Share

พักกลางวัน

ครูวารียิ้มให้เด็กทั้งสามแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องเขินไปหรอกจ้ะ พวกเธอทั้งสามทำได้ดีมาก แล้วครูก็ต้องการให้พวกเธอเป็นตัวอย่างที่ดี ครูมั่นใจว่าทุกคนในห้องนี้มีความสามารถ พวกเธอต้องตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตของตัวเอง”

ฟ้าใส ครีม และม่านเมฆพยักหน้าให้กับคำพูดของครู  แต่ก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง หลังจากนั้นครูวารีจึงเริ่มพูดถึงตารางเรียนและกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้

“ตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าเราจะมีการเรียนที่เข้มข้นมากขึ้น รวมถึงกิจกรรมที่จะทำร่วมกัน เช่น งานสัปดาห์วิทยาศาสตร์         งานกีฬา และกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนที่รอเราอยู่ ดังนั้นเรามาพยายามด้วยกันนะ และครูก็หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการเรียนรวมถึงให้ความร่วมมือในเรื่องของกิจกรรม” ครูวารีพูดต่อ ก่อนที่จะหันมามองนักเรียนที่นั่งอยู่แถวหน้าซึ่งก็คือฟ้าใส ม่านเมฆ และก็ครีมนั่นเอง

“ว่าแต่พวกเธอเลือกเรียนสายศิลป์-ภาษาเพราะอะไรกัน ครูอยากฟังเหตุผลจากพวกเธอสักหน่อยได้ไหมจ๊ะ”

ฟ้าใสยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นพูด “หนูชอบการเขียนค่ะครู การใช้คำพูดและภาษาเป็นสิ่งที่ทำให้หนูรู้สึกมีความสุขรวมถึงหนูชอบการวาดรูปด้วยจึงได้เลือกเรียนสายนี้ค่ะ”

ครีมยิ้มตามเพื่อนแล้วพูดขึ้นบ้าง “หนูชอบงานศิลปะค่ะ แต่ก็ชอบเรียนภาษาเหมือนกัน มันทำให้หนูรู้สึกว่าได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์”

ม่านเมฆที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างก็ลุกขึ้นยืนหลังจากครีมพูดจบ “ผมไม่เก่งวิทย์หรือคณิตศาสตร์เท่าไหร่ครับ เลยคิดว่าการเรียนภาษาและศิลปะน่าจะเหมาะกับผมมากกว่า”

ครูวารียิ้มให้พวกเขา “ทุกคนมีเหตุผลที่ดีมากจ้ะและครูมั่นใจว่าในปีนี้พวกเธอจะทำได้ดีแน่นอน เอาละเรารู้จักเพื่อนทั้งสามของเราไปแล้วคราวนี้ก็มาถึงการแนะนำตัวของทุกคนกันบ้างนะจ๊ะ เริ่มจากนักเรียนแถวแรกโต๊ะริมหน้าต่างก่อน” เด็กนักเรียนภายในห้องม.4/1 ต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

และหลังจากทุกคนแนะนำตัวกันเสร็จเรียบร้อยพวกเขาแต่ละคนก็ได้รับมอบหมายให้ช่วยกันทำความสะอาดห้องเรียนเนื่องจากตั้งแต่ปิดเทอมฝุ่นค่อนข้างเยอะแม้ว่าจะมีนักการภารโรงก็ตามแต่เขาก็ไม่ได้ทำอย่างทั่วถึง

ซึ่งการเรียนวันแรกของการเปิดภาคการศึกษานั้นส่วนใหญ่มักจะเป็นแบบนี้เนื่องจากช่วงแรกยังเป็นการแนะนำตัวและทำความคุ้นเคยก่อนที่จะเข้าสู่การเรียนอย่างจริงจัง ซึ่งหลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยก็ถึงเวลาเลือกหัวหน้าห้องซึ่งครูวารีก็ต้องการให้สามเพื่อนซี้เป็น

