Share

ตอนที่ 4 ตรวจสอบร่องรอย

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-10-08 01:43:31

“เชิญ”

อวิ๋นเอ๋อร์ผายมือให้ไป๋เยี่ยนหรงถอยไปยืนตำแหน่งที่สมควร นางทำตามด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจกลับข่วนขย้ำตัวเองอยู่เงียบ ๆ

“ฝ่าบาทเสด็จ!”

ไม่ทันให้ใครได้คิดอะไรยาว เสียงกลองก็ดังขึ้นพร้อมด้วยเสียงขานของขันที ฮ่องเต้เสด็จมาแล้ว ทุกคนคุกเข่าโดยพร้อมเพรียง พิธีถวายพระพรเริ่มต้นอย่างเป็นระเบียบ

จังหวะหนึ่ง จ้าวเยี่ยนฝูชำเลืองมองข้าง เห็นพระชายาหลินยืนตรงในตำแหน่งที่ไม่ใช่ข้างกายเขา แต่ก็ไม่ห่างจนถูกลืม สิ่งนั้นเรียบง่าย แต่ทำให้เขาแปลกใจว่าทำไมถึงรู้สึกสบายตา

ตอนพิธีใกล้จบ ขุนนางผู้หนึ่งก้าวออกมากล่าวถวายฎีกาเรื่องการทุจริตเสบียงในคลังกลาง เรื่องเดียวกับที่อวิ๋นเอ๋อร์เพิ่งสืบเจอเบาะแส นางเงยหน้าเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่เพราะนี่เร็วกว่าสคริปต์เกมที่นางเคยเล่นเสียอีก

“เสบียงหายไปเป็นระยะ ๆ ขอฝ่าบาททรงโปรดสืบสวนอย่างจริงจังด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เขากระแทกหน้าผากกับพื้นเย็นเฉียบ

ฮ่องเต้เลิกคิ้ว “เรื่องนี้ ให้กรมอาญาและกรมกิจการพลเรือนร่วมกันตรวจ”

ห้องทั้งห้องเงียบลงเล็กน้อย สองกรมนี้อยู่ในความดูแลของหลินมู่เซิน และเจ้ากรมกิจการพลเรือนอย่างขุนนางไป๋อย่างชัดเจน บรรยากาศเริ่มคุกรุ่นแบบคนฉลาดรู้ทันมองหน้ากันแล้วหัวเราะไม่ออก

อวิ๋นเอ๋อร์ก้มหน้าตามมารยาท แต่ในใจตั้งโต๊ะกระดานวางหมากไว้แล้ว ถ้าให้สองตระกูลจับมือสืบในเรื่องที่อาจสะเทือนทั้งสองตระกูลได้ คนกลางที่ไม่มีส่วนได้เสียต้องทำให้ความจริงเดินได้

เมื่อพิธีเสร็จ ผู้คนทยอยออกทีละกลุ่ม นางกำลังจะถอยก็ได้ยินเสียงเรียบ ๆ นั้นดังข้างหู

“เจ้า...” จ้าวเยี่ยนฝูเอ่ยเรียกนาง

นางหันไป “เพคะ”

“เมื่อวาน เจ้าพูดว่าความยุติธรรมต้องไปพร้อมกับความสงบ วันนี้...” เขาเว้นวรรค มองนางนานพอให้หัวใจไหลลงไปอยู่ที่เท้า

“เจ้าคิดว่าราชสำนักจะรักษาความสงบได้อย่างไร เมื่อต้องเปิดท้องล้วงไส้ตัวเองให้คนดู”

คำถามไม่ใช่กับดัก แต่ยากพอให้มือใหม่สะดุด อวิ๋นเอ๋อร์ยิ้มนิดเดียว ก่อนจะเอ่ยตอบ

“ด้วยวิธีเดียวกับที่หม่อมฉันทำในจวนอ๋องเพคะ ทำให้ความจริงเป็นสิ่งที่ผู้คนอยากฟัง เพราะฟังแล้วชีวิตเขาดีขึ้น ไม่ใช่แย่ลง”

