เข้าสู่ระบบ
ตกค่ำของวันเดียวกัน แม่แก้วถูกคุณพระเกี่ยวพากลับเมืองนนฯ ภายในวันนั้นเลยทันที แม้แต่ผ้าผ่อนของเธอก็ยังไม่มีเวลาเก็บกลับไปด้วย คุณหญิงแสยังไม่อยากจะเชื่อว่าแม่แก้วหล่อนจะมีจิตใจต่ำเพียงนี้ แต่อีกใจก็นึกสงสาร เพราะคุณหญิงรู้อยู่แก่ใจว่าการหลงผัวจนหน้ามืดมันเป็นเยื่องใด“ลูกรู้เรื่องนี้นานแล้ว เหตุใดจึงไม่เล่าสู่แม่ฟัง?”“ขออภัยขอรับคุณแม่ ลูกเพียงกลัวว่าคุณแม่จะเป็นกังวลขอรับ”“แล้วที่ทำถึงเพียงนี้ก็เพราะนังบัวงั้นหรือ?”“.....” พอถูกตั้งคำถามนี้ขุนเอกกลับไม่แม้แต่จะพูดตอบผู้เป็นแม่ เพราะจะมีหน้าอันใดไปพูดยืนยัน ในเมื่อคนที่ออกปากสั่งโบยบัวก็คือตัวเขาเอง ความเจ็บปวดที่แม่บัวได้รับไปก่อนหน้านี้คงยากคลายหาย“พ่อเอกรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นเพียงเมียทาส เก็บไว้ได้เพียงในเรือน หากแต่หาได้เอาไปอวดผู้ใดได้หนาลูก”“.....” คล้ายว่าขุนเอกจะเป็นใบ้เบี้ยเสียลิ้นไปเสียแล้ว คุณหญิงรู้ใจลูกชายเป็นไหน ๆ ลูกรักผู้ใดทำไมคนเป็นแม่จะไม่รู้ได้ แต่ก็อย่างที่เธอบอก นายเรือนไหนเล่าจะยกเมียทาสขึ้นบนเรือน ไม่มีผู้ใดทำหรอกหนาอีกฝั่งของเรือนเมียทาส เรื่องของคุณแก้วถูกพูดต่อกันเป็นวงกว้างในบ่าวทาส ไม่คิดว่าหล่อนจะคิด
ผ่านเวลาล่วงมาถึงวันนัดระหว่างคุณแก้ว และหมอตำแยผู้นั้น ก่อนรุ่งสางของวันเดียวกัน คุณแก้วส่งคนที่เธอใช้เงินปิดปากไปบอกข่าวต่อหมอตำแย ว่าวันนี้ให้เดินทางมาที่เรือนขุนเอกตามที่ได้บอกไว้ พร้อมกับพูดความเท็จเพื่อใส่ร้ายเมียทาสที่เป็นหนามเสี้ยนตำใจหล่อนตลอดหลายปีที่ผ่านมา“แม่แก้วกำลังรอผู้ใดอยู่งั้นรือ?”“หาไม่เจ้าค่ะคุณแม่” ถูกคุณหญิงแสทักขึ้น เมื่อเอาแต่เดินวนอยู่หน้าหัวกระไดตลอดหลายนาทีติด นี่ก็ใกล้ได้เวลาที่นัดไว้แล้ว ดูทีเธอจะตื่นเต้นไป หากไม่ระงับใจเสียหน่อยคงถูกจับได้เป็นแน่แม่หญิงเดินกลับเข้าไปหาคุณหญิงแสที่นั่งอยู่กลางเรือน วันนี้ท่านขุนไม่ได้เดินทางไปทำงานที่อื่น นี่เลยเป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะใช้เขี่ยอีบัวให้พ้นทางเสียที ท่านขุนก็กระไรแม้จะรู้ว่ามันทำให้ลูกของท่านตาย แต่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมากับเข้าหามันอยู่ตลอด ส่วนคนที่พร้อมเสนอตัวให้กลับไม่เคยสนใจ‘ทาสเยื่องมันมีดีกระไรนัก!?’“แม่แก้วเหตุใดจึงออกแรงหนักเพียงนั้นเล่า เห็นหรือไม่ว่าดอกไม้เฉาหมดแล้ว”!!!“ขออภัยเจ้าค่ะ”เป็นอีกครั้งที่โดนคุณหญิงแสเอ็ด ถึงจะพยายามทำตัวให้ดีมากเพียงใด แต่ก็คงจะไม่เป็นที่พึงใจเท่าอีเมียทาสผู้นั้นกระมั
