คนอื่น ๆ เมื่อรู้ข่าวว่าหยูฉิงอันกำลังจะคลอดต่างก็รีบมาที่หน้าเรือนเพื่อรอคอยเด็กแฝดทั้งสองอย่างตื่นเต้น ตอนนี้เหิงจิ้งกั๋วได้แต่เดินไปมาอย่างกระวนกระวาย ตอนที่เขาอุ้มภรรยาตัวน้อยเข้าไปในห้องนั้น เขารู้สึกหวาดกลัวว่าการคลอดของนางจะไม่ปลอดภัยจนไม่อยากออกมาจากห้องนั้นแม้แต่น้อย หากหยูฉิงอันไม่บอกให้เขาออกไปเพราะนางไม่อยากให้เขาเห็นภาพการคลอดลูกที่น่ากลัวแล้วล่ะก็ เขาคงไม่ยอมออกมาง่าย ๆ เขากลัวว่านางจะกังวลเรื่องตนเองจึงออกมาเดินอย่างร้อนรนเช่นนี้ ยิ่งได้ยินเสียงร้องของภรรยาตัวน้อย หัวใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดนัก หากเขาสามารถคลอดแทนนางได้และรับความเจ็บปวดทั้งหมดแทนนางได้ เขาคงทำไปแล้ว
“จิ้งกั๋ว เจ้าหยุดเดินไปมาได้หรือไม่ ปู่ตาลายจะแย่แล้วเนี่ย”
“โธ่ ท่านปู่ขอรับ ข้าเป็นห่วงฉิงอันนี่ขอรับ”
“เจ้าคิดว่าคนอื่นเขาไม่ห่วงหรืออย่างไรกัน เพียงแต่ตอนนี้นางอยู่ในมือหมอแล้ว เจ้าก็ทำใจดี ๆ เอาไว้แล้วนั่งรออย่างสงบเสีย ไม่เช่นนั้นปู่จะไล่เจ้าไปรอที่อื่น”
<หยูฉิงเฉิงเริ่มต้นปรับปรุงดินจากสามหมู่บ้านแรกที่ให้ความร่วมมือกับทางการก่อน เขานำปุ๋ยหนึ่งกระสอบมาโรยลงบนที่ดิน 30 หมู่ ที่ทหารช่วยกันปรับหน้าดินที่แข็งกลับขึ้นมาให้กับหมู่บ้าน เรื่องการขุดคลองนั้นเจ้าเมืองจิ่งอันเริ่มต้นขุดคลองเล็กแยกออกมาจากแม่น้ำใหญ่ที่ไหลผ่านตามแผนผังที่หยูฉิงเฉิงวาดให้ ช่างตีเหล็กในเมืองยังได้รับจ้างสร้างจอบขุดดินที่แข็งแรงตามแบบที่หยูฉิงอันวาดให้กับหยูฉิงเฉิงนำมาด้วย ซึ่งหากจะทำเป็นคันไถโดยใช้แรงงานวัว ควายก็คงจะยุ่งยากเกินไป หยูฉิงอันจึงให้สร้างเพียงจอบที่ราคาไม่สูงมากนัก นางยังมอบเงินให้กับหยูฉิงเฉิงนำมาพัฒนาเมืองถึงห้าพันตำลึงอีกด้วย ส่วนงบประมาณที่กรมเกษตรให้มานั้นมีเพียงสามพันตำลึงเท่านั้น ซึ่งหยูฉิงอันกลัวว่าจะไม่เพียงพอสำหรับการพัฒนาเมืองและหมู่บ้านที่ยากจนแร้นแค้นมาเป็นเวลานานหลายสิบปีเงินจำนวนมากนี้ทำให้หยูฉิงเฉิงเริ่มงานได้อย่างสบายใจ เขาใช้เงินจ้างชาวบ้านให้ช่วยกันปรับปรุงหน้าดินบริเวณอื่นนอกเหนือจากแปลงที่กำลังทำเป็นตัวอย่างซึ่งทหารของจวนกั๋วกงเป็นคนลงมือ ทำให้ชาวบ้านที่คราแรกไม่ยอมให้ความร่วมมือ ยิ
