ไม่ว่าจะเป็นอะไร หากปล่อยทิ้งไว้นานเกินโดยไม่ได้รับการดูแล มันก็เผาไหม้จนวอดวายไปหมด หรือหมดไฟเองอย่างน่าเสียดาย เหมือนกับเมล็ดกาแฟ ถ้าคั่วนานเกินไปจะส่งกลิ่นไหม้ได้ เป็นสัญญาณเตือนแรกว่ามีอะไรกำลังผิดปกติ
ทว่า...ก็มีหลายเหตุผลที่ผู้คนมักจะมองข้ามสัญญาณเตือนพวกนี้ไป ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี สาเหตุที่พวกเขามองข้ามก็มีได้หลายสาเหตุตั้งแต่ความเหนื่อยล้า การหมดแรงบันดาลใจ การหมดเรี่ยวแรงที่จะฝันหรือวิ่งตามสิ่งที่รัก เพราะปลายทางของเส้นชัยที่เคยหวังนั้นไม่มีอยู่จริง เมื่อผ่านเส้นชัยแรกได้แล้ว เส้นชัยที่สองก็จะเด้งขึ้นมา คนเราได้แต่วิ่งอย่างไม่มีหยุดจนหมดแรงไปเอง
ไม่แปลกที่เดี๋ยวนี้ผู้คนจะเมินเฉยต่อสัญญาณเตือนเหล่านี้กันมากขึ้น
มีนา ก็เช่นกัน เธอยืนนิ่งอยู่หน้าเครื่องคั่วกาแฟใหม่เอี่ยมของตัวเองอย่างเหม่อลอย สองมือค้ำกับโต๊ะเคาน์เตอร์ คล้ายกับกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ราวกับว่ามันได้ล่องลอยไปไกลจนไม่สามารถรับรู้ได้แม้แต่กลิ่นของเมล็ดกาแฟที่กำลังไหม้อยู่ตรงหน้าได้
มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าหญิงสาวเจ้าของร้านกำลังมีปัญหาอะไรอยู่เมื่อมองจากภายนอก เพราะร้านกาแฟที่มีเธอเพียงคนเดียวในร้านนั้นมีงานจำนวนมากให้ทำเกือบตลอดเวลาโดยเฉพาะเมื่อร้านยังไม่ได้เปิดอย่างเป็นทางการแบบนี้ ซึ่งถ้าสังเกตดูภายในร้านดี ๆ จะพบว่าร้านนี้เพิ่งได้รับการตกแต่งเสร็จมาหมาด ๆ เมื่อไม่นานมานี้
ร้านกาแฟแห่งนี้มีชื่อน่ารัก ๆ ว่า The Break มีพื้นที่ไม่มากนัก เพียงพอสำหรับโต๊ะเล็ก ๆ สำหรับคนหรือสองคนนั่งร่วมกัน 5 โต๊ะ และเก้าอี้ส่วนใหญ่ภายในร้านจะเป็นของดีราคาสูงที่มีพนักพิงหลัง เน้นความนั่งสบายที่มากับดีไซน์เรียบง่ายเพื่อให้รู้สึกถึงความผ่อนคลายมากที่สุด
การออกแบบภายในร้านก็เรียกได้ว่าเรียบหรู สบายตา ไม่มีอะไรที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ตัวพื้นเป็นกระเบื้องลายไม้ ผนังทาด้วยสีขาวสะอาดตา มีรูปภาพของกาแฟตกแต่งเล็กน้อย เพื่อไม่ให้โล่งจนเกินไป แถมยังมีกระถางต้นไม้ปลอมเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในร้านโดยที่ไม่ต้องทำการดูแลรักษาให้ยุ่งยาก
แล้วที่สำคัญที่สุดของร้านนี้ คือการที่แต่ละโต๊ะค่อนข้างให้ความเป็นส่วนตัวมาก กระจายไปทั่วร้านโดยมีระยะห่างในระดับหนึ่ง เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามานั่งได้รับความเป็นส่วนตัวในช่วงที่มีโอกาสได้ออกมาพักนอกที่ทำงานบ้าง เพราะหลายครั้งเธอเองก็เคยต้องการพื้นที่แบบนี้มาก่อนเหมือนกัน จึงไม่แปลกที่เธออยากจะมอบพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ให้คนอื่นด้วย
