Share

บทที่ 3

last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-21 10:32:41

“ไม่เป็นไร...กูแค่ลืมของเอาไว้ที่บ้านคนรู้จัก เลยจะแวะไปถามดูว่าของยังอยู่หรือเปล่า” 

คนบนเก้าอี้ฝั่งผู้โดยสารบอกพลางดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ ทำให้คนนั่งหลังพวงมาลัยรถถึงกับหันขวับไปมอง 

“กูตั้งใจจะไม่ยุ่งเรื่องของมึง แต่มึงก็พูดเป็นปริศนาอยู่ได้ ทำให้กูสงสัยอีกแล้วเนี่ย” เกริกวิทย์บ่นก่อนจะสตาร์ตรถ แล้วเคลื่อนรถออกไปจากอาคารท่าอากาศยานเพื่อพาเพื่อนไปส่งยังโรงแรมตามที่เจ้าตัวต้องการ

 “มึงรู้...” อาณัติเปรย ตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างรู้ทัน ส่วนเกริกวิทย์ก็ไม่รักษาท่าที เมื่อเจ้าตัวแย้มมา เขาก็รุกถามอย่างไม่ให้เสียเวลาเช่นกัน

“มึงมีธุระกับใคร คนพี่...หรือคนน้อง”

“คนน้องเกี่ยวอะไรด้วย”

“กูก็ถามไปอย่างนั้น” 

ปากก็พูดไป แต่สายตาชำเลืองมองอาณัติไปด้วย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งเฉย ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เขาก็พูดถึงคนพี่อย่างจริงจัง 

“แน่ใจหรือว่าพี่ป้องยังอยู่บ้านเดิม ไม่ใช่ว่าหนีหนี้หายไปแล้วนะ”

“เขาติดหนี้ใครอีก”

“กูไม่รู้หรอก ได้ยินแต่รุ่นพี่เขาพูดกัน แต่มันน่าเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะถ้าหลอกเงินมึงไปได้หลายแสน คนอื่นก็คงหลงเป็นเหยื่อได้เหมือนกัน”

“ตอนนั้นกูโง่”

“มึงไม่โง่หรอก กูเชื่อว่าถ้าเป็นคนอื่น มึงก็ต้องระแวงบ้างละ แต่ที่มึงยอมช่วยเขาหลายครั้ง คงเพราะเห็นว่าเขาเป็น...เป็นพี่ป้องนั่นแหละ”

“เรียกว่าใจดีจนเสียสติ” 

“แล้วคราวนี้มึงจะไปบ้านเขาทำไม ทวงเงินเหรอ...แต่ก็น่าสนอยู่นะ กว่ามึงจะหาเงินก้อนนั้นมาได้ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ทำงานเหนื่อยเหมือนกันนะโว้ย” 

เกริกวิทย์รู้ดีว่าอาณัติทำงานหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี กระทั่งไปเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศด้วยกัน ใครจะเชื่อว่าลูกเศรษฐีอย่างเพื่อนเขานั้นทำงานรับจ้างส่งเสียตัวเองเรียนโดยไม่ใช้เงินจากทางบ้านเลย…แถมเรียนจบกลับมาก็ยังมีเงินติดตัวอีกตั้งหลายแสน แต่สุดท้ายปกป้องก็หลอกเอาไปจนสิ้น ซึ่งเป็นเหตุให้อาณัติตัดสินใจกลับไปทำงานที่อเมริกาต่อ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขาตั้งใจกลับมาปักหลักที่เมืองไทยแล้วด้วยซ้ำ

“กูคิดว่า...กูควรไปเป็นเพื่อนมึงด้วย” หลังจากปล่อยให้ความเงียบคั่นกลางนานหลายนาที เกริกวิทย์ก็พูดขึ้น แต่พอเห็นอาณัติมองมา เขาก็รีบออกตัว “อ้ะๆ อย่าคิดว่ากูไปเสือก แต่มึงไปทวงเงินเขา มันเสี่ยง เรื่องพวกนี้ไม่เข้าใครออกใคร กูไม่ไว้ใจลูกหนี้ของมึง” 

“กูไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” 

“งั้นพรุ่งนี้กี่โมง บอกมา กูจะขับรถไปให้”

เกริกวิทย์บอกเสียงจริงจัง เขาให้ใจเพื่อนคนนี้เสมอ ส่วนอาณัติก็เข้าใจความห่วงของเพื่อนเป็นอย่างดี แต่อย่างที่บอก...เขาเลิกทำตัวไร้สติมานานแล้ว

“อย่าเลย พรุ่งนี้วันหยุด มึงอยู่กับแฟนเถอะ”

“ห่างกันแล้ว” คนพูดจาขึงขังเมื่อสักครู่เปลี่ยนน้ำเสียงฉับพลัน 

“เสียใจด้วยนะ”

“ไม่เป็นไร...ช่างมันเถอะ” 

เกริกวิทย์ไหวไหล่ สลัดดวงหน้าของคนที่เข้ามาซ่อนอยู่ในความคิดเนืองๆ ให้หลุดไป และเขาก็ทำได้ไม่ยากเสียด้วย

ห้องสวีตของโรงแรมซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสนามบินดอนเมืองเป็นที่พักของอาณัติในค่ำคืนนี้ หลังจากเข้าไปในห้องพัก เขาก็อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วติดต่อไปหาคุณนายอรอร แต่พอรู้ว่าแม่กำลังคุยอยู่กับว่าที่พี่สะใภ้ ชายหนุ่มก็วางสาย...เพราะตั้งใจจะบอกให้แม่รู้แค่ว่าตอนนี้เขาอยู่กรุงเทพฯ แล้ว 

ความที่ห่างบ้านไปนาน อาณัติรู้ว่าแม่เป็นห่วง แม่ไม่เคยรู้เหตุผลว่าทำไมเขาต้องกลับไปทำงานที่อเมริกา ทั้งที่สัญญากับแม่แล้วว่าเมื่อเรียนจบปริญญาโท เขาก็จะกลับมาช่วยแม่ทำงาน

ในเวลานั้น ถึงเขาจะบอกแม่ อาณัติก็ไม่มั่นใจว่าแม่จะเข้าใจเขาหรือเปล่า เขาจึงตัดสินใจปิดปากเงียบ ไม่บอกแม้กระทั่งพี่ชายทั้งสองคน ซึ่งเรื่องนี้นอกจากตัวเขาเองแล้ว ก็มีเพียงเกริกวิทย์เพื่อนสนิทที่รู้เหตุผลและความเป็นมาเป็นไป

‘พวกเขาทำให้กูเสียความเชื่อมั่น ทำให้กูเสียความภูมิใจในตัวเอง กูแค่อยากสร้างศรัทธาให้ตัวเองใหม่’

คนที่นั่งไหล่ลู่ในร้านอาหารกึ่งผับมาหลายสิบนาทีในเวลานั้นบอกเพื่อนร่วมโต๊ะที่มีเพียงหนึ่งเดียวให้รู้ 

มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่อาณัติจะพูดคำนี้ออกมาได้ เขาทบทวนอยู่หลายวันถึงยอมรับว่าตัวเองพ่ายและพลาดไปแล้ว เขาอยากกอบกู้สิ่งที่สูญหายไปให้กลับคืนมา เขาไม่อยากกลายเป็นคนที่สูญเสียศรัทธาในตัวเองและคนรอบข้างไปเพียงเพราะการกระทำของพี่น้องคู่นั้น

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • รอยรักร้าย   ตอนพิเศษ ครอบครัวใหญ่ของอชิระ (จบ)