เขามองนางราวกับอ่านตัวหนังสือยาก ๆ บนกระดาษแผ่นเก่า ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็พยักหน้าในระดับที่แทบมองไม่เห็น

“ตามข้ามา”

“ไปไหนหรือเพคะ”

“ไปดูร่องรอยที่เจ้าอยากให้คนอื่นเห็น”

คลังเสบียงหลวงส่วนที่อยู่ใต้การดูแลของกองทัพเป็นอาคารยาวทมิฬ เสียงนกกระจอกร้องหนึ่งทีแล้วเงียบลง กลิ่นข้าวสารและฝุ่นคละคลุ้ง อวิ๋นเอ๋อร์เดินตามจ้าวเยี่ยนฝูพร้อมกับเว่ยหลางและผู้คุมไปอย่างเงียบ ๆ นางสวมถุงผ้าขาวบางที่ขอจากโรงครัวคลุมรองเท้าก่อนเข้าไป คนทั้งแถวมองด้วยความงุนงง

“จะทำอะไร” จ้าวเยี่ยนฝูมองปลายเท้านาง

“กันฝุ่นติดรองเท้าเพคะ” นางสบตา “หรือกันร่องรอยที่ไม่พึงประสงค์ติดรองเท้าหม่อมฉันออกไปนอกคลัง”

คำว่าร่องรอยทำให้เว่ยหลางเหลือบมองเชิงเอ็นดู นางเหมือนเด็กน้อยที่กำลังถือพู่กันแล้วเขียนนิยามให้ทุกคนฟังชัด ๆ

นางเริ่มจากขอสมุดเบิกรับเสบียงย้อนหลังหนึ่งเดือน ไล่นิ้วทีละแถว ชี้จุดที่มีการแก้ไขหมึกซ้ำซ้อน แล้วขอให้ยกกระสอบบางส่วนออกมาชั่งน้ำหนักจริงเทียบกับตัวเลขบนบันทึก ในขณะที่คนอื่นกำลังทักท้วงว่าทำแบบนี้มันเสียเวลา แต่นางก็เงยหน้าพูดเพียงคำเดียว

“แค่นี้ก็เรียกว่าเสียเวลาหรือเพคะ แล้วเวลาที่เสบียงหายไป ใครจะคืนเวลาเหล่านั้นให้ทหารที่อดอยากเล่าเพคะ”

เสียงทักท้วงเงียบลงทันที คนยกของก้มหน้าลงและวางกระสอบอย่างตั้งใจขึ้นหนึ่งระดับแบบเห็นได้ชัด ไม่นานนัก ร่องรอยต่อแปลก ๆ ก็โผล่ คลังฝั่งทิศตะวันออกด้านหลังมีช่องอากาศที่สามารถลอบหย่อนถุงเล็ก ๆ ออกไปข้างนอกได้โดยที่ทหารเฝ้าเวรยามไม่เห็น รอยฝุ่นที่พื้นบ่งบอกว่าช่องนี้ใช้งานจริง ไม่ใช่แค่รูโง่ ๆ ที่ไม่มีใครสนใจ

“ผงถ่าน”

อวิ๋นเอ๋อร์ยื่นมือไป เว่ยหลางส่งถุงจิ๋วที่พกติดตัวมาให้ นางโรยเบาบางตรงร่องไม้และริมขอบทางอย่างเงียบ ๆ เหมือนนักเวทย์ที่กำลังหยิบผงดาวจากฟ้า

“รอครู่หนึ่ง” นางว่าเบา ๆ

ครึ่งชั่วยามต่อมา ชายสองคนเดินอ้อมจากด้านนอกกลับเข้ามาทางหน้าคลังอย่างไม่รู้เรื่อง มองเห็นกลุ่มเจ้านายยืนอยู่ก็สะดุ้งโหยง ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนลอบเงียบไม่ใช่ใบหน้าตกใจนั้น หากแต่เป็นคราบผงดำบนขอบรองเท้าที่บอกเล่าเรื่องราวยิ่งกว่าคำพูดใด ๆ อวิ๋นเอ๋อร์ไม่ชี้หน้าด่า นางเพียงกล่าวเสียงเรียบ

“รองเท้าเจ้าติดร่องรอย” นางหันไปทางอ๋องห้า “ท่านอ๋องเพคะ อยากฟังเขาพูดก่อน หรือให้คนเขียนคำสารภาพ”

จ้าวเยี่ยนฝูหลุบตา เขานิ่งกริบในแบบที่สามารถคุมสนามรบให้ได้ด้วยลมหายใจเดียว

“พูดมา!”

