"ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ!" กัดฟันตอบเพราะรู้นิสัยของคนที่อยู่ข้างนอก ว่าเอาแต่ใจแค่ไหน ถ้าเขาไม่ได้คำตอบก็จะถามและหงุดหงิดไม่เลิก
"เปิดประตู!" ปภังกรยังย้ำคำสั่งเดิม เพราะไม่ไว้ใจ รอยเลือดที่เขาเห็นมีปริมาณไม่น้อย ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร กันแน่ พสิกาเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี เธอย่อมไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากเขา เขาคงจะใจดำเกินไปถ้าปล่อยให้เธอมา ตายคาห้องของเขา
"ฉันแค่... เป็นประจำเดือน" บอกออกไปแบบนั้นเพราะมั่นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ถึงแม้อาการปวดและปริมาณเลือดจะมากกว่าวันแรกที่ประจำเดือนมา ถ้าเลือดนี่ไม่ใช่ประจำเดือนแล้วมันเป็นเลือดอะไรกัน ใบหน้าสวยซีดเผือด เมื่อคิดไปต่าง ๆ นานา คนที่จะตอบคำถามเธอได้คือหมอ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ร่างบางก็พยุงตัวเองลุกขึ้น อาบน้ำชำระล้างทำความสะอาดร่างกาย จะได้พาตัวเองออกไปจากที่นี่ให้ เร็วที่สุด
ปภังกรยืนมองบานประตูห้องน้ำ โล่งใจที่ได้ยินคำตอบของเธอ วันนี้เขาหนักมือเพราะนึกโมโหที่เธอต่อต้านเขา จึงอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะกลัวว่าสาเหตุมันมาจากเขา ร่างสูงถอยกลับออกมานั่งรอที่ขอบเตียงกว้าง เขามีเรื่องจะคุยกับเธอ เงินจำนวน 500,000 อาจจะมากเกินไป ถ้าเธอมีคำพูดดี ๆ เขาอาจจะลดหย่อนให้เธอบ้าง
พสิกานึกขอบใจความรอบคอบของตัวเอง ที่มีของใช้จำเป็นติดกระเป๋ามาเสมอ หญิงสาวอาบน้ำใส่เสื้อผ้าชุดเดิมที่มีรอยขาดเป็นทางตรงช่วงคอและหลังเพราะความเอาแต่ใจ ของคนด้านนอก ปภังกรใจร้อนกว่าทุก ๆ ครั้ง ทันทีที่เห็นหน้าเขาลากเธอขึ้นเตียง ตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมงที่ร่วมรักกับเขา เธอเหนื่อยจนเผลอหลับไปแบบไม่รู้ตัว มือบางแต่งแต้มเครื่องสำอางลงบนใบหน้าที่ซีดเผือด เคลือบสีแดงสดบนปาก ที่บวมช้ำ เพื่อปกปิดร่องรอย กลับบ้านเวลานี้คงต้องทำให้คน ที่บ้านเข้าใจว่าเธอเพิ่งกลับจากสถานบันเทิง เพราะไม่อยากให้แม่นมเป็นห่วง ดวงตากลมโตไหววูบเมื่อนึกถึงใครอีกคน พ่อจะรู้บ้างไหมว่าสองเดือนมานี้เธอเหนื่อยที่สุด กิจการร้านอาหารซบเซาเพราะพิษเศรษฐกิจ แต่รายจ่ายกลับเพิ่มขึ้น ถ้าแค่ใช้จ่ายภายในบ้านเธอก็ยังรับมือไหว แต่มันมีอีกส่วน ที่เพิ่มเข้ามาและเป็นปริมาณไม่น้อย ถ้าเงินเก็บที่มีอยู่หมดลง บางทีเธออาจจะหาทางออกใหม่ให้ตัวเอง เพื่อนพ่อถูกใจเธอหลายคน และพ่อก็คงพอใจถ้าเธอเลือกใครสักคนที่พ่อพยายามยัดเยียดให้ ทำให้พ่อมีความสุขและตัวเธอเองก็จะได้หลุดออกไปจากนรกขุมนี้ด้วย เส้นทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรเธอก็ไม่อาจรู้ แต่เมื่อความอดทนมาถึงขีดสุด เธอก็คงต้องทำ ไหน ๆ ก็เสียสิ่งที่มีค่าไปแล้ว จะเสียตัวอีกสักครั้งก็คงไม่มีอะไรน่าเสียใจ ถอนหายใจให้ตัวเอง เมื่อความเจ็บปวดกลับมาเล่นงาน มือบางกวาดเครื่องสำอางลงกระเป๋า พลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ตีสี่... เวลานี้จะมีหมอที่ไหนให้ไปหา คงต้องอาศัยยาแก้ปวดประทังไปก่อน ถ้ามันดีขึ้นหรือทุเลาลงก็คงไม่ต้องไปหาหมอ
"มัวทำอะไรอยู่!"
