เข้าสู่ระบบครืด ครืด...
พุฒิตาที่กำลังหลับใหลเฝ้าพระอินทร์อยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าพุงของเธอสั่นได้
อ้อ เธอหลับไปทั้งที่วางโทรศัพท์ไว้บนท้องนี่เอง แปลกจัง เธอนอนท่าเดิมตลอดทั้งคืนเลยหรือนี่
ว่าแต่ใครโทรมานะเวลานี้ เธอพยายามแหกขี้ตาดูเวลาที่นาฬิกาหัวเตียง พบว่าเพิ่งจะหกโมงเช้าเท่านั้น
“ฮัลโหล” เสียงของเธอแหบพร่าราวกับคนขาดน้ำที่อยู่ท่ามกลางทะเลทรายก็ไม่ปาน
[พี่เตย แย่แล้ว] เสียงของรุ่นน้องสาวที่เป็นพนักงานเสิร์ฟประจำโซนวีไอพีกระทบโสตประสาทที่กำลังมึนงงของเธอ
สายจาก ‘เฟยเฟย’ ที่โทรมาแต่เช้า พร้อมกับคำต้องห้ามอย่าง ‘พี่เตยแย่แล้ว’ สำหรับพวกเชื่อเรื่องดวงสุดใจอย่างเธอนั้น การได้ยินคำไม่ดีตั้งแต่ตื่นนอน ทำให้เธอเชื่อว่าทั้งวันนั้นจะเป็นวันไม่ดีอย่างแน่นอน
เจริญพรเถอะ ทำไมต้องเป็นคำนี้ด้วยนะ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอเฟย” หญิงสาวพรวดตัวขึ้นนั่ง ก่อนกระแอมสองสามครั้งเพื่อปรับน้ำเสียงให้เข้าที่
[เขาลือกันว่าท่านรองกับที่ปรึกษาท้องเสียเข้าโรงพยาบาลเมื่อคืนวันศุกร์ แล้วสาเหตุก็มาจากอาหารเป็นพิษเฉียบพลันอะพี่] เฟยเฟยเล่าด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย
“แล้วยังไงนะเฟย” ท่าไม่ดีเสียแล้ว สังหรณ์ไม่ดีตั้งแต่ตอนเตรียมหอย มันจะแม่นราวกับจับวางขนาดนี้ไม่ได้สิ
[ก็ท่านรองสงสัยว่าเป็นเพราะอาหารฟูลคอร์สที่เขากินเมื่อวันศุกร์ ตอนนี้กำลังหาสาเหตุค่ะ]
“แล้วยังไงต่อ” พุฒิตากลั้นใจถาม ทั้งที่พอเดาได้อยู่แล้ว
[แล้วเชฟกิ่งก็อ้างชื่อพี่ค่ะ]
“ว่าละ...ฉิบหายไหม”
[ใช่พี่ ฉิบหายวายป่วงแล้วเพราะเชฟกิ่งบอกว่าอาหารที่พี่ทำไม่สะอาด แล้วนางก็บอกอีกว่านางเตือนพี่แล้ว แต่พี่ยังดื้อด้านจะทำ]
“เฮ้ย ทำไมมันพลิกขาวเป็นดำแบบนี้ล่ะ”
[ยังไม่พอนะ นางลามไปถึงการควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบที่มาส่งด้วยพี่]
“จะบอกว่าพี่เป็นคนผิดเหรอ” หญิงสาวถามอย่างไม่อยากเชื่อหู
[หนูได้ยินมาว่าท่านรองเป็นคนสั่งเลขาฯ ให้ลงมาดูเรื่องนี้ด้วยตัวเอง มันเลยเร็วมาก เฟยว่าพี่รีบมาดีกว่าค่ะ] น้ำเสียงเฟยเฟยฟังดูเป็นห่วง ทั้งยังอุตส่าห์โทรมาแต่เช้าตรู่ พุฒิตารู้สึกอุ่นใจและขอบคุณอยู่ไม่น้อย
“โอเคงั้นพี่ไปเดี๋ยวนี้ ขอบคุณที่โทรบอกพี่นะ” วางสายจากรุ่นน้องเสร็จ อย่างแรกที่เธอทำคือเปิดเช็กดวงก่อนทันที
Card of the Day: The Tower – กะทันหัน ไม่คาดฝัน ได้รับข่าวสารที่ไม่ทันได้เตรียมใจ
“อื้อหือ แต่ละใบ ทั้งระบบมีแต่ใบโหด ๆ หรือไงนะ” เธอบ่นกับตัวเองเมื่อพบว่าวันนี้ก็ยังคงได้ไพ่ที่คุมโทนเดียวกันกับหลาย ๆ วันที่ผ่านมา ทว่าตอนนี้ไม่มีเวลาจะคิดอะไรแล้ว เธอรีบเอาตัวเองออกจากที่นอน วิ่งผ่านน้ำ แต่งตัวด้วยความไวแสง ก่อนเปลี่ยนวิธีเดินทางให้ไวขึ้นแม้จะเสี่ยงตาย ด้วยการกระโดดซ้อนท้ายพี่วินหน้าหอพัก ซิ่งไปยังห้องอาหารที่อยู่ภายในโรงแรมหรูทันที
...