ทว่าฟ้าใสกับน้องและครีมต่างก็เห็นว่าเพื่อนในห้องก็มีความสามารถดังนั้นเธอจึงได้ปฏิเสธ

และสุดท้ายตำแหน่งหัวหน้าห้องจึงเป็นเด็กนักเรียนชายที่เคยเรียนอยู่ที่นี่มาก่อนตอนม.ต้นชื่อน้ำหนึ่งซึ่งได้นั่งคู่กับม่านเมฆ

เวลาช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เสียงกริ่งจะดังขึ้นบ่งบอกถึงเวลาพักกลางวัน เด็กนักเรียนจำนวนไม่น้อยทยอยกันเดินออกจากห้องอย่างเร่งรีบบ้าง ช้าบ้าง

ส่วนฟ้าใส ครีม ม่านเมฆ และน้ำหนึ่งที่เพิ่งรู้จักกันก็เดินออกมาพร้อมกัน ในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินไปโรงอาหาร     น้ำหนึ่งก็ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนนี้ออกมา

“หลังห้าโมงเย็นพวกเธอห้ามเข้าไปในห้องดนตรีสากลบนชั้นสามนะ” เด็กชายพูดขึ้นด้วยท่าทางลึกลับ

“ทำไมล่ะ นายอย่าบอกนะว่าในนั้นมีอะไร” ครีมทำท่าทางหลอกผีใส่เขาจนน้ำหนึ่งยิ้มแหย

“อืม เป็นอย่างที่เธอคิดนั่นแหละ” เขาตอบตามตรง

“เฮ้ย! จริงอ่ะ นายไม่ใช่จะทำให้พวกเรากลัวหรอกใช่ไหมโดยเฉพาะฉันที่กำลังสนใจดนตรีสากล” ม่านเมฆร้องเสียงหลงเนื่องจากเจ้าตัวค่อนข้างแหยงกับเรื่องแบบนี้

“ฉันพูดจริงนะ มีคนเห็นกันหลายคนแล้ว บางคนก็บอกว่ามักจะมีคนได้ยินเสียงเปียโนดังเองบ้างละ ส่วนบางคนก็บอกว่าเห็นมีเงาคนเดินหายเข้าไปในห้องต่อหน้าต่อตา” น้ำหนึ่งยังคงพูดต่อจนพวกเขาเดินมาถึงโรงอาหาร

“ฉันว่าเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ เพราะตอนนี้เรามีปัญหาใหญ่กว่ารออยู่” ครีมพูดพลางมองไปยังโต๊ะกินข้าวที่แทบจะเต็มทุกโต๊ะ

“เอาอย่างนี้ไหม แยกกันไปซื้อข้าวก่อนจากนั้นค่อยมาหาที่นั่ง ฉันว่าอย่างน้อยก็น่าจะมีคนลุกออกไปบ้างแหละ” ฟ้าใสพูดพลางมองร้านข้าวที่ดูเหมือนว่าจะมีคนไม่น้อยต่อแถวรอ

“ก็ดีเหมือนกัน น้ำหนึ่งในฐานะที่นายเคยเรียนที่นี่มาก่อนนายว่าร้านข้าวร้านไหนอร่อย” ม่านเมฆถามเพื่อนใหม่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง

“ร้านป้าใหม่ตรงนั้น” เขาตอบออกมาอย่างมั่นใจ

“ทำไมนายมั่นใจมากขนาดนั้นล่ะ” ฟ้าใสอดสงสัยไม่ได้ถามขึ้นด้วยรอยยิ้มขำ

“ก็เพราะเป็นร้านของแม่ฉันเอง ในเมื่อพวกเราเป็นเพื่อนกันก็ต้องอุดหนุนเพื่อนสิ ฉันพูดถูกไหมแต่กับข้าวที่แม่ฉันทำอร่อยจริง ๆ นะ” สิ่งที่น้ำหนึ่งพูดออกมาทำให้ฟ้าใส ม่านเมฆ และครีมค่อนข้างตกใจไม่น้อย

