"เดี๋ยวนี้ปากคอไม่ธรรมดานะมึง" ไอ้แจงเดินเข้ามาในร้านอาหารแล้วตบที่บ่าของไอ้พีค
"เหี้ยอะไรมึง" ไอ้พีคหันไปถาม
"ก็ที่ด่ากูว่าอีแรดไง แค่นี้ทำลืม สมองเสื่อมเหรอฮะ" ไอ้แจงตั้งท่าหาเรื่อง
"ด่าที่ไหนวะ" ไอ้พีคทำท่างง ๆ
"ในไลน์ไง เที่ยงคืนครึ่งเมื่อวันก่อน"
"หืมมมม กูเนี่ยนะ อ้อ... สงสัยจะกูนั่นแหละ โทษทีวันนั้นเมาเลยปากหมา" ไอ้พีคหันมามองหน้าผมนิดหน่อยแล้วตอบไอ้แจงไป
"ปกติเวลามึงเมามึงจะพูดเพราะขี้อ้อนนะ" ไอ้แจงแสดงท่าทีสงสัย
"วันนั้นกูไม่ปกติมั้ง" ไอ้พีคไหวไหล่
"สงสัยติดเชื้อบ้ามั้ง แล้วแพทออกมายัง ถึงไหนละ" ไอ้แจงมันนั่งลงข้างไอ้พีค แล้วจากนั้นมันก็ถามไถ่ถึงลูกสาวของมัน ที่ให้แพทรับกลับมาส่งที่ร้านอาหารของไอ้ภาม เพราะไอ้แจงมันติดงานพรี มันจึงพึ่งพาน้องสาวไอ้พีค
"น่าจะใกล้แล้วนะ แต่เห็นบ่นว่ารถติด วันนี้ไปผับไหม" ไอ้พีคเอ่ยปากชวนไอ้แจง และมองมาที่ผมด้วย
"กูไม่ไป มีนัด แล้วก็ไม่อยากไปกับคนที่ไม่รู้จัก" ผมพูดขึ้นแบบไม่มองหน้าไอ้พีคและไอ้แจง เพราะตอนนี้ผมกำลังทำเป็นสนใจโทรศัพท์มือถือ
ทั้งที่มันไม่มีอะไรให้น่าสนใจสักอย่าง
"ร้านไหน กี่โมง ขอร้านผู้ชายเยอะ ๆ จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูง เผื่อกูลากไปแดกแก้เงี่ย_" ไอ้แจงมันพูด
"แรด! " ผมอุทานเบา ๆ
"แรดอะไรมึงวะ" ไอ้พีคเอ่ยท้วงพร้อมยกยิ้มมุมปาก
"กูว่าจะซื้อแรดมาเลี้ยงไว้ดูเล่น"
"แรดเป็นสัตว์สงวน ซื้อได้ด้วยเหรอวะ" ไอ้นายที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับเมียเอ่ยถาม
"ได้ดิ ตัวนี้ลิมิเต็ด อิดิชั่น ตัวเล็ก ๆ น่ารัก สิทธิพิเศษทำได้หลายอย่าง ว่าจะลองเลี้ยงดู เผื่อมันจะเชื่อง" ผมพูดขณะที่นั่งก้มหน้ากดมือถือ
"อ้อ จัดการสั่งซื้อเรียบร้อยแล้วว่างั้น" ไอ้นายถามต่อ
"ค่อนข้างเรียบร้อยมั้ง" ผมไหวไหล่ใส่ไอ้นาย
"ก็ดีนะ จดทะเบียนเป็นทรัพย์สินของมึงด้วยล่ะ เผื่อหายจะได้ตามถูก" ไอ้ภามเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ หลังจากที่ลูกค้าบางตา
"ทั้งจดทั้งล่ามด้วยเชือกชนิดพิเศษเลยล่ะ รับรองว่ามันหนีไม่พ้นหรอก" ผมเงยหน้าขึ้นมายกยิ้มมุมปาก
"ได้มาก็เอ็นดูมันหน่อยล่ะ เผื่อมันจะเชื่อง" ไอ้พีคพูดแล้วส่ายหัว
"ไม่เชื่องก็เฆี่ยนจนกว่าจะเชื่องสิวะ"
"ไอ้โรคจิต" ผมไม่ได้สนใจในคำที่เพื่อนอย่างไอ้พีคพูด
"แม่แจงขาาาา จัสมาแล้ว" เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กผู้หญิงดังขึ้น ก่อนที่ตัวจะมาถึงซะอีก