คนหนึ่งทรุดคุกเข่าเอ่ยเสียงดัง

“ท่านอ๋องโปรดเมตตา! ข้า...ข้าน้อยไม่ได้คิดให้ดีก่อนทำ คิดเพียงจะหยิบไปแลกสุราสักสองสามจอกจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

“คนที่อยู่ข้างหลังเจ้า...” อวิ๋นเอ๋อร์ถามตรง “ชื่ออะไร แล้วเจ้าจะไปแลกสุรากับใคร บอกมาให้หมด”

คราวนี้อีกคนหน้าเสียกว่าเดิม ในแววตาเขามีทั้งความกลัวทั้งความตกใจ พลางคิดว่าสตรีผู้นี้มองแล้วช่างดูน่ากลัวพิลึก เขาอ้ำอึ้งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนหลุดคำหนึ่งออกมา ซึ่งเป็นชื่อของเสมียนที่สังกัดกรมกิจการพลเรือน

ทุกอย่างเงียบลง จ้าวเยี่ยนฝูเชิดคาขึ้นงช้า ๆ ดวงตาเย็นจนผงถ่านแทบแข็งตัว

“เว่ยหลาง”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“สืบต่อ จากคนนี้ไล่ขึ้นไปให้ถึงต้นตอ ไม่ว่าใครที่เกี่ยวข้อง จับมาให้หมด!”

“รับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ”

อวิ๋นเอ๋อร์ตั้งสติ นี่เร็วกว่าสคริปต์อีกแล้ว แต่ดีกว่าปล่อยให้รากเน่าอยู่ใต้ดิน นางเงยหน้าขึ้น เจอสายตาคมของท่านอ๋องห้าที่มองตรงมา ครั้งนี้ไม่เฉียดผ่าน แต่สัมผัสแนบแน่นเหมือนเห็นนางอยู่จริง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่เงา

“ความยุติธรรมของเจ้า...” เขาเว้นวรรค “เสียงดังมากในความเงียบงัน”

นางหัวเราะน้อย ๆ “ถ้าเงียบแล้วผู้คนไม่ฟัง ก็ทำให้มันน่าฟังเสีย”

เขาพยักหน้าช้า ๆ ราวกับพอใจในคำตอบ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากนัก

“กลับจวน”

“เพคะ”

ครั้นเท้าก้าวพ้นคลัง เสียงฝีเท้าเบาบางของใครบางคนก็ตามมา ไป๋เยี่ยนหรงในชุดสีครามเข้ม คราวนี้นางไม่ยิ้มละมุน แต่คลี่ยิ้มอย่างคนสนใจเรื่องสนุกจริง ๆ

“พระชายาหลินทรงไม่ผิดเลยที่เรียกมันว่าเรื่องน่าสนุก...” นางพูดเหมือนชม แต่หางเสียงดูมีอะไรแปลก ๆ

อวิ๋นเอ๋อร์ผายมือ “ข่าวลือมักเป็นเรื่องสนุก ถ้าเราไม่มีเรื่องสนุกของเราเอง ข่าวลือก็จะกินเราก่อน”

ไป๋เยี่ยนหรงหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันก็จะหาเรื่องสนุกของหม่อมฉันเองบ้าง เช่น ขอร้องให้ฮองเฮาพิจารณาแต่งตั้งชายารองให้ท่านอ๋องห้าถ้าเป็นเช่นนั้น ในราชสำนักเรื่องนี้คงสนุกไม่น้อยเลย”

อวิ๋นเอ๋อร์วางคางนิด ๆ “ข้าหวังว่าความสนุกของคุณหนูไป๋จะไม่ทำให้ใครเจ็บปวด ไม่ไปหักมือใครมาช่วยหรอกนะ”