“โอเค ถ้าอย่างนั้นไปซื้อร้านของแม่นายกัน” ม่านเมฆเอามือโอบบ่าเพื่อนก่อนที่ฟ้าใสกับครีมจะเดินตามมาไม่ห่าง

หลังน้ำหนึ่งแนะนำแม่ของตนให้เพื่อนใหม่รู้จักเด็กทั้งสามก็สั่งกับข้าวที่ตัวเองอยากกินกันทันทีด้วยความหิว

“แม่เลี้ยงเองจ้า” หญิงวัยกลางคนพูดขึ้นอย่างใจดี

“ไม่ดีหรอกค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้เดี๋ยวพวกเราไม่กล้ามาอุดหนุนร้านของแม่อีกนะคะ” ฟ้าใสปฏิเสธโดยมีม่านเมฆ ครีมพยักหน้าเห็นพ้องซึ่งแต่ละคนก็นำเงินออกมายัดใส่มือให้กับน้ำหนึ่งตามค่ารายการอาหารที่ระบุไว้อย่างชัดเจน

“ขอบใจนะจ๊ะลูก” ป้าใหม่แม่ของน้ำหนึ่งพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“ไม่เป็นไรค่ะ/ครับ” ในระหว่างนี้ครีมก็หันไปมองโต๊ะกินข้าวก่อนที่ดวงตาจะทอประกายดีใจ

“ไปนั่งโต๊ะเดียวกับเฮียครามกัน” เด็กหญิงกล่าวชวนก่อนจะเดินนำหน้าเพื่อนไปทันที ส่วนน้ำหนึ่งยังคงอยู่หน้าร้านของตนซึ่งเขารู้สึกดีใจที่เพื่อนใหม่เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว

“เพื่อนของลูกดีมากเลยนะ คบกันให้ดี ๆ ล่ะ ถ้าเป็นอย่างเมื่อก่อน” แม่ของน้ำหนึ่งเว้นไว้แค่นั้นโดยไม่พูดต่อ

“ผมเองก็ดีใจที่ได้รู้จักกับพวกเขาครับแม่” น้ำหนึ่งพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ในอดีตเขาเองก็เคยมีเพื่อนสนิทแต่ว่าหลังจากที่ทุกคนรู้ว่าแม่เขาขายอาหารในโรงเรียนก็มักจะหาข้ออ้างกินฟรี        ซึ่งหลัง ๆ พอเขาปฏิเสธก็ไร้คนคบไปโดยปริยาย

ในขณะที่เจ้าตัวกำลังจะเดินไปทางเพื่อนใหม่ที่กวักมือเรียก อดีตเพื่อนของเขาก็เดินเข้ามาขวางหน้า

“ไง เลี้ยงข้าวเพื่อนใหม่ได้ก็เลยลืมเพื่อนเก่าอย่างนั้นเหรอ” ผู้พูดแสดงท่าทีหาเรื่อง

“ฉันไม่ได้เลี้ยงพวกเขาจ่ายเงินซื้อ นายหลีกไปฉันจะรีบไปกินข้าว” น้ำเสียงของน้ำหนึ่งเต็มไปด้วยความห้วนมะนาวไม่มีน้ำ

“เหอะ! คิดว่าฉันจะเชื่อแต่ก็นะคนอย่างแกจะมีใครคบได้สักเท่าไหร่”

ใบหน้าของน้ำหนึ่งเริ่มแดงก่ำด้วยความโกรธ “น้ำหนึ่ง ไปนั่งสิ พวกเรารอนายอยู่นานแล้ว” เสียงของม่านเมฆดังขึ้นโดยมีครีมกับฟ้าใสเดินตามมาด้วย

“อืม กำลังไป” เมื่อเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ด้วยอดีตเพื่อนของน้ำหนึ่งจึงได้แต่หลีกทางอย่างจำยอม

