Masukปากพูดไปแต่สายตาจับจ้องกิริยาของมี่มี่ขัดใจเล็กน้อยที่ไม่เห็นสายตาโศกสลดปนความแค้นเคืองที่เคยเห็นจากซวี่หลินก่อนหน้านั้น
“ระบบมีทางช่วยสองคนไหม”
“ไม่เจ้าค่ะผิดแผนผิดเหลี่ยมเจ้าค่ะโอกาสพลังพิเศษของท่านผู้ใช้เหลือ1 หากใช้จะทำให้อ๋องหรงสงสัยในพลังพิเศษและจะทำให้ทุกอย่างบิดเบี้ยวเจ้าค่ะ”
“ช่างเถอะๆ หากพวกท่านทำร้ายทั้งสองคนมากไปก็จะไม่มีทางหาไข่มุกมังกรพบ”
“ใครเชื่อที่เจ้าพูดกัน”
อ๋องเฉวียนที่ยืนอยู่ก่อนแล้วถอนหายใจ ลังเลกับคำพูดของมีมี่ไม่น้อยแรมปีแล้วเขาที่หาไข่มุกมังกรไม่พบนั่นเท่ากับล้มเหลว
“แล้วแต่น้าาา….ไม่ได้ขู่นะแต่ว่าถ้าพวกเขาตาย ก็เท่ากับที่ทำมาทั้งหมดสูญเปล่า เห็นไหมฉันเอ่อข้าจริงใจแค่ไหนก่อนหน้านั้น ที่ไม่บอกเพราะคิดว่าตัวข้าเองก็ไม่รอดแต่มาตอนนี้ก็แค่อยากจะบอกว่าสองคนนี้สำคัญที่สุดแล้ว พวกเขาคือผู้ที่กำความลับเรื่องนี้ไว้”
ชักแม่น้ำทั้งห้าและยังโน้มน้าว คนใส่หน้ากาก ก็ในเมื่อไม่มีเรื่องราวทุกอย่างจึงควรเป็นไปตามที่มีมี่คิดว่ามันควรจะเป็นต่างหาก ในเมื่อมีตัวละครเพิ่มขึ้นมาเนื้อหาเพิ่มเข้ามา ก็แค่พอเดาทางถูก
“อย่าคิดว่าข้าเชื่อในสิ่งที่เจ้าพูด แต่ให้เจ้ามาดูว่าการเดินทางกลับไปที่วังหลวงเจ้าจะมีลูกไม้ไม่ได้ ข้าจะส่งสัญญาณให้คนฆ่าบิดากับมารดาของเจ้าเสีย”
“โอ้ อ๋องหรงเจ้าคนชั่วช้า หลินหลินลูกแม่หนีไปเสีย”
มารดาที่มีรอยน้ำตาไม่เคยเหือดแห้งนับตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็น่าสงสารไม่น้อยสำหรับมีมี่แต่ไม่ใช่กงการอะไรของมีมี่เสียหน่อย
“ข้าไม่หนี” พูดด้วยเสียงอันดัง
“นั่นคือสิ่งที่เจ้าควรทำ”
อ๋องหรงยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ
“เจ้าไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่หาทางหนีไห้ได้จากคนชั่วช้าพวกนี้ ซวีหลิน อย่าห่วงเราสองคนเราสองคนชรามากแล้วขอเพียงเจ้าหนีไปอยู่รอดปลอดภัยที่ไหนสักแห่งไม่ต้องห่วงเรา”
“ข้าไม่หนี ไม่มีทางหนีแน่ๆ”
จะหนีทำไมในเมื่อดีดลูกคิดรางแก้วไว้แล้ว มีมี่อยากจะบอกเหลือเกินว่าที่ไม่หนีเพราะตั้งใจไปกอบโกยเอากับตัวเอกในนิยายอีกหลายๆ คนในวังหลวงต่างหาก ตัวเอกที่ถูกวางคาแรกเตอร์เชื่อคนง่ายและพร้อมเปย์ หากว่าทำนายอนาคตของคนพวกนั้น555เงินไหลมาเทมาแน่ๆ ยิ้มตาหยีฝันไปไกล
