นับตั้งแต่วันที่ครอบครัวหลินย้ายมาอยู่ที่ดินตีนเขา ทุกคนในครอบครัวต่างก็ปรับตัวและแบ่งหน้าที่เพื่อสร้างชีวิตใหม่ หลินฉิงอัน ผู้เป็นลูกสาวคนโต ก้าวขึ้นมาเป็นเสาหลักของครอบครัวอย่างแท้จริง นางตื่นแต่เช้าก่อนแสงอาทิตย์แรกจะสาดส่อง ด้วยตะกร้าสานคู่ใจที่พ่อเคยทำให้ นางเดินขึ้นเขาอย่างคล่องแคล่วเสมือนรู้จักทุกซอกมุมของป่า นางมีสายตาเฉียบแหลมในการมองหาสมุนไพรที่หาได้ยาก ผลไม้ป่าที่ออกผลในฤดู และเห็ดที่ซ่อนอยู่ในเงาของต้นไม้ใหญ่
บางวันเมื่อฟ้าโปร่ง หลินฉิงอันจะนั่งเฝ้าลำธารใสที่ไหลผ่านหลังที่ดิน นางนั่งนิ่งจนแทบไม่ไหวติง มือจับเบ็ดที่ทำเองจากไม้ไผ่ ปลาที่จับได้มีตั้งแต่ปลาขนาดเล็กไปจนถึงปลาขนาดกลาง แม้จะไม่ได้มากพอสำหรับขาย แต่ก็เพียงพอสำหรับนำกลับมาให้แม่หลินอ้ายปรุงอาหารหลากหลายเมนูเพื่อบำรุงร่างกายของพ่อ
“ฉิงอัน ตื่นแล้วหรือ?” หลินอ้ายถามขณะเดินออกมาจากครัวเล็ก ๆ พร้อมถังน้ำในมือ
“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะขึ้นเขาแต่เช้า วันนี้คงมีสมุนไพรให้เก็บเยอะ เพราะฝนตกเมื่อคืน”
หลังจากพักรักษาตัวมาหลายเดือน หลินฉางหยูฟื้นตัวเต็มที่ในที่สุด แม้ยังมีร่องรอยอ่อนล้าบ้าง แต่กำลังของเขาก็กลับคืนมาเพียงพอที่จะเริ่มทำงานเบา ๆ ที่ช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้ ระหว่างนี้ หลินฉิงอันได้วางแผนสำหรับการจับปลาเพื่อเพิ่มรายได้ของครอบครัว ด้วยความรู้จากภพก่อนของนาง นางคิดหาวิธีเก็บรักษาปลาให้สดนานที่สุดเพื่อขายในตลาดในเช้าของวันหนึ่ง ขณะที่ลมพัดอ่อน หลินฉิงอันใช้ไม้กิ่งเล็กขีดลงบนพื้นทรายใกล้ลานบ้าน วาดภาพตะกร้าขนาดใหญ่พร้อมบรรยายลักษณะให้หลินฉางหยูฟัง“ท่านพ่อ ตะกร้าที่ข้าต้องการต้องไม่มีช่องว่างระหว่างไม้ไผ่มากเกินไป และด้านในควรมีดินเหนียวปิดทับเพื่อเก็บน้ำไว้ นี่คือตะกร้าสำหรับใส่ปลาจำนวนมากเวลาที่เราขึ้นเขา”หลินฉางหยูนั่งขัดสมาธิพลางใช้มือจับคางครุ่นคิดตามไปด้วย“เจ้าคิดได้ละเอียดดีมาก แต่การใช้ดินเหนียวจะเพิ่มน้ำหนักนะ ลูกแน่ใจหรือว่าจะเข็นมันไหว?”“น้ำหนักอาจเพิ่มขึ
เช้าวันใหม่เริ่มต้นด้วยความเงียบสงบในบ้านหลิน หลังอาหารเช้าธรรมดาที่มีเพียงข้าวต้มร้อนและผักดอง หลินฉิงอันกับหลินฉางหยูเตรียมตัวออกเดินทางทันที นางสะพายตะกร้าเล็กใบหนึ่งพร้อมอาหารว่างเล็กน้อยสำหรับระหว่างทาง ขณะที่หลินฉางหยูตรวจดูรถเข็นปลาเป็นครั้งสุดท้าย“ท่านพ่อพร้อมหรือยังเจ้าคะ?” หลินฉิงอันถาม ขณะช่วยยกตะกร้าปลาขึ้นไปจัดบนรถเข็น“พร้อมแล้ว แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าเราต้องอ้อมไปทางนั้น? อีกทางน่าจะเดินทางง่ายกว่านี้” หลินฉางหยูถามด้วยความลังเลหลินฉิงอันส่ายหน้าเบา ๆ“ท่านพ่อก็รู้ว่าบ้านตระกูลจูคอยจับตามองเราอยู่ ถ้าพวกเขาเห็นเราอาจหาข้ออ้างมาข่มเหงอีก ข้าคิดว่าอ้อมไปทางนี้แม้ไกลกว่าแต่ปลอดภัยกว่าเจ้าค่ะ”หลินฉางหยูถอนหายใจ แต่ก็ยอมรับเหตุผลนั้น“เจ้าพูดถูก เราอย่าเสี่ยงเลย เอาเถอะ ไปกันเถอะ”ทั้งสองช่วยกันเข็นรถผ่านเส้นทางเล็ก ๆ รอบหมู่บ้าน เส้นทางเต็มไปด้วยก้อนหินและรากไม้ที่ทำให
เมื่อหลินฉิงอันและหลินฉางหยูมาถึงบ้านก็พบว่าไฟในครัวยังคงส่องสว่าง หลินอ้ายยืนรออยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“กลับมาแล้วหรือ? ข้าเตรียมข้าวไว้ให้ในครัว รีบล้างหน้าล้างมือแล้วมานั่งกินเถอะ”“วันนี้เหนื่อยมากหรือเปล่าท่านพ่อ? พี่ใหญ่?” หลินฉิงหยาง หนึ่งในแฝดน้องชาย ยื่นหน้ามองจากครัวด้วยความเป็นห่วง“ไม่มากหรอกลูกหยาง วันนี้ขายปลาได้ดี เจ้าอย่าห่วงเลย” หลินฉางหยูตอบพลางยิ้ม ก่อนจะวางรถเข็นไว้ข้างบ้านหลินฉิงอันเดินเข้ามาลูบหัวน้องชายทั้งสองคน“เจ้าทั้งสองช่วยแม่ล้างจานหรือ? ดีจริง ๆ ข้าได้กลิ่นสะอาดของจาน”“แน่นอน พวกเราต้องช่วยแม่สิ!” หลินฉิงเฉิงรีบพูด พร้อมยิ้มภูมิใจทั้งครอบครัวหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่หลินฉิงอันและพ่อของนางจะนั่งลงที่โต๊ะอาหาร หลินอ้ายรีบยกถ้วยข้าวและกั
หลังกลับจากบ้านผู้ใหญ่บ้าน หลินฉิงอันและหลินฉางหยูต่างเตรียมตัวอย่างรวดเร็วเพื่อเดินทางขึ้นเขาอีกครั้ง นางและพ่อไม่ได้พูดอะไรมากในช่วงแรกของการเดินทาง ทั้งสองจดจ่ออยู่กับการจัดเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ซึ่งได้ถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบในตะกร้าสานขนาดใหญ่ที่หลินฉางหยูประดิษฐ์เอง“วันนี้ฟ้าครึ้มเล็กน้อย ดูเหมือนจะไม่มีแดดจัดเหมือนเมื่อวาน” หลินฉางหยูเอ่ยขณะมองฟ้าด้านบน“เจ้าค่ะท่านพ่อ ดีเสียอีก เราจะได้ไม่เหนื่อยจากแสงแดด” หลินฉิงอันตอบพลางจัดการมัดผ้าคลุมศีรษะให้แน่นขึ้นเส้นทางขึ้นเขายังคงเหมือนเดิม เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ที่ให้ร่มเงา เสียงใบไม้กระทบกันดังเสนาะหู เสียงนกร้องเป็นจังหวะรื่นเริงสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบ หลินฉิงอันเดินนำหน้า มือของนางถือไม้เท้าเล็ก ๆ เพื่อช่วยประคองตัวบนทางลาดชัน“ฉิงอัน ลูกว่าเราจะได้ปลามากเท่าเดิมหรือไม่?” หลินฉางหยูถามพลางมองเส้นทางข้างหน้า“ถ้าหลุมยังสมบูรณ์และไม่มีใครมาพบเข้า ข้าคิดว่าเราน่าจะได้ปลามากพอเจ้าค่ะ” นา
หลินอ้ายตื่นขึ้นตั้งแต่ยามอิ๋น (ประมาณตีสามถึงตีห้า) หลังจากล้างหน้าและจัดผมเรียบร้อยแล้ว นางก็ก่อไฟในเตาอย่างเบามือเพื่อไม่ให้คนในบ้านตื่น นางตั้งใจทำอาหารเช้าอย่างง่าย ๆ ให้สามีและลูกสาวก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางไปขายปลาที่อำเภอไห่ตง"วันนี้ต้องทำข้าวต้มใส่ปลาเสียหน่อย จะได้มีแรงเดินทาง" หลินอ้ายพึมพำเบา ๆ กับตัวเองนางหั่นปลาสดเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นเติมน้ำซุปหอมกรุ่นลงไปในหม้อ ก่อนจะหยิบข้าวสุกที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานลงไปต้ม เสียงน้ำเดือดพล่านในหม้อผสานกับกลิ่นหอมของปลาและขิงที่ลอยฟุ้งไปทั่วครัว ทำให้หลินอ้ายรู้สึกอิ่มเอมใจเพียงหนึ่งเค่อ (ประมาณ 15 นาที) หลังจากนั้น หลินฉางหยูและหลินฉิงอันก็ตื่นขึ้นมา เสียงก้าวเท้าของพวกเขาดังขึ้นพร้อมกับเสียงสนทนาที่แสนอบอุ่น"ท่านแม่ ท่านตื่นเช้าเช่นนี้อีกแล้วหรือ?" หลินฉิงอันถามพลางยิ้มให้อย่างเอ็นดู นางเดินเข้ามาช่วยมารดาหยิบตะเกียบและถ้วยหลินอ้ายหันมายิ้มตอบ"ข้าต้องเตรียมอาหารให้พวกเจ้าเดินทางอย่
หลินฉิงอันก้าวไปข้างหน้าพลางกล่าวอย่างสุภาพ"พวกเรามีปลาสดที่จับมาจากแม่น้ำบนเขาเจ้าค่ะ อยากจะมานำเสนอให้กับโรงเตี๊ยมไห่ถังของท่าน หากท่านสนใจ ข้าคิดว่าพวกท่านคงจะพอใจกับคุณภาพของปลานี้"เมื่อเขาเห็นปลาสดที่อยู่บนรถเข็นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น"โอ้โห! ปลาสดงามถึงเพียงนี้ พวกท่านเป็นผู้จับมาหรือ?" เสี่ยวเอ้อถามด้วยความตื่นเต้นหลินฉางหยูพยักหน้า"ใช่แล้ว พวกเราเป็นชาวบ้านที่จับปลาเองจากแม่น้ำบนเขา ทุกตัวในนี้เพิ่งจับมาเมื่อวานและดูแลอย่างดีจนถึงตอนนี้ ท่านลองตรวจดูได้"เสี่ยวเอ้อก้มลงมองปลาก่อนจะหยิบปลาตัวหนึ่งขึ้นมาดูใกล้ ๆ เนื้อปลาสดใสและยังมีกลิ่นน้ำจาง ๆ ที่บ่งบอกถึงความสดใหม่"ยอดเยี่ยมจริง ๆ!" เสี่ยวเอ้ออุทานออกมา ก่อนจะยิ้มกว้าง"พวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปเรียกเถ้าแก่ให้มาตรวจดูด้วยตนเอง เถ้าแก่ของเราเป็นคนที่ชอบวัตถุดิบสดใหม่เช่นนี้มาก"ไม่นานนัก ชายวัยกลางคนรูปร่างสมส่วนในช