ไป๋เยี่ยนหรงยิ้มน้อย ๆ เป็นยิ้มแบบดอกไม้ที่ปลายหนามคม

“ความเจ็บปวดบางครั้งก็ทำให้คนตื่นรู้ว่าจริง ๆ แล้วตนอยากได้อะไร”

“ก็จริงอย่างเจ้าว่า” อวิ๋นเอ๋อร์พยักหน้า “และบางครั้งก็ทำให้คนรู้ว่าสิ่งที่ตนอยากได้ไม่ใช่ของที่ควรจะได้”

ดวงตาของไป๋เยี่ยนหรงนิ่งงันชั่วพริบตา ก่อนจะคลี่ยิ้ม

“ก็รอดู”

นางก้าวผ่านไป ทิ้งกลิ่นดอกไม้หอมไว้จาง ๆ อวิ๋นเอ๋อร์ยืนเงียบ หัวใจไม่ได้สั่นเพราะกลัว แต่สั่นเพราะรู้ว่าพายุลูกใหม่กำลังก่อตัว และคราวนี้กระแสลมจะหวนกลับมาปะทะกันตรงกลางท้องพระโรง ไม่ใช่หลังฉากกั้น

“พระชายา” เว่ยหลางออกมายืนข้าง ๆ “เมื่อครู่คำพูดของท่านเมื่อครู่ดียิ่งนัก ข้าข้าน้อยพูดจริงนะพ่ะย่ะค่ะ ปกติข้าน้อยไม่ค่อยเอ่ยชมผู้ใด”

อวิ๋นเอ๋อร์หัวเราะ “ข้าก็ไม่ได้หวังคำชมจากใครเช่นกัน”

เขาเอียงหน้า คล้ายจะยิ้ม “ท่านอ๋องบอกให้ข้าน้อยตามดูแลความปลอดภัยของท่านช่วงนี้ ใครบางคนคงไม่เพียงพอใจกับสิ่งที่ท่านเปิดเผย

“ข้าจะระวังตัว” นางพยักหน้า “แต่ข้าก็จะไม่หยุดหรอกนะ จนกว่าคนที่ควรถูกเปิดโปง จะถูกเปิดโปงจริง ๆ”

เว่ยหลางก้มศีรษะ “เช่นนั้น ไปกันเถอะพ่ะย่ะค่ะ พระชายา”

เย็นวันนั้น เมื่ออาทิตย์เอนลงหลังหลังคากระเบื้อง ในจวนอ๋องเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำชาขิงและเสียงหัวเราะเบา ๆ บ่าวคนหนึ่งยื่นถาดขนมถั่วกวนยื่นให้คนอื่น ๆ ชิม อีกคนกำลังสาธิตวิธีเขียนชื่อบนป้ายกฎใหม่ด้วยตัวหนังสือสวย ๆ

“พระชายาเพคะ” ม่ออี๋ยกกระดาษมาหนึ่งแผ่น “นี่คือรายการคนไม่รู้หนังสือที่หม่อมฉันให้คนที่อ่านออกอ่านกฎให้ฟังแล้ว ขีดไว้ครบเพคะ”

อวิ๋นเอ๋อร์รับมา หัวเราะคิกคัก “เก่งมาก ต่อไปอีกสองสามวันให้วนอ่านซ้ำอีกจนจำได้ขึ้นใจ ใครท่องได้ ข้าจะให้รางวัล”

“รางวัลอะไรหรือเพคะ” บ่าวรับใช้ตาโตทันที

“ขนมฝีมือแม่ครัวเฒ่า กับวันหยุดหนึ่งวัน”

เสียงเฮฮาดีใจดังขึ้นรอบห้องจนแก้วชาสั่น บางคนโผกอดกันอย่างลืมตัว ก่อนรีบผละออกเพราะนึกได้ว่าต้องสำรวมกิริยา แต่ยิ้มก็ไม่หยุด

อวิ๋นเอ๋อร์ยิ้ม เอาเถอะ จะเรียกว่าซื้อใจก็เรียกไปเถอะ ซื้อด้วยความยุติธรรมและขนม มักอยู่ได้นานกว่าซื้อด้วยไม้เรียวแหละนะ