และเมื่อเขามองไปและเห็นว่าน้ำหนึ่งไปนั่งรวมกับพี่ม.6เจ้าตัวก็รีบหันหน้าหนีทั้งนี้เป็นเพราะกลุ่มของครามนับว่ามีชื่อเสียงในโรงเรียนไม่น้อยทั้งจากการเรียนและกิจกรรม

“เฮียครามนี่เพื่อนใหม่ของครีม ชื่อน้ำหนึ่งแม่เปิดร้ายขายข้าวแกงชื่อร้านป้าใหม่เฮียกับเพื่อนอย่าลืมไปอุดหนุนนะ” ครีมแนะนำเพื่อนใหม่ออกมาหลังจากนั่งลงเรียบร้อย

“อืม” ครามพยักหน้ารับอย่างขอไปทีแต่ไม่ใช่กับเพื่อนของเขาที่เพิ่งจะเห็นหน้าม่านเมฆกับฟ้าใส

“น้องครีมแล้วเพื่อนน้องสองคนนี่ชื่ออะไร” ธรถามขึ้นตามประสาคนช่างพูด

“คนนี้ฟ้าใส คนนี้ม่านเมฆค่ะ” ครีมตอบตามตรงก่อนจะตักข้าวใส่ปาก

“สวัสดีค่ะ/ครับ” สองพี่น้องยกมือไหว้

“เอ่อ มารยาทดีชะมัด พี่ชื่อพัฒน์นะ ส่วนคนที่ถามถึงเราเมื่อกี้ชื่อธร คนนี้ภูมิถ้ามีปัญหาก็มาหาพวกเรานะ” หลังจบคำพูดของเขาเฮียครามที่กำลังยกแก้วน้ำขึ้นดื่มจึงได้พูดออกมา “ไปกันเถอะ”

ครีมได้แต่มองตามแผ่นหลังของพี่ชายตาปริบ ๆ ก่อนจะกินข้าวในจานของตัวเองต่อ

“ครีมพี่ชายแกดุไหม” น้ำหนึ่งถามเพื่อนหลังจากเห็นท่าทางของเฮียคราม

“ไม่เท่าไหร่ แต่เขามักจะเป็นแบบนี้เสมอนั่นแหละแกไม่ต้องใส่ใจหรอก หากไม่เชื่อแกก็ถามม่านเมฆกับฟ้าใสสิสองคนนี้ก็ชินกับนิสัยของเฮียเขาแล้วละ” ครีมยักไหล่ก่อนจะดูดน้ำอัดลมในแก้วของตน

“ไม่ดุหรอกเฮียเขายังจะสอนกีตาร์ให้ม่านเมฆเลย” เมื่อเห็นสีหน้าของน้ำหนึ่งฟ้าใสจึงได้พูดออกมาเป็นการยืนยัน

“ไม่น่าเชื่อ แต่พี่คีรินทรเล่นกีตาร์เก่งมากนะ” คำพูดของน้ำหนึ่งได้ทำให้หูของคนทั้งสามผึ่งพร้อมกัน

“นายรู้จักเฮียของฉันนี่แล้วจะถามเพื่อ...” ครีมหรี่ตามองเพื่อนเอ่ยอย่างสงสัย

“ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ฉันเรียนที่นี่มาก่อนและเคยเห็นพี่เขาเล่นกีตาร์ที่สนามฟุตบอลเวลาพัก พวกเธอไม่รู้อะไรกลุ่มของพี่ชายเธอนะฮอตมากนะ”

“เรื่องจริง!” ครีมส่งเสียงหลงเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ

“ฉันจะโกหกทำไม” น้ำหนึ่งตอบพลางกินข้าวในจานของตนอย่างรวดเร็วเนื่องจากตอนนี้ใกล้หมดเวลาพัก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   ตอนพิเศษ พยานรักตัวน้อย ๆ

