บทที่ 5 คำเตือน
[ภารกิจด่วน: เตือนคุณหมอให้กลับบ้าน – สำเร็จ!]
[ผู้ถูกเลือก: เยว่ซินเหยา]
ระดับ 1
ค่าประสบการณ์ 200/10,000
ความสามารถ: พลังหยั่งรู้ฟ้าดินขั้นสูง (ไม่สามารถตรวจดวงชะตาตัวเองได้)
พลังชีวิต: 100/100
พลังยุทธ์: 1/10
เงิน: 41,000 หยวน
ซินเหยามองยอดเงินอย่างพึงพอใจ พลางสงสัยถึงเรื่องระดับและค่าประสบการณ์จึงได้เอ่ยถามในใจ
“จริงสิ ฉันลืมถามระดับกับค่าประสบการณ์คือสิ่งใด”
‘ระดับก็คือเลเวล ยิ่งเลเวลสูง ผู้ใช้งานก็จะยิ่งมีความสามารถเพิ่มมากขึ้น ขอใบ้ว่าระดับสองสามารถเปิดร้านค้าในระบบได้นะคะ ส่วนค่าประสบการณ์ก็มาจากการทำภารกิจสะสมคะแนนหรือการดูดดวงชะตาช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อคะแนนเต็มก็จะได้เลื่อนเลเวลค่ะ’
“แล้วพลังยุทธ์ล่ะฉันจะเพิ่มพลังได้อย่างไร”
‘เพิ่มได้โดยการฝึกฝนร่างกาย ใช้หลักการฝึกเดียวกันกับการฝึกพลังปราณเลยค่ะ เพียงแต่โลกแห่งนี้ไม่มีพลังปราณให้ดูดซับ เพียงฝึกฝนให้ร่างกายแข็งแกร่งระดับก็จะเพิ่มขึ้น’
“หมายความว่าฉันเพียงแค่ฝึกจนร่างกายแข็งแรงขึ้น ระดับพลังยุทธ์ก็จะตามมาด้วยงั้นหรือ?”
‘ใช่ค่ะ ร่างกายที่แข็งแกร่งจะเป็นรากฐาน ทุกกล้ามเนื้อ ทุกลมหายใจ คือเส้นทางในการยกระดับพลังยุทธ์ของท่าน และหากท่านตั้งใจทำภารกิจบางภารกิจก็จะมียาเพิ่มพลังกายให้ท่านด้วย‘
“ยาเพิ่มพลังกาย…?”
‘ถูกต้องค่ะ ยานี้จะช่วยทำให้โฮสต์ก้าวหน้าในพลังยุทธ์เร็วกว่าการฝึกเพียงอย่างเดียว’
“อืม เช่นนั้นก็รีบส่งภารกิจที่รางวัลเป็นอย่างอื่นนอกจากเงินมาบ้างเถอะ”
‘ภารกิจจะถูกส่งมอบให้ตามคำสั่งเบื้องบนค่ะ’
“….” ได้ยินดังนั้นซินเหยาก็เงียบไปราวกับหมดคำจะพูด ใบหน้างามที่นิ่งอยู่แล้วก็ดูจะเย็นชาขึ้นอีกส่วนราวกับไม่สบอารมณ์
‘การดูดดวงชะตาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นก็สามารถทำคะแนนได้นะคะ แม้จะไม่ได้รางวัลจากระบบ แต่สามารถเรียกเก็บเงินจากผู้ดูดวงชะตาได้ค่ะ ค่าหมอดูจะถูกระบบหักอัตโนมัติ 10% เพื่อส่งมอบให้กับเบื้องบนเป็นการทำบุญเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ’
ดึงวิญญาณข้ามาเพื่อใช้งานข้าแล้วยังจะมาหักเงินข้าอีกหรือพวกเจ้านั่งทำอะไรกันไม่ยุติธรรมกับข้าเลย เธอตะโกนด่าเบื้องบนอยู่ในใจ ทันใดนั้น ก็เกิดเสียงฟ้าผ่าดังลั่น
โครมมมมมม ครืนนนนนนนน
“…” ซินเหยาชะงันเล็กน้อย แต่ใบหน้าก็ยังเรียบนิ่งไม่สะทกสะท้านต่อเสียงฟ้าใดๆ
เสียงระบบเตือนก็ดังตามทันที
‘คำเตือนครั้งที่หนึ่ง: ห้ามด่าเบื้องบน’
“นั่นไม่ใช่คำด่า...เจ้าพวกเบื้องบนบัดซบ!! นี่สิคือคำด่า” ซินเหยาตอบเสียงนิ่ง ใบหน้ายังคงเรียบเฉย ราวกับระบบเตือนไม่ใช่เรื่องใหญ่