นางเพิ่งยกถ้วยชาขึ้น จู่ ๆ เสียงฝีเท้าด่วนก็หยุดหน้าชานเรือน คนส่งข่าวหอบจนไหล่ยุบ

“เรียนพระชายา...มีประกาศจากฝ่ายใน เอ่อ...จากฝ่ายราชกิจวังเพคะ พรุ่งนี้เช้า เรื่องบางเรื่องจะถูกหยิบยกทูลต่อหน้าฮองเฮา”

คำว่าเรื่องบางเรื่องในวังหลวงตอนนี้มีความหมายเดียวก็คือ เรื่องตั้งชายารองของท่านอ๋องห้า

ม่ออี๋หันมามองอย่างตกใจ อวิ๋นเอ๋อร์วางถ้วยชาลงอย่างสงบกว่าที่ใจคิด

“ขอบใจมาก เจ้าไปพักเถอะ”

ประตูปิดลง นางเอนหลังพิงพนักตั่ง เบิกตาอยู่กับเพดานสักครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะจาง ๆ ออกมา เป็นการหัวเราะที่มีทั้งความท้าทาย ทั้งความขำกับโชคชะตาที่ชอบโยนศึกมาให้นางแบบไม่ให้เตรียมตัวนาน

“ก็ได้” นางพึมพำกับตัวเอง “งั้นเรามาทำให้ความยุติธรรมสนุกยิ่งกว่าเดิมอีกนิดก็ได้!” 

ม่ออี๋งง “เพคะ?”

อวิ๋นเอ๋อร์ยิ้ม เป็นยิ้มที่ละมุนจนลืมว่านางเคยเป็นพระชายาอ๋องผู้โหดเหี้ยม

“พรุ่งนี้ ข้าจะแต่งสวยกว่าทุกวัน สวยแบบคนที่ไม่ขอพื้นที่จากใครแต่พื้นที่จะเดินมาหาข้าเอง”

ม่ออี๋ยิ้มตาหยี “ทราบแล้วเพคะ!”

ลมเย็นพัดผ่าน ผ้าม่านไหวแผ่วเหมือนกระซิบ เงาจันทร์ลูบผนังเรือนเบา ๆ คืนวันเพ็ญจบลงด้วยหัวใจที่เต้นแรงกว่าปกติเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัวศึกในวันพรุ่งนี้ แต่เพราะรู้ว่ามีคนหนึ่งที่ไม่ยอมเรียกรอยยิ้มว่ารอยยิ้มกำลังเผลอยิ้มอยู่เงียบ ๆ จากที่ไหนสักแห่งในวังแห่งนี้...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 38 พบกันอีกครั้ง

    เช้าวันนัด บนท้องฟ้ามีเมฆบาง ๆ เคลื่อนช้าเหมือนใครตั้งใจยืดเวลาออกให้นานที่สุด ลมหลังฝนพัดเย็นจนใส่สูทแล้วพอดี หลินอวิ๋นเอ๋อร์ยืนหน้ากระจกในห้อง ทำผมหางม้าสูงเรียบร้อย ลองยิ้มเบา ๆ ที่ไม่ตึงเกินและไม่อ่อนปวกเปียกเกินไป จากนั้นสูดลมหายใจยาว ครั้งหนึ่งเพื่อบอกหัวใจว่า นี่คือโลกของความจริง ไม่ใช่วังหลังที่เธอเคยไปอยู่เธอสวมต่างหูมุกเม็ดเล็ก เหลือบมองสมุดไดอารี่ปกผ้าลินินบนโต๊ะ“ไปด้วยกันนะ”เธอเอ่ยกับสมุดเหมือนคุยกับเพื่อนทั้งที่รู้ว่ามันเป็นแค่สมุด ก่อนจะหยิบแล็ปท็อปสีน้ำตาลเข้ม กอดแฟ้มเอกสารไว้แน่น เธอพร้อมแล้วสำหรับวันนี้...ย่านธุรกิจยังไม่ถึงชั่วโมงเร่งด่วนเต็มกำลัง รถยังไหล เธอลงจากแท็กซี่หน้าตึกบริษัท อินฟินิตี้ เกม สตูดิโอ จำกัด ตึกกระจกสูงสะท้อนเมฆสีเทาอ่อนเหมือนผืนไหมแผ่ปกท้องฟ้า เสี้ยววินาทีที่ยกหน้าเงย เธอได้ยินเสียงหัวใจตัวเองดังเหมือนเสียงกลองยามล็อบบี้หินอ่อนกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ให้ความมั่นใจแปลก ๆ เสียงรองเท้าหนังของผู้คนจังหวะต่างกันสับสน แต่ทุกคนมีทิศทางของตัวเอง บนผนังหน้าจอแอลอีดีฉายฉากไฮไลต์จากเกมดัง“คุณหลินอวิ๋นเอ๋อร์ใช่ไหมคะ” เลขาหน้าตาคมในชุดสูทครีมก้าวเข้ามาหา ยิ้