“เจ้าช่างกตัญญูยิ่งนักซวีหลินไม่เสียแรงที่ข้ามีลูกเช่นเจ้า”
ฝันหวานสะดุดลง
“ข้าไม่หนีหรอก แต่พวกท่านก็ไม่ตายหรอก เอาอย่างนี้ข้าจะยอมไปด้วยดีดีแต่ว่าจะต้องแก้มัดพวกเขาก่อน แล้วเรื่องไข่มุกมังกรนั่นค่อยๆ ถามพวกเขาดีดี”
มีมี่ต่อรอง
“โถ่หลินหลินลูกแม่เจ้ายังมีแก่ใจห่วงพ่อกับแม่เอาตัวเองเป็นตัวประกันโธ่ลูกของข้าเจ้าช่างกตัญญูเสียจริง”
มารดาคร่ำครวญทำเอามีมี่ยิ้มแกนๆ
“เห็นไหมว่านางเจ้าแผนการเพียงใดนางหลอกล่อพวกเรา”
อ๋องหรงพึมพำกับอ๋องเฉวียนที่ยืนข้างๆ
“ปกติแล้วองค์หญิงเอ่อถัวคนนี้จะไม่ทำนายทายทักเรื่องทั่วไปเช่นนั้นเรื่องที่นางพูดถึงเรื่องไข่มุกมังกรจึงนับว่าน่าเชื่อไม่น้อย เราใช้เวลาแรมปีตามหาของสิ่งนี้แต่มาวันนี้นางยอมเปิดปากนับว่านางเองก็คงอ่อนลงไม่น้อยทำตามที่นางบอกปล่อยคนเสียเราอาจได้เบาะแสของไข่มุกมังกรจากปากของนาง เพราะถึงอย่างไรนางก็แค่หญิงอ่อนแอคนหนึ่งอยู่ในกำมืออ๋องหรง คงไม่อาจมีลูกไม้อะไรแน่หรือว่าอ๋องหรงเองก็เกรงกลัวนางไม่น้อย”
พูดถึงขนาดนี้ อ๋องหรงขมวดคิ้วคมเข้าหากันตลอดเวลาก็จะถูกปรามาสจากเหล่าพี่น้องอยู่แล้ว จริงของเฉวียนอ๋องจะกลัวทำไมกับผู้หญิงตัวเล็กๆ เช่นนาง
ไหนๆ นางก็อยู่ในกำมือเขาแล้วจริงๆ
“ปล่อยคน”
“โน้มน้าวจิตใจตัวร้ายสำเร็จ รับ1โอกาสพลังพิเศษ”
มีมี่ยิ้ม ขยับตัวจากการตะแคงหูฟังทั้งสองคุยกัน
“ดีแล้ว แบบนี้แหละถึงจะสมกับคนที่จะได้ครองใจองค์หญิงสามผู้งดงาม” พูดขึ้นดังๆ
“นี่เจ้า บังอาจเจ้าพูดถึงเรื่องอะไรกันหุบปากของเจ้าเสีย”
อ๋องหรงกระชากร่างเล็กเข้าปะทะกับอกกว้างของเขา ดวงตาคมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ มีมี่เองก็ตกใจ แต่อ๋องหรงก็ทำไปด้วยความลืมตัวพอนึกได้เขาก็ปล่อยมือจากร่างบางเสีย
นางราวกับอ่านใจเขาออก องค์หญิงสามที่งดงาม ผู้ที่อยู่กลางใจเขามาตลอด นางอยู่ที่เอ่อถัวเหตุใดจึงรู้เรื่องในวังหลวง นั่นไม่แปลกแต่แปลกที่นางรู้เรื่องในใจเขา ว่าเขามีใจปฏิพัทธิ์องค์หญิงสาม
“ทำให้ตัวร้ายไขว้เขวรับ1โอกาสพลังพิเศษ”
อ๋องหรงหันมองอ๋องเฉวียนที่เดินไปแกะเชือกให้กับบิดาและมารดาของซวี่หลินคล้ายดังว่าจะทำคำแนนไว้
“อ๋องเฉวียน”
อ๋องหรงเรียกชื่อเบาๆ ขัดใจกับสิ่งที่อ๋องเฉวียนทำ ตั้งใจจะบอกว่าให้เป็นหน้าที่ของเหล่าทหารชั้นผู้น้อยเถิด แต่ไม่ทันแล้วอีกคน ขะมักเขม้นแกะเชือกไปแล้ว เจ้าลู่เหวินยังไปช่วยอ๋องเฉวียนอีกแรง
