LOGINความคิดของสิงขรวกกลับไปที่เกตุศิรินทร์ ราวกับมีเงาบางอย่างคอยรบกวนจิตใจ เลขาสาวผู้มีดวงตาเศร้าสร้อยราวกับแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่า และความลับที่ซ่อนลึกจนยากจะหยั่งถึง คำเตือนแผ่วเบาแต่หนักแน่นของเธอยังคงดังก้องอยู่ในหู ทำไมเธอถึงเตือนเขา? เธอรู้เห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่? หรือเป็นเพียงความหวังดีจากคนแปลกหน้า?
สิงขรตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดไปยังหมายเลขของหมอสิริธรณ์ นายแพทย์นิติเวชผู้สุขุม เพื่อสอบถามผลการชันสูตรศพเหยื่ออย่างละเอียดอีกครั้ง เผื่อจะมีรายละเอียดเล็กน้อยใดๆ ที่พวกเขาอาจมองข้ามไป
“คุณหมอสิริธรณ์ครับ ผมร้อยตำรวจโทสิงขรนะครับ” สิงขรเอ่ยเสียงทุ้ม
“ครับคุณสิงขร มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ?” เสียงทุ้มนุ่มอันเป็นเอกลักษณ์ของหมอสิริธรณ์ดังมาจากปลายสาย
“ผมอยากจะสอบถามเกี่ยวกับลักษณะบาดแผลของเหยื่อทุกรายอีกครั้งครับ โดยเฉพาะบริเวณหัวใจ รบกวนคุณหมออีกครั้งนะครับ” สิงขรเน้นย้ำ
“ครับ” หมอสิริธรณ์ตอบรับอย่างเต็มใจ “บาดแผลที่บริเวณทรวงอกถูกคว้านออกอย่างแม่นยำ ราวกับถูกกระทำโดยผู้ที่มีความชำนาญ... หรือเครื่องมือพิเศษครับ และที่น่าแปลกคือไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ที่ชัดเจน เหยื่อแต่ละรายดูเหมือนจะไม่ทันตั้งตัว ราวกับถูกทำให้สงบนิ่งก่อนลงมือ”
“ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้... ราวกับถูกทำให้หมดสติก่อน?” สิงขรพึมพำกับตัวเอง ดวงตาเข้มครุ่นคิด
“เป็นไปได้ครับคุณสิงขร และที่สำคัญคือไม่พบร่องรอยของดีเอ็นเออื่นที่ไม่ใช่ของเหยื่อในที่เกิดเหตุเลยครับ” หมอสิริธรณ์เสริม
ข้อมูลนี้ยิ่งทำให้สิงขรรู้สึกหนักใจ ฆาตกรไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ตามที่ศิลาจารึกโบราณกล่าวถึง มันก็อาจจะอธิบายความผิดปกติเหล่านี้ได้... ความเงียบงัน ไร้ร่องรอย ราวกับไม่ใช่ฝีมือมนุษย์
หลังจากวางสายจากหมอสิริธรณ์ สิงขรก็โทรหาหมอโสภิตา จิตแพทย์สาวผู้มีเหตุผลในทีมสืบสวน เพื่อขอความคิดเห็นเกี่ยวกับแรงจูงใจอันดำมืดของฆาตกร
“คุณหมอโสภิตาครับ จากลักษณะการฆ่าที่เหี้ยมโหดและซ้ำเดิม คุณพอจะวิเคราะห์แรงจูงใจของคนร้ายได้ไหมครับ?” สิงขรถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“จากข้อมูลที่คุณตำรวจให้มา ลักษณะการคว้านหัวใจอาจจะสื่อถึงความต้องการพลังอำนาจ หรือความเชื่อในพิธีกรรมบางอย่างค่ะ การกระทำซ้ำๆ ในคืนวันเพ็ญก็อาจจะมีความหมายทางสัญลักษณ์ด้วยเช่นกัน” หมอโสภิตาให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา
“พลังอำนาจ... หรือพิธีกรรม...” คำพูดของหมอโสภิตายิ่งตอกย้ำสิ่งที่สิงขรและคมกฤชค้นพบเกี่ยวกับตำนานโบราณอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่ทีมของสิงขรกำลังรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจนจิรา นักข่าวสาวผู้ไม่เคยเกรงกลัวใคร ก็ยังคงเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด บทความล่าสุดของเธอพาดหัวด้วยคำที่ชวนขนลุกว่า