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 37 เสนองานใหม่

    เช้าวันฝนตก เมฆครึ้มเหนือเมืองหลวงทอเงาหนาแน่นไปทั่วตึกสูงเรียงราย ถนนใหญ่เต็มไปด้วยรถที่เคลื่อนช้า ๆ ฝนโปรยละอองบางจนกระจกแท็กซี่พราวน้ำ หลินอวิ๋นเอ๋อร์นั่งเบาะหลัง กำเอกสารแฟ้มสีน้ำเงินแน่น แล็ปท็อปถูกเก็บอยู่ในกระเป๋าหนังสีน้ำตาลเรียบหรูที่เธอเพิ่งซื้อเพื่อโอกาสนี้โดยเฉพาะหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่รถเคลื่อนผ่านตึกสูง จนกระทั่งแท็กซี่หยุดหน้าสำนักงานใหญ่ของบริษัท อินฟินิตี้ เกม สตูดิโอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาเกมระดับท็อปของภูมิภาค ตึกกระจกสูงกว่าสี่สิบชั้นสะท้อนท้องฟ้าสีหม่น แต่โลโก้สีทองรูปมังกรพันวงล้อเกมกลับเปล่งประกายชัดเจนเหนือประตูใหญ่ เธอลงจากรถ สูดลมหายใจลึก พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็น ๆ“หลินอวิ๋นเอ๋อร์ วันนี้ไม่ใช่แค่วันธรรมดา แต่คือวันที่อาจเปลี่ยนชีวิตเธอไปทั้งชีวิต สู้ ๆ นะ”โถงล็อบบี้โอ่อ่าตกแต่งด้วยหินอ่อน เงากระจกใสสะท้อนภาพพนักงานในชุดสูทยุคใหม่สลับกับจอแอลอีดีขนาดใหญ่ที่ฉายตัวอย่างเกมดัง ๆ ของบริษัท เสียงพนักงานต้อนรับเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้ม“คุณหลินอวิ๋นเอ๋อร์ใช่ไหมคะ? เชิญที่ชั้น 15 ห้องประชุมใหญ่เลยค่ะ ทีมพัฒนารออยู่”“ขอบคุณค่ะ”เธอยกมือไหว้เล็กน้อยก่อนก้าวเข้าสู่ล

