บทที่ 6 เด็กๆ
-ทางด้านซินเหยา-
แกร็ก
เสียงปลดล็อกประตูดังขึ้นทำลายความเงียบสงัดภายในห้องเช่าเล็กๆ ของซินเหยา ประตูถูกผลักเปิดออก หญิงสาวร่างสูงโปร่งประมาณ 175 เซนติเมตร ก้าวเข้ามาพร้อมลูกน้อยสองคนที่จับมือเธอไว้แน่น
สายตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ สิ่งที่เห็นคือห้องเช่าขนาดไม่กว้างนักประมาณ 25 ตารางวา ผนังปูนสีขาวที่เริ่มซีดหม่นจากกาลเวลา บางมุมยังมีรอยแตกร้าวเล็กๆ ข้างหน้าต่างบานเล็กมีผ้าม่านสีซีดที่ผ่านการซักมาหลายครั้งจนสีแทบไม่เหลือ
ด้านในสุดติดระเบียงเล็กๆ ถูกกั้นไว้เป็นห้องครัว มีเคาน์เตอร์ วางเตาแก๊สและตู้เย็นอยู่ ข้างผนังแขวนอุปกรณ์ครัวไม่กี่ชิ้นอย่างเป็นระเบียบ ถึงจะเล็กแต่ก็มากพอให้เธอทำอาหารง่ายๆ ให้ลูกน้อยทั้งสองได้อิ่มท้อง
มุมหนึ่งของห้องมีของเล่นเด็กเล็ก เช่น รถของเล่นสีแดง ตุ๊กตาหมีและหนังสือนิทานที่ขอบเริ่มขาดนิดหน่อย แต่ทั้งหมดถูกจัดวางไว้ในตะกร้าอย่างเป็นระเบียบ ไม่มีสิ่งใดกองเกะกะ ห้องเช่าแห่งนี้ถึงจะไม่หรูหราแต่ก็ถูกจัดไว้อย่างอบอุ่นและเรียบร้อย
ถัดเข้าไปอีกด้านหนึ่งมีประตูบานเล็กเป็นห้องนอน ภายในมีเตียงขนาดกลางหนึ่งเตียง ปูผ้าปูสะอาดตา หมอนและผ้าห่มถูกพับวางไว้อย่างเรียบร้อย แม้จะเป็นเตียงเก่าแต่ก็นุ่มพอให้แม่ลูกทั้งสามพักผ่อนอย่างสบาย
“หม่าม้า~ หนูหิวแล้ว” เด็กหญิงพูดเสียงออดอ้อน
ซินเหยาก้มลงลูบศีรษะลูกสาวเบาๆ พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
“งั้นเราสั่งอาหารมากินกันดีไหมคะ” เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดสั่งอาหารง่ายๆ ที่ลูกๆ ชอบ คือโจ๊กไก่และเกี๊ยวน้ำร้อนๆ
ระหว่างรออาหาร ซินเหยาพาลูกๆ ไปที่ห้องน้ำเล็กๆ
“หม่าม้า หมิงหมิงจะอาบเองครับ หม่าม้าอาบให้น้องก่อนเลยครับ” เด็กชายเงยหน้าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่แววตากลับมีประกายเขินอายเล็กๆ แก้มใสๆ ขึ้นสีแดงระเรื่อราวกับพยายามปกปิดความขี้อายของตัวเอง มือเล็กๆ ของเขายกขึ้นกอดอก ท่าทางคล้ายผู้ใหญ่ที่กำลังวางมาด
ซินเหยามองแล้วหัวเราะเบาๆ ในใจด้วยความเอ็นดู ยิ่งเห็นเขากอดอกทำหน้าขรึมจริงจังเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย หัวใจของเธอยิ่งคันยุบยิบ อยากจะเข้าไปกอดแน่นๆ หรือหอมแก้มแรงๆ ให้หายหมั่นเขี้ยว ท่าทีที่พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินวัยของลูกชาย กลับยิ่งขับให้ความไร้เดียงสาของเขาโดดเด่นออกมา จนซินเหยารู้สึกทั้งขำ ทั้งเอ็นดูในเวลาเดียวกัน