"คิดถึงจังเลยค่ะ" ไอ้แจงมันอ้าแขนรอรับลูกสาวของมัน จากนั้นมันก็หอมซ้ายหอมขวาที่แก้มเด็กน้อย
"สวัสดีค่ะคุณลุงทั้งหลายทุกคน" แล้วลูกสาวไอ้แจงก็ยกมือไหว้พวกผมรวดเดียวพร้อมกัน
แล้วสายตาเด็กน้อยก็มาหยุดที่ผม ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม
"วันนี้คุณลุงอารมณ์คงที่หรือยังคะ" ลูกสาวไอ้แจงถามผมขึ้น
แล้วคำถามบ้าอะไรวะ
"ทำไม" ผมทำหน้าขรึมใส่เด็ก
"ก็แม่แจงบอกว่าคุณลุงใจดี แต่แค่หน้าดุ คุณลุงแค่ปรับตัวกับอากาศเมืองไทยไม่ทัน แม่แจงบอกว่าคุณลุงสติไม่ดี อย่าถือสาคุณลุง สรุปวันนี้อารมณ์คงที่ใช่ไหมคะ" ผมเบนสายตามองไอ้แจงทันที
ในขณะที่เพื่อนผมพากันหัวเราะชอบใจ ส่วนไอ้แจงมันก็ทำหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะปั้นหน้านิ่ง
"ยัง ตอนนี้กำลังหงุดหงิดเลยล่ะ" ผมทำเสียงขรึมพร้อมทำหน้าดุ ๆ ใส่เด็กตรงหน้า
"อมยิ้มไหมคะ แม่แจงบอกว่าอมยิ้มจะทำให้ยิ้ม ถ้ายิ้มแสดงว่าอารมณ์ดี กินอมยิ้มนะคะจะได้ยิ้มบ่อย ๆ " แต่แทนที่เด็กน้อยตรงหน้าจะกลัวผม เธอกลับยื่นอมยิ้มมาให้ผม พร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสา
"หลานให้ก็รับไปสิ อย่าใจร้ายมากนัก คุณลุงสติไม่ดี" ไอ้นายสะกิดผม
ผมจึงยื่นมือออกไปรับ
นี่สรุปผมยอมรับว่าตัวเองสติไม่ดีเหรอวะ
หลังจากที่ผมกลับจากเรียนต่อ พอกลับมาบ้านผมก็เจอเด็กผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนไอ้แจงอยู่ที่ร้าน ถามแม่ก็บอกว่าลูกไอ้แจง
ผมก็เลยโทรไปถามเพื่อน เพื่อนก็เล่าให้ฟังว่าไอ้แจงมันท้อง แต่มันไม่รู้ว่าใครคือพ่อเด็ก มันบอกเพื่อนว่ามันเมาจำไม่ได้
และพวกเพื่อนก็บอกว่ามันไม่คิดตามหาพ่อให้ลูก มันเลี้ยงลูกมาด้วยตัวมันเอง
ตลอดเวลาที่ผมไปเรียนต่อ ผมได้คิด ได้ทำหลาย ๆ อย่างที่ผมบอกกับตัวเองว่าไม่ชอบ ผมได้ลองในสิ่งที่ผมเคยบอกตัวเองว่าจะไม่ทำ ซึ่งพอผมทำแล้ว มันก็ไม่ได้แย่อะไร
บางครั้งการลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่อยู่นอกกรอบ ก็สามารถทำให้เราคิดอะไรใหม่ ๆ ได้
“มากันแล้ว มา ๆ ลูกเข้าบ้านเร็ว” แม่ของผมกวักมือเรียกผมและภามเพื่อเข้าบ้านหลังจากที่เมื่อคืนผมโดนจัดชุดใหญ่ เพราะไม่ไว้ใจเก็บเรื่องไร้สาระของภามไปฝันเป็นตุเป็นตะ พอตื่นมาก็งี่เง่าเง้างอนนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมกลับมาบ้านแล้วโดนกระหน่ำแทงเช้ามาภามมันเลยลากผมมาทานข้าวเช้าที่บ้านของผม เนื่องจากเมื่อคืนมันบังคับให้ผมโทรนัดครอบครัวซึ่งตลอดการเดินทางมาที่บ้านแม่ของผมนั้น