แชร์

บทที่ 10 ให้น้าเล็กลงมือเอง

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-12 12:10:30

อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงวันเกิดอายุครบสิบเก้าปีแล้ว แต่ไป๋เหยากลับไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก ในชาติก่อนคุณพ่อคุณแม่จัดงานให้เธออย่างมีหน้ามีตา มีเพื่อนร่วมเรียนและแขกเหรื่อที่รู้จักมาร่วมงานมากมาย จากนั้นไม่นานเธอก็ตั้งครรภ์และแต่งงานกับหลัวจิ้ง

ไป๋เหยายกยิ้มเย็นชา ชาตินี้เธอจะไม่ทำตัวน่าอับอายอย่างนั้นอีกแน่

หลังจากเลิกเรียนแล้วเธอได้นัดหมายกับมู่จินว่าจะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ และแวะกินขนมด้วยกันเหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อหญิงสาวทั้งสองเดินออกมาจากมหาวิทยาลัยก็พบกับมู่เฉินที่กำลังยืนพิงรถจี๊ปอยู่ ชายหนุ่มดูโดดเด่นสะดุดตาจนหญิงสาวหลายคนหัวใจสั่นไหว ถึงกับมีผู้หญิงหลายคนส่งสายตายั่วยวนให้เขาอย่างออกนอกหน้า แต่ว่ามู่เฉินกลับไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นว่าไป๋เหยาและมู่จินมาแล้ว เขาก็รีบเดินเข้ามาหาพวกเธอทันที

"วันนี้ไม่มีอะไรทำ เลยมารับหน้าที่เป็นคนขับรถให้พวกเธอสองคน ขึ้นรถสิ"

มู่จินเบ้ปากพลางหยอกเย้าน้าเล็กของตนเอง

"น้าเล็กคะ ฉันไม่เห็นรู้เลยว่าน้าจะมีเวลาว่างด้วย คิดว่าอยู่กับดาราสาวที่ไหนเสียอีก"

มู่เฉินถลึงตาใส่หลานสาวตนเองทันที

"หุบปากไปเลยจินจินตัวแสบ พวกเธอจะไปไหนฉันไปส่งเอง รีบขึ้นรถเร็วสิ"

"จะไปกินขนมร้านตรงข้ามนั่นค่ะ ไม่ต้องขึ้นรถหรอก เดินไปก็ถึงแล้ว"

มู่จินพูดตัดบท และจูงมือไป๋เหยาให้เดินไปพร้อมกับตนเอง มู่เฉินส่ายหน้าก่อนจะเดินตามหลานสาวของตนไป

เมื่อสั่งขนมและน้ำชามาแล้ว มู่จินยังไม่ทันได้กินเลยสักคำ ก็มีเพื่อนร่วมชั้นเรียนในมหาวิทยาลัยมาบอกเธอว่างานที่เธอทำส่งอาจารย์ไปก่อนหน้านี้เกิดปัญหา ต้องรีบกลับไปจัดการแก้ไขทันที ไป๋เหยาคิดจะตามไปด้วยแต่มู่จินบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเธอก็จะกลับมาแล้ว ให้ไป๋เหยาอยู่เป็นเพื่อนน้าเล็กไปก่อน น้าเล็กของเธอไว้ใจได้ แต่หากเขาคิดลวนลามก็เอาน้ำในแก้วสาดใส่หน้าน้าเล็กได้เลย

มู่เฉินถึงกับอับจนถ้อยคำ หลานสาวตัวแสบนอกจากจะไม่เข้าข้างเขาแล้วยังสนับสนุนให้เพื่อนรักสาดน้ำใส่หน้าเขาอีกด้วย

ไป๋เหยาคลี่ยิ้มออกมา มู่เฉินที่เห็นอย่างนั้นก็เอ่ยกับเธอทันที

"เธอยิ้มอะไรกันเสี่ยวเหยา หรือว่าคิดจะสาดน้ำใส่หน้าฉันจริง ๆ"

ไป๋เหยาหยิบขนมขึ้นมากินพลางหยอกเย้ามู่เฉิน

"ก็ไม่แน่นะคะ ถ้าน้าเล็กลวนลามฉันจริง ๆ ฉันก็คงต้องเอาน้ำสาดหน้าน้าเพื่อป้องกันตัว"