แสงอาทิตย์ยามบ่ายอ่อนโยนทอดผ่านแมกไม้ที่ไหวลู่ตามสายลม หลินฉิงอันกับหลินฉางหยูเดินเข็นรถเข็นกลับจากอำเภอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางและการซื้อขายมาตลอดวัน แต่ความสำเร็จที่ได้จากการขายปลาครั้งนี้ก็ทำให้ทั้งคู่รู้สึกคุ้มค่า“ท่านพ่อ” หลินฉิงอันเอ่ยขึ้นพลางหันมามองบิดา“ลูกคิดว่าการจับปลาควรวางแผนให้รัดกุมยิ่งขึ้น หากเราจับปลาในวันเดียวกับที่ต้องส่งปลา ข้ากลัวว่าจะเร่งรีบจนเกิดความผิดพลาด”หลินฉางหยูพยักหน้าพร้อมขมวดคิ้วครุ่นคิด“เจ้าพูดถูกนัก หากพวกเราจับปลาก่อนหนึ่งวันแล้วพักให้ตัวปลาสดชื่นในโอ่งดินก่อนนำไปส่ง คงจะดีกว่า”“อีกอย่าง” หลินฉิงอันเสริม“ลูกคิดว่าเราควรเตรียมของเพิ่มเติม เช่น ผ้าคลุมสำหรับป้องกันแสงแดดเผาตัวปลา หากทำเช่นนี้ โรงเตี๊ยมไห่ถังคงพึงพอใจในคุณภาพของปลามากขึ้น”หลินฉางห
"แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีเจ้าค่ะ ตอนนี้เรามีเงินเหลือจากการขายปลาตั้ง 500 อีแปะหลังจากซื้อของทุกอย่างแล้ว!"น้ำเสียงของหลินฉิงอันเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ"มากถึงเพียงนั้นเลยหรือ?"หลินอ้ายมีสีหน้าตกใจปนดีใจ ขณะยื่นมือมารับถุงเงินที่หลินฉางหยูส่งให้ นางเปิดถุงดู เห็นเหรียญอีแปะเรียงกันอย่างเป็นระเบียบในถุงผ้าสีน้ำตาลเล็ก ๆ"เจ้าค่ะ ข้าไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ทุกคนในบ้าน รวมทั้งซื้อข้าวสาร เนื้อ และเครื่องปรุงต่าง ๆ กลับมาให้ท่านแม่ใช้ในครัว แต่ยังเหลือเงินอีกตั้ง 500 อีแปะ แน่ะเจ้าค่ะ" หลินฉิงอันบอกอย่างกระตือรือร้นหลินอ้ายมองเงินในถุงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"ดีจริง ๆ ครอบครัวเราจะได้มีเงินเก็บไว้เผื่อยามจำเป็น อันเอ๋อร์ เจ้าเก่งนัก"หลังจากจัดเก็บของเสร็จ ทุกคนในครอบครัวก็มานั่งล้อมวงกินอาหารเย็นด้วยกันบนโต๊ะไม้ในครัว มีแสงตะเกียงน้ำมันเล็ก ๆ ส่องแสงให้บรรยากาศอบอุ่นหลินฉางหยูเริ่มเล่าถึงแผนการจับปลาและการทำสัญญากับโรงเตี๊ยมไห่ถัง"
หลังผ่านงานหมั้นของหลินฉิงอันไป ชาวบ้านในหมู่บ้านที่เข้าไปในเมืองก็กระจายข่าวดีนี้ให้ญาติมิตรที่เข้ามาซื้อสิ่งของกันในช่วงหน้าหนาวฟังกัน กระทั่งข่าวแพร่ไปถึงเจ้าเมืองเติ้ง เขายังไม่ได้นำของขวัญไปอวยพรปีใหม่เหิงอันโหวเลย