ผมเกร็งมากครับ เกร็งกลัวไปหมด กลัวครอบครัวจะรับเรื่องของผมกับภามไม่ได้กลัวพวกท่านจะกีดกัน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นผมคงทนไม่ได้แน่นอน“พ่อแม่สวัสดีครับ” ภามยกมือขึ้นไหว้พ่อกับแม่ของผม ซึ่งพ่อนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของโต๊ะอาหาร ส่วนแม่ท่านเพิ่งจะเดินไปนั่งที่ข้างกายพ่อ“นั่ง ๆ ภาม แล้วนี่นึกอะไรถึงพากันมาแต่เช้า” พ่อยิ้มรับและชวนให้นั่ง ต้องขยายความก่อนนะครับว่าภามมาที่บ้านของผมบ่อย มาในฐานะเพื่อนในความเข้าใจของครอบครัวผม“มีเรื่องจะพูดคุยกับพ่อแม่ครับ” ภามเป็นคนตอบ ส่วนผมยังยืนเกร็งเพราะกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดในเวลาอีกไม่นานที่จะถึง“ดูท่าจะซีเรียส งั้นกินข้าวกันก่อนค่อยคุยกันนะ นั่งทานลงทานข้าวสิเค” แม่ของผมบอกแล้วยิ้ม ผมจึงนั่ง
“เค เค เคด่วย ไอ้เค!!!” เสียงแว่วมาของไอ้ภามมันเอ่ยเรียกผมพร้อมกับแรงเขย่าแรง ๆ“ไอ้ภาม!!!” ผมเงยหน้ามองมันด้วยความตกใจ“เป็นบ้าอะไรของมึง เห็นกูทำไมต้องตกใจ มึงมีความผิดอะไร พูดมา” ไอ้ภามมันเดินมาที่โซฟาที่ผมนอนอยู่และนั่งลงข้างผมก่อนจะยื่นมือมาดึงจับที่ตัวผม“อย่ามาจับกู ไอ้เหี้ย มึงมันเลว ใจร้าย ทำร้ายจิตใจกู ที่ทำทุกอย่างก็แค่สงสารกู มึงไม่เคยรักกูเลย” ผมขยับตัวหนีออกจากมันปัก!ไอ้ภามมันตบที่หัวของผม“ไอ้เค รอบนี้อะไรพูดมา กูงอนเรื่องที่บ้านของมึง มึงถึงขั้นเก็บเอาไปฝันคิดว่ากูนอกใจใช่ไหม มึงถึงได้นอนร้องไห้อยู่แบบนี้”เวรแล้วครับ“อย่าบอกนะว่าทั้งหมดเพราะกูฝันเป็นตุเป็นตะ” ผมมองไอ้ภามแล้วทำหน้าอึ้งรอครับ เพราะรู้สึกเหมือนจะรู้คำตอบแล้ว“เออดิ กูเนี่ยนะจะนอกใจมึง ไอ้เหี้ย เรื่องนี้นี่คิดไม่เลิกสักทีเนอะ แล้วนี่ยังไง”“ยังไงอะไรภาม” เมื่อรู้ตัวว่าทุกอย่างคือความฝันที่ผมสรรค์สร้างมันขึ้นมา ผมก็รีบขยับตัวนอนหนุนที่ตักของคนที่ผมเรียกว่าแฟน รีบเตรียมแผนอ้อนมันเลยครับ“มึงให้ลูกค้าในร้านกอดทำไม”แต่เดี๋ยวนะ!!!เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้ผมจะนอนท่านี้ไม่ได้เหมือนจะไม่ทัน ผมรู้ตัวช