มู่เฉินส่งเสียงเหอะในลำคอ เขายกถ้วยน้ำชาขึ้นมาดื่มและเอ่ยกับสาวน้อยตรงหน้า

"ฉันไม่ใช่ไอ้เวรหลัวจิ้งหรอกนะ ฉันไม่รังแกผู้หญิงที่ไม่ยินยอมพร้อมใจกับฉันหรอก"

เมื่อได้ยินมู่เฉินเอ่ยถึงหลัวจิ้ง ไป๋เหยาก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ หญิงสาวขยับเข้ามานั่งใกล้เขาเล็กน้อย มู่เฉินชะงักไปชั่วครู่ แต่ไม่ได้พูดสิ่งใด

"น้าเล็ก ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากจะปรึกษาน้าเล็กค่ะ"

ไป๋เหยาสาวน้อยไม่รู้เลยว่าตอนนี้มู่เฉินกำลังใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง กลิ่นหอมจากกายของเธอมันทำให้เขาแทบบ้า อยากจะดึงเธอเข้ามากอดเสียเดี๋ยวนั้น

แม้ในใจสั่นไหวจนเกินจะควบคุม ทว่าเขายังคงตีหน้าเฉย

"มีอะไร ไหนพูดมาสิ"

ไป๋เหยายกยิ้มก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

"คืออย่างนี้ค่ะ อีกไม่นานฉันจะจัดงานวันเกิด วันนั้นฉันจะทำให้หลัวจิ้งกับไป๋เย่รั่วมีความสัมพันธ์กัน ฉันจะให้พวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างเกลียดชังไปตลอดกาล ฉันคิดจะไปหาหลัวจิ้งเพื่อเสนอเรื่องเงินกับเขา ให้เขาทำตามที่ฉันขอ น้าเล็กคิดว่าแผนนี้ดีไหมคะ"

"ไม่ดี"

จู่ ๆ เขาก็ตัดบทเธอเสียดื้อ ๆ ไป๋เหยาขมวดคิ้วแล้วจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เธอคิดว่าการใช้วิธีนี้ดีมากแล้ว แต่เขากลับไม่เห็นด้วย

"ทำไมล่ะคะ"

"ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าอย่าเข้าใกล้ไอ้สารเลวนั่น"

"ฉันก็ไม่ได้เข้าใกล้เขานี่คะ ก็แค่ไปเสนอเงินให้เขา"

"เสี่ยวเหยา เธอก็รู้ดีแก่ใจว่าหลัวจิ้งมีนิสัยอย่างไร ประสบการณ์ในชาติก่อนไม่สอนอะไรเธอบ้างเลยเหรอ"

ไป๋เหยาเม้มริมฝีปากแน่น หญิงสาวหันมามองมู่เฉินอีกครั้ง และพบว่าตอนนี้เธอกับเขาอยู่ใกล้กันมาก

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เธอเป็นฝ่ายขยับเข้าหาเขาแบบนี้

ไป๋เหยาเริ่มวางตัวไม่ถูก เธอขยับตัวกลับมานั่งที่เดิมและไม่พูดอะไรอีก มู่เฉินเข้าใจดีว่าไป๋เหยาอยากจะแก้แค้น แต่เธอยังอ่อนต่อโลกเกินไป เสนอเรื่องเงินหลอกล่ออย่างนั้นหรือ ไอ้ชั่วนั่นนอกจากจะรับเงินไปแล้ว อาจจะลากเธอไปทำมิดีมิร้ายในบ้านมันก่อนแผนการจะสำเร็จน่ะสิ