พอได้ยินข่าวว่าหลินฉิงอันขุนนางขั้นสี่ได้หมั้นหมายกับแม่ทัพเหิงซึ่งเป็นหลานชายคนเดียวของเหิงอันโหวก็ยิ่งอยากไปเยี่ยมเยียนพวกเขาที่บ้านฮูหยินของเจ้าเมืองเติ้งเองก็อยากสร้างสัมพันธ์กับครอบครัวหลินเช่นกัน นางคิดว่าหากทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกันแล้ว สามีของนางคงได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย“ท่านพี่ หรือเราจะเตรียมของขวัญไปมอบให้ท่านโหวกับครอบครัวหลินดีเจ้าคะ”“ความคิดเจ้าไม่เลว เช่นนั้นก็สั่งพ่อบ้านหาสิ่งของมีค่าไปมอบให้พวกเขาวันพรุ่งนี้กันดีหรือไม่ เจ้าเองก็ช่วยสานสัมพันธ์กับฮูหยินหลินแทนข้าด้วยก็แล้วกันนะ”“ได้เจ้าค่ะ ข้าเองก็อยากรู้จักนางเช่นกัน ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดลูก ๆ ของนางจึงต่างมีความสามารถกันมากตั้งแต่
ชาวบ้านที่ให้ผู้อาวุโสของตนมาทาบทามหลินฉิงอันเป็นต้องหน้าเสียไปตาม ๆ กัน เมื่อเหิงอันโหวเอ่ยปากขอหมั้นด้วยตัวเอง พวกเขามีหรือจะกล้าต่อกรกับคนใหญ่คนโตเช่นนี้ ถึงแม้จะเสียดายการหมั้นหมายครั้งนี้มากก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังต้องเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างที่เหิงอันโหวบอกก่อนหน้านี้ว่าหลินฉิงอันเป็นถึงขุนนางขั้นสี่ พวกเขาที่เป็นชาวบ้านคงไม่อาจเอื้อมหมายเด็ดดอกฟ้ากันได้อีกไม่นานนักรถม้าทั้งสิบคันของจวนโหวก็มาจอดเรียงรายกันที่ด้านข้างลานหน้าเรือนหลัก จากนั้นองครักษ์และบ่าวของจวนโหวทยอยยกหีบใบใหญ่หลายหีบลงมาจากรถม้า ชาวบ้านต่างมองหีบทั้งหลายตาโต พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าเหิงอันโหวจะเตรียมการเกี่ยวกับของหมั้นมามากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งละอายใจที่หาญกล้าไปขอหลินฉิงอันหมั้นหมายก่อนหน้านี้พ่อบ้านใหญ่เห็นพวกเขาวางหีบเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ เขาก็สั่งให้คนเปิดหีบทีละใบเพื่ออ่านรายการของหมั้นที่ยาวเป็นหางว่าวเพราะมีหีบทั้งหมดถึงหนึ่งร้อยแปดใบตามเลขมงคลครอบครัวหลินตอนนี้อ้าปากค้างกันไปหมดเมื่
พ่อบ้านใหญ่เห็นว่าทุกคนเตรียมตัวพร้อมสำหรับเริ่มพิธีการปักปิ่นแล้ว เขาเริ่มเอ่ยลำดับขั้นตอนการทำพิธีตั้งแต่เริ่มต้นทันที“ขอเชิญขุนนางขั้นสี่หลินฉิงอัน เข้าประจำตำแหน่งเพื่อเริ่มพิธีการขอรับ”หลินฉิงอันพยักหน้ายิ้มรับคำพ่อบ้านใหญ่ ก่อนที่นางจะเดินไปยังตำแหน่งประธานของงานในวันนี้ซึ่งอยู่หน้าห้องโถงเรือนหลัก