    “หลายวันมานี้กุ๊บกิ๊บนอนเยอะกว่าปกติ ไม่สบายหรือเปล่าครับ”คำถามมาจากเจ้าของรอยจูบที่แตะเบาๆ บนขมับของภรรยาที่ยังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอน...หลังจากที่เขานอนกอดหล่อนอยู่พักใหญ่ แต่เจ้าหล่อนก็ไม่ยอมตื่นนอนสักที เขาจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำและแต่งตัว หากเมื่อกลับมาดูอีกรอบก็พบว่าหล่อนยังนอนอยู่ในท่าเดิม“อื้อ...พี่อู๋อย่ากวน”“ยังจะมางอแงอีก เกือบเก้าโมงเช้าแล้วนะ จะตื่นไหม”“ลูกอยู่ที่ไหนคะ”“อชิอยู่กับคุณย่า ไม่ต้องห่วงลูกหรอก รายนั้นมีโปรแกรมให้ทำอะไรสนุกทั้งวัน”“งั้นกุ๊บกิ๊บขอนอนอีกหน่อยนะ”พอได้ยินคำต่อรอง คนเป็นสามีก็ยื่นมือไปสัมผัสหน้าผากและดวงหน้าของหล่อน เมื่อเห็นว่าอุณหภูมิปกติดีก็มองพิศดวงหน้าหวานอย่างสังเกตมากขึ้น“กุ๊บกิ๊บหน้าซีดไปนะ ไปตรวจร่างกายสักหน่อยไหม”ชายหนุ่มเริ่มไม่สบายใจ นอกจากจะมีอาการหลับง่าย หล่อนยังกินอาหารน้อยกว่าปกติด้วย แถมของที่เคยชอบก็กลับไม่ชอบทางด้านไปรยา เมื่อสัมผัสได้ว่าสามีกังวลกับการเปลี่ยนไปของตัวเอง หล่

  • รอยรักร้าย   ตอนพิเศษ ครอบครัวใหญ่ของอชิระ

    ตอนพิเศษครอบครัวใหญ่ของอชิระหลังจากผ่านพ้นพิธีสู่ขอ อาณัติและไปรยาก็จัดงานแต่งงานเล็กๆ ขึ้นที่อัมพวา หากคุณนายอรอรก็ได้จัดงานฉลองมงคลสมรสให้ทั้งสองคนอีกรอบที่จังหวัดพิษณุโลกคุณนายมีความสุขอย่างมิอาจหาสิ่งใดมาเทียบได้ เพราะในปีนี้เธอได้จัดงานมงคลให้ลูกชายถึงสองคน แถมยังได้หลานชายพ่วงมาด้วยอชิระกับแม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหม่แล้ว ส่วนบ้านหลังสีฟ้าหลังเดิม พ่อของเขารีโนเวตให้ใหม่จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม กลายเป็นบ้านหลังกะทัดรัดรูปแบบสมัยใหม่ที่น่าอยู่ขึ้นมาก และแม่ก็ตั้งใจจะเก็บบ้านหลังนี้ไว้ เพื่อให้คุณตากับป้าติ๋วได้มาพักยามเดินทางเข้ากรุงเทพฯช่วงนี้เป็นวันหยุดยาวสี่วัน พ่อกับแม่พาอชิระมาเยี่ยมคุณย่า อชิระชอบมาเที่ยวที่บ้านคุณย่าไม่น้อยไปกว่าการไปบ้านสวนของคุณตา เพราะนอกจากคุณย่าจะใจดีแล้ว คุณย่ายังมักพาไปที่ร้านขายของขนาดใหญ่ แล้วยังพาไปที่บ้านไร่ของลุงอั๋นด้วยที่บ้านของลุงอั๋นมีเด็กตัวเล็กที่เพิ่งคลอดหนึ่งคน คุณย่าบอกว่าเด็กคนนี้เป็นน้องชายของเขา เมื่อน้องโตขึ้น น้องจะเรียกเขาว่าพี่อชิ...แค่ได้ยินคุณย่าบอก อชิระก็รู้สึกดีใจจนหุบ