“ผีดิบผู้ปลิดชีพในคืนจันทรา” โดยเธออ้างถึงตำนานโบราณและความเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้สิงขรเริ่มรู้สึกว่าเจนจิราอาจจะรู้... หรือสัมผัสอะไรบางอย่างที่เหนือกว่าสามัญสำนึกได้
สิงขรตัดสินใจโทรหาเจนจิรา แม้จะเคยขัดแย้งกัน แต่บางทีข้อมูลจากเธอก็อาจมีประโยชน์
“คุณเจนจิรา ผมร้อยตำรวจโทสิงขรนะครับ”
“อ้าว คุณตำรวจ มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงของเจนจิราฟังดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงแฝงไว้ด้วยความมั่นใจ
“ผมอยากจะคุยกับคุณเรื่องบทความล่าสุดของคุณ” สิงขรกล่าวเสียงเรียบ
“คุณตำรวจไม่เชื่อเรื่องที่ฉันเขียนไม่ใช่เเหรอคะ?” น้ำเสียงของนักข่าวสาวเต็มไปด้วยความท้าทาย
“ผมแค่อยากทราบว่าคุณได้ข้อมูลเหล่านั้นมาจากไหน” สิงขรตอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม
เจนจิราเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังชั่งใจ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปอย่างลึกลับ
“ฉัน... ฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการตายเหล่านั้น มันไม่ใช่แค่ฆาตกรธรรมดา”
คำพูดของเจนจิราทำให้สิงขรชะงัก ความไม่เชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติของเขาเริ่มสั่นคลอน สิ่งที่เขาและทีมกำลังเผชิญหน้าอยู่ มันยากที่จะอธิบายด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียว
“คุณพอจะบอกรายละเอียดเพิ่มเติมได้ไหม?” สิงขรถามอย่างใคร่รู้
“ฉันรู้สึกถึงความแค้น... ความโกรธ... และความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป” เจนจิรากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง หนักแน่น
สิงขรเงียบไป ความคิดของเขาเริ่มเชื่อมโยงสิ่งที่เจนจิราสัมผัสได้ กับตำนานมนทิราณีเทวี ที่ถูกกล่าวถึงในคำสาปโบราณอย่างน่าประหลาด... บางทีสิ่งที่เจนจิราสัมผัสได้ อาจเป็นร่องรอยของพลังอำนาจโบราณที่ยังคงวนเวียนอยู่ก็เป็นได้
ชานนท์ผู้มุ่งมั่นหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องได้เชยชมเกตุศิรินทร์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเข้าพิธีวิวาห์ จึงโทรนัดหมายขอพบเธอราวกับเป็นครั้งสุดท้าย ทว่า... แผนการอันเห็นแก่ตัวนั้นกลับนำพาเขาไปสู่วังวนแห่งเสน่ห์อันตราย
ณ คฤหาสน์เทวาลัย สุริยาวดีในอาภรณ์ผ้าไหมสีเขียวมรกต ราวกับเทพธิดาจำแลงกาย ยืนรอต้อนรับอยู่บนบันได ดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยว จ้องมองตรงมายังชานนท์ พร้อมรอยยิ้มเย้ายวนที่มุมปาก ราวกับหล่อนพญางูพิษที่กำลังรอเหยื่อ
ทันทีที่สายตาของชานนท์ประสานเข้ากับดวงตาคู่นั้น ราวกับมีกระแสไฟฟ้าแรงสูงแล่นปราดเข้าสู่ร่าง แววตาที่เคยอ้อนวอนเกตุศิรินทร์เมื่อครู่ กลับแปรเปลี่ยนเป็นความลุ่มหลงเธออย่างประหลาด ราวกับถูกมนตร์สะกดให้ตกอยู่ในภวังค์
“สวัสดีครับ” ชานนท์เอ่ยทักทายนออกมาอย่างลืมตัว ดวงตาของเขาตรึงอยู่กับร่างงามที่ค่อยๆ ก้าวลงบันไดมาด้วยท่วงท่าสง่างามราวกับหล่อนพญา