เมื่อหยูฉิงเฉิงประกาศจบ เขาก็สั่งให้เจ้าเมืองพาไปยังจวนรับรองอย่างไม่ให้เสียเวลา ตอนนี้พวกเขามาถึงเมืองจิ่งอันเลยเที่ยงมามากแล้ว ขบวนคนและทหารต่างยังไม่ได้กินอะไร หยูฉิงเฉิงจึงกลัวว่าทุกคนจะเหนื่อยล้าไปมากกว่านี้ เจ้าเมืองจิ่งอันไม่กล้าขัดคำสั่งจึงรีบนำทางขบวนขุนนางใหญ่ไปยังจวนรับรองที่ให้คนเตรียมเอาไว้ให้ ซึ่งจวนนี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตอันใด แถมยังทรุดโทรมมากเนื่องจากไม่ได้รับการดูแลมานาน ส่วนเรื่องอาหารการกิน เจ้าเมืองจิ่งอันยังมีเพียงอาหารพื้นถิ่นเล็กน้อยเท่านั้น หยูฉิงเฉิงได้แต่ขมวดคิ้วกับการต้อนรับเช่นนี้ เพียงแต่เขาเคยลำบากมาก่อนในตอนเด็ก เขาจึงไม่ยี่หระที่จะกินอาหารที่ไม่เหมือนดั่งอาหารสักเท่าไหร่ขุนนางผู้ช่วยกับทหารจากจวนกั๋วกงเห็นว่าหยูฉิงเฉิงไม่ได้ตำหนิอะไรเรื่องนี้ พวกเขาจึงต้องกล้ำกลืนกินอาหารที่ไม่ต่างจากอาหารหมูเข้าไปเช่นกัน หยูจิ่นเซิงซึ่งอยู่ท่ามกลางเมืองชายแดนมาตลอดก็ไม่ได้พูดสิ่งใดเช่นกัน ในเมื่อหลานชายเขายังสามารถกินสิ่งเหล่านี้เพื่อประทังชีวิตได้ เขาผู้เป็นปู่มีหรือจะทำให้หลานชายลำบากส
หนึ่งเดือนผ่านไป หยูฉิงอันออกจากอยู่ไฟมาได้สองสัปดาห์แล้ว นางได้รับรายงานว่าตอนนี้ราชสำนักเพาะพันธุ์มันฝรั่งออกมาได้มากถึง 10 ตันแล้ว หยูฉิงอันจึงส่งฎีกาถวายฝ่าบาทเพื่อให้ส่งตัวแทนจากกรมเกษตรนำมันฝรั่งออกไปแจกจ่ายยังเมืองใกล้เคียงเพื่อให้ทดลองปลูกเสียก่อน หากมีมันฝรั่งที่เพาะได้เพิ่มขึ้นก็ค่อยขยายวงแจกจ่ายออกไปให้ทั่วทั้งแคว้นในภายหลัง นางเชื่อว่าการปลูกมันฝรั่งจะช่วยให้ชาวบ้านยากจนสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะปลูกขายหรือปลูกไว้กินเองก็ล้วนแต่เป็นประโยชน์ทั้งนั้น นางยังแนะนำให้ฝ่าบาทเลือกส่งมันฝรั่งไปยังพื้นที่แห้งแล้งแถบเมืองจิ่งอันและบริเวณใกล้เคียงก่อน เพราะที่นั่นมักจะเกิดการขาดแคลนอาหารเนื่องจากดินไม่เหมาะกับการทำเกษตรฮ่องเต้ได้รับฎีกาของหยูฉิงอันมาก็พิจารณาดูว่าควรส่งใครไปดี กระทั่งพระองค์นึกขึ้นได้ว่าหยูฉิงเฉิงนั้นควรได้รับบททดสอบในครั้งนี้ ฮ่องเต้จึงเขียนราชโองการแต่งตั้งให้หยูฉิงอันทำหน้าที่ผู้ช่วยพิเศษของกรมเกษตรเดินทางไปพร้อมขุนนางผู้ช่วยอีกสองคนเพื่อแจกจ่ายมันฝรั่งไปยังเมืองจิ่งอันและบริเวณโดยรอบให้ทด
สัปดาห์ที่สองหลังคลอด เหิงจิ้งกั๋วปรึกษากับท่านปู่ของตนเองเรื่องการขอลาออกจากราชการเพื่อช่วยหยูฉิงอันดูแลบุตรและเรื่องงานของนางด้วย“เจ้าคิดดีแล้วหรือ?”“ข้าคิดดีแล้วขอรับท่านปู่ อย่างไรตำแหน่งของข้าตอนนี้ก็เป็นถึงกั๋วกงซื่อจื่อ การทำงานให้ราชสำนักอย่างไรข้าก็ยังต้องทำอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนเป็นมาช่วยงานฉิงอันเท่านั้นเองนะขอรับ”“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจดีแล้ว เจ้าก็ถวายฎีกาลาออกส่งให้กับฝ่าบาทพิจารณาเถอะ ปู่เองก็เป็นห่วงงานของฉิงอันไม่น้อยเช่นเดียวกัน ในอนาคตนางคงต้องออกเดินทางไปทั่วทั้งแคว้นเพื่อพัฒนาบ้านเมืองเป็นแน่ หากมีเจ้าร่วมทาง ปู่ก็คงวางใจได้บ้าง”“ขอบคุณท่านปู่ที่เข้าใจขอรับ เช่นนั้นข้าจะไปเขียนฎีกาแล้วนำไปถวายฝ่าบาทก่อนนะขอรับ”“อืม… เจ้ารีบไปเถอะ ปู่จะไปเล่นกับเหลนสักหน่อย”ทั้งสองต่างแยกย้ายกันไป ตอนนี้หยูจิ่นเซิง เฉียนหลาน หลิ
คนอื่น ๆ เมื่อรู้ข่าวว่าหยูฉิงอันกำลังจะคลอดต่างก็รีบมาที่หน้าเรือนเพื่อรอคอยเด็กแฝดทั้งสองอย่างตื่นเต้น ตอนนี้เหิงจิ้งกั๋วได้แต่เดินไปมาอย่างกระวนกระวาย ตอนที่เขาอุ้มภรรยาตัวน้อยเข้าไปในห้องนั้น เขารู้สึกหวาดกลัวว่าการคลอดของนางจะไม่ปลอดภัยจนไม่อยากออกมาจากห้องนั้นแม้แต่น้อย หากหยูฉิงอันไม่บอกให้เขาออกไปเพราะนางไม่อยากให้เขาเห็นภาพการคลอดลูกที่น่ากลัวแล้วล่ะก็ เขาคงไม่ยอมออกมาง่าย ๆ เขากลัวว่านางจะกังวลเรื่องตนเองจึงออกมาเดินอย่างร้อนรนเช่นนี้ ยิ่งได้ยินเสียงร้องของภรรยาตัวน้อย หัวใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดนัก หากเขาสามารถคลอดแทนนางได้และรับความเจ็บปวดทั้งหมดแทนนางได้ เขาคงทำไปแล้ว“จิ้งกั๋ว เจ้าหยุดเดินไปมาได้หรือไม่ ปู่ตาลายจะแย่แล้วเนี่ย”“โธ่ ท่านปู่ขอรับ ข้าเป็นห่วงฉิงอันนี่ขอรับ”“เจ้าคิดว่าคนอื่นเขาไม่ห่วงหรืออย่างไรกัน เพียงแต่ตอนนี้นางอยู่ในมือหมอแล้ว เจ้าก็ทำใจดี ๆ เอาไว้แล้วนั่งรออย่างสงบเสีย ไม่เช่นนั้นปู่จะไล่เจ้าไปรอที่อื่น”
ฮ่องเต้ที่ทราบข่าวการมาถึงของเหิงกั๋วกงก็รีบออกคำสั่งให้หมอหลวงและหมอตำแยในวังรีบเข้าไปยังจวนกั๋วกงทันที พระองค์ได้รับสารมานับเดือนแล้วจึงได้ตระเตรียมคนให้พร้อมเอาไว้ เพราะตัวพระองค์เองก็เป็นกังวลเกี่ยวกับการคลอดบุตรแฝดของฮูหยินน้อยซึ่งเป็นถึงที่ปรึกษาพิเศษของแคว้นคนสำคัญด้วยมหาเสนาบดีได้รับรายงานก็รีบเดินทางมายังจวนกั๋วกงเช่นกัน เขาส่งคนไปรายงานฝ่าบาทเบื้องต้นถึงเรื่องเมล็ดพันธุ์แล้ว รอเพียงได้รับฎีการายละเอียดที่ฮูหยินน้อยซื่อจื่อจะส่งให้เสียก่อน เขาจึงจะนำเมล็ดพันธุ์ทั้งหมดเข้าไปยังวังหลวงและขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทต่อไปเหิงกั๋วกงกับเหิงจิ้งกั๋วนั่งรอมหาเสนาบดีเซี่ยที่เพิ่งมาถึง หลังจากที่ทำความเคารพทักทายกันเล็กน้อยแล้ว เหิงกั๋วกงก็พูดถึงเรื่องเมล็ดพันธุ์ทั้งสามชนิดให้กับมหาเสนาบดีเซี่ยฟังทันที โดยมีเหิงจิ้งกั๋วคอยเสริมหากมีสิ่งใดที่ท่านปู่ของเขาตกหล่นรายละเอียดไปบ้างมหาเสนาบดีเซี่ยตั้งใจฟังทุกอย่างกระทั่งจบสิ้นกระบวนการเพาะเมล็ดพันธุ์ที่ขุนนางที่ปรึกษาพิเศษเขียนเอาไว้