“งั้นหมิงหมิงอาบเองได้ใช่ไหมคะ? หม่าม้าจะช่วยน้องก่อนนะ” เธอแกล้งถามด้วยรอยยิ้ม
เด็กชายหันหน้าหนีเล็กน้อยเหมือนจะปิดบังความเขิน แต่ก็พยักหน้าแรงๆ
“ได้สิครับ! หนูโตแล้วนะ!” ท่าทางที่พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ของหมิงหมิง ซินเหยาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบผมของลูกชายอย่างเอ็นดู
เธอเปิดน้ำอุ่นทดสอบอุณหภูมิให้พอดี ก่อนค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของเด็กหญิงออกอย่างทะนุถนอมเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเมื่อฟองสบู่ลอยฟ่องไปตามอ่าง เด็กหญิงเล่นน้ำ หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างร่าเริง ซินเหยานั่งข้างๆ คอยลูบหลังลูบไหล่ให้ลูกอย่างอ่อนโยน ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่มีเพียงแม่เท่านั้นจะมอบให้ได้ ไม่นาน เด็กๆ ก็สะอาดตัว หอมกลิ่นสบู่สดชื่น เธอห่อร่างเล็กๆ ด้วยผ้าขนหนูนุ่มๆ พากลับไปที่ห้องนอน แล้วช่วยเปลี่ยนเป็นชุดนอนสบายๆ จากนั้นจึงไปตามเจ้าลูกชายให้มาอาบน้ำ
“หมิงหมิง…มาอาบน้ำกันนะคะ น้ำอุ่นรออยู่แล้ว” เธอพูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เด็กชายเงยหน้ามองแม่ แววตาแอบเขินนิดๆ แต่ก็พยักหน้าแรงๆ “ครับ…หมิงหมิงจะอาบเองครับ” ซินเหยาหัวเราะเบาๆ ในใจ เอ็นดูท่าทางของลูกชายอย่างที่สุด ก่อนจะเปิดน้ำอุ่นทดสอบอุณหภูมิให้พอดี แล้วค่อยๆ ช่วยถอดเสื้อผ้าให้เขาอย่างทะนุถนอม ก่อนจะปล่อยให้เขาอาบน้ำด้วยตัวเอง ไม่นานหมิงหมิงก็ตัวสะอาด เธอห่อร่างเล็กด้วยผ้าขนหนูนุ่มๆ พากลับไปที่ห้องนอน และช่วยเปลี่ยนเป็นชุดนอนสบายๆ เช่นเดียวกับตอนลูกสาว และปล่อยให้เด็กนั่งเล่นของเล่นอยู่มุมห้อง
[ติ๊ง!! แจ้งเตือนภารกิจ]
‘ภรรยาและลูกของคุณหมอปลอดภัย เป็นผลมาจากการทำนาย และคุณหมอที่เชื่อจึงได้กลับบ้านไปช่วยภรรยาได้ทันเวลา’
“อืม” ซินเหยา พยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจเพราะเธอรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว
“ระบบเอาเฝือกออกให้ได้ไหม ฉันขยับตัวไม่ค่อยถนัด” เธอเอ่ยเสียงเรียบ
‘ได้ค่ะ ค่าบริการ 300 หยวน ติ๊ง!!’ เสียงตอบรับจากระบบดังขึ้นทันทีพร้อมกับเงินที่ถูกหักไปอย่างรวดเร็ว ซินเหยาได้แต่ยืนนิ่งใบหน้าเย็นชาขึ้นมาถึงสองส่วนมุมปากกระตุกเล็กๆ