จะบอกว่าร้านนี้เป็นร้านในฝันของเธอก็ไม่ผิด
แต่มีนาไม่ได้มีความฝันหรือความตั้งใจที่จะเปิดร้านกาแฟแบบนี้มาก่อนเลย มันไม่เคยอยู่ในความคิดด้วยซ้ำ ร้านนี้ถูกสร้างและตกแต่งตามร้านกาแฟที่เธอเคยคุยกับเพื่อนว่าอยากให้มีอยู่ใกล้ที่ทำงานหรือบ้านของพวกเรา เพื่อที่จะได้มีพื้นที่ส่วนตัวอันแสนยอดเยี่ยมแบบนี้ได้ตลอดเวลาที่ต้องการ เมื่อหาพื้นที่ส่วนตัวไม่ได้
บางครั้งบ้านก็เงียบเกินไป
บางครั้งที่ทำงานก็เสียงดังเกินไป
มีนากับเพื่อนก็แค่ต้องการที่นั่งไว้เอนหลัง มีอากาศเย็นสบายไม่ร้อนอบอ้าวจนเหนียวตัว มีเสียงดนตรีเบา ๆ คลอไปพร้อมกับเสียงพูดคุยเบาบางของคนรอบข้างที่คล้ายเป็นส่วนหนึ่งของเสียงสีขาวที่ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย แล้วมันจะยิ่งยอดเยี่ยมถ้ามีกลิ่นเมล็ดกาแฟคั่วใหม่ ๆ เป็นกลิ่นอายอบอวลไปในบรรยากาศรอบข้าง แค่นั้นก็ทำให้ร่างกายของเธอเหลวเหมือนเนยละลายได้แล้ว
แต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าร้านแบบนั้นเธอจะสร้างขึ้นมาเองแบบนี้ มีนาอาจจะชอบกาแฟ รักในเครื่องดื่มขมปลายลิ้นที่มีหลากหลายวิธีการที่จะรังสรรค์มันให้กลายเป็นเครื่องดื่มจากพระเจ้า ที่คอยช่วยเหลือลูกแกะหลงทางทั้งหลายที่จิตวิญญาณถูกการงานทำร้ายได้มีลมหายใจต่อไป เธอนับไม่ได้แล้วว่าได้กาแฟช่วยชีวิตมากี่ครั้งตั้งแต่สมัยเรียน
ดังนั้นถ้าจะพูดให้ถูกเลยก็คือ มีนาชอบดื่มด่ำไปกับมันมากกว่าสร้างสรรค์มันขึ้นมาแบบนี้ ในความเป็นจริง กาแฟเป็นเชื้อเพลิงให้กับงานตัวจริง ที่มีนาชอบก็ไม่ผิดเท่าไร เธอทุ่มเททุกอย่างลงไปในงานนั้น ทั้งแรงบันดาลใจ ความชอบ ความสนใจ Passion หรือแม้แต่ความเชี่ยวชาญเฉพาะที่มีนาเลือกเรียนอยู่หลายปี
และงานที่ว่าก็คือโปรแกรมเมอร์
เธอเรียนเขียนโค้ดตั้งแต่ภาษา C, C+, Java, COBAL, IOS, Android , Java, Python, Lisp เพื่อที่จะได้เขียนโค้ดได้หลากหลายโปรแกรมที่มีไว้รองรับได้ตามที่ต้องการ เพราะไม่ใช่ว่าทุกโปรแกรมจะรองรับภาษาที่เธอเรียนได้ งานบางอย่างต้องใช้ภาษาที่แตกต่างออกไป ทำให้หญิงสาวพยายามศึกษาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะเวียนหัวที่เวลาเรียนแต่ละครั้งแทบไม่มีภาษาไทยเลยสักคำ หรือไม่ก็เป็นภาษาที่ชวนให้คนนอกฟังแล้วเข้าใจผิดได้ว่ากำลังหลงไปต่างโลก