“ไม่ม่ายยยข้าไม่ได้ได้ยินอะไรที่นางพูดทั้งนั้น ข้ารู้เพียงว่านางที่นางพูดอาจเป็นเรื่องราวในหลังจากที่ท่านกลับวังหลวงก็ได้ ท่านก็ควรเร่งทำคะแนนบางทีองค์หญิงสามอาจลืมเรื่องในอดีตของท่านไปแล้วก็ได้ เช่นนั้นข้าก็ควรทำดีกับองค์หญิงเอ่อถัวผู้หยั่งรู้เช่นกันเผื่อว่านางจะทำนายชะตาข้าบ้าง” อ๋องเฉวียนรีบออกตัว
“ข้าด้วยข้าด้วยนายหญิง ไม่สิองค์หญิงท่านอย่าลืมข้านะ” ลู่เหวินรีบประสานมือพูดไปยิ้มไป
คนที่หัวเสียคืออ๋องหรงผู้ทะนงตน สะบัดชายเสื้อจากไป
“องค์หญิงหากต่อไปท่านมีเรื่องใดเกินแบกรับเฉวียนอ๋องยินดี ช่วยแบ่งเบา”
มีมี่ยิ้ม
“แน่นอน ไม่ต้องกังวลข้ากับท่านเราจะได้พบกันอีกแน่”
อ๋องเฉวียนทำตาโตด้วยความประหลาดใจ
“ข้าจะได้กลับวังหลวงหรือ ดีใจที่สุดข้าคิดว่าต้องอยู่เฝ้าด่านชายแดนจนแก่ตายเสียแล้ว”
เฮ้อ จะบอกอย่างไรดีหนอ ค่อยๆ รู้ไปก็แล้วกัน เล่าเสียหมดก็ไม่สนุกสิ อ๋องเฉวียนเป็นพระรองนี่ จะจบแค่ตรงนี้ได้อย่างไรเล่า
พยักหน้าขึ้นลง
อ๋องเฉวียนคว้าข้อมือเล็กมากำไว้ในมือเขย่ามือด้วยความดีใจ
“ขอบคุณองค์หญิง ขอบคุณจริงๆ ข้าคิดมาตลอดว่าอนาคตข้าจบแค่นี้ที่นี่ แต่ท่านรับรองแบบนี้ข้าค่อยมีกำลังใจมาหน่อย”
เฮ้อ
“ด่านชายแดนสงบร่มเย็น พวกท่านจะเฝ้าเอาอะไร ไข่มุกมังกรนั่นฝ่าบาทจะบอกพวกท่านเองว่าควรทำเช่นไร” มีมี่พูดเบาๆ อ๋องเฉวียนยิ้มกว้าง
ลู่เหวินก้มหน้ายิ้ม เมื่อเห็นอ๋องหรงถอนหายใจยาวหนึ่งชั่วยามนางทนรออย่างอดทนเพื่ออะไรมีหรือเขาจะไม่รู้โต๊ะอาหารที่ศาลาริมน้ำสาวใช้ยกอาหารคาวหวานมาวางไว้ เสวียนอี้ช่วยจัดอาหารลงจานอย่างไม่ถือตัวว่าเป็นคุณหนู“ลู่เหวินไปรอรับ องค์หญิงเก้า” เสวียนอี้อ้าปากค้างอ๋องหรงที่เอามือไพล่หลังมองไปที่ประตูทางเข้าตำหนักเอ่ยปากเสียงเข้ม เสวียนอี้หูผึ่ง“ไม่แน่อาจไม่มาขอรับ”ลู่เหวินพูดอ้อมแอ้ม“ไม่มาแล้วนางจะกินที่ไหน ห้องเครื่องไม่ยกเครื่องเสวย ข้าถามไถ่ก็อ้างเรื่องที่นางเป็นชนเผ่ากลัวว่าทำเครื่องเสวยไปแล้วจะไม่ถูกปาก ช่างเป็นข้ออ้างที่ฟังขึ้นเหลือเกิน แค่นางไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นสนมก็ถึงกับอดข้าว”“ขอรับ ลูกจะไปรอรับหากไม่มาจะไปตามขอรับ”“มาแล้วๆๆๆ มาแล้วรอนานไหมข้ามาแล้ว ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องกังวลไม่ต้องกังวลข้ามาแล้ว”หนีบเอาหีบเงินกับหีบทองเข้ามา ลู่เหวินจะรับเอาก็เบี่ยงตัวหลบ“ไม่ไม่ต้องๆ ข้าถือเองได้”“นั่นคืออะไร” อ๋องหรงเอ่ยปากถาม"เงินกับทองของข้าที่นำติดตัวมาจากเอ่อถัวอย่างไรเล่าทั้งเนื้อทั้งตัวมีเท่านี้” อ๋องหรงส่ายหน้าไปมากำลังคิดว่าทำไมเขาที่จับตาตลอดถึงไม่เห็นว่ามีมี่เอาเงินทองเหล่านี้ขึ้นเ
“เจ้าค่ะ แต่พูดก็พูดองค์หญิงถูกพามาที่นี่ก็เพื่อการนี้เจ้าค่ะมาถวายตัวองค์หญิงต้องทำใจเจ้าค่ะ แต่ที่น่าแปลกใจคือซูเอ่อไม่คิดว่าองค์หญิงจะมีเวทย์หยั่งรู้ที่เป็นภัยต่อคนอื่น เช่นนี้ฝ่าบาทเองก็คงไม่รู้หากฝ่าบาทรู้ก็คงไม่ให้องค์หญิงมาที่นี่ให้เสียเวลา” มีมี่ยิ้ม“ไม่ใช่เพื่อการนี้แต่เพื่อช่วยมวลมนุษยชาติ เจ้าเข้าใจไหมซูเอ่อ ต่อไปช่วยเป็นกระบอกเสียงให้คนอื่นได้รู้ว่าข้ามีหน้าที่ทำนายทายทักอนาคตของผู้คนดีไหมการที่เข้ามาอยู่ที่นี่จะได้ไม่สูญเปล่าข้าแบ่งให้เจ้า 20เปอร์เซ็นต์เลยเอ้า”ซูเอ่ออ้าปากค้าง ธุรกิจกำลังเริ่มต้นและไปได้ดี“ซูเอ่อจะได้ส่วนแบ่งหรือเจ้าค่ะ” ดวงตาแวววาว“แน่นอน ต่อจากนี้ก็จะยื้อเรื่องของฝ่าบาทได้อีกสักพักไม่ให้เขามากวนใจข้าแต่ระหว่างนี้อะไรก็ไม่แน่นอน เงินทองแน่นอนที่สุด ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อทำนายดวงให้กับผู้คนในวังหลวงเพื่อแนะแนวทางและช่วยหาทางออกจากเรื่องที่ไม่อาจตัดสินใจหรือแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เราสองคนมาทำธุรกิจร่วมกัน ตกลงไหม”เรื่องราวต่อจากนี้มีมี่อ่านมาหมดล่ะบอกไปก็เหมือนสปอยส์ต่อจากนี้เรื่องราวสปอยส์เหล่านี้จะกลายเป็นเงินทอง“ตกลงเจ้าค่ะ” มีมี่ยิ้ม จะร่วงหรือรอดก็ต
“เจ้าค่ะ แต่พูดก็พูดองค์หญิงถูกพามาที่นี่ก็เพื่อการนี้เจ้าค่ะมาถวายตัวองค์หญิงต้องทำใจเจ้าค่ะ แต่ที่น่าแปลกใจคือซูเอ่อไม่คิดว่าองค์หญิงจะมีเวทย์หยั่งรู้ที่เป็นภัยต่อคนอื่น เช่นนี้ฝ่าบาทเองก็คงไม่รู้หากฝ่าบาทรู้ก็คงไม่ให้องค์หญิงมาที่นี่ให้เสียเวลา” มีมี่ยิ้ม“ไม่ใช่เพื่อการนี้แต่เพื่อช่วยมวลมนุษยชาติ เจ้าเข้าใจไหมซูเอ่อ ต่อไปช่วยเป็นกระบอกเสียงให้คนอื่นได้รู้ว่าข้ามีหน้าที่ทำนายทายทักอนาคตของผู้คนดีไหมการที่เข้ามาอยู่ที่นี่จะได้ไม่สูญเปล่าข้าแบ่งให้เจ้า 