เวลาล่วงเลยผ่านไปเกินกว่าสองวัน คุณแก้วยังคงวุ่นใจไม่หายกับท่าทีของผัวที่นับวันก็ยิ่งหมางเมินเธอขึ้นเรื่อย ๆ อดคิดไม่ได้ว่าพอไม่มีเรื่องลูกแล้ว เขาคงจะปฏิบัติต่อเธอไม่ต่างจากเมียทาสคนอื่น ๆ เฉกเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาวันนี้เห็นว่าดอกไม้หอมเริ่มผลิบานส่งกลิ่น เธอจึงหวังมาเก็บมันไปเพาะผ้าตามที่เคยได้ลั่นวาจาไว้เสียหน่อย แม้ว่าคราวนั้นเจ้าของผ้าแพรที่หมายเพาะให้จะไม่สนใจในถ้อยคำของหล่อนเลยก็ตามที“วันนี้เก็บดอกประยงค์ก่อนแล้วกัน คุณพี่ท่านชื่นชอบเป็นพิเศษ”“เจ้าค่ะคุณแก้ว”บ่าวสาวที่ติดตามหล่อนมาสักระยะพูดตอบรับคำสั่งผู้เป็นนายใหม่ ก่อนเร่งลงแรงเก็บดอกไม้หอมด้วยกันด้วยความบรรจง คล้ายเกรงว่าหากจับแรงมากเกินไปจะทำเอาดอกไม้ในมือนั้นเฉาได้“เก็บให้ดีล่ะ ข้าจะเอาไปเพาะผ้าแพรให้คุณพี่ หากดอกไม้ช้ำเพียงนิดเอ็งจะต้องโดนหวายทวนหลังจนกว่าข้าจะพึงใจ”“จะ เจ้าค่ะ”ความรัก ความซื่อสัตย์ของหล่อนที่มีต่อขุนเอกนั้นท่วมล้น ในวันที่ผู้เป็นพ่อเอ่ยปากบอกว่าคุณหญิงแสมาสู่ขอแม่แก้วให้ขุนเอกผู้เป็นลูกชาย วันนั้นจึงเป็นครั้งแรกที่หัวใจของเธอแรกแย้มเต้นระส่ำแตกเนื้อสาวแม้จะรู้ว่ายังเป็นได้เพียงเมียเล็ก ๆ แต่วันใด
เป็นไปตามที่คิดไม่ผิด คนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างก็คือคุณแก้ว หลังจากที่ลงทุนเอาเงินซื้อความลับไปเกือบหมดหมอยาคนนั้นก็ยอมเปิดปากพูดความจริง คงจะคิดเพียงว่าอย่างไรเสียบัวก็เป็นเพียงบ่าวทาสจะทำกระไรต่อได้ แน่นอนว่าอีบัวผู้นี้แหละจะเปิดโปรงความจริงทั้งหมดเอง!“โชคดีที่วันนี้คุณหญิงเลือกรับกับข้าวที่ทำง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นนะเอ็ง!”“ฉันขอโทษจ้ะ ครั้งหน้าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”เพราะเอาเวลาไปหาความจริงเสียเยอะ กลับบ้านมาอีกทีแม่จำปาที่รอท่าของจากตลาดก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับไปแล้ว ระหว่างช่วยกันลงครัวให้นายอยู่ก็ยังไม่วายโดนบ่นต่อจวนหูชาไปข้าง“ข้าปวดกระบาลกับเอ็งเสียจริง ไป...ไปให้พ้นหน้าข้า”“ใช้แรงงานเสร็จแล้วก็ไล่กันเลยรึจ๊ะ”“เอ๊ะ! นังนี่” บัวรีบวิ่งหนีออกมาก่อนที่จะโดนสากปาใส่หัวเข้าจริง ๆ กว่าจะเสร็จจากครัว ยามนี้ดวงตะวันก็เริ่มเลือนลับเต็มที จะว่าไปวาดจันทร์ก็แอบติดใจกับความเชื่องช้าของยุคสมัยแล้วเหมือนกัน ไม่รีบร้อนที่จะออกไปทำงานแต่เช้า ค่ำมาก็ต้องร้อนรนกลับบ้านเพื่อพักผ่อน ชีวิตในยุคนั้นต่างอะไรจากคำว่าวนลูปกันเรียวขาสวยก้าวเดินพาตัวเองไปอย่างไร้จุดหมาย กลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้ยา