มีนาผ่านความยากลำบากพวกนั้นมาได้ด้วยความสนุกเป็นอัตราส่วน 2 ใน 5 ส่วนที่เหลือเป็นความทรมานล้วน ๆ จนคนที่เรียนจบได้จริง ๆ มีแค่ 20% จากปีแรกเท่านั้น ยังไม่นับรวมรุ่นพี่ที่ต้องต่อปี 6 ปี 7 เพื่อให้จบอีก การที่มีนาสามารถเรียนจบได้ภายใน 4 ปี พร้อมเกียรตินิยมอันดับ 1 มาอยู่ในมือนับว่าเป็นอัจฉริยะหรือประสบความสำเร็จบางอย่างได้แล้ว
และแน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้มีนาได้รับข้อเสนอมากมายจากบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ในการไปร่วมทำงานด้วยตั้งแต่ก่อนได้รับปริญญาเสียอีก แล้วมีนาได้เลือกบริษัทที่ดีที่สุดในบรรดาพวกนั้นที่เสนอเงินเดือนมาเยอะที่สุด แล้วในเวลา 8 ปี ที่มีนาทำงาน ย้ายบริษัทหาข้อเสนอที่ดีกว่า หญิงสาวก็ได้เป็นหนึ่งใน Software Developer ที่ดีที่วงการมีให้ เงินเดือนสูงลิ่วจนแทบไม่มีเวลาได้ใช้ เพราะภาระงานที่ถ่วงเอาไว้ เรียกได้ว่าได้แต่มองก้อนเงินสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความสุขอย่างเงียบ ๆ แล้วตั้งใจทำงานต่อจนกระทั่ง...
เรื่องล่าสุดที่บริษัทและโลกไอทีทำให้เธอล้มเหลว...
ข่าวด่วน! ในวันที่ศุกร์ที่ 14 ตุลาคม เวลาเกิดเหตุคือเมื่อ 00.48 น. นางสาวเจนิรา รักษ์สกุณาได้ทำการ...
เฮือกกก!
“ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย เหนื่อยมากเกินไปหรือเปล่านะ”
มีนาบ่นกับตัวเองพร้อมกับหลับตาแล้วส่ายหัวแรง ๆ เหมือนอยากให้ฝันร้ายในอดีตหายไปจากสมอง
มีนาเป็นสาวไทยแท้ร่างเล็กที่มีส่วนสูงเพียง 155 เซนติเมตร เท่านั้น ใบหน้าเรียวได้รูป ดวงตากลมมีแววสั่นคลอนที่ยากจะอธิบายจนเห็นน้ำตาคลอเบ้าสะท้อนผ่านแว่นตาที่กำลังสวมอยู่ ริมฝีปากเธอดูอมชมพูแต่ติดคล้ำเล็กน้อยตามประสาคนที่ชอบเครื่องดื่มสีเข้ม เส้นผมสีดำยาวดูสุขภาพดีอย่างหญิงสาวทั่วไปแต่ไม่มีร่องรอยของการดัด ซอย ทำสีหรืออะไรที่ทำให้ดูสวยงามมากว่าเดิม มีเพียงการมัดเป็นหางม้าสูงไม่ให้เกะกะใบหน้าเท่านั้น
เสื้อผ้าที่สวมก็เรียบง่ายจนไม่น่าสนใจเหมือนคนไม่สนใจแฟชั่น มีเพียงเสื้อยืดกางเกงยีนส์แล้วใช้ผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลปิดทับอย่างเป็นระเบียบ เรียกได้ว่าแม้จะมีอายุในระดับหนึ่งแต่มีนาไม่ใช่สาวที่แต่งตัวจ๋า เพียงแต่สนใจของที่ใช้งานได้เท่านั้น ตามนิสัยเดิมของเธอที่ค่อนข้างเรียบง่าย แต่เมื่อให้ความสนใจอะไรแล้วก็จะทุ่มหมดตัว
“ตายแล้ว! ทำไมส่งกลิ่นไหม้ล่ะ ทำไงดี”