เขาถอนหายใจออกมา แล้วบอกกับไป๋เหยาอย่างใจเย็น

"ไม่กี่วันก่อน ฉันส่งคนไปจับตาดูหลัวจิ้งและพบว่าพี่สาวของเธอไปหาเขาที่บ้าน ไป๋เย่รั่วมอบเงินให้เขาไปไม่น้อย และยังเป็นคนช่วยประกันตัวเขาจริง ๆ คนของฉันได้ยินพวกเขาสนทนากันว่าจะลงมือจัดการเธอในวันเกิด คาดว่าไม่ใช่เรื่องดี สองคนนั่นอาจจะทำให้เธอขายหน้าและตกเป็นของเขาในวันนั้น เพราะอย่างนี้เธอไปเสนอเงินให้เขาไม่ได้แล้ว เพราะเขารับเงินจากไป๋เย่รั่วไปแล้ว และเธออาจจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปตกหลุมพรางของพวกเขาเสียเอง เธอเข้าใจที่น้าเล็กพูดไหม"

ไป๋เหยาเงยหน้าขึ้นมามองมู่เฉินด้วยแววตาที่วูบไหว เธอคิดว่าตัวเองเดินหน้าแก้เกมได้แล้ว แต่ไป๋เย่รั่วกลับเดินนำหน้าเธอไปก่อนก้าวหนึ่ง

เธอยังคงตามไม่ทันพี่สาวจริง ๆ หรือ

มู่เฉินรับรู้ได้ถึงความกังวลใจของไป๋เหยา จึงรีบปลอบโยนเธอ

"เสี่ยวเหยาเธอไม่ได้โง่นะ เธอทำดีที่สุดแล้ว แต่คนชั่วน่ะย่อมมีแผนการนับไม่ถ้วนที่จะเอามาจัดการกับเธอ เพราะอย่างนั้นเธอไม่ต้องทำอะไร ให้ฉันจัดการเอง คนอย่างไป๋เย่รั่วและหลัวจิ้ง ต้องเจอกับคนที่ชั่วกว่าอย่างฉัน มันถึงจะสมน้ำสมเนื้อ"

"น้าเล็กคิดจะทำอะไรหรือคะ"

มู่เฉินยิ้มและไม่ได้พูดอะไรให้มากความ เขาบอกเธอว่าในวันเกิดให้ระมัดระวังเรื่องการกินและทุกอย่างให้ดี ๆ ไป๋เหยาพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่ายและไม่ได้ถามอะไรเขาอีก

ไม่นานมู่จินก็กลับมา บรรยากาศตึงเครียดจึงเบาบางลงไปได้ไม่น้อย

คนทั้งสามสนทนากันไม่นานนัก ไป๋เหยาก็ขอตัวกลับบ้าน ก่อนกลับเธอมองมู่เฉินอีกครั้ง เห็นเพียงชายหนุ่มตรงหน้ากำลังยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน

มู่จินชำเลืองมองน้าเล็กของเธอแล้วเดินเข้าไปใกล้เขา

"นี่น้าเล็ก น้าชอบเหยาเหยาของฉันใช่ไหมคะ ฉันเห็นน้ามองเพื่อนฉันตาไม่กะพริบเลย"

มู่เฉินหันมามองหลานสาวตัวแสบ และเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

"ใช่ ฉันชอบเพื่อนเธอ ชอบมาก และชอบแค่คนเดียว"

มู่จินเบ้ปาก กล่าวอย่างไม่ไว้หน้า

"ดาราสาวสองคนก่อนหน้าน้าเล็กก็เคยพูดแบบนี้ สุดท้ายก็เขี่ยพวกหล่อนทิ้ง"

"นั่นมันแต่ก่อน ตอนนี้ฉันโตแล้วนะ"

"น้าเล็กโตแต่ตัว แต่สมองน้าเล็กยังไม่โต"

"เธอรีบขึ้นรถไปเลย ก่อนที่ฉันจะทุบตีหลานสาวตัวเอง"

มู่จินแลบลิ้นใส่มู่เฉิน และรีบขึ้นไปนั่งในรถทันที ในขณะที่มู่เฉินกำลังจะขึ้นรถตามมู่จินไปก็ได้ยินเสียงหวานใสของหญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

"คุณมู่เฉินคะ"

ชายหนุ่มหันไปมอง และพบว่าเป็นไป๋เย่รั่วนั่นเอง

ก่อนหน้านี้ไป๋เย่รั่วเห็นว่าไป๋เหยาและมู่จินกำลังนั่งกินขนมอยู่ที่ร้านตรงข้ามมหาวิทยาลัย แล้วมู่เฉินก็อยู่ที่นั่นด้วย เธออยากเข้าไปทักทายเขา แต่กลัวว่าไป๋เหยาจะรู้ทันสิ่งที่เธอกำลังจะทำและพูดถึงเธอในทางที่ไม่ดีให้มู่เฉินฟัง เธอจึงรอเวลาให้ไป๋เหยากลับบ้านไปก่อนแล้วจึงเข้ามาหาเขา