    หลายปีผ่านไป... หลังจากครามเรียนจบวิศวกรรมศาสตร์และเริ่มต้นชีวิตการทำงานในฐานะวิศวกรหนุ่มอนาคตไกล เขาทุ่มเทให้กับงานในบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่งแต่หัวใจของเขาก็ไม่เคยห่างจากจังหวัดบ้านเกิด และที่สำคัญที่สุดคือผู้หญิงที่เขามอบเกียร์และหัวใจให้ไปนานแล้วทางด้านฟ้าใสเธอก็ก้าวเข้าสู่ช่วงปีสุดท้ายของการเรียนในคณะศิลปกรรมฯ ชีวิตที่เคยพลิกผันเพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝัน บัดนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ป๊าของเธอกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้สำเร็จแม้การเดินจะยังไม่กลับมาเป็นปกติร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเดิมแต่ด้วยกำลังใจที่ดีและการทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอท่านก็สามารถกลับมาเดินเหินได้คล่องแคล่วขึ้นมาก อีกทั้งยังเข้ามาช่วยดูแลร้านสุกี้ในส่วนที่ไม่ต้องออกแรงมากได้ด้วย รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เคยจางหายไปนานกลับมาสู่ครอบครัวของเธออีกครั้งกิจการร้านขนมและร้านสุกี้ก็ดำเนินต่อไปได้ด้วยดีโดยมีฟ้าใสและคุณแม่เป็นหัวเรือใหญ่ และแน่นอนว่ามีครามคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังเสมอในยามที่เธอต้องการ ระยะทางและตารางเวลาที่แตกต่างไม่ได้ทำให้ความรักของครามและฟ้าใสลดน

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   รักของเราคือรสช็อกโกแลต

    หลายเดือนผ่านไป... วันเวลาหมุนเวียนจากเทอมแรกเข้าสู่เทอมที่สองของปีการศึกษา กลิ่นอายของวันวาเลนไทน์เริ่มอบอวลไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย สติ๊กเกอร์รูปหัวใจและดอกกุหลาบมีให้เห็นตามมุมต่าง ๆชีวิตของฟ้าใสเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น แม้จะยังคงวุ่นวายและเหน็ดเหนื่อยเป็นสองเท่าของนักศึกษาทั่วไป เธอกลับไปเรียนตามปกติพยายามตามงานที่ขาดไปในช่วงแรกอย่างสุดกำลังพ่อของเธอกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้แล้วแต่อาการบาดเจ็บที่ขายังคงต้องทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาระการดูแลร้านทั้งสองแห่งยังคงตกอยู่ที่เธอกับแม่เป็นหลัก แต่เธอก็เริ่มปรับตัวและจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้คล่องแคล่วขึ้นรวมถึงความสัมพันธ์กับครามก็ยังคงดำเนินไปในรูปแบบเดิม... เขาคือพี่ชายตรงข้ามบ้านที่แสนดี สารถีคนสำคัญ และผู้ช่วยจำเป็นในทุกสถานการณ์ ความช่วยเหลือของเขาทำให้เธอผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้บ่ายของวันวาเลนไทน์หลังเลิกคลาส ฟ้าใสตั้งใจจะเอาขนมเค้กช็อกโกแลตที่เธอหัดทำเมื่อคืนไปให้ครามลองชิม และถือโอกาสขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เขาช่วยม

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   การเติบโตชั่วข้ามคืนของฟ้าใส (2)

