอกในองค์ชายเก้า แรกเริ่มนางก็คิดหวังว่าอาจมีองค์เทพที่กล่าววาจาคัดค้านว่าเซียนเล็กๆ เช่นนาง แม้จะผลคะแนนแซงหน้าบุตรหลานชาวสวรรค์แต่กำเนิด แต่ที่มาไร้ความสูงส่งเช่นนี้ก็ไม่ใคร่ว่าจะเหมาะสมแต่ทว่าเรื่องนี้ก็ผิดความคาดหมายของเสิ่นลี่อิง เพราะนอกจากจะไม่มีใครคัดค้านแล้ว ยังเห็นดีเห็นงามว่าควรมีเซียนตัวเล็กตัวน้อยแต่งเข้าราชวงศ์ในตำแหน่งใหญ่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเผ่าสวรรค์นั้นไม่คิดรังเกียจแบ่งแยกผู้ใดเอ้า! จะมาใช้ข้าเป็นโครงการป
บทพิเศษ 13 ภารกิจจบการศึกษาเสิ่นลี่อิงที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าในวันที่ต้องไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย สองวันก่อนท่านอาจารย์ให้ทั้งสามสุ่มเลือกภารกิจที่พวกตนต้องรับผิดชอบ โดยที่จะไม่มีอาจารย์ท่านใดคอยช่วยเหลือนาง หนิงหลง และหลิวหยาง หากไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจนถึงตายไม่แน่ว่าทั้งสามโชคดีหรือร้าย เพราะภารกิจที่สุ่มได้มานั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีผู้พบเห็นน้อยมาก ความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรชนิดนี้มีเพียงหนึ่งบรรทัด ความอันตรายไม่แน่ชัดนัก เป้าหมายคือการจับเป็นเพื่อนำมาศึกษาหากให้ไปกำจัดอสูรร้ายคงง่ายกว่าเพราะทำจากระยะไกลได้“พี่สาววันนี้มีพี่หานมารอท่านด้วยอีกคน รีบออกมาเถิด องค์ชายเก้าดูกระวนกระวายใจ
บทพิเศษ 12 ม้ามืดฟ้าสดใสเปล่งประกายครึ่งปีที่ผ่านมาองค์ชายเก้ามันหาเรื่องราวให้ได้มาอยู่ใกล้เสิ่นลี่อิง หากนางรำคาญก็จะเปลี่ยนเป้าหมายไปตีสนิทเปาหลงแทน อ้างความเป็นพ่อลูกในภพมนุษย์จึงทำให้รู้สึกอยากสนิทด้วย“นี่วังของท่านไม่มีท้อให้กินหรือ เหตุใดต้องมาแย่งของเซียนเล็กๆ อย่างข้ากับพี่สาวด้วย” เปาหลงที่เห็นองค์ชายตู้หนิงหลงกินอย่างอิ่มเอมก็อดจิกกัดออกไปไม่ได้“วันนี้เป็นวันสอบทฤษฎี ข้าก็ต้องมาสอดส่องว่าคู่แข่งของข้าทำสิ่งใด” หนิงหลงยักไหล่คล้ายว่าตนไม่ได้ทำอันใดแปลกประหลาด“อย่างไรอันดับหนึ่งสองและสามก็ย่อมได้ไปสอบปฏิบัติเพื่อโอกาสที่จะจบการศึกษาเร็วกว่าเพื่อนในรุ่นครึ่งปีอยู่แล้ว