เขาหล่อมากจริง ๆ ท่าทางภูมิฐานดูดีนั่นช่างน่าชวนมอง ที่สำคัญเขารวยมาก หากเธอได้แต่งงานกับเขาจะต้องสบายไปชั่วชีวิต

ก่อนหน้านี้เธอได้ยินไป๋เหยาเรียกเขาว่าน้าเล็ก เธอก็อยากเรียกเขาอย่างสนิทสนมเช่นนั้นเหมือนกัน

มู่เฉินปรายตามองไป๋เย่รั่วด้วยสายตาเย็นชา

"มีอะไร"

ไป๋เย่รั่วยิ้มให้เขาและเอ่ยอย่างออดอ้อน

"คือว่าฉันกำลังจะกลับบ้านน่ะค่ะ แต่ไม่ทันรถโดยสารแล้ว คุณช่วยไปส่งฉันหน่อยได้ไหมคะ อ้อ ฉันได้ยินเสี่ยวเหยาเรียกคุณว่าน้าเล็ก ฉันเองก็อยากเรียกด้วย ฉันขอเรียกคุณว่าน้าเล็กเหมือนเสี่ยวเหยาได้ไหม"

ไป๋เย่รั่วเฝ้ารอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ เธอพยายามทำตัวอ่อนหวานนุ่มนวล พวกผู้ชายร้อยทั้งร้อยยังไงก็ต้องหลงเสน่ห์ผู้หญิงน่ารักอ่อนหวานอย่างเธออยู่แล้ว

มู่เฉินรู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าช่างขวางหูขวางตาเขาเหลือเกิน จึงพูดกับเธออย่างไม่ไว้หน้า

"ขอโทษทีนะ เผอิญว่ารถฉันไม่ใช่รถสาธารณะไม่สะดวกให้คนแปลกหน้าขึ้นมานั่งตามใจชอบ หากเธอไม่ทันรถโดยสารก็เรียกรถที่บ้านมารับหรือเดินกลับเองสิ จะได้มองดูทิวทัศน์รอบตัวให้มากขึ้น สูดอากาศบริสุทธิ์ให้มาก ๆหน่อย สมองจะได้ไม่คิดแต่เรื่องชั่ว และที่สำคัญฉันไม่ชอบนับญาติกับใคร ฉันไม่ใช่น้าเล็กของเธอ ระวังคำพูดด้วย ก่อนจะนับญาติกับใครควรถามความเต็มใจของเขาก่อน ไม่ใช่ทำตัวแบบนี้ มันไร้มารยาทสิ้นดี!"

กล่าวจบชายหนุ่มก็เดินขึ้นรถและสั่งให้คนขับรถออกไปทันที มู่จินที่นั่งอยู่ในรถเมื่อเห็นว่าไป๋เย่รั่วเข้ามาพูดคุยกับน้าเล็กก็รีบเลื่อนกระจกรถลงคิดจะบอกไป๋เย่รั่วว่าให้ไปหว่านเสน่ห์คนอื่นเถอะ แต่เมื่อได้ยินที่มู่เฉินชิงด่าตัดหน้าเธอไปก่อนแล้ว หญิงสาวก็ถึงกับหัวเราะขบขันด้วยความชอบใจ

ไป๋เย่รั่วถูกมู่เฉินด่าจนหน้าชา เธอมึนงงจนทำสิ่งใดไม่ถูก

นี่เธอถูกเขาด่าอีกแล้วหรือ?

สามครั้งแล้วนะ!