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 36 ลาออกเพื่อหนีความเศร้า

    หลังจากที่ตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดหลินอวิ๋นเอ๋อร์ก็ตัดสินใจยื่นใบลาออก เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะลืมเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เธอได้เผชิญมา แต่ก็ไม่สามารถทำได้เลย การลาออกไปพักกายพักใจ อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ บางทีการได้ไปสถานที่ใหม่ ๆ ทำสิ่งใหม่ ๆ อาจจะช่วยให้หายเศร้าไก้บ้าง ถึงแม้ว่าหัวหน้าของเธอจะพยายามบอกให้เธอตัดสินใจใหม่ แต่หลินอวิ๋นเอ๋อรก็ยังคงยืนกรานคำเดิม“ฉันตัดสินใจดีแล้วค่ะหัวหน้า ฉันจะอยู่ทำงานต่ออีก 2 สัปดาห์ เคลียร์งานที่ค้างอยู่ให้เสร็จค่ะ”“ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว งั้นก็โชคดีนะอวิ๋นเอ๋อร์ เธอเป็นคนเก่ง ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ต้องสำเร็จแน่”“ขอบคุณนะคะหัวหน้าที่เข้าใจฉัน และก็ขอบคุณที่ดูแลอย่างดีมาตลอดค่ะ”เวลา 2 สัปดาห์มาถึงอย่างรวดเร็ว โต๊ะทำงานถูกเก็บอย่างเรียบร้อย เธอเอ่ยลาเพื่อนร่วมทีมทีละคน“ไว้เจอกันนะ”“ไปพักให้เต็มที่ อย่าคิดถึงที่นี่ก็กลับมาได้เสมอ” หัวหน้าเอ่ยกับเธออีกครั้ง“ส่งรูปทะเลมาอวดด้วยนะ” เพื่อนอีกคนเอ่ยแซวหลังจากกอดลาทุกคนเสร็จแล้ว เธอก็เดินไปยังหน้าลิฟต์ได้อย่างไม่โหวกเหวก แต่พอประตูลิฟต์ปิดลง เธอก็เห็นภาพสะท้อนของตัวเอง หญิงสาวร่างบางเล็กที่กำล

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 35 ความว่างเปล่า

    ค่ำคืนที่ออฟฟิศปิดไฟหมดแล้ว มีเพียงแสงจากจอมอนิเตอร์สาดลงบนใบหน้าซีดของเธอ นิ้วพิมพ์ไปเรื่อย ๆ น้ำตาก็หยดลงบนคีย์บอร์ด เธอหัวเราะทั้งน้ำตา“หลินอวิ๋นเอ๋อร์ เธอนี่บ้าจริง ๆ ถึงขนาดคิดถึงคนที่ไม่มีอยู่จริงไปซะได้”เช้าวันจันทร์ฝนพรำ รถไฟฟ้าแน่นขนัดจนเธอต้องขยับเท้าตามแรงเบียด เหงื่อคนอื่นผสมกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ลอยปะทะ เธอตรึงสายตาไว้กับประกาศสีฟ้า “สถานีถัดไป” เหมือนตั้งใจจ้องอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ใจหลุดไปไกลกว่านี้ แต่ระหว่างเสียงรถลากรางโลหะ เธอกลับได้ยินเสียงกลองยามเสียดขึ้นแทรกมาในหัวอย่างดื้อดึง จังหวะนั้นเองที่เธอก้มลงมองมือขวาของตัวเอง มือที่ครั้งหนึ่งเคยถูกกุมแน่นไว้ใต้ศาลาดอกเหมย แล้วรีบชักสายตาหนี ราวกับการมองนานจะทำให้ความทรงจำกลายเป็นจริงขึ้นมาอีกประตูรถเปิด ชุดทำงานพรืดไหลลงชานชาลา เธอก้าวเร็ว ๆ ฝนเม็ดเล็กกระทบแก้ม เธอแอบขำกับตัวเอง ฝนในโลกนี้ก็เย็นเหมือนฝนในโลกนั้น แต่ทันทีที่วูบนึกถึงคำว่า “โลกนั้น” หัวใจเธอก็ร่วงวูบเหมือนยืนอยู่บนโถงหินว่างเปล่าทันทีออฟฟิศกระจกสูงสะท้อนท้องฟ้า บัตรแตะประตูดังติ๊ด ไฟสีเขียวสว่างขึ้น เธอฝืนยิ้มทักทีม“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”เธอกล่าวทักทายเพื่อนร่