มีนาที่ได้สติกลับมาแล้วก็รู้สึกกระวนกระวายเมื่อได้กลิ่นไหม้ลอยออกมาจากเครื่องทำกาแฟที่อยู่ตรงหน้า พยายามหันรีหันขวางเมื่อขอตัวช่วย
แต่ อนิจจัง ไม่มีตัวช่วยที่หญิงสาวมองหา เนื่องจากภายในร้านนี้ไม่มีพนักงานเลยแม้แต่คนเดียว มีนาเป็นทั้งเจ้าของ พนักงานเสิร์ฟ บาริสต้า[1] และปาติซีเย่[2]ของร้านด้วย จะกล่าวว่าเธอทำทุกหน้าที่ที่มีในร้านก็ไม่ผิดเท่าไร
“ยังดีที่ไม่เปิดร้านนะเนี่ย”
มีนาพูดกับตัวเองขณะเปิดเครื่องคั่วกาแฟแล้วทิ้งกากอันเก่าเพื่อใส่เมล็ดอันใหม่ลง วันนี้เธอมีเวลาทั้งวันเพื่อให้กาแฟลงตัว ถ้าร้านกาแฟทำกาแฟไม่ได้เรื่องก็คงไม่ต้องเปิดร้านกันแล้ว
หญิงสาวพยายามอย่างมากในการชงกาแฟใหม่ ระหว่างรอให้เครื่องทำงานอย่างถูกต้อง หญิงสาวก็เดินไปทำอย่างอื่นในร้านเพื่อไม่ให้ตัวเองจมอยู่กับความคิดด้านลบ ไม่ว่าจะการเดินเข้าหลังร้านเพื่อดูขนมปังที่อบเอาไว้ จากนั้นก็ไปตีครีมให้ขึ้นฟู เมื่อได้ชิ้นเค้กสดใหม่ออกมาก็วางในตู้อย่างเป็นระเบียบ
แน่นอนว่าความฟุ้งซ่านก็ทำให้เธอไม่อยู่ที่เครื่องอีกครั้ง แต่เดินไปเช็ดโต๊ะ จัดกรอบรูปที่แขวนอยู่ตามนิสัยเพอร์เฟ็กชั่นนิสที่รักษาไม่หาย ซึ่งมีนาก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าพัฒนานิสัยนี้มาตอนไหนแต่มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาขึ้นมาตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย เพราะการเขียนโค้ดนั้นคือเรื่องลึกลับ เขียนผิดไปสักตัวก็จะมีปัญหาในการรันข้อมูลทุกตัว
ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงอยากให้มั่นใจว่าจะคีย์โค้ดถูกทุกตัวตั้งแต่แรก ต่อให้ต้องตรวจสอบเป็นระยะก็ตาม เพราะการมาตามหาปัญหาทีหลังไม่ใช่เรื่องตลกหรือง่ายเลย มันยากบรรลัย ต้องไล่เรียงโค้ดสีเขียวดำจนเจ็บตา บางครั้งถึงกับต้องใช้ไสยศาสตร์ในงานวิทย์เพราะทำยังไงก็หาปัญหาไม่พบ
เอาล่ะ นิสัยนี้อาจจะก่อขึ้นมาตอนนั้นก็ได้
ติ๊ง!
จากนั้นเมื่อเสียงเตือนดังขึ้นจากคอมพิวเตอร์ที่เปิดทิ้งเอาไว้บนโต๊ะตัวหนึ่งที่วางไว้ใกล้เคาน์เตอร์ที่มีไว้สำหรับเจ้าของร้านอย่างเธอในการนั่งเล่น มีนาก็รีบไปตรวจสอบทันทีด้วยความเคยชิน เมื่อพบว่าเป็นเรื่องน่าสนใจก่อนรีบไปที่เครื่องทำกาแฟโดยไม่สนกลิ่นไหม้ ๆ ผสมนมสดเข้าไปจนได้ลาเต้แก้วพอดีมือแล้วกลับไปนั่งหน้าคอมอย่างคุ้นเคยก่อนจะยกลาเต้ไหม้ ๆ ดื่มเข้าไป
หญิงสาวไม่แคร์กับกลิ่นของมันเท่าที่คิดเอาไว้ บางทีอาจเป็นเพราะหัวใจเธอไหม้พอ ๆ กับมัน