เธอไม่อยากถูกเขาด่าเป็นครั้งที่สี่อีกแล้ว ใครพอมีหนทางช่วยเธอได้หรือไม่!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลามาเป็นเด็กดีของคุณน้าในยุค 80   ตอนจบ

    ตอนนี้ทุกอย่างที่เมืองตงฉางราบรื่นดี ใช้เวลาร่วมเดือนงานก่อสร้างก็คืบหน้าไปมาก มู่เฉินที่เห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเป็นห่วงแล้ว จึงคิดจะเดินทางกลับเมืองหลิงชุน เขาเองก็ไม่ค่อยอยากอยู่ที่ตงฉางมากนัก ที่นี่เงียบเกินไปเขาที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมานานปีจึงไม่ค่อยคุ้นชินเท่าใดนักเขาพาไป๋เหยาและมู่จินขับรถกลับเมือง หลิงชุนด้วยกันในเช้าวันต่อมา มู่จินมองเพื่อนรักและน้าเล็กของตนพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย เรื่องระหว่างคนทั้งสองเธอรู้หมดแล้วและไม่ได้คัดค้านอะไร ออกจะดีใจมากด้วยซ้ำที่จะได้เพื่อนรักมาเป็นน้าสะใภ้ของตนเองคนทั้งสามกลับมาถึงเมืองหลิงชุนในช่วงเย็นของวันนั้น คุณนายไป๋ไม่ได้ซักถามอะไรลูกสาวบอกเพียงให้รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและมากินมื้อเย็นด้วยกัน ไป๋เหยาเม้มริมฝีปากยังไม่กล้าบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าช่วงที่อยู่เมืองตงฉาง เธอและมู่เฉินมีความสัมพันธ์กันหลายครั้งแล้ว แม้จะมั่นใจว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางทอดทิ้งเธอ แต่ไป๋เหยาก็ยังรู้สึกประหม่าเหลือเกินด้านมู่เฉินนั้นเมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่เขาก็จัดการเก็บของตนเองเอาไว้ในห้องและไปอาบน้ำ หลังจากเปลี่ยนชุดและลงมาที่ด้านล่างก็พบว่าเป็นเวลามื้อเย็นแล้ว

  • ย้อนเวลามาเป็นเด็กดีของคุณน้าในยุค 80   บทที่ 23 ช่วยทำมากกว่าจะจูบได้ไหม

    ท้ายที่สุดมู่เฉินก็ตัดสินใจแจ้งเรื่องนี้กับสำนักงานตำรวจเมืองตงฉางและส่งตัวหลัวจิ้งให้ทางการทันที ตำรวจเข้าค้นที่เกิดเหตุและส่งหญิงสาวเหล่านั้นกลับบ้าน อีกทั้งยังเอาผิดพ่อแม่ของเธอที่ขายลูกสาวอย่างผิดกฎหมาย ถูกปรับหลายร้อยหยวน มู่เฉินที่ตามไปดูเหตุการณ์รู้สึกเวทนาพวกเขาไม่น้อย เพราะความยากจนทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจทำแบบนี้ ชายหนุ่มตัดสินใจจ่ายค่าเสียหายแทนพวกเขาเป็นเงินหลายพันหยวน และหางานให้หญิงสาวเหล่านั้นทำ ตอนนี้ที่เมืองตงฉางมีโรงงานตระกูลมู่ที่สร้างเสร็จและกำลังเปิดรับคนเข้าไปทำงาน เขาจึงให้พวกเธอไปสมัครงานที่โรงงานของเขาจะได้มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวส่วนหลัวจิ้งนั้นยังคงไม่ซัดทอดไปถึงใครทั้งนั้น เขาปิดปากเงียบและถูกจับกุมตัวเอาไว้ทางด้านเฉียนฟานที่เพิ่งเดินทางมาถึงและทราบเรื่องก็ลอบก่นด่าหลัวจิ้งเป็นร้อยครั้งที่ทำงานได้อย่างบัดซบที่สุด ซ้ำยังถูกตำรวจจับตัวได้อีก ครั้งนี้เขาทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากต้องล่าถอยและรีบกลับเมืองหลิงชุนไปก่อนเดิมทีเขาคิดว่านอกจากจะมารับตัวหญิงสาวพวกนั้นไปแล้วยังคิดจะมาดูมู่เฉินเสียหน่อยว่ามันทำอะไรไปบ้าง ที่สำคัญเด็กสาวคนนั้นก็ตามมันมาด้วย เขาเองพอจะรู้