บรรดาชาวบ้านที่นั่งกันอยู่ที่โต๊ะตรงลานหน้าบ้านล้วนมองเห็นพิธีการกันอย่างทั่วถึง“ขอเชิญท่านเหิงอันโหวสวมเสื้อคลุมให้คุณหนูหลินขอรับ”เมื่อประโยคนี้สิ้นสุดลง เหล่าชาวบ้านต่างฮือฮากันขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่าตำแหน่งโหวนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่จากเสื้อผ้าอาภรณ์ของเหิงอันโหวแล้ว พวกเขาก็คิดว่าจะต้องไม่ใช่ขุนนางธรรมดาเป็นแน่หลินฉางหยู หลินอ้าย หลินฉิงเฉิงและหลินฉิงหยางเองก็ตกใจไม่น้อย พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าอาจารย์ปู่จะเป็นถึงท่านโหวของแคว้นเลยทีเดียว ส่วนหลินฉิงอันนั้นนางเดาได้มานานแล้วว่าท่านปู่ผู้นี้จะต
งานเลี้ยงปีใหม่ผ่านไปอย่างสนุกสนาน ยิ่งกับการกินหมูกระทะในครั้งนี้นั้นทำให้ทุกคนต่างติดอกติดใจ หลินฉิงอันจึงมอบเตาและกระทะให้กับบ่าวและครอบครัวท่านลุงของนางเป็นของขวัญด้วยก่อนงานเลี้ยงจะสิ้นสุดลง หลินฉิงอันก็นำหยกพกมอบให้กับบ่าวทั้งหมดรวมทั้งคนในครอบครัวของนางเอง ส่วนของบ้านท่านลุงนั้นนางไม่ได้ทำให้ เพราะนางอยากให้พวกเขาออกแบบลวดลายบนหยกด้วยตนเอง หลินฉิงอันยังมอบเงินให้ครอบครัวท่านลุง 500 ตำลึงเพื่อนำไปทำหยกพกเช่นกัน คราแรกท่านลุงของนางไม่ยอมรับเงินจำนวนนี้ แต่ด้วยเหตุผลและการคะยั้นคะยอของคนในครอบครัวทำให้เขาต้องยิ้มรับมาอย่างจนใจ เขายังสัญญากับครอบครัวน้องสาวด้วยว่าจะนำเงินนี้ไปใช้จ่ายตามที่หลานสาวของเขาต้องการเหิงอันโหวกับคนในจวนโหวที่มาต่างยอมรับนับถือในความใจกว้างของครอบครัวหลินฉิงอัน น้อยนักที่พวกเขาจะเห็นครอบครัวชาวบ้านยอมจ่ายเงินจำนวนมากออกไปอย่างไม่เสียดายเช่นนี้ ยิ่งพ่อบ้านคนสนิทของเหิงอันโหวที่มาเพราะอยากเห็นหน้าว่าที่หลานสะใภ้ของท่านโหวด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งยอมรับในความมีน้ำใจของครอบครัวว่าที่นายหญิ
ก่อนเที่ยงวัน หวังไห่ หลี่หมิง เหมยลี่และอิงฮวาก็เดินทางมาถึงเรือนหลัก พวกเขารีบเข้าไปคารวะเหล่านายท่านที่กำลังรออยู่“คาราวะนายท่าน นายหญิง คุณหนูใหญ่ขอรับ/เจ้าค่ะ”“พวกเจ้าตามสบายเถอะ ก่อนมาที่นี่ พวกเจ้าปิดร้านกันดีแล้วหรือยัง”“เรียบร้อยดีขอรับคุณหนูใหญ่ นี่เป็นสมุดบัญชีทั้งสองเล่ม ข้าน้อยนำมาให้ท่านตรวจสอบด้วยขอรับ”หลินฉิงอันยื่นมือไปรับสมุดบัญชีทั้งสองเล่มมาวางเอาไว้ที่โต๊ะด้านข้าง ก่อนจะบอกให้พวกเขานำสัมภาระไปเก็บที่เรือนพักในที่ดินอีกฝั่งหนึ่ง เพราะที่นั่นยังมีเรือนพักว่างอีกมากนักหวังไห่กับคนอื่น