“สวัสดีค่ะ” สุริยาวดีเอ่ยเสียงหวาน ราวกับเสียงกระซิบจากสรวงสวรรค์ พลางจ้องมองชานนท์ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันร้ายกาจ
“ผมหาเกตุครับ เธออยู่มั้ย” ชานนท์ตอบเสียงแหบพร่า ดวงตาของเขาไม่อาจละไปจากสุริยาวดีได้เลย
เกตุศิรินทร์มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ตีกันวุ่นวายในอก เธอสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในแววตาของชานนท์ และรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยเลศนัยของสุริยาวดีอย่างชัดเจน
“นั่นไงคะ มาพอดีเลย” สุริยาวดีเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเลขาฯ ส่วนตัวเดินออกมาจากห้องโถง
“คุณสุริยาวดีคะ นี่คุณชานนท์... เพื่อนของฉันค่ะ” เกตุศิรินทร์แนะนำด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความประหลาดใจระคนหวั่นไหว
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณชานนท์” สุริยาวดีกล่าวเสียงหวานจับใจ พลางยื่นมือเรียวสวยไปสัมผัสมือของชานนท์เพียงแผ่วเบา ทว่าการสัมผัสนั้นกลับราวกับกระแสไฟฟ้าที่ช็อตเข้าสู่ร่าง ดูดดึงความสนใจของชานนท์ไปอย่างสิ้นเชิง
ชานนท์จับมือของสุริยาวดีราวกับต้องมนต์สะกด ดวงตาของเขาฉายแววชื่นชมอย่างเปิดเผย
“เช่นกันครับคุณสุริยาวดี” เขาตอบเสียงแผ่ว ราวกับคนละเมอ รอยยิ้มของเธอจุดประกายความปรารถนาในหัวใจของชานนท์ให้ลุกโชนขึ้นทันที
ตอนที่ 25 เพลิงแค้นการแข็งเมืองขององค์หญิงมนทิราณีเทวี และกองทัพผีดิบที่นางสร้างขึ้น ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด ในที่สุดพระเจ้าธรณินทร์ก็ทรงมีราชโองการให้หมื่นสุนทรเทวานำทัพไปยังนครสิงหปุระบรรพต เพื่อแก้ไขสถานการณ์ แม้ในใจของหมื่นสุนทรเทวาจะอาวรณ์พระนางยโสธราเทวีเพียงใด แต่ด้วยหน้าที่และความจงรักภักดี เขาก็มิอาจปฏิเสธพระราชโองการได้เสียงก้องกังวานในท้องพระโรงยังคงดังก้องในหูของหมื่นสุนทรเทวา ถ้อยคำประกาศก้องถึงการแข็งเมืองขององค์หญิงมนทิราณีเทวีแห่งสิงหปุระบรรพต ราวกับสายฟ้าฟาดกลางใจ พระพักตร์ของพระเจ้าธรณินทร์มืดครึ้มดุจเมฆฝน มิเพียงแต่ทรงขัดขืนพระราชโองการ หากแต่ยังใช้อำนาจแห่งเวทมนตร์ดำ ปลุกเหล่าทหารที่ล้มตายให้ลุกขึ้นเป็นกองทัพแห่งความมืด ปกป้องนครของตนมิให้ผู้ใดกล้ำกรายพระเจ้าธรณินทร์ทรงกริ้วโกรธดั่งพายุคลั่ง ตรัสบัญชาเสียงก้องกังวาน ให้หมื่นสุนทรเทวา นำทัพกล้าไปยังสิงหปุระบรรพตโดยพลัน เพื่อปราบปรามความอหังการของพระธิดา และนำความสงบสุขกลับคืนสู่แผ่นดินหมื่นสุนทรเทวาน้อมรับพระราชโองการด้วยความหนักอึ้งในใจ ภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ทับถมบนบ่ากว้าง ในขณะที่หัวใจอีกดวงหนึ่งยังคงผูกพันอย