ทันทีที่เท้าบางก้าวเข้ามาให้ห้องนอน เสียงแหบห้าวจิกกัดก็ดังมาจากมุมหนึ่งของห้อง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เมื่อเห็นเงาของคนร่างสูงนั่งอยู่ปลายเตียง เขายังอยู่อีกหรือ
"ขอโทษนะคะที่รบกวนคุณ" ตอบอย่างมีมารยาท ก่อนจะก้าวเดินผ่านหน้าเขาไปที่ประตู
"คุยกันก่อนไหม" ปภังกรเอ่ยเมื่อเธอเดินผ่านหน้าเขาไป คำพูดของเขาส่งผลให้มือที่จับลูกบิดประตูชะงักค้าง
"คะ" ขานรับทั้ง ๆ ที่ยังยืนอยู่ท่าเดิมคือหันหลังให้เขา
รอคอยว่าเขาจะพูดอะไร"เงิน 500,000 มัน..."คำพูดที่เหลือค้างไว้แค่ริมฝีปาก เมื่อเธอขัดขึ้น
"มันน้อยไปใช่ไหม ไว้ฉันจะเพิ่มให้นะคะ"
ตอบไปตามความเข้าใจของตัวเอง 30 ล้าน ผ่อนเดือนละ 500,000 ใช้เวลาตั้งหลายปีกว่าจะหมด เขาคงอยากได้เงินคืนเร็ว ๆ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็รื้นตรงหัวตา ดอกเบี้ยที่จ่าย ให้เขาคงไม่มีความหมายอะไร เพราะเขาไม่ได้อยากได้มัน สักนิด ที่ปภังกรทำแบบนี้ก็คงต้องการหลักประกัน ว่าเธอจะ ไม่หนีไปไหน และเมื่อถึงเวลาที่เขาเบื่อหน่ายเธอก็คงต้องไป
"แค่นี้ใช่ไหมคะ ไว้ฉันจะทักมาว่าเพิ่มให้คุณได้เดือนละเท่าไร" พูดจบก็เปิดประตูแล้วก้าวออกไป
"ผมยังพูดไม่จบ!"
ปภังกรตวาดลั่น เมื่อเธอก้าวออกไปจากห้องนอน คำพูดเขาไม่ได้มีผลกับหญิงสาวเลยสักนิด เมื่อเธอเดินออกไปจนถึงประตูแล้วเปิดมันออกไป ตาคู่คมมองเห็นรอยขาดเป็นทางยาวที่ด้านหลังของชุดสวยรัดรูป ก่อนจะลุกตามออกไป โมโหที่เธอออกไปสภาพนั้น รถเธอจอดอยู่ชั้นไหนก็ไม่รู้ แผ่นหลังขาวเนียนเปิดเปลือยลงมาจนถึงช่วงเอว คิดว่าจะเดินไปได้ถึงไหนกัน คงไม่พ้นถูกใครสักคนลากเข้าในห้อง
เท้าบางภายใต้รองเท้าส้นสูงสี่นิ้วก้าวอย่างมั่นคง ทั้ง ๆ ที่ใจเจ็บร้าว เมื่อหาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ เธอจะหาเงินจากไหนได้อีก ทุกวันนี้ก็ตันทุกทาง ร่างบางหยุดชะงักเมื่อปวดที่ท้องน้อยจนก้าวขาไม่ออก ตาพร่าเลือน อีกสองก้าวเธอจะถึงลิฟต์และจะได้ไปจากที่นี่... อดทนอีกนิดนะก้อย
โครม!