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 34 ตื่นจากความฝัน

    เสียงพัดลมคอมหมุนเบา ๆ ภายในห้องเงียบงัน ต่างกับเมื่อครู่ที่ยังเต็มไปด้วยเสียงกลองและเสียงเอ่ยถวายบังคม เธอก้มลงกอดเข่า น้ำตาไหลพรั่งพรู“นี่มันแค่ความฝันจริง ๆ หรือว่า ข้าจะไม่ได้เจอท่านอีกแล้วใช่ไหม ท่านอ๋อง...”หน้าจอสี่เหลี่ยมวาวแสงสีฟ้าจาง ๆ สะท้อนเงาใบหน้าซีดของหลินอวิ๋นเอ๋อร์ ดวงตาแดงฉ่ำชื้นด้วยน้ำตา ขนตาเปียกชิดกันเป็นแพ เธอยังนั่งท่าเดิม มือซ้ายคาเหนือแป้นพิมพ์ มือขวาวางทับเมาส์ เหมือนโลกทั้งใบเพิ่งถูกหยุดเวลาไว้ตอนที่เธอยังหายใจเข้าไม่สุดเธอเหลือบสายตาไปมุมจอ นาฬิกาดิจิทัลบอกเวลา 03:17 น. ตัวเลขนิ่งสนิทจนทำให้หัวใจเจ็บยิ่งขึ้น เพราะเวลาตี 3 ของโลกนี้ ไม่ใช่ยามสามของวังหลังที่เธอเคยได้ยินเสียงฆ้องยามจากหอระฆังดังกังวานก้องบนหน้าจอเกมเล่ห์รักวังบุปผาค้างอยู่ที่ฉากสุดท้าย กล่องข้อความกรอบทองหม่นกึ่งโปร่งปรากฏอยู่กลางจอ ปุ่มยืนยันกะพริบเป็นจังหวะช้า ๆ เหมือนจงใจกลั่นแกล้ง สายตาเธอถูกตรึงด้วยบรรทัดเดียวที่เย็นชากว่าดาบ“จบสิ้นแล้ว”เธอขยับนิ้วโป้งไถแป้นเมาส์เล็กน้อย ความเคยชินบอกให้ลองคลิก คลิกเพื่อย้อน คลิกเพื่อหาเส้นทางลับ คลิกเพื่อเปิดอะไรสักอย่างที่พาเธอกลับไป แต่หน้าจอกลับ

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 33 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย

    ท้องพระโรงวันนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง ฮ่องเต้เสด็จมาประทับบนบัลลังก์ ขุนนางน้อยใหญ่เรียงรายตามลำดับชั้น จ้าวเยี่ยนฝูและหลินอวิ๋นเอ๋อร์ยืนเคียงกันต่อหน้าพระพักตร์ สายตาผู้คนจับจ้องพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหมายเว่ยหลางก้าวออกมากลางลาน ก้มคำนับแล้วรายงาน“กระหม่อมได้หลักฐานยืนยันจากกรมอาญาและหมอหลวง ว่ากระปุกยาที่พบในเรือนของพระชายา ไม่ใช่ยาพิษร้ายแรง หากแต่เป็นเพียงยาล่อให้คนเข้าใจผิด อีกทั้งพบปิ่นปักผมของสาวใช้สกุลไป๋ ที่กำแพงฝั่งตะวันตก นอกจากนี้ เซวียนเอ๋อร์สาวใช้คนสนิทของคุณหนูไป๋ก็ได้สารภาพแล้วว่าทุกสิ่งที่ทำเป็นคำสั่งของนาง”เสียงฮือฮาดังก้องไปทั่วท้องพระโรง ประตูด้านข้างถูกเปิดออก ไป๋เยี่ยนหรงถูกนำตัวเข้ามา นางยังคงแต่งกายงดงามแต่ใบหน้าเคร่งเครียด สายตาแดงกร้าวจ้องหลินอวิ๋นเอ๋อร์อย่างไม่ปิดบัง“เป็นเจ้า! นังสารเลว! นังคนชั่วที่มาแย่งสิ่งที่ควรเป็นของข้า!” เสียงของนางก้องสะท้อน สั่นไปทั่วท้องพระโรงหลินอวิ๋นเอ๋อร์ไม่หวั่นไหว นางก้าวออกมายืนกลางลาน ใบหน้าอ่อนโยนแต่สายตาแน่วแน่“สิ่งที่เจ้าพยายามไขว่คว้ามาแต่ต้นคือหัวใจของเขา แต่หัวใจไม่ใช่สิ่งที่จะปล้นหรือบังคั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status