[1] บาริสต้า (Barista) ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการชงกาแฟ
[2] ปาติซิเย่ มาจากภาษาฝรั่งเศส เป็นคนทำเบเกอรี
“ครับ ผมกำลังจะกลับแล้วจริง ๆ ครับแม่”แทนที่เติบโตขึ้นจนไม่เหลือคราบของเด็กเนิร์ดคนเดิมพูดอย่างอ่อนโยนกับปลายสายขณะที่เก็บกระเป๋าของตัวเอง “ก็ตั้ง 5 ปีแล้วนะที่แกไม่ได้กลับมาน่ะแทน” “แม่ครับ ผมกลับไปฉลองปีใหม่กับที่บ้านทุกปีเถอะ ปีที่แล้วผมยังดื่มกับพ่อจนแม่ถ่ายภาพที่เลื้อยไปกับพื้นลงเฟซ ผมไม่ลืมนะครับ” “ก็ใครใช้ให้พ่อกับแกเมาขนาดนั้นล่ะ แล้วมันก็ไม่เหมือนกันนะ แกมาแป๊บเดียวก็ไม่เหมือนกลับมาหรอก”“ก็ได้ครับ ตอนนี้ผมก็กำลังกลับไปไงครับ คราวนี้ผมอยู่ยาวแน่เพราะผมกำลังจะย้ายไปคุมงานที่ไทย”ด้วยความที่แทนทำงานด้านวิศวกรฮาร์ดแวร์มากว่า 5 ปีก็ขึ้นซีเนียร์มากประสบการณ์ได้ ทำให้ทางสาขาใหญ่ตัดสินใจส่งเขากลับไปคุมบริษัทที่บ้านเกิดอย่างประเทศไทยหลังจากที่ชายหนุ่มส่งคำขอไปพักใหญ่ มันเป็นการเลื่อนตำแหน่งที่แทนพอใจมากที่สุดเพราะเขาเองก็คิดถึงครอบครัวมากเช่นกัน“จะกลับมาตรงเวลาไหม” พ่อถามแทรกขึ้นมาในสาย“ไม่แน่ใจครับ ถ้าเที่ยวบินไม่มีปัญหาก็ตรงเวลา”“งั้นพวกเราจะไปรอแกนะ”“ขอบคุณครับ และ...คราวนี้ผมคงไม่คิดจะไปทำงานต่างประเทศสักพักแล้วล่ะ”“ให้มันได้อย่างนั้นสิ แ
แทนทำการศึกษาและหาแนวทางในการใช้โค้ดนี้อย่างพิถีพิถันเพื่อไม่ให้ความคาดหวังของพี่มีนาที่มอบมันให้เขาต้องสูญเปล่า แถมเขายังยุ่งกับการฝึกงานที่ต้องใช้ความพยายามหนักมาก ไม่ว่าจะเรื่องภาษา ระบบการทำงาน สิทธิของพนักงานและรวมไปถึงการทำงานจริง ๆ ที่กินเวลาของเขาไปมากทำให้กว่าจะมีเวลาจริง ๆ ก็เป็นหลังจากที่ผ่านโปรไปแล้ว จากนั้นก็ต้องมาคิดว่าแอปนี้ควรจะปล่อยแค่ในไทยเท่านั้นหรือเปล่า? ตลอดเวลาที่เขาทำงานอยู่ที่นี่ก็พอจะมีเวลาเดินหาย่านของกิน ทำให้ทราบว่าแถวนี้มีร้านกาแฟเป็นหลักเป็นแหล่งเยอะกว่า ด้านรสชาติถึงจะแปลกลิ้นไปบ้างแต่คุณภาพก็ไม่ได้ด้อยไม่กว่าใครแต่...จุดกำเนิดมันอยู่ที่ไทยและข้อความก็เป็นภาษาไทย ไม่รู้ว่าบรรยากาศ การแสดงออกและการเลือกของคนต่างชาติจะเหมือนมากน้อยแค่ไหน ด้วยวัฒนธรรม ศาสนาและกฎหมายที่แตกต่างกัน การแสดงออกของผู้คนต่อบางสิ่งย่อมต่างกัน ทำให้เขาไม่แน่ใจว่าจะได้ผลแค่ไหนยังไม่นับรวมที่เขาต้องหาคลังคำศัพท์เพิ่มซึ่งไม่รู้ว่าจะกินใจเหมือนของภาษาไทย และพวกเขาจะเปิดใจหรือแค่มองผ่านว่ามันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการขายเท่านั้น เฮ้อ...ไม่ว่าจะคิดแบบไหนก็มีแต่อุปสรรคทั้งนั้น แ