  • รอยรักร้าย   บทที่ 64

    “อากาศเย็นกำลังดีนะ”อาณัตินอนหนุนตักหญิงสาวอยู่บนพื้นไม้ตรงระเบียงของโฮมสเตย์ ตอนนี้เป็นเวลาค่ำคืน ดวงดาวกำลังทอประกายพริบพราวด้วยเป็นคืนเดือนแรม“ช่วงนี้หน้าหนาวนี่คะ อากาศก็ต้องเย็นเป็นธรรมดา แต่หน้าร้อนที่นี่ก็ไม่ได้ร้อนอบอ้าว ลมยังพัดดีค่ะ”“แล้วทำไมลูกเราถึงไม่ยอมนอน กุ๊บกิ๊บให้ลูกกินอะไรหรือเปล่า”อาณัติเปลี่ยนเรื่องได้หน้าตาเฉย จนไปรยาต้องแกล้งบีบปลายจมูกโด่งเป็นสันนั้นอย่างหมั่นไส้“อชิเป็นอย่างนี้แหละค่ะ เวลามาที่บ้านคุณตา อชิไม่ชอบเข้านอนเร็ว เขาจะนอนเล่นอยู่ข้างนอก พอง่วงจนทนไม่ไหวถึงจะยอมให้พาไปนอน”“ตอนนี้สองทุ่มแล้ว อชิคงใกล้จะน็อกแล้วละ”“พี่อู๋นี่ยังไงกันนะ”ไปรยาอดที่จะขำเขาไม่ได้ ส่วนเด็กชายที่นอนไขว่ห้างอยู่บนพื้นไม้ใกล้ๆ นั้นกำลังร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์ เจ้าตัวเล็กพลิกกายมามองพ่อกับแม่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเขา ต่อเมื่อเห็นว่าคนทั้งคู่ไม่ได้สนใจตน เด็กชายจึงหันกลับไปเล่นกับตุ๊กตาไดโนเสาร์ในอ้อมกอดต่อ“พี่อู๋อยาก

  • รอยรักร้าย   บทที่ 63

    “ลูกเขยของลุงเป็นยังไงบ้างคะ ให้คะแนนผ่านหรือเปล่า”ติ๋วที่เดินตามนายอุดมเข้าไปในสวนถามขึ้น ขณะที่อีกฝ่ายกำลังใช้มีดพร้าตัดหญ้าสาบเสือที่งอกเป็นกออยู่ใต้ต้นมะพร้าวน้ำหอม“คนไม่เคยเจอหน้า ยังไม่ได้คุยกัน จะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นคนแบบไหน”“ติ๋วเห็นลุงยืนดูเขาตั้งแต่จอดรถแล้ว ลุงมองเขาตาไม่กะพริบเชียว”“ช่างสังเกตนะเรา”“ติ๋วเห็นลุงทุกที่นั่นแหละ ไม่ว่าลุงจะอยู่ตรงไหน”“พูดซะน่ากลัว” นายอุดมหัวเราะขัน ก่อนเขาจะนิ่งคิดไปถึงผู้ชายคนนั้น แล้วบอกตามความรู้สึกจริง “เขาคงไม่เลว ไม่งั้นอชิคงไม่ร้องหาพ่อตั้งแต่มาถึงบ้านตา”“ท่าทางเขาใช้ได้ทีเดียวค่ะ หล่อด้วยนะลุง ติ๋วไม่สงสัยเลยว่าเจ้าอชิได้ความหล่อมาจากใคร”“เธอก็ชอบแต่คนหล่อ”“เพราะชอบคนหล่อ ติ๋วถึงได้ชอบลุงดมไง”พยาบาลสาวใหญ่ที่ครองตัวเป็นโสดมาตั้งแต่วัยสาวหยอดชายวัยกลางคน ถ้าไม่บอกว่าตอนนี้เขากลายเป็นคุณตาและคุณปู่ไปแล้วก็คงยากที่ใครจะเชื่อถึงแ