    "ลูกอยู่นี่เอง แม่ก็รอว่าจะมาพร้อมลูกแต่ก็ดีแล้วละที่ลูกอยู่ตรงนี้" กิมลั้งพูดกับลูกชายหลังเห็นว่าเขาคอยอยู่เป็นเพื่อนฟ้าใสกับแม่พลางทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ลลิตาที่ยังคงมีดวงตาแดงก่ำ"ลิตา เฮียหลงเป็นยังไงบ้าง" เธอหันไปถามเพื่อนบ้านด้วยความเป็นห่วงโดยจับมือลลิตาไว้แน่นลลิตาสูดหายใจลึก พยายามกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้นมาอีกครั้ง "เพิ่งจะย้ายเข้าไอซียูเมื่อกี๊นี้เองลั้ง... หมอบอกว่ากระดูกหักหลายที่ เสียเลือดมาก... ยังต้องรอดูอาการใกล้ชิด..." เสียงเธอสั่นเครือในตอนท้าย"โถ... ไม่เป็นไรนะลิตา ไม่เป็นไร" กิมลั้งบีบมือเพื่อนแน่นขึ้น "ปลอดภัยแล้ว ถือว่าพ้นขีดอันตรายระดับนึงแล้วนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น ต้องเชื่อมั่นในตัวหมอ แล้วก็บุญกุศลที่อาหลงเขาทำมาเยอะแยะนะเพื่อนนะ" เธอกล่าวปลอบใจอย่างจริงใจ"มีอะไรให้ฉันสองคนช่วยบอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน""ขอบใจมากนะลั้ง..." ลลิตาพยักหน้ารับทั้งน้ำตาครามมองภาพผู้ใหญ่ให้กำลังใจกัน ก่อนจะหันไปพูดเรื่องที่จำเป็น "ป๊า ม๊า เดี๋ยวผมว่าจะพาฟ้าใสไปดูร้านที่ตลาดโต้รุ่งก่อน แล้วก็อาจจะแวะไปดูร้านสุกี้ด้ว

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   การเติบโตชั่วข้ามคืนของฟ้าใส (1)

    ทุกวินาทีที่ผ่านไปหน้าห้องผ่าตัดคล้ายเป็นการทรมานสำหรับคนรอคอย ฟ้าใสยังคงกอดแม่ไว้แน่นมีเพียงเสียงสะอื้นแผ่วเบาเป็นระยะขณะที่ผู้เป็นแม่ก็ได้แต่ลูบหลังปลอบลูกสาว ดวงตาจับจ้องบานประตูห้องผ่าตัดด้วยใจที่ร้อนรน ครามยังคงยืนอยู่ไม่ห่าง คอยเป็นหลักให้สองแม่ลูกอย่างเงียบงันตามเดิมบรรยากาศระหว่างพวกเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียดและคำภาวนาในใจทันใดนั้นเสียงเรียกเข้าเฉพาะตัวของเครื่องพีซีทีในกระเป๋ากางเกงยีนส์ของครามก็ดังขึ้นทำลายความเงียบงันแสนหนักอึ้งนั้นลง ครามขมวดคิ้วและเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาเจ้าตัวก็รู้แล้วว่าทางนั้นคงจะร้อนใจไม่ต่างกัน"เฮีย! ป๊าของฟ้าใสเป็นยังไงบ้าง" เสียงครีมน้องสาวของเขาดังลอดออกมาทันทีที่เขากดรับสาย น้ำเสียงสั่นเครือและเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด"แม่เพิ่งโทรมาบอกว่าคุณอาโดนรถชน! ท่านเป็นอะไรมากไหมเฮีย? ครีมเป็นห่วงมากเลย!" ความสนิทสนมระหว่างครอบครัวทำให้ครีมรู้สึกผูกพันและตกใจกับข่าวร้ายไม่น้อย"ใจเย็น ๆ ก่อนครีม" ครามตอบกลับพยายามใช้เสียงที่สงบและมั่นคงที่สุดเพื่อไม่ให้น้องสาวที่อยู่ไกลถึงเมืองหลวงต้องตื่นตระหนกไปมากกว่า