ตอนที่ 24 หัวใจและหน้าที่ NCสติสัมปชัญญะของพระนางยโสธราในยามนั้น ราวกับล่องลอยในห้วงแห่งความฝัน สิ่งที่คงอยู่มีเพียงความปรารถนาอันแรงกล้า ที่โหยหาให้สัมผัสจากหมื่นสุนทรเทวาลูบไล้ไปทั่วสรรพางค์กาย และเมื่อทรงรับรู้ถึงความแข็งแกร่งที่บดเบียดอยู่เบื้องล่าง พระองค์ก็ยิ่งเคลิบเคลิ้มโหยหาจนสุดจะทานทนสองกรเรียวงามโอบกอดรัดร่างของหมื่นสุนทรเทวาไว้แนบแน่น ราวกับต้องการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว อารมณ์ปรารถนาที่ร้อนระอุในอุระของพระนาง แผ่ซ่านไปทั่วพระวรกาย จนกลีบกุหลาบงามกลางหว่างพระเพลา เริ่มชุ่มฉ่ำด้วยน้ำหวานแห่งความใคร่ ราวกับบุปผาแรกแย้มที่ต้องน้ำค้างยามเช้า“ท่านหมื่น... ได้โปรด...” พระนางกระซิบเสียงแผ่วพร่าองค์รักหนุ่มค่อยๆ เคลื่อนกายทาบทับร่างบางอย่างนุ่มนวล แท่งกายที่แข็งขันค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในความคับแน่นและอุ่นร้อนภายใน ราวกับดอกไม้ที่แย้มรับหยาดน้ำค้าง ความรู้สึกเสียดสีและบีบรัดนั้น ก่อให้เกิดความเสียวซ่านที่แล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์กายของทั้งคู่“อืมม์...” พระนางยโสธราทรงครางแผ่วเบา พระพักตร์เหยเกด้วยความซาบซ่านหมื่นสุนทรเทวาเริ่มขยับกายช้าๆ ทว่าหนักแน่น สอดประสานจังหวะรักอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 23 ร้อยรัด...เสน่หา NCภายหลังจากการลาดตระเวนที่ชายป่า หมื่นสุนทรเทวากลับมาพร้อมรอยแผลจากการปะทะกับสัตว์ร้าย องค์หญิงยโสธราเทวีทรงทราบเรื่องก็ทรงเป็นห่วงยิ่งนัก ทรงมีพระบัญชาให้หมื่นสุนทรเทวามาพักรักษาตัวในตำหนัก และทรงอาสาจะดูแลบาดแผลให้เขาด้วยพระองค์เองในห้องบรรทมเล็ก องค์หญิงยโสธราทรงนั่งอยู่ข้างเตียงที่หมื่นสุนทรเทวานอนพัก พระหัตถ์เรียวค่อยๆ เช็ดคราบโลหิตบริเวณบาดแผลที่แขนของเขาด้วยความเบามือ พระพักตร์ของนางเต็มไปด้วยความตั้งใจและกังวล“เจ็บมากหรือไม่ ท่านหมื่น?” พระนางตรัสด้วยสุรเสียงอ่อนโยนหมื่นสุนทรเทวาทอดสายตาไปยังพระพักตร์งดงามที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อม“เพียงเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง ความเจ็บปวดทางกายหาได้สำคัญเท่าความห่วงใยที่พระองค์ทรงมีให้ไม่... ความเมตตาของพระองค์ต่างหากเล่า ที่ประหนึ่งทิพยโอสถ ชโลมใจให้กระหม่อมคลายจากทุกข์ตรมได้สิ้น” สิ้นคำนั้น พระพักตร์ขององค์หญิงยโสธราก็ปรากฏรอยแย้มสรวลน้อยๆ ราวกับบุปผาแรกแย้ม พระเนตรของนางทอดลงต่ำเล็กน้อย แต่ริมฝีปากบางนั้นกลับยกขึ้นอย่างปิดไม่มิด ความรู้สึกปลาบปลื้มเอ่อล้นในพระทัย จนมิอาจซ่อนเร้นได้มิด“ท่านนี่... ช่างมีวาทศิล
ตอนที่ 22 ร้อยคำรัก... สลักทรวงครั้นเมื่อเวลาล่วงเลยผ่าน...นครสิงหปุระบรรพตกลับคืนสู่ความสงบสุขดังเดิม องค์หญิงมนทิราณีเทวี ทรงปกครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข หมื่นสุนทรเทวาหาได้คลายจากการถวายอารักขาพระองค์ แม้เพียงเสี้ยวนาที ความผูกพันของทั้งสอง งอกงามดั่งบุปผาในอุทยานแห่งรัก ท่ามกลางภาระหน้าที่อันหนักอึ้งทว่า... คลื่นลมแห่งความสงบสุขนั้นมิได้ยืนยงนานนัก ข่าวการรุกรานจากแคว้นอุดรทิศ ดุจพายุโหมกระหน่ำ แผ่สะพัดไปทั่วแผ่นดิน พระเจ้าธรณินทร์ ทรงมีราชโองการเรียกคืน เหล่าขุนศึกกล้าหาญ และนักรบผู้มีฝีมือ กลับสู่พระนคร เพื่อร่วมกันป้องกันราชอาณาจักร หมื่นสุนทรเทวา ก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ต้องหวนคืนสู่เมืองหลวงในท้องพระโรงเล็กของปราสาทสิงหปุระบรรพต แสงทองยามเช้าสาดส่อง องค์หญิงมนทิราณีเทวี ทรงยืนประทับอยู่เบื้องหน้า หมื่นสุนทรเทวา ซึ่งกำลังคุกเข่าคำนับ พระพักตร์ของนางเต็มไปด้วยความกังวลและอาลัยอาวรณ์“ท่านหมื่น... จำเป็นฤๅ ที่ท่านต้องคืนสู่พระนคร เพื่อช่วยราชกิจแห่งเสด็จพ่อ?” องค์หญิงมนทิราณีเทวีตรัสด้วยสุรเสียงแผ่วเบา เจือด้วยความอาวรณ์หมื่นสุนทรเทวาเงยหน้าขึ้น สบพระเน