20เปอร์เซ็นต์เลยเอ้า”ซูเอ่ออ้าปากค้าง ธุรกิจกำลังเริ่มต้นและไปได้ดี“ซูเอ่อจะได้ส่วนแบ่งหรือเจ้าค่ะ” ดวงตาแวววาว“แน่นอน ต่อจากนี้ก็จะยื้อเรื่องของฝ่าบาทได้อีกสักพักไม่ให้เขามากวนใจข้าแต่ระหว่างนี้อะไรก็ไม่แน่นอน เงินทองแน่นอนที่สุด ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อทำนายดวงให้กับผู้คนในวังหลวงเพื่อแนะแนวทางและช่วยหาทางออกจากเรื่องที่ไม่อาจตัดสินใจหรือแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เราสองคนมาทำธุรกิจร่วมกัน ตกลงไหม”เรื่องราวต่อจากนี้มีมี่อ่านมาหมดล่ะบอกไปก็เหมือนสปอยส์ต่อจากนี้เรื่องราวสปอยส์เหล่านี้จะกลายเป็นเงินทอง“ตกลงเจ้าค่ะ” มีมี่ยิ้ม จะร่วงหรือรอดก็ต
“เรื่องเวทย์หยั่งรู้คงแพร่ออกไปทั่ววังหลวงแล้วฝ่าบาทจะต้องบังคับให้องค์หญิงสะกดเวทย์ไว้แน่ๆ เจ้าค่ะ” มีมี่ถอนหายใจรอบที่ร้อยห้องทรงอักษร“อย่างนั้นหรือนาง นางมีเวทย์ประหลาดอย่างนั้นหรือ เจ้าเคยได้ยินไหมอ๋องหรง” ฉีก้านพูดจบก็คีบเครื่องเสวยใส่ปากเคี้ยวงับๆ อย่างอารมณ์ดี อวี่หนิงคีบเนื้อกุ้งที่แกะวางให้อย่างเอาใจ“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงเรียบเฉย“อือประหลาดจริง มันก็จริงอยู่เจ้าไม่เคยเข้าใกล้นางนี่เจ้าสิบสอง เลยไม่รู้ว่านางมีเวทย์ประหลาดแบบนี้”ลู่เหวินหันไปอมยิ้มเสียอีกทางจะไม่เคยอย่างไรยามที่องค์หญิงเก้าจะแทงท่านอ๋องท่านอ๋องก็ลากองค์หญิงเข้าไปแทงคืน ไม่สิ เมื่อสองคืนที่ผ่านมาก็ไม่รู้ได้แทงกันหรือเปล่าจะเรียกว่าใกล้หรืออะไรดี“พ่ะย่ะค่ะ” ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ“แล้วข้าควรทำอย่างไร”“ฝ่าบาทเพฮะก็ควรจะเข้าไปพูดคุยกับพระสนมก่อนดีไหมเพฮะ”“พระสนมอะไรกัน นางยังไม่ยอมถวายตัวเสด็จพ่อก็จะแต่งตั้งนางแล้วหรือ รอให้นางถวายตัวก่อนค่อยเรียกนางว่าพระสนม แบบนี้เสด็จพ่อก็ขาดทุนสิ” คนที่ไม่อยากให้ใครมาแย่งความรักจากพ่อไปอวี่หนิงขัดขึ้นขันทีอาวุโสยิ้มเจื่อนๆ“เพฮะไม่พระสนม เพฮะต่อไปไม่กล้าเรียกแล้วเพฮะ