ๆ ขอตัวลาเหล่านายท่านก่อนจะออกไปขับรถม้าไปยังที่ดินอีกฝั่งหนึ่งเพื่อเก็บข้าวของที่นำมาด้วย โดยมีโจวซานทำหน้าที่พ่อบ้านเดินตามรถม้าของพวกเขาไปยังเรือนพักตั้งแต่เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวเต็มตัว บ้านหลินก็หยุดการรับซื้อผลไม้ทั้งหมดและให้บ่าวช่วยกันแช่อิ่มผลไม้ที่เหลื
หลังจากองครักษ์ทั้งแปดนำสิ่งของต่าง ๆ ที่หลินฉิงอันสั่งคนจัดเตรียมเอาไว้ขึ้นเกวียนครบแล้ว พวกเขาก็ใช้ม้าหกตัวในการลากเกวียน ส่วนม้าอีกสองตัวนั้นวิ่งขนาบข้างคอยคุ้มกันสิ่งของบนเกวียนใหญ่ก่อนที่ขบวนขององครักษ์จิงหยานจะออกเดินทาง เหิงอันโหวได้ฝากจดหมายให้พวกเขานำไปส่งหลานชายด้วย หลินฉิงอันเองก็ฝากจดหมายไปเช่นกัน นางยังแนบแบบเกือกม้าและอานทั้งหมดให้ไปด้วย เพราะนางเห็นว่าสิ่งของพวกนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับกองทัพของเหิงจิ้งกั๋ว“พวกเจ้าออกเดินทางได้แล้ว ประเดี๋ยวหิมะจะตกลงมาเสียก่อน”“ขอรับนายท่านผู้เฒ่า” องครักษ์ทั้งแปดรีบรับคำเหิงอันโหว“ขอให้พวกพี่ชายเดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ อย่าลืมว่าถ้าหิมะตกให้เปลี่ยนล้อเป็นแบบลากเลื่อนด้วยนะเจ้าคะ จะได้เดินทางสะดวก”“ขอรับคุณหนูหลิน ขอบคุณสำหรับเสบียงระหว่างเดินทางด้วยขอรับ”เหิงอันโหวกลัวว่าพวกเขาจะออกเดินทางสายไปมากกว่
อีกสองสัปดาห์จะเข้าหน้าหนาวอย่างเต็มตัวแล้ว หลินฉิงอันนึกถึงอากาศที่หนาวเย็นในปีที่แล้วขึ้นมา นางจึงคิดที่จะสร้างเกือกม้าและอานม้า รวมทั้งชุดม้า ลา สำหรับให้พวกมันใส่เพื่อป้องกันความหนาวเย็นด้วยหลินฉิงอันใช้เวลาว่างถึงสามวันวาดแบบออกมาเท่าที่นางจำได้ จากนั้นจึงนำแบบไปปรึกษากับเฉียนซื่อและเฉินกังก่อนให้พวกเขานำเงินไปสั่งทำที่ร้านตีเหล็กในเมือง นางไม่รู้ว่าราคาจะแพงมากหรือไม่จึงให้เงินพวกเขาไป 100 ตำลึงเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนหนังสัตว์ที่นางต้องการนำมาให้ท่านแม่กับพี่สาวหลิงฟางเย็บให้นั้นก็สั่งให้พวกเขาซื้อมาด้วยจำนวนมาก นางให้เงินพวกเขาไปอีก 100 ตำลึงเช่นกันจะได้ไม่เสียเวลากลับมานำเงินไปซื้อของหลายครั้งหลินอ้ายไม่ได้ทักท้วงอะไรที่เห็นหลินฉิงอันใช้เงินจำนวนมากในครั้งนี้ นางรู้ดีว่าบุตรสาวทำสิ่งใดก็ล้วนแล้วแต่เพื่อประโยชน์ของคนในบ้านทั้งนั้น เรื่องชุดในบ้านที่นางเองจะมอบให้บ่าวรับใช้ก็เสร็จครบทั้งหมดแล้ว หลินอ้ายนึกถึงเสื้อคลุมกันหนาวขึ้นมาได้ นางจึงคิดจะส่งโจวซานไปสอบถามราคาที่ร้านค้าดูก่อน หากราคาแพงเกินไป นางค