“เฮ้ย! จะจบแล้วก็เงียบ ๆ หน่อยดิว่ะ ใครยังไม่จ่ายเงินเซค อย่าหวังว่าจะได้ไปบายเนียร์[1] นะมึง”เหรัญญิกของเซคพูดเสียงเข้ม ทำให้แทนเงยหน้าขึ้นมาจากแท็บเลตแล้วเริ่มรู้สึกตัวจริง ๆ ว่าเขากำลังจะเรียนจบแล้ว ปีหนึ่งผ่านไปเร็วมาก เขายังรู้สึกเหมือนว่าเพิ่งเจอร้านกาแฟเปิดใหม่ไม่นานมานี้นี่เอง เขายังรู้สึกเหมือนว่าเพิ่งจดทฤษฎีเกี่ยวกับลายลาเต้ และเขาเพิ่งได้มีโอกาสร่วมแก้โค้ดสำคัญและออกความเห็นเกี่ยวกับแอปที่เปลี่ยนวิธีการมองโลกของเขาไปตลอดกาล และแป๊บเดียวเขาก็กำลังจะเรียนจบแล้ว “แทน! ครูปวินเรียก”ขณะที่กำลังเหม่อลอย หัวหน้าเซคก็เข้ามาเรียก ทำให้ผมเดินไปที่ห้องพักอาจารย์ทันที ครูปวินคือที่ปรึกษาเล่มจบของผม ธีสิสไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะครูชมมาตั้งแต่ต้นว่าเขาคิดหัวข้อได้ วางแผนการทำงานได้เยี่ยม และตอนที่พรีเซ้นต์จบอาจารย์ทุกคนก็ให้ผ่าน ดังนั้นที่ครูปวินเรียกเขาไปวันนี้คงไม่ใช่ปัญหาเรื่องธีสิสแน่นอน “สวัสดีครับครู มีอะไรหรือเปล่า”แทนถามแล้วไปนั่งที่เก้าอี้ในห้องอาจารย์ที่เตรียมไว้สำหรับแขกที่เข้ามา “ครูได้รับข้อเสนอที่ดีม
แทนคิดว่ากระแสตอบรับของ LatteCode เป็นไปได้ด้วยดีกว่าที่คาดเอาไว้เยอะ จนเริ่มมีร้านกาแฟขอติดต่อมาเอง ซึ่งชายหนุ่มก็จะเน้นย้ำว่านี้ยังเป็นแอปเบต้าเทสที่ยังไม่สมบูรณ์ อาจจะมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงในอนาคตได้เสมอ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยอมรับและโอเคกับมันเพราะตอนนี้หลายคนกำลังมองหาอะไรแบบนี้ อะไรสักอย่างที่ช่วยเยียวยาจิตใจได้ในช่วงเวลาที่ทุกคนต่างก็ย่ำแย่กันทั้งนั้น ทว่าข้อความที่ได้รับการประมวลผลมาจากบรรยากาศ สีหน้าและการเลือกลวดลายบนฟองน้ำไม่ได้จะล่วงรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนได้ทั้งหมดมันแค่ทำการเคาเดาตามข้อมูลที่มีอยู่ในระบบ มันไม่สามารถรู้ลึกไปถึงอดีตของใครได้ มันไม่สามารถปรับเปลี่ยนข้อความไปตามการแปรปรวนของอารมณ์ได้ มันไม่สามารถซ่อมแซมบาดแผลใจใน หรือว่าตอบโต้เพื่อคาดความเหงา ความเศร้าให้กับคนได้อย่างจริงจังสิ่งที่มันทำก็คือการส่งข้อความที่ประมวลผลแล้วว่ามีประโยชน์ประโยคหนึ่งมาให้เท่านั้น การที่ผู้ใช้จะได้รับการช่วยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับคนที่ได้รับว่าเปิดรับมากเพียงใด ทว่า...มันยังมีอีกหลายคนที่ข้อความเหล่านี้ช่วยไม่ได้ เพราะสิ่งพวกเขาเหล่านั้นต้องการจริง ๆ ไม่ใช่แค่ข้อความจ