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   เคียงข้าง

    ครามวิ่งมาถึงบริเวณที่จัดกิจกรรมของคณะศิลปกรรมศาสตร์อย่างรวดเร็ว เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายบนขมับและข้างแก้ม ดวงตาคมกวาดมองหากลุ่มเพื่อนของฟ้าใสที่พอจะคุ้นหน้าอยู่บ้างท่ามกลางความวุ่นวายจนกระทั่งไปสะดุดตากับกลุ่มนักศึกษาปีสองในชุดคณะที่กำลังยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ฟ้าใสเคยยืนอยู่ก่อนหน้านี้ เขาจำได้ว่าหนึ่งในนั้นคือเพื่อนสนิทของเธอเขารีบก้าวเท้าเข้าไปหาทันที ลมหายใจหอบเล็กน้อย "น้องครับ....พี่มาหาฟ้าใส" เขาถามออกไปน้ำเสียงเคร่งเครียดและแฝงความกังวลอย่างปิดไม่มิด"เห็นฟ้าใสไหมครับ?"เพื่อน ๆ ของฟ้าใสกลุ่มนั้นหันมามองรุ่นพี่ต่างคณะอย่างแปลกใจระคนสงสัย ปกติไม่ค่อยเห็นเฮียครามคนดังของวิศวะฯ มาทำหน้าตาตื่นแถวนี้เท่าไหร่นัก ก่อนที่เพื่อนคนที่สนิทกับฟ้าใสที่สุดจะรีบตอบ"พี่คราม..." เธอทำหน้างง ๆ เล็กน้อยเรียกชื่อของเขาออกมา "เมื่อกี้ฟ้าใสมันบอกว่าเพจเจอร์เข้า ขอตัวไปโทรศัพท์ค่ะ เห็นวิ่งหน้าตาตื่นไปทางตู้โทรศัพท์ตรงโถงทางเดินนู้นแน่ะค่ะ" หญิงสาวชี้นิ้วไปยังทางเดินด้านในตัวอาคารที่ค่อนข้างเงียบกว่าบริเวณลานกิจกรรม"ไปได้สักพักแล้ว..ยังไม่เห็

  • รักของเราคือรสช็อกโกแลต (วัยรุ่นวัยฝันยุค 90)   ห่วง

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากปีหนึ่งเทอมแรกกิจกรรมรับน้อง การเรียน การสอบ วนเวียนจนกระทั่งทุกอย่างผ่านพ้นไปหนึ่งปีการศึกษาเต็ม ๆความสัมพันธ์ระหว่างครามและฟ้าใสยังคงดำเนินไปในรูปแบบของเพื่อนบ้านและพี่ชายที่แสนดีอย่างที่หลายคนเห็นครามยังคงวนเวียนเข้ามาช่วยเหลือฟ้าใสอยู่เสมอ ทั้งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน อย่างการช่วยถือของ ซื้อขนมมาฝากหรือแม้แต่ช่วยดูเรื่องความปลอดภัยตอนเธอกลับบ้านดึก ๆและบางครั้งก็รวมถึงเรื่องที่มหาวิทยาลัย ทำให้เธอกับเขายิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นโดยปริยายตามประสาคนที่บ้านอยู่ตรงข้ามกันส่วนขุนเขา...เขาก็ยังคงเป็นขุนเขาคนเดิม ไม่เคยถอดใจจากเป้าหมาย แม้จะไม่ได้ทุ่มเทเข้าหาฟ้าใสอย่างหนักหน่วงเหมือนช่วงแรกที่เจอกัน แต่ก็ยังคงหาโอกาสเข้ามาทักทาย ชวนคุยหรือทำตัวเป็นเพื่อนจอมกวนให้เธอได้เห็นหน้าอยู่เสมอส่งผลให้ฟ้าใสถูกเพื่อนสนิทในกลุ่มศิลปกรรมฯ แซวจนหูชาทั้งเรื่องพี่ชายข้างบ้านสุดอบอุ่นและเด็กวิศวะฯ จอมตื๊อหน้ามึนลึก ๆ แล้วฟ้าใสเองก็อดรู้สึกแปลก ๆ ก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status