ครืนนนนนนนน… ครืนนนนนนนน…
ฟ้าผ่ากระหน่ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกสิ่งรอบตัวสั่นสะเทือน ทันใดนั้น ระบบก็เด้งเตือนอีกครั้ง พร้อมตัวหนังสือสีแดงฉูดฉาดบนหน้าจอ
‘คำเตือนครั้งสุดท้าย ห้ามด่าเบื้องบน ห้ามด่าเบื้องบน! ไม่งั้นท่านจะโดนทัณฑ์สวรรค์’ ซินเหยาเหลือบมองหน้าจอ แล้วยักคิ้วขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน ใบหน้าของเธอยังคงเรียบนิ่ง ราวกับคำเตือนนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่เธอไม่ได้ตอบหรือคิดอะไร เพื่อเรียกทัณฑ์สวรรค์ให้มาลงโทษ
“หักก็หัก...ตามนั้นเถอะ”
ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ซินเหยาหันไปเห็นพยาบาลถือแฟ้มเอกสารเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะ คุณซินเหยา วันนี้จะออกจากโรงพยาบาลใช่ไหมคะ?” พยาบาลถามอย่างอ่อนโยน ซินเหยาพยักหน้า นางพยาบาลจึงช่วยจัดเอกสารการออกจากโรงพยาบาลให้เรียบร้อย นัดให้มาตรวจอาการอีกสองอาทิตย์
จากนั้นจึงพยุงซินเหยาให้นั่งลงบนรถเข็น เธอจึงนั่งรถเข็นไปตามน้ำ ทั้งที่จริงแล้วเธอหายดีแล้วด้วยซ้ำ รถเข็นถูกเข็นไหลไปตามทางอย่างสงบ เสียงล้อรถเข็นกระทบพื้นเบาๆ
ระหว่างทาง ซินเหยาสะดุดสายตากับเงาร่างวิญญาณทั้งแบบปกติ และแบบสยองขวัญตลอดทาง แต่เธอเพียงเหลือบมอง ก่อนจะละสายตาไป ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย เมื่อออกมาถึงหน้าประตูโรงพยาบาล รถที่ซินเหยาเรียกไว้ผ่านแอปพลิเคชันก็มาถึงพอดี เธอจึงขึ้นรถพร้อมกับเด็กๆ ทั้งสองที่ตามขึ้นมานั่งเรียบร้อย รถเคลื่อนออกไปสู่บ้านพักของเธอ
- ทางด้านคุณหมอ -
หลังจากออกจากห้องคนไข้ที่เตือนเขา เขารีบโทรหาภรรยาด้วยความรีบร้อน แต่ปลายสายเงียบสนิท ไม่มีใครรับ สายตาเขาเริ่มสั่นคลอนด้วยความกังวล
“ทำไม…ทำไมไม่รับสาย?” เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด รีบตรงไปยังแผนกรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล
“ขอโทษครับ ผม…ผมต้องใช้รถแอมบูแลนซ์ด่วนที่สุด ไปที่บ้านของผมทันทีครับ!” เสียงหมอเต็มไปด้วยความเร่งด่วน ทำให้เจ้าหน้าที่มองเขาด้วยความตกใจ แต่ไม่กล้าเถียง เมื่อเห็นสีหน้าของหมอ หมอไม่รอช้า ก้าวขึ้นรถด้วยความกังวล เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่คนไข้คนนั้นพูดจะเป็นจริงหรือไม่ แต่สัญชาตญาณของเขาร้องเตือนว่า ถ้าไม่รีบไป…ภรรยาและลูกในท้องอาจตกอยู่ในอันตรายจริงๆ
หากไม่มีอะไรจริงๆก็ไม่เป็นไรเขาก็พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายหรือความเสียหายใดๆ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือ ความปลอดภัยของภรรยาและลูกในท้อง