ไม่มีในบท นิยายเรื่องนั้นอ๋องหรงไม่ได้มาส่งใครไม่มีใครตามมาด้วยเพียงแค่กลับวังหลวงใกล้ชิดองค์หญิงสามโดยมีฝ่าบาทและเสวียนอี้คอยขัดขวางแสดงว่ามีมี่ถูกเพิ่มบทเข้ามาแน่ๆแล้วฉานเป็นตัวอะไรวะ“ได้ได้ได้ ฉันจะดูแลตัวเองท่านเองก็ระวังตัวต่อจากนี้จะต้องพบเจออุปสรรคมากหน่อยแต่อย่ายอมแพ้นะ..สู้สู้ อืมลืมบอกไปหากมีอะไรที่ไม่เข้าใจหรือหาทางออกไม่ได้ก็มาปรึกษาได้นะข้าช่วยได้จริงๆ นะ”ในฐานะคนคุ้นเคยมีมี่อดที่จะรู้สึกใจหายไม่ได้แค่ไม่กี่วันที่ใช้เวลาเดินทางร่วมกันมารู้สึกว่าอ๋องหรงคนนี้มีบางอย่างที่แบกไว้หนักอึ้งทีเดียว“ข้าไม่มีอะไรให้เจ้าช่วย เพราะข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”เหลือบตามองขันทีอาวุโสที่ถือพานเดินมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ต้อนรับองค์หญิงเก้าซวี่หลินเข้าสู่ตำหนักเหมยฮวา…..เตรียมการถวายตัววววว” มีมี่ยืนตัวแข็งทื่อ นี่มันเรื่องอะไรกัน เดิมคิดว่านี่คือวิกฤติของอ๋องหรงแต่ตอนนี้เป็นวิกฤติของมีมี่ไปเสียแล้ว ถวายตัวอะไรกันใครจะถวายตัวฉันไม่ใช่องค์หญิงเก้าแต่จะปฏิเสธอย่างไรได้เสื้อผ้าหน้าผมก็องค์หญิงเก้าซวี่หลินทั้งหมดหันมองอ๋องหรงสบตาคมที่เฉยชานั้น เหมือนจะขอร้องให้ช่วย แต่กลับถูกนางกำนัลกับขันทีล็อ
“อือ”สะดุ้งเฮือกเมื่อพบว่าในผ้าห่มมีร่างอุ่นๆ ของใครในนั้นอีกทั้งมือเหนียวราวกับหนวดปลาหมึกกอดรัดเขาไว้แน่นผงกศีรษะมองหน้าก็รู้ว่านี่คือมีมี่ นางมานอนที่นี่ได้อย่างไร“มูมู่มาให้กอดหน่อยจะหนีไปไหน”มีมี่เองก็ครึ่งหลับครึ่งตื่นคิดว่ากำลังกอดแมว อ๋องหรงแกะมือเหนียวออกแต่ไม่สำเร็จ“หือ กอดนิดกอดหน่อยทำเป็นโมโห พรุ่งนี้ไม่ต้องกินเปียกเลยนะ” บนงึมงำอ๋องหรงเป่ยหรางใจเต้นตึกตัก จะว่าไปคืนนั้นจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำแต่ทำไมพอโดนนางกอดอ้อมกอดอบอุ่นนี้กลับรู้สึกแปลกๆ ใจก็เต้นไม่เป็นท่า ก็เขาไม่เคยแนบชิดหญิงใดมาก่อนต่างหาก แค่เพียงรอว่าสักวันได้ได้เผยความในใจกับองค์หญิงสามอวี่หนิง“ได้รับ1โอกาสพลังพิเศษ ทำให้ตัวร้ายใจสั่นอีกแล้วเย้ๆๆๆๆ”“นอนๆๆๆ ฉันง่วงแล้ว”ยกมือเกาที่คอให้อ๋องหรงตาก็ไม่ลืมอีกคนอยากจะปัดมือออกแต่พอเห็นดวงตาดำขลับที่หลับตาพลิ้มเคี้ยวปากจั๊บๆ ก็เลยสงสารไม่อยากปลุกปล่อยให้มี่มี่นอนกอดแบบนั้นมันก็รู้สึกดีไปอีกแบบ หากไม่รวมอาการใจเต้นตึกตักที่เป็นอยู่ริมฝีปากแห้งผากและรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่เขาเป็นบุรุษ ไม่สิจะเห็นแก่ตัวมากไปแล้วนางเป็นหญิงนี่จะมาทำแบบนี้นาง