หลังจากคืนนั้นบัวก็พยายามเลี่ยงหน้าขุนเอกอยู่ตลอด แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างนี้ได้อีกนานแค่ไหน บ้านก็ยังอาศัยเขาอยู่ ข้าวปลาอาหารก็ไม่มีอะไรเป็นของตนเลยสักอย่าง เห็นทีอีกไม่นานก็คงปะหน้ากันจัง ๆ บ้างแหละ“นี่พี่สาว ลดให้ฉันหน่อยไม่ได้หรือจ๊ะ”“ลดกระไรของเอ็งอี๊กนังบัว! เอ็งต่อราคาข้าคล้ายจะเอาของข้าฟรีอยู่แล้วนะโว๊ย!”วาดจันทร์นับว่าเป็นคนที่ปรับตัวได้เร็ว และเพราะมาจ่ายตลาดบ่อย ทำให้เธอได้วิชาการต่อรองราคาจากแม่จำปามาเต็ม ๆ นอกจากเราจะเป็นทาสของนายแล้ว เรายังต้องช่วยนายประหยัดเงินทองให้ได้มากที่สุดอีกด้วย“โธ่พี่สาวคนสวย ฉันมาซื้อของพี่บ่อยขนาดนี้ไม่เห็นใจกันเลยรึ?”“วะ!!! พี่สาวคนสวยกระนั้นหรือ”เอาแล้วอีบัว! สงสัยจะกวนใจแม่ค้ามากเกินไป คงจะไม่โดนผักฟาดหน้ากลับมาหรอกใช่ไหม คิดแล้วก็แอบหวั่นเอาเรื่องเหมือนกันแฮะ ทว่าสิ่งที่บัวคิดมักไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป“งั้นก็จ่ายข้ามาเท่าที่เอ็งอยากจ่ายก็แล้วกัน ผักสองกำจะไปพอกระไร เอาไปสักสามกำสิแม่บัว” บัวยิ้มจางออกมากราย ๆ คนไทยนี่ชอบบ้ายอกันมาตั้งแต่สมัยนี้เลยเหรอเนี่ย เหลือจะเชื่อเสียจริง...หลังจากที่ได้ต่อรองการค้ากันแล้ว ผักจำนวนสามกำ
“เอ็งขัดคำท่านได้กระไรนังบัว เหตุใดท่านขุนเรียกหาจึงไม่ไป!?”“วันพรุ่งต้องตื่นเช้า บัวกลัวจะตื่นสายน่ะจ้ะแม่”“นั่นหาใช่เรื่องที่เอ็งควรเกรง หากท่านขุนโกรธขึ้นมาสั่งโบยเอ็งอีกเล่า นี่ไม่ใช่คืนแรกที่ท่านเรียกหานะ กี่ค่ำกี่คืนเอ็งก็ไม่ยอมไปปะหน้าท่าน”บัวโดนบ่นเสียยาวเหยียด ทั้งยังถูกตั้งคำถามในตัวลูกสาวเพียงคนเดียวที่มี เป็นที่รู้กันดีว่าหากอันใดเป็นคำสั่งของนาย คนเป็นบ่าวเป็นทาสจะต้องเร่งทำตามด้วยความจงรักภักดี และยิ่งบัวที่ยังอยู่ในฐานะเมียทาสของท่านอยู่ ก็ยิ่งไม่ควรขัดคำ“แม่ไม่เป็นห่วงบัวหรือจ๊ะ ใครเขาจะเรียกผู้อื่นไปหายามนี้กัน”“เอ็งเป็นเมียของท่านขุน คนเป็นเมียก็ต้องดูแลปรนนิบัติผัวสิวะ”แม่จำปารู้ถึงเจตนาของท่านขุนที่เรียกหาลูกสาวของเธอ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเสียหน่อย หนำซ้ำไม่มีเมียทาสคนไหนกระทำเหมือนลูกตัวดีด้วย หากเป็นผู้อื่นคงจะเร่งไปเสนอตัวให้ถึงหอนอน“แม่จ๊ะ ฉันไม่อยากเป็นเมียของท่านขุนแล้ว ฉันจะต้องทำยังไงบ้างจ๊ะ”“เอ็งยังไม่หายบ้าอีกหรือ?! ไม่มีผู้ใดฝืนได้หรอกนะ คนที่จะตัดสินใจคือท่านขุนโน้น หาใช่เอ็งเสียหน่อย เฮ้อ...แปลกคนเสียจริง ไม่มีผู้ใดไม่อยากเป็นเมียของท่านหรอก