  • รอยรักร้าย   บทที่ 62

    ภรรยาของปกป้องพาลูกสาววัยหกเดือนกลับไปที่โรงแรมซึ่งจองไว้เป็นที่พักสำหรับคืนนี้แล้ว ส่วนตัวเขายังพูดคุยอยู่กับพ่อ“พ่อไม่เคยสอนให้ลูกหนีปัญหา ปัญหามันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องแก้ไข ไม่มีปัญหาอะไรที่เราแก้ไม่ได้ แต่ขั้นแรกเราต้องยอมรับมันก่อน แล้วค่อยหาทางแก้กันไป”นายอุดมเพิ่งได้พูดถึงเรื่องหนี้สินที่ลูกชายก่อขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน ทั้งที่เขาอยากคุยมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้เปิดใจคุย เพราะปกป้องเองก็พยายามหลบเลี่ยงเขา ซึ่งคราวนี้ชายวัยกลางคนก็รอจนลูกสะใภ้พาหลานสาวกลับไปก่อนถึงได้หยิบมาพูด ด้วยรู้ถึงสถานการณ์ของลูกชายดี เขาไม่ต้องการตำหนิลูกชายให้ลูกสะใภ้ได้ยิน อีกทั้งเห็นว่าปัญหานี้มีมาก่อนที่ปกป้องจะได้พบกับลูกสะใภ้ ดังนั้นลูกชายจึงควรแก้ปัญหาด้วยตัวเอง“ผมพยายามทำงานหลายอย่าง แต่มันก็พลาดทุกที”คนเป็นพ่อรู้ว่าหากไม่จนทาง ลูกชายคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้...แต่หากรั้นไป ทั้งที่มองไม่เห็นทางออก มันก็พบแต่ความผิดพลาดอย่างที่เป็นมา“ถ้าเราทำเต็มที่ทุกงาน แต่ผลยังออกมาไม่ดี เราก็ต้องคิดใหม่นะว่าเราอาจทำผิดทาง ถึงจะเชื่อมั่นความคิดตัวเอ

  • รอยรักร้าย   บทที่ 61

    ไปรยานั่งบนเปลยวนใต้ถุนบ้านหลังเก่า ทุกครั้งเมื่อมาที่บ้านสวน หล่อนชอบมานั่งเล่นอยู่ที่บ้านหลังนี้ เพราะความทรงจำในวัยเด็กของหล่อนอยู่ที่นี่...บ้านหลังนี้เคยมีพ่อ แม่ พี่ชาย และหล่อนอาศัยอยู่ร่วมกันเมื่อแม่จากไป พ่อทำใจไม่ได้ พ่อจึงสร้างบ้านอีกหลังในบริเวณพื้นที่เดียวกัน แล้วย้ายไปอยู่ที่นั่นแทน และไม่นานจากนั้นหล่อนกับพี่ชายก็ย้ายไปเรียนในกรุงเทพฯ พ่อจึงซื้อบ้านแถบชานเมืองให้อยู่ ซึ่งเป็นบ้านหลังที่หล่อนกับอชิระใช้พักอาศัยในปัจจุบัน โดยพ่อที่ยังปักหลักอยู่ที่บ้านสวนจะแวะเวียนไปเยี่ยมอยู่เสมอ เพิ่งเว้นช่วงไปเมื่อสองเดือนนี้แหละไปรยาปล่อยความคิดไปเพลินๆ กระทั่งได้ยินเสียงใสๆ ของลูกดังขึ้น“แม่กุ๊บกิ๊บคร้าบ อชิอยากไปบ้านป้าติ๋วแล้ว แม่กุ๊บกิ๊บพาอชิไปส่งหน่อยครับ”ลูกชายที่ขออยู่กับคุณตาตั้งแต่เดินทางมาถึงกำลังเรียกหาหล่อน หญิงสาวรีบลุกจากเปลยวน แล้วออกไปหาแก้วตาดวงใจที่ยืนรออยู่ตรงลานด้านหน้า“อชิไม่อยู่กับคุณตาแล้วหรือคะ”“ไม่อยู่ครับ อชิไปอยู่บ้านป้าติ๋วดีกว่า”พอเห็นสีหน้าของลูกชาย หญิงสาวก็ดึงร่างเล็กมา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status