  • ย้อนเวลามาเป็นเด็กดีของคุณน้าในยุค 80    บทที่ 22 สามีเก่าที่ไม่มีวันกลับใจได้

    ทางด้านไป๋เหยานั้นหลังจากที่ได้สติกลับมาแล้ว เธอรู้สึกว่าปวดไปทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะบริเวณศีรษะนั้นเจ็บมากที่สุด เธอพยายามหยัดกายลุกขึ้น หญิงสาวมองไปรอบ ๆ บริเวณ พบว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ในห้องเก่า ๆ ห้องหนึ่ง ไม่ไกลกันนักมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยหลายคนที่นั่งรวมตัวกันอยู่อีกมุมหนึ่ง พวกหล่อนมองไป๋เหยาอย่างหวาดหวั่น มีบางคนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดไป๋เหยาขมวดคิ้วมุ่น นี่มันเรื่องอะไรกันเธอพยายามคิดทบทวนถึงเรื่องก่อนหน้านี้ เดิมทีเธอออกมาเก็บผ้าพันคอ แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีคนใช้ของแข็งฟาดเข้ามาที่ท้ายทอยจนสลบไป พอฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่เสียแล้วหัวใจของไป๋เหยาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหนและใครกันที่เป็นคนจับตัวเธอมาไป๋เหยาพยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เธอไม่ใช่คนในพื้นที่ อีกทั้งยังไม่ใช่คนที่นี่แล้วทำไมถึงถูกจับตัวมากันนะ เธอมองพลางคิดจะหาทางหนีทีไล่ จึงขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวเหล่านั้นแล้วสอบถาม"ขอถามหน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่กันเล่า"หญิงสาวเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะมีอายุยังไม่ถึงสิบแปดปี พวกเธอมองไป๋เหยาอย่างหวาดกลัว

  • ย้อนเวลามาเป็นเด็กดีของคุณน้าในยุค 80   บทที่ 21 เมืองตงฉาง

    สองวันต่อมามู่เฉินและไป๋เหยาก็เดินทางไปเมืองตงฉางพร้อมกัน การเดินทางครั้งนี้มีมู่ จินร่วมเดินทางไปด้วย มู่เฉินกลัวว่าระหว่างที่เขาต้องไปทำงานไป๋เหยาจะเหงา จึงให้มู่จินมาอยู่เป็นเพื่อนกับเธอ อีกทั้งเขาต้องการให้คนบ้านตระกูลไป๋มั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดจะเอาเปรียบเธอคุณนายไป๋ยิ้มแล้วมองลูกสาวที่ออกไปพร้อมมู่เฉินและมู่จิน เดิมทีเธอยังค่อนข้างหนักใจที่ไป๋เหยาตกลงคบหากับมู่เฉินที่มีอายุห่างกันหลายปี แต่เมื่อเห็นว่าลูกสาวมีความสุขและมู่เฉินก็ดูแลไป๋เหยาเป็นอย่างดี เธอและสามีก็พอจะวางใจลงได้ไม่น้อยระยะทางจากเมืองหลิงชุนและตงฉางนับว่าต้องใช้เวลาเดินทางอยู่ไม่น้อย แต่มู่เฉินไม่ได้รีบร้อนเดินทางด้วยเครื่องบิน จึงถือโอกาสนี้นั่งรถส่วนตัวมาเพื่อจะได้ชมทิวทัศน์ข้างทางไปด้วย "นี่เหยาเหยา เธอลองกินขนมอบดูสิ ร้านนี้อร่อยมาก"มู่จินเอ่ยพร้อมกับยื่นห่อขนมมาให้เพื่อนรัก ไป๋เหยารับมากินชิ้นหนึ่งพบว่ารสชาติดีจริง ๆมู่เฉินหันไปมองหลานสาวของตนเอง และพูดขึ้นมา"จินจินตัวแสบ เธอกินเยอะจนแก้มบวมแล้ว อย่ามาชวนเสี่ยวเหยาของฉันกินเยอะเหมือนเธอสิ"มู่จินหันมาถลึงตาใส่น้าเล็กของตนพร้อมกับยื่นมือมาตีแขนมู่เฉินอย่า