"ก้อย!" คนที่เดินตามมาร้องออกมาสุดเสียง เมื่อเห็นเธอร่วงลงไปกองกับพื้นต่อหน้าต่อตา
"ก้อย! โธ่โว้ย! จะอวดเก่งไปถึงไหนกัน" ปภังกรโมโห
iu[ช้อนร่างบางเข้าสู่วงแขน"มีอะไรให้ช่วยไหมครับ" คนที่ผ่านมาถามขึ้น เมื่อเห็นเขาอุ้มคนหมดสติ
"เมียผมไม่สบาย ช่วยกดลิฟต์ให้หน่อยครับ"
บอกกับเขาคนนั้น เมื่อต้องพาเธอไปหาหมอให้เร็วที่สุด ใบหน้าสวยภายใต้เครื่องสำอางหนา ดูยังไงมันก็ซีดจน น่าตกใจ
พสิกาหลบตา เมื่อเพื่อนมองมาอย่างตกตะลึง พิมพ์มาดาช็อกกับเรื่องที่ได้ฟัง เมื่อพสิกาสารภาพ และเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมด "หมายความว่า ก้อยกับพี่ดิว...”พิมพ์มาดาพูดไม่ออก เพราะไม่รู้จะใช้สถานะไหนเรียก คนทั้งสอง มีความสัมพันธ์แบบลูกหนี้กับเจ้าหนี้ ใช้ร่างกาย จ่ายดอกเบี้ย มันมีแต่ในละคร ไม่คิดว่าในชีวิตจริงจะมีเรื่อง แบบนี้เกิดขึ้น และมาเกิดกับคนใกล้ตัวของเธอ พสิกาเป็น เพื่อนสนิทเธอ ปภังกรเป็นเพื่อนสนิทของสามี แบบนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญ "นานแค่ไหนแล้วก้อย พี่ดิวข่มเหงก้อยมานานแค่ไหนแล้ว" มือบางที่กำมือเพื่อนสั่นระริก พร้อมกับน้ำตาที่ ไหลริน พิมพ์มาดาเป็นคนอ่อนไหว พอได้รู้ว่ามีเรื่องเลวร้าย เกิดขึ้นกับเพื่อน เธอก็สงสารจับใจ"แอ้อย่าคิดมากนะ ก้อยไม่เป็นอะไร" บอกกับเพื่อนรัก เพราะตอนนี้พิมพ์มาดากำลังตั้งครรภ์ ไม่อยากให้เรื่องของเธอมากระทบใจเพื่อน"บอกแอ้มาให้หมด พี่ดิวทำอะไรกับก้อยบ้าง""เขาแค่... แค่นอนกับก้อย""คุณลุงเป็นหนี้พี่ดิวเท่าไร" พิมพ์มาดาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมกับท่าทางที่เข้มแข็ง พสิกาไม่เคยเห็นเพื่อน เป็นแบบนี้มาก่อน จึงค่อน
ปภังกรหัวเสียเมื่อจนป่านนี้ยังติดต่อพสิกาไม่ได้ เธอปิดเครื่องหรือเป็นอะไรกันแน่ ความห่วงที่มีปริมาณมากกว่าสิ่งอื่นใด ทำให้เขาพาตัวเองมาบ้านเธอในช่วงสายของวันถัดมา แต่คนที่ออกมาต้อนรับเขาคือเกศิรา หญิงสาวดีใจจนออก นอกหน้าที่เห็นหน้าเขา และได้ทีใส่ร้ายพสิกาให้เขาฟัง ตั้งแต่เมื่อคืนพสิกายังไม่กลับมาที่นี่ แล้วเธอไปอยู่ที่ไหน"คุณพ่อกับแม่เป็นห่วงมากเลยนะคะ แต่คนที่น่าสงสารที่สุดน่าจะเป็นนมชื่นค่ะ ยายก้อยหายไปแบบนี้คนแก่ก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา" เกศิราตีหน้าเศร้าทำทีเป็นห่วงพสิกาเสียมากมาย"ติดต่อไม่ได้เลยเหรอครับ""ตกลงที่คุณดิวมาก็คงมาหายายก้อยสินะ ศิก็คิดเข้าข้างตัวเองเสียมากมาย" เกศิราตัดพ้อทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้การมาของเขาดี"คุณก็รู้ว่าผมมาหาก้อย" ปภังกรตอบชัดเจน ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ เมื่อไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อ "แค่ปลายนิ้วศิจิ้มลงไปที่หน้าจอ คลิปยายก้อยก็จะโชว์หราอยู่ในเฟซ แล้วหลังจากนั้นก็คงถูกแชร์ต่อ ๆ กันไป ศิควรเบลอหน้าใครดีคะ คุณหรือว่ายายก้อย!"คำพูดของเกศิราทำให้ปภังกรหน้าตึง ผู้หญิงคนนี้รู้จักเขาน้อยไปจริง ๆ"ผมต้องทำยังไงครับ" หันมาถาม เพื่อต้องการให้เธอหาทางออกให้ก