ตอนที่ 21 พันธรัก...ใต้แสงจันทร์นครสิงหปุระบรรพต เมืองที่อยู่ภายใต้อำนาจแห่งพระเจ้าธรณินทร์ กษัตริย์ผู้ทรงแผ่อำนาจเหนือดินแดนกว้างใหญ่ ต่อมาพระเจ้าธรณินทร์ได้ส่งพระธิดาองค์โต พระนามว่า มนทิราณีเทวี ผู้ทรงมีพระสิริอันโฉมงดงามและพระทัยเมตตา ไปปกครองเมืองนี้ โดยมีนักรบหนุ่มผู้หาญกล้า นามว่า หมื่นสุนทรเทวา เชื้อสายขุนศึกผู้เกรียงไกร ติดตามเสด็จไปถวายการอารักขาอย่างใกล้ชิด ด้วยความจงรักภักดีและภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้าธรณินทร์“มนทิราลูกรัก” พระเจ้าธรณินทร์ตรัสด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม พระหัตถ์ลูบศีรษะบุตรีอย่างอ่อนโยน“พ่อมอบหมายให้เจ้าไปปกครองนครสิงหปุระบรรพตแห่งนี้ จงนำความเจริญรุ่งเรืองและความสงบสุขไปสู่แผ่นดินแห่งนั้น” มนทิราณีเทวีเงยพระพักตร์ขึ้น สบพระเนตรพระบิดาด้วยความเคารพ“เพคะ เสด็จพ่อ หม่อมฉันจะจงรักภักดีและทำทุกวิถีทางเพื่อให้นครสิงหปุระบรรพตเจริญรุ่งเรืองสมดังพระประสงค์”ข้างๆ องค์หญิง มีร่างสูงสง่าของนักรบหนุ่มในชุดเกราะหนังสีดำสนิทยืนอยู่ เขาคือ หมื่นสุนทรเทวา บุตรแห่งขุนศึกผู้เกรียงไกร ใบหน้าคมสันของเขามีแววเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ“หมื่นสุนทรเทวา!!!” พระเจ้าธรณินทร์ตร
ตอนที่ 20 ปริศนาแห่งกาลเวลาสิงขรจ้องใบหน้าสวยของสุริยาวดี ราวกับต้องการค้นหาความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั้น ความสับสนในจิตใจค่อยๆ จางหายไป เหลือไว้เพียงความรู้สึกผูกพันอันแน่นหนา ราวกับสายใยที่ถักทอมานานนับร้อยปี หัวใจของเขารับรู้ถึงความคุ้นเคยนั้น แม้กาลเวลาจะล่วงเลยมาเนิ่นนานเพียงใดก็ตามที“ผม...” สิงขรเอ่ยเสียงแผ่ว ราวกับกระซิบจากส่วนลึกของหัวใจ ก่อนจะตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “ผมจะอยู่กับคุณ... สุริยาวดี”ทันทีที่สิ้นคำ สุริยาวดีก็คลี่ยิ้มสดใส ราวกับบุปผาแรกแย้มต้องแสงอรุณ นางโผเข้ากอดสิงขรแน่น ซบใบหน้าลงบนอกแกร่งของเขา ความตื้นตันเอ่อล้นจนน้ำเสียงสั่นเครือ“ขอบคุณค่ะ... ท่านหมื่น... ขอบคุณที่ท่านกลับมาหาข้า...”สิงขรกอดตอบนางอย่างอบอุ่น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่เคยคุกรุ่นในใจค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดนาง ความปรารถนาที่จะโอบอุ้ม ปกป้อง และดูแลหญิงสาวในอ้อมแขนนี้ กลับทวีความรุนแรงขึ้นจนยากจะต้านทานในห้วงเวลาแห่งความเสน่หานั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของสิงขรก็ดังแทรกขึ้น ราวกับเสียงกระดิ่งที่ปลุกให้ตื่นจากความฝันอันแสนหวาน เขาจำต้องผละออกจากอ้อมกอดอุ่นของสุริยาวดีด้วยค