“แล้วเราจะเอาไปปล่อยยังไงดี”นั่นคือคำถามสำคัญของมีนาและแทนที่มีร่วมกันหลังจากที่แก้โค้ดของแอปจนเสร็จตามที่พวกเขาตั้งใจเอาไว้ทุกประการ“ยังไงแอปนี้ก็เหมาะสำหรับผู้ใช้บริการร้านกาแฟทั้งหลาย เพราะงั้นต้องเอาแอปส่วนที่เป็นเจ้าของร้านไปแจกจ่ายก่อนเพื่อให้ลงเมนูของร้านตัวเอง ก่อนที่จะให้ลูกค้าสั่งได้”มีนาพูดอย่างเป็นการเป็นงาน“งั้น...ถ้าเราทำคล้ายแอปสั่งอาหารล่ะ แอปโชว์ร้านกาแฟที่เข้าร่วมกับแอป Latte Code แล้วเลือกไปที่ร้านนั้น ๆ เพื่อสั่งล่วงหน้าก่อนไปรับที่ร้านได้”แทนเสนอแนวคิดที่เอามาจากแอปสั่งอาหารในปัจจุบัน“แต่เราไม่มีตัวช่วยส่งออนไลน์”“ก็เราทดลองในวงแคบก่อนไม่ใช่เหรอพี่ งั้นเราก็แค่ไปเสนอให้ร้านกาแฟที่สนใจว่าสิ่งนี้จะเป็นเมนูออนไลน์ที่ให้ผู้คนดูได้ว่ามีอะไรน่าสนใจ และเมื่อสั่งลาเต้ไปก็จะได้ข้อความ”“ปัญหาคือลาเต้อาร์ตไม่ใช่อะไรที่ร้านทั่วไปจะมีให้หรอกนะ”มีนาชี้ให้เห็นถึงเรื่องที่สำคัญที่สุด“งั้นเราก็เข้าหาแต่ร้านที่มีสิพี่ เดี๋ยวผมช่วยในเรื่องนี้เอง”“แต่ว่าเราไม่ได้ให้การโฆษณาหรือค่าตอบแทนอะไร แล้วร้านพวกนั้นจะยอมใช้เหรอ”“พี่มีนา ผมจะหาร้านที่เข้าใจในสิ่งที่เราทำ เรื่องนี้พี
“จะว่าไป ฉันก็ไม่มีช่องทางติดต่อนายเลยนะแทน” นั้นคือประโยคต้อนรับชายหนุ่มที่หลังเลิกคลาสก็เดินสะโหลสะเหลคล้ายซอมบี้ที่เพิ่งปีนขึ้นมาจากหลุมศพไม่น้อยเหตุผลหนึ่งของอาการนี้ก็คนถามนี่แหละ ชายหนุ่มไม่คิดมาก่อนว่าการสอบนอกตารางแบบนี้จะทำเขาเครียดได้ขนาดนี้ และอีกเหตุผลหนึ่งคือแทนต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขแอปนี้จริง ๆ เขาอยากมีส่วนช่วยเหลือผู้คนแม้เพียงเล็กน้อย อุดมการณ์และความคาดหวังของมีนานั้นน่าชื่นชมมากเดี๋ยวนี้จะหาคนที่คิดแบบนี้ได้จากไหนอีก“ผมก็ไม่มีช่องทางติดต่อพี่เหมือนกัน ว่าแต่จะเอาไปทำอะไรครับ”“ก็ถ้าเราจะแก้ไขโค้ดด้วยกัน เราก็ควรจะติดต่อกันได้มากกว่าแค่รอแทนมาที่ร้านไม่ใช่เหรอ?”หญิงสาวถามพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ชายหนุ่มที่หมดแรงเมื่อครู่มีแรงลุกขึ้นยืนได้ด้วยความตื่นเต้น“นี่หมายความว่าผมผ่านแล้วเหรอครับ!”“ใช่แล้วสำหรับเด็กที่ยังเรียนไม่จบ นายถือว่าเก่งเลยล่ะ ดังนั้นถือว่าเป็นการฝึกล่วงหน้าล่ะกัน เค้กฟรี กาแฟฟรีพอเป็นค่าตอบแทนได้ไหม”มีนาพูดหยอกเล่นแต่ก็วางเค้กส้มของโปรดให้บนตะของแทนจริงๆ“ต่อให้ทำฟรีผมก็ทำ พี่ก็รู้นี่น่า”“แล้วจะเอาไหมเค้ก?”“เอาสิครับ ของฟรีแบบนี้ใครจะไม่เ