ทันใดนั้น เฝือกทั้งสามชิ้น แขนและขาสองข้างก็หายไป เธอขยับมือ ขยับเท้าอย่างช้าๆ สัมผัสถึงความรู้สึกเบาและอิสระ แขนและขาไม่ปรากฏรอยแผลใดๆทิ้งไว้แม้แต่น้อย
-ทางด้านเด็กๆ-
เยว่อวิ๋นหลัน เด็กหญิงตัวน้อยหยิบหนังสือนิยายของมารดาขึ้นมาอ่านก่อนจะหัวเราะคิกคักเสียงใสๆ ราวกับเพิ่งเจอเรื่องสนุกในหน้าหนังสือ เยว่อี้หมิง เด็กชายที่นั่งมองอยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำหน้าแปลกใจสามขวบไม่น่าจะอ่านออกเลยนี่นา เขาเอียงหัวสงสัย ก่อนจะกระซิบรหัสตัวเลขถามน้องสาวเบาๆ เผื่อตรวจสอบบางอย่าง
“หลันหลัน 3025 หรือเปล่า” เด็กชายเอ่ยเสียงเบา พูดกับน้องสาวเป็นรหัสตัวเลข เด็กหญิงกะพริบตา ก่อนจะยิ้มกว้าง
“ใช่ 3025 หมิงหมิงพี่ก็ด้วยเหรอ” เธอกระซิบด้วยความดีใจ
“อื้ม!!” เด็กชายตอบเสียงดัง พลางยิ้มกว้าง ทั้งสองกอดกันแน่น ดีใจที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ราวกับเวลาที่ห่างไกลไม่อาจพรากความผูกพันระหว่างพี่น้องไปได้
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” น้องสาวตัวน้อยเอ่ยถามด้วยเสียงสงสัย
“เมื่อเช้าตอนตื่นนอน...เธอล่ะ?” พี่ชายตอบพลางมองน้อง
“หนูก็ด้วย” เด็กหญิงพยักหน้า
“เช่นนั้นเรามาใช้ชีวิตให้ดีเถอะ ก่อนอื่นต้องช่วยหม่าม้าหาเงิน” เด็กชายเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ใช่...หาเงินมาซื้อของอร่อย!” เด็กหญิงตอบอย่างกระตือรือร้น พร้อมทำหน้าเปื้อนยิ้ม
“ยัยจอมตะกละนี่!” พี่ชายหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า ทั้งสองหัวเราะด้วยกันอย่างสนุกสนาน
“เด็กๆ มากินข้าวกันเร็ว” เสียงซินเหยาเรียกๆ เยว่อวิ๋นหลันและเยว่อี้หมิงรีบวิ่งไปที่โต๊ะอาหารด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นอาหารวางเรียงเป็นระเบียบ เด็กทั้งสองไม่รอช้า ก้มหน้าก้มตากินอย่างเอร็ดอร่อย
เด็กหญิงตักข้าวเข้าปากพร้อมหัวเราะคิกคักทุกครั้งที่ชิมรสชาติอร่อย ส่วนเด็กชายก็ตักซุป อย่างตั้งใจ บางครั้งยกช้อนขึ้นแล้วทำหน้าเปื้อนยิ้มให้แม่ดูด้วยความภูมิใจ หลังจากกินข้าวอิ่ม ทั้งสองช่วยกันเก็บจานและแปรงฟันอย่างเรียบร้อย ซินเหยามองเด็กๆด้วยความภูมิใจที่ลูกๆเรียบร้อยและรู้ความทั้งคู่
“ไปนอนกันเถอะ เด็กดี” หลังนั่งเล่นกันอีกพักซินเหยาจึงเรียกเด็กๆ นอน เยว่อวิ๋นหลันและเยว่อี้หมิงล้มตัวลงบนเตียงนุ่มๆ พลางกอดตุ๊กตาไว้แน่น ร่างเล็กๆ หลับตาลงด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ
หลังส่งเด็กๆหลับไปแล้ว ซินเหยาจึงได้ไปจัดการตัวเองบ้าง ซินเหยาเงยหน้ามองเงาสะท้อนในกระจกบานเก่า ร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นคือหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งราวกับนางแบบ สูงถึงร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร ผิวขาวเนียนละมุนราวหิมะ ใบหน้าคมชัดดวงตาเฉี่ยวคมให้ความรู้สึกทรงพลัง ขับให้โครงหน้าโดดเด่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ บนใบหน้าคมคายกลับมีเสน่ห์อ่อนหวาน แม้จะมีเค้าความอ่อนหวานซ่อนอยู่ แต่กลับถูกบดบังด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ ทรวดทรงองเอวของนางงดงามสมบูรณ์แบบ เอวคอดรับกับสะโพกได้รูป ส่วนเว้าส่วนโค้งพอดีราวกับถูกสลักขึ้นมาอย่างตั้งใจ แต่ในความงดงามนั้นกลับแฝงไว้ด้วยอำนาจและความเย็นชา
ในความทรงจำเดิม เจ้าของร่างนี้เดิมเป็นคนสวยคมอยู่แล้วแต่หลังจากท้องและคลอดลูกร่างกายจึงค่อนข้างโทรม ใต้ตาหมองคล้ำ ดวงตาอ่อนล้า ผิวขาวจนซีดโทรมจากการตรากตรำทำงานหลังคลอดลูกเพื่อหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว แต่เมื่อซินเหยาเข้ามาอยู่ในร่างนี้ได้สามวัน และทุกวันล้วนมีน้ำวิเศษช่วยบำรุงหล่อเลี้ยง ร่างกายจึงฟื้นคืนความแข็งแรง ผิวเปล่งปลั่งมีเลือดฝาด ดวงตาสุกใสสดชื่น ความโทรมหมองคล้ำถูกแทนที่ด้วยความงดงามอ่อนเยาว์ ราวกับได้คืนชีวิตใหม่ ทั้งสง่างาม แข็งแรง ภายในระยะเวลาสั้นๆเพียงสามวัน หลังสำรวจตัวเองด้วยความพอใจแล้ว ซินเหยาจึงได้เข้าไปในมิติ อีกครั้งเพื่อที่จะไปสำรวจของในห้องเก็บสมบัตินำมาขายเพื่อหาเงิน เธออยากย้ายออกจากห้องเช่าเล็กๆนี้เร็วๆ
เธอเริ่มสำรวจของในห้องเก็บสมบัติทีละชิ้น พลางมองหาสิ่งที่มีมูลค่าสูงพอจะนำมาขายเพื่อหาเงินย้ายออกจากห้องเช่าเล็กๆ นี้ สายตาของซินเหยาหยุดอยู่ที่ กำไลหยกเส้นงาม วางอยู่บนแท่นไม้เก่า กำไลเส้นนั้นมีสีเขียวอ่อนปนเข้มอย่างกลมกลืน ลวดลายแกะสลักบนผิวหยกละเอียดอ่อนและซับซ้อน ซินเหยามองอย่างพินิจ พลางคาดคะเนมูลค่า กำไลเส้นนี้เธอได้มาในมูลค่า 200 ตำลึง แต่ยุคนี้ กำไลหยกเส้นนี้มูลค่าคงไม่ต่ำกว่า ห้าล้านหยวน เจ้าของร่างไม่มีความรู้เรื่องของโบราณทำให้เธอไม่สามารถคาดเดาได้ว่าของโบราณในยุคนี้จะมีมูลค่ามากน้อยแค่ไหนทำได้เพียงแค่คาดคะแนน ราคาเปรียบเทียมคร่าวๆ เธอพยักหน้าเบาๆ
อืม...เพียงชิ้นเดียวก็เพียงพอจะเป็นทุนเริ่มต้นสำหรับบ้านใหม่
ซินเหยาเก็บกำไลหยก ใส่กล่องอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องเก็บสมบัติไป