  • ย้อนเวลามาเป็นเด็กดีของคุณน้าในยุค 80    บทที่ 20 จูบ

    อากาศยามเช้าวันนี้ค่อนข้างดี มู่เฉินตื่นนอนแต่เช้า หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินลงมารับมื้อเช้า เมื่อมาถึงห้องอาหารก็พบกับคุณพ่อที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด ชายหนุ่มทิ้งกายลงนั่งฝั่งตรงหน้าผู้เป็นพ่อพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม"ข่าววันนี้ไม่ดีเหรอครับ ทำไมพ่อหน้าเครียดแบบนั้น"มู่เฉิงพับหนังสือพิมพ์วางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับลูกชาย"หลายวันมานี้คล้ายพันธบัตรที่พ่อซื้อไว้เหมือนจะราคาตกลงไปไม่น้อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ราคายังขึ้นอยู่เลย อย่างนั้นคงต้องพักเอาไว้ก่อน ไม่ลงทุนเพิ่มแล้ว"มู่เฉินพยักหน้าช้า ๆ สมัยนี้คนชอบลงทุนซื้อพันธบัตรเก็บไว้ ช่วงไหนราคาขึ้นก็มีความสุขดีใจกันยกใหญ่ ช่วงไหนที่ราคาตกขาดทุนก็ถึงกับยิ้มไม่ออก เขาเองก็มีซื้อเอาไว้บ้างแต่ไม่ได้ลงทุนมากนัก"การลงทุนล้วนมีความเสี่ยงพ่อก็ระวังด้วยครับ ว่าแต่แม่กับพี่ล่ะ ออกไปแล้วเหรอครับ""อืม ออกไปที่โรงแรมแต่เช้าแล้ว แกรีบกินเถอะ พ่อมีเรื่องจะพูดกับแกหน่อย""ครับ"มู่เฉินพยักหน้าพร้อมกับรีบกินอาหารเช้าหลังจากที่เห็นว่าลูกชายกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่เฉิงก็เข้าเรื่องทันที"แกจะไปที

  • ย้อนเวลามาเป็นเด็กดีของคุณน้าในยุค 80    บทที่ 19 แม่บังเกิดเกล้า

    เมื่อหญิงวัยกลางคนผู้นั้นพูดว่ามู่เฉินคือลูกชายของเธอ ทุกคนในงานต่างแตกตื่นเป็นอย่างมาก แต่ไป๋เหยากลับมองด้วยแววตาที่เรียบเฉยชาติก่อนตอนที่เธอเริ่มจะล้มป่วยและยังไม่ได้นอนติดเตียงก็พอรู้ข่าวของมู่เฉินจากหน้าหนังสือพิมพ์อยู่แล้วแม่ที่แท้จริงของเขามีชื่อว่าจ้าวเหมย เธอทำงานอยู่ในบาร์เหล้าและมีความสัมพันธ์กับประธานมู่จนตั้งครรภ์ จากนั้นพวกเขาก็บีบบังคับเอาลูกของเธอมาเลี้ยง และขู่จะทำร้ายเธอ อีกทั้งยังบอกให้เธอรับเงินไปและอย่าเสนอหน้ากลับมาอีกเรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่และเป็นเรื่องฉาวโฉ่ที่ตระกูลมู่ไม่ต้องการให้คนนอกรับรู้ เพราะค่อนข้างส่งผลกระทบต่อหน้าตาของคนในตระกูลเป็นอย่างมากตอนแรกเธอรู้ว่าแม่ของเขาไม่ใช่คุณนายมู่ แต่ไม่เคยถามเขา เพราะอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่เมื่อได้เปิดใจคบหากัน มู่เฉินก็เล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังทั้งหมด เธอรู้สึกสงสารเขามาก ทั้งที่มีแม่ แต่แม่กลับไม่เคยรักเขาซ้ำร้ายยังใช้เขาเพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองอีกด้วยเธอมองจ้าวเหมยอีกครั้งและไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาประธานมู่และคุณนายมู่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี มู่เฉิงพ่อของมู่เฉินถึงกับหันมามองคนใช้ในบ้านอย่างค

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status