'บริการฝากหมายเลขโทร. กลับ'ประโยคเดิมซ้ำ ๆ วนเข้ามาในหู เมื่อปภังกรกดโทร. ออกหาเบอร์ปลายสาย พสิกาปิดเครื่องหนีเขาอย่างนั้นหรือ เขาคิดว่าเธอจะปิดแค่ตอนที่อยู่ในงานเลี้ยง แต่นี่รถคันสุดท้ายออกไปจากงานแล้ว เขาก็ยังติดต่อเธอไม่ได้ เขาบอกว่าคืนนี้ต้องการเธอ นั่นหมายความว่าเธอจะต้องกลับไปกับเขา แต่เขากลับติดต่อเธอไม่ได้ เขาเห็นคุณมาโนชย์เดินออกมาจากงาน พร้อมคุณเกศิณี ในขณะที่เกศิรากลับกับผู้ชายที่มารับเธอที่ หน้างาน ไร้เงาของพสิกา แสดงว่าเธอกลับไปก่อนหน้าแล้ว หลังจากกลับเข้ามาในงาน เขาก็คุยกับเพื่อน ๆ เรื่องที่พุฒิพัฒน์ทำตัวผิดไปจากเดิม ที่คอยแต่จะมองนาฬิกาข้อมือ แล้วขอตัวกลับตั้งแต่งานยังไม่เลิก ทุกคนจึงลงความเห็นว่า พุฒิพัฒน์ เข้าชมรมคนกลัวเมียไปแล้ว หลังจากนั้นเขาก็คุยกับเพื่อนยาว จนกระทั่งงานเลิกจึงแยกย้ายกันกลับ เขาลงมารอพสิกาที่รถแล้วโทร. หาเธอ เพื่อจะบอกจุดที่เขารออยู่ แต่เธอกลับปิดมือถือเสียนี่ คงไม่ได้กลับไปกับผู้ชายหรอกนะ เพราะเขาเห็น คุณธำรงค์อยู่จนถึงเวลางานเลี้ยงเลิกมือถือเครื่องหรูถูกยกขึ้นมาต่อสาย เมื่อเขาต้องการสั่งงานลูกน้องคนสนิท"ณรงค์ วันอังคารคุณไปพบผมท
ปภังกรเอ่ยคำว่าขอโทษออกมา เพราะรู้ว่าตัวเองผิดที่คุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาไม่รู้ว่าสาเหตุมันมาจากอะไร เขาไม่ชอบเวลาที่มีผู้ชายมาทักทายเธอ ไม่ชอบที่คนอื่นมา ถูกตัวเธอ และที่โมโหที่สุดก็คือเธอยิ้มให้ใครต่อใครไปทั่ว แต่เวลาอยู่กับเขา กว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคำ แทบต้อง ง้างปากพสิกาสะอื้นไห้อยู่ในอ้อมอกของเขา ยอมให้เขากอดเพราะรู้ว่าหนีเขาไม่พ้น ครั้งนี้ปภังกรดูถูกเธอมากจริง ๆ และที่ทำให้เธอเกลียดเขาที่สุดก็คือคำว่าคลิป เธอไม่รู้ว่าเขาถ่ายเอาไว้จริงไหม แต่คนอย่างเขาจัดอยู่ในประเภทคนที่ทำได้ทุกอย่าง ถึงแม้เขาจะยอมขอโทษ แต่มันไม่ได้มีผลกับความรู้สึกเธอเลยสักนิด เพราะเธอเสียใจไปแล้ว หญิงสาวยืนนิ่งเหมือนหุ่น เขาจะกอดจะจูบก็ช่างเขา เธอจะไม่ใจอ่อนกับเขาอีกแล้ว ปภังกรและพสิกาไม่มีทางรู้เลยว่า ภาพความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นนี้ ถูกมือดีถ่ายเก็บเอาไว้หมดแล้ว ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอเคลื่อนไหว มือถือในมือถูกกำจนสั่น เมื่อเจ้าของโมโหจนยากจะควบคุมอารมณ์ ตาคู่เฉี่ยวมองพสิกาอย่างเกลียดชัง นี่คงเป็นเหตุผลที่ปภังกรเข้าใกล้เธอ เพราะเขาอยากประชดพสิกา ที่แท้สองคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้