สามวันผ่านไป...สามวันผ่านไปแล้ว ชีวิตของผมก็ยังจมอยู่กับความเมา ผมเช่าห้องพักรายวันแล้วซื้อเหล้าเข้ามากินแบบไม่คิดอะไรทั้งนั้น นอกจากเรื่องราวที่ผ่านมาของผมกับไอ้ภาม ผมคิดซ้ำ ๆ วกไปวนมา คิดแล้วคิดอีกและเมาหลับไปผมโคตรเสียศูนย์ที่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้แต่วันนี้มันถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับใช้ชีวิตของผมแล้วครับเรื่องร้านที่ทำร่วมกันมา ถ้าหากว่ามันจะเอาคนรักของมันมาทำ ผมก็พร้อมจะเดินออกมาพร้อมเงินทุนและกำไรที่ผมสมควรได้เรื่องนี้คงต้องคุยกันอีกทีให้เข้าใจแต่ที่แน่ ๆ คือผมจะไม่กลับไปอยู่ในจุดที่มันสงสารผมแน่นอนครับสองชั่วโมงต่อมา...ณ ร้านอาหาร“สวัสดีค่ะคุณเค” พนักงานในร้านยกมือไหว้ผมเหมือนที่เคยทำตลอด แต่วันนี้มันแปลกไปตรงที่ผมไม่ยิ้มครับ คนที่ตกอยู่ในอารมณ์แบบผมคงไม่มีอารมณ์มาปั้นหน้ายิ้มหรอกใช่ไหมครับ ผมไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้นผมเดินผ่านพนักงานมาที่ห้องทำงานด้วยใบหน้าที่นิ่งขรึม ซึ่งผมไม่เคยเป็นแบบนี้เลยตั้งแต่เปิดร้านมา จึงไม่แปลกที่จะเป็นจุดสนใจ เพราะผมก็หายไปสามวันเต็ม ๆผมเดินเข้ามาในห้องทำงานแล้วนั่งดูยอดบัญชีการซื้อของเข้า และเมนูอาหารที่ขายออกไป ผมตรวจผมเช็กแบบที่ผมเคยทำ เพื่อ
ตอนนี้เวลาหนึ่งทุ่มนิด ๆ ครับ ผมกลับมาบ้านของภาม บ้านที่ภามมันซื้อไว้ก่อนที่เราจะรู้จักกัน เราอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยกัน และนาน ๆ ครั้งเพื่อนจะมาปาร์ตี้ โดยที่มีแจงเป็นสายเมาที่ชอบเต้นจนสุดเหวี่ยง และสุดท้ายก็น็อกกลางอากาศ ตั้งแต่ที่แจงมีลูกคนที่สอง การเที่ยวเตร่เมาแล้วเลื้อยของแจงก็น้อยลง หรือเพราะมีความเป็นแม่ที่มากขึ้นก็ไม่รู้นะครับ แจงถึงได้ดูกลายเป็นคนดีแต่กว่าจะดีได้ กว่าจะลงตัวกับคนที่เป็นผัวอย่างยิมก็ยากเอาเรื่องนะครับ ไหนจะเรื่องของจัสมินที่แจงปกปิดแม้กระทั่งเพื่อนว่าใครคือพ่อ ไหนจะผู้ชายที่ตามจีบ และยังเมียเก่าของยิมที่ยิมเคยรักมาก แต่ละปัญหาของทั้งคู่มันทำให้ผมเหนื่อยและท้อแทนเลยครับ“เฮ้อ” ผมถอดถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อขวดเหล้ามันกระจัดกระจายระเนระนาดไปหมด แล้วก็ต้องเป็นผมที่ต้องเก็บเป็นประจำตอนนี้คนเมาคงอยู่ในห้องนอนแต่เดี๋ยวนะ!!!ทำไมมีแก้วสองใบ ใครมาดื่มกับมันวะสองเท้าของผมรีบเดินมาที่ห้องนอน ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อใจแต่ผมแค่อยากพิสูจน์ และไม่อยากให้เป็นแบบที่ผมคิดแต่แม่ง...ไม่ใช่ไง มันไม่ใช่เมื่อเสียงที่ดังแว่วมาจากห้องนอน ตามทางเดินที่ผมกำลังก้าวไป ยิ่งผมเฉียดใกล้