สองวันต่อมา หลินฉิงอันเข้าเมืองกับชุนจินเพื่อไปรับหยกพกที่นางสั่งทำไว้ก่อนหน้านี้ หลินฉิงอันจ่ายเงินที่เหลือก่อนจะรับหยกพกมาตรวจสอบดู รูปแบบหยกที่สลักออกมาทำได้อย่างสวยงามตามที่นางวาดภาพเอาไว้ให้ช่างแกะสลัก ซึ่งหลินฉิงอันให้ช่างแกะสลักเป็นรูปผลไม้ต่าง ๆ รอบตัวหยก ตรงกลางมีคำว่า “林” สลักเอาไว้อย่างสวยงาม หยกพกของบ่าวทั้งหมดเหมือนกัน ส่วนหยกพกอีกห้าอันสำหรับคนในครอบครัวนั้น หลินฉิงอันใช้รูปเมฆมงคลและศาลากลางน้ำหลังเล็กโดยตรงกลางสลักคำว่า “หลิน” เช่นกัน เพิ่มเติมเพียงด้านหลังจะมีชื่อเจ้าของหยกแต่ละอันสลักเอาไว้ สีของหยกยังเป็นหยกมันแพะสีขาวนวล แตกต่างจากสีหยกของบ่าวในเรือนที่เป็นหยกสีเขียวธรรมดาหลังจากรับของมาทั้งหมดแล้ว หลินฉิงอันนำถุงหยกทั้งสองถุงเก็บเอาไว้ในรถม้าอย่างดี ก่อนที่นางจะไปยังร้านขายของชำเพื่อซื้อเครื่องปรุงรสเพิ่มเติม รวมทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง ถั่วเขียว ถั่วเหลืองเพิ่มด้วย ถึงแม้เมื่อวานทางร้านจะนำไปส่งที่บ้านนางจำนวนมาก แต่หลินฉิงอันก็ยังคงเผื่อเหลือเอาไว้อีกนิดหน่อย นางรู้ดีว่าการเ
คืนนั้นหลินฉิงอันใช้เวลาครึ่งค่อนคืนเพื่อเขียนรายการสิ่งของจำเป็น เสบียงอาหารที่จะต้องซื้อในปีนี้ให้พอเพียงกับคนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นในครอบครัว นางคิดด้วยว่าปีที่แล้วนางชวนครอบครัวกินหม้อไฟไปแล้ว ปีนี้นางอยากให้พวกเขาได้ลองกินหมูกระทะดูบ้าง หลินฉิงอันจึงร่างแบบหม้อสำหรับทำหมูกระทะตามความทรงจำในภพก่อนออกมา ด้วยคนจำนวนมากในบ้าน หลินฉิงอันคิดจะสั่งทำหม้อสัก 50 ใบเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนเตานั้นนางก็จะต้องซื้อเพิ่มมาด้วยเพื่อให้พอเพียงสำหรับวางหม้อหมูกระทะที่นางต้องการหลังอาหารเช้าวันต่อมา หลินฉิงอันอ่านรายการสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ พร้อมกับเสบียงอาหารจำนวนมากให้หลินอ้ายและหลินฉางหยูฟังเป็นเวลานาน หลินอ้ายและหลินฉางหยูยังบอกรายการสิ่งของเพิ่มเติมสำหรับการนำมาเป็นเสบียงอาหารในปีนี้ด้วย พวกเขาคิดว่าคนจำนวนมากจะต้องได้กินอิ่มนอนหลับในขณะที่อยู่ร่วมกันกับพวกเขาที่หมู่บ้านหลินฉิงอันไม่ได้ปฏิเสธรายการต่าง ๆ ที่พ่อและแม่นางเสนอ หลินฉิงอันทำเพียงแค่เพิ่มรายการต่าง ๆ เข้าไปในกระดาษเท่านั้น“ลูกค