พสิกาพาตัวเองออกมาสูดอากาศในสวนหลังโรงแรมไหล่บางห่อลงเพราะอากาศยามค่ำคืนหนาวเย็น หญิงสาวเลือกนั่งบนชิงช้าที่จัดไว้กลางสวน ดวงตาเหม่อลอยมองออกไปแสนไกล แต่หัวใจยังจดจ่ออยู่ที่เรื่องเดิม ปภังกร คบกับเกศิราอย่างนั้นหรือ ทำไมเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย เขาคบกันมานานหรือยัง ยิ้มให้ตัวเองเมื่อนึกถึงความจริงข้อนี้ เธอจะรู้ได้ยังไงกัน เพราะพักหลัง ๆ ก็เอาแต่ทำงานหนัก กว่าร้านจะปิดก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน ไหนจะต้องไปเป็นนางบำเรอให้เขาอีก แล้วเธอจะไปรับรู้เรื่องอะไรกับใครเขา กระบอกตาร้อนผ่าวเมื่อความเสียใจตีตื้นขึ้นมากลางอกปภังกรก็รู้ว่าเธออยู่บ้านเดียวกันกับเกศิรา เขายังกล้าทำแบบนี้อีก คบสองคนในเวลาเดียวกัน ยกอีกคนให้อยู่บนที่สูง ในขณะที่เธอถูกกดให้จมดิน เธอมีสิทธิ์คิดมีสิทธิ์เสียใจด้วยหรือ เมื่อจุดเริ่มต้นของเธอกับเขามันมีข้อตกลงที่ชัดเจน เธอก็แค่ดอกเบี้ยคั่นเวลา เขาจะเรียกเก็บกับเธอตอนไหนก็ได้ ไม่มีสิทธิ์บ่ายเบี่ยงหรือขัดขืน นั่นคือข้อตกลงก่อนที่เธอจะขึ้นเตียงกับเขา แล้วใครใช้ให้หัวใจไม่รักดี เธอไม่เคยคิดถึงข้อนี้เลยสักครั้ง ปภังกรหล่อรวยและดูดี เขาต้องมีคนของเขาอยู่แล้ว
พสิการู้แล้วว่าคนที่พ่อต้องการให้เธอทำความ รู้จักอย่างลึกซึ้งคือคุณธำรงค์ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ระดับต้น ๆ ของประเทศ ถึงแม้ในงานจะมีใครหลาย ๆ คนที่สนใจเธอ แต่เป้าหมายของพ่อคือผู้ชายคนนี้ เธอก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะคุณธำรงค์เองก็ดูจะสนใจเธอไม่น้อยเช่นกัน"ร้านอาหารของหนูก้อยอยู่แถวไหนครับ ผมจะได้แวะไปอุดหนุน" หนุ่มใหญ่ชวนคุยเมื่อรู้สึกถูกตาต้องใจสาวน้อยตรงหน้า คุณมาโนชย์มีของดีอยู่กับตัวนี่เอง ถึงได้เทหมด หน้าตัก และสาวน้อยคนนี้ก็สวยหวานถูกใจเขาที่สุด"อยู่แถว...” ชื่อสถานที่ตั้งร้านค้างไว้ในลำคอ เมื่อดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นใครบางคน กำลังเดินมาที่เธอ ใบหน้าสวยเปลี่ยนสีเมื่อเห็นหน้าเขา ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วหันไปคุยกับคุณธำรงค์ตามเดิม"คุณปภังกรมางานนี้ด้วยเหรอครับ"คุณธำรงค์ที่หันมาเห็นปภังกรรีบเอ่ยทักทาย เมื่อหนุ่ม รุ่นลูกเดินมาทางนี้ พสิกายิ่งตกใจไปกันใหญ่ เมื่อเห็นความ สนิทสนมของคนทั้งสอง คุณมาโนชย์หันมาตามเสียงทักทายของคุณธำรงค์ ก่อนจะมองหน้าปภังกรสลับกับเกศิราอย่างนึกสงสัย"สวัสดีครับคุณมาโนชย์ สวัสดีครับคุณธำรงค์"เอ่ยทักทายตามมารยาท ก่อนจะมองหน