คุณหมอหนุ่มรีบขึ้นรถแอมบูแลนซ์ทันที เจ้าหน้าที่ประจำรถช่วยเปิดประตูให้ เขาขึ้นไปนั่งบนเบาะ มือหนึ่งถือโทรศัพท์ กดเปิดกล้องวงจรปิดที่บ้านดู ภาพสัญญาณเรียลไทม์ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
เจ้าหน้าที่ก็สตาร์ทรถ สัญญาณไฟไซเรนกะพริบเสียงดัง รถแอมบูแลนซ์แล่นออกจากโรงพยาบาลทันที หมอจ้องจอภาพอย่างตั้งใจ ทุกสายตาไม่ละจาก ภาพของภรรยาที่กำลังเดินไปมาบนชั้นสองของบ้าน ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงมากยิ่งขึ้น พยายามกดโทรออกไปหาภรรยาแต่ก็ไม่มีคนรับ
ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นภรรยากำลังเดินลงบันไดด้วยความระมัดระวัง และแล้ว…วินาทีที่ทำให้หัวใจหมอแทบหยุดเต้น ภาพจากกล้องจับได้ชัดเจนว่า ภรรยาก้าวลงสะดุดขอบบันได
ร่างของเธอเสียการทรงตัว เธอล้มไปกระแทกกับขั้นบันไดกลางๆ ร่างสะบัดไปตามแรงกระแทก แต่เธอยังพยายามยกมือป้องตัวและกอดท้องไว้ ภาพนั้นทำให้หมอแทบลืมหายใจ
ในขณะเดียวกัน รถแอมบูแลนซ์แล่นมาถึงหน้าบ้านพอดี หมอรีบพุ่งลงจากรถ เขาไม่รอช้า วิ่งเข้าไปยังบันไดที่ภรรยาล้มลง หมอช้อนร่างภรรยาไว้แน่น มือของเขาสัมผัสกับรอยช้ำและเลือดเล็กน้อยที่ไหลออกจากศีรษะ เธอหายใจแรงและตื่นตกใจ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีบาดแผลลึก
“ไม่เป็นไร…ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ปลอดภัยแล้วนะครับ” หมอพูดเสียงสั่นพลางกุมมือภรรยาไว้แน่น
เจ้าหน้าที่แอมบูแลนซ์รีบเข้ามาช่วย เขาและหมอจัดท่าร่างภรรยาให้นอนลงบนเปลอย่างระมัดระวัง จากนั้นรีบเคลื่อนย้ายขึ้นรถไปยังโรงพยาบาลทันที ระหว่างทาง หมอจับมือเธอไว้แน่น ปลอบโยนและตรวจอาการเบื้องต้นอย่างระมัดระวัง ตรวจดูการหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจ และความปลอดภัยของทารกในครรภ์
เมื่อถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์ช่วยกันตรวจเช็กอย่างละเอียด พบว่าเธอมีเพียงรอยฟกช้ำเล็กน้อยและบาดแผลเล็กๆ จากการกระแทก หมอถอนหายใจด้วยความโล่งใจ แพทย์ทำปฐมพยาบาลและเฝ้าสังเกตอาการสักพัก
“คุณปลอดภัยแล้ว…ลูกในท้องก็ปลอดภัยเช่นกัน” หมอพูดพลางยิ้มเบาๆ ภรรยาหลับตาอย่างเหนื่อยล้า หัวใจหมอค่อยๆ คลายความตึงเครียด หลังจากเหตุการณ์ที่น่ากลัวครั้งนี้
ในความคิดของเขา ภาพซินเหยาที่เตือนล่วงหน้าและช่วยให้เขามาถึงทันเวลายังคงชัดเจนอยู่ในใจ หมอรู้สึกถึงขอบคุณอย่างลึกซึ้ง
“ขอบคุณ…ขอบคุณจริงๆ ที่เตือนผมทันเวลา” เขาพึมพำเบาๆ ราวกับพูดกับตัวเอง แต่ก็เป็นคำขอบคุณต่อซินเหยา คนที่ทำให้เขาและครอบครัวปลอดภัยจากเหตุการณ์อันตรายนี้