สวัสดีครับ เรียกผมว่า ‘เค’ อย่างที่แจงเรียกก็แล้วกันนะครับผมมีแฟนครับ ชื่อ ‘ภาม’ เป็นเจ้าของร้านอาหารที่เราสองคนร่วมกันสร้างขึ้นมาเพื่อเลี้ยงชีพของเราทั้งสอง กิจการร้านอาหารของเราดำเนินไปได้ด้วยดีครับคงจะเพราะเจ้าของร้านทั้งสองคนหล่อกันทั้งคู่ จะว่าผมหลงตัวเองไม่ได้นะครับ เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาทานอาหารร้านผมนั้นเป็นสาว ๆ กันซะมากกว่าคงไม่ต้องบอกพวกคุณที่ตามแจงมาก็คงจะรู้ว่าผมกับภามเป็นคู่รักร่วมเพศ เป็นคู่เกย์กันขอสารภาพตามตรงนะครับว่าตอนแรกผมก็ไม่คิดที่จะชอบผู้ชายด้วยซ้ำ เพราะที่ผ่านมาผมชอบผู้หญิงมาตลอด แต่แล้วจู่ ๆ ชีวิตที่เจอแต่ความผิดหวังก็ทำให้ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป อาจจะเพราะจุดเริ่มต้นมันมาจากการประชดชีวิตที่คบใครก็มีแต่โดนทิ้ง โดนหักหลังมาตลอดผมก็เลยลองมองหาผู้ชายดู เผื่อว่าจะได้ไม่ต้องเจอกับความเสียใจ เหมือนตอนที่คบกับผู้หญิงจุดเปลี่ยน จุดแปลกใหม่ในชีวิตของผมเกิดขึ้นเมื่อผมต้องมากลายเป็นฝ่ายรับจากผู้ชายที่เพิ่งจะรู้จักกัน ตอนนั้นขอเรียกเป็นวันไนท์สแตนด์แล้วกันนะครับที่เรียกวันไนท์สแตนด์ก็เพราะอยากจะทดลองก่อนที่จะเริ่มมีคนรักที่เรียกว่าเพศเดียวกันและผู้ชายคนแรกที่ไ
“พวกแกจะบ้ากันหรือไง ทำอะไรกันอยู่ กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง!!!” แม่พูดเสียงสั่นดวงตากำลังเอ่อคลอด้วยน้ำตา ท่านกำลังมองฉันและพี่ชาย“แค่เรารักกัน ทำไมแม่ไม่เข้าใจ”“รักกันฉันเข้าใจ แต่พวกแกจะรักกันแบบนี้ไม่ได้ พี่น้องจะรักกันแบบนี้ไม่ได้”“แม่…”“หยุดเรื่องน่ารังเกียจนี้ซะยัยแพท แกเป็นถึงครู แกไม่ควรให้เรื่องนี้เกิดขึ้น” แม่หยิบยาดมขึ้นมาสูดดม“เรารักกันครับแม่ ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ แต่เรื่องของหัวใจมันบังคับกันได้เหรอครับ แม่ครับ…”“เงียบปากไปเลยพีค นี่พวกแกเป็นบ้ากันหรือไง กำลังทำอะไรอยู่ ทำอะไรทำไมไม่คิดถึงใจฉันบ้าง” แม่ของฉันเริ่มหลั่งน้ำตาฉันกับพี่ชายกำลังทำให้แม่บังเกิดเกล้าเสียใจ เพราะเราทั้งสองตัดสินใจกลับมาบ้านและบอกเรื่องราวที่เราสองคนได้แอบทำร่วมกันมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี เมื่อแม่ได้ยินเรื่องที่พี่ชายเป็นคนเอ่ยปากเริ่มเล่า ท่านก็เริ่มหน้าซีด และหลั่งน้ำตาน้ำตาของแม่ทำให้ฉันรู้สึกผิดมาก แต่เมื่อพูดออกไปแล้วคงจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีก และคงต้องยอมรับความจริงซึ่งมันดูเหมือนเราทั้งคู่บีบบังคับให้แม่ยอมรับเรื่องของเราเรื่องระยำที่เราแอบทำ“แม่คะ แพทขอโทษ แต่