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติหรืออย่างไรกันนะ ทุกครั้งที่มีผู้มาใหม่ ทุกคนในห้องถึงได้พร้อมใจกันหันขวับมาจับจ้องคนคนนั้น
เมื่อก้าวเข้ามายังส่วนในของครัว เธอพบว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว และดูเหมือนจะมีการสืบสวนสอบสวนเกิดขึ้น ทำราวกับเกิดคดีฆาตกรรมในห้องปิดตายก็ไม่ปาน
แน่นอนพุฒิตาได้รับเกียรติให้เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง
การทำกิจการห้องอาหารหรือร้านอาหาร สิ่งที่เป็นหัวใจหลักคือวัตถุดิบที่สะอาดและสดใหม่ ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นจึงถือว่าร้ายแรงเอาการ
พุฒิตาที่มาถึงเกือบจะเป็นคนสุดท้าย รู้ในทันทีว่าตนเองนั้นงานเข้าเสียแล้ว
“คุณพุฒิตาคะ รบกวนตามดิฉันไปที่ห้องประชุมครัวด้วยนะคะ” บงกช หรือบัว เลขาฯ ของท่านรองประธานออกคำสั่งเมื่อพบว่าผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่งมาถึงแล้ว
“ค่ะ” เธอตอบเพียงเท่านั้น แล้วจึงเดินตามหลังคุณบัวไป
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะเดินออกจากจุดนั้น เชฟอาวุโสอย่างกิ่งกาญจน์ทำทีจะเดินตามมาสมทบด้วย หากถูกห้ามไว้เสียก่อน
“ขอแค่คุณพุฒิตาคนเดียวค่ะ” บงกชกล่าวโดยไม่ไว้หน้าเชฟกิ่งเลยแม้แต่น้อย ทำให้อีกฝ่ายถึงกับกำมือแน่น ท่าทางโกรธหน้าดำหน้าแดงตัวสั่นเล็กน้อยเหมือนองค์จะลงไม่ลงแหล่
“คุณพุฒิตาคงทราบแล้วใช่ไหมคะ ว่าท่านรองประธานและท่านที่ปรึกษามีอาการอาหารเป็นพิษเฉียบพลัน” บงกชเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งคู่อยู่กันเพียงลำพัง
“ใช่ค่ะ และรู้ด้วยค่ะว่าสาเหตุมาจากอะไร” สุดท้ายสิ่งที่เธอกังวลก็เป็นจริงจนได้ เพราะบางคนแค่กินหอยนางรมสด ๆ เข้าไปยังอาหารเป็นพิษหรือไม่ก็ท้องเสีย แต่นี่เจอของใกล้จะเน่าไม่แปลกเลยที่อาการจะรุนแรงกว่าปกติ และระหว่างที่เดินทางมาจากหอพัก เธอตัดสินใจแล้วว่าอย่างไรเสียก็ต้องพูดความจริง
บงกชยืนมองซูเชฟสาวตรงหน้าที่กำลังยืนก้มหน้าเล็กน้อยแล้วเอานิ้วจิกปลายเล็บ ดูก็รู้ว่าคงจะเครียดและกังวลมากจึงถอนหายใจและปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง
“ที่พี่เรียกมาคุยเป็นการส่วนตัว เพราะมีคนบอกว่าเธอนำวัตถุดิบที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่สดไปประกอบอาหาร เรื่องเป็นมายังไงคะ เล่าให้พี่ฟังได้ไหม” เสียงของเลขาฯ ฟังดูนุ่มนวล ไม่ได้มีน้ำเสียงเชิงกล่าวตำหนิติเตียนแต่อย่างใด เธอเปลี่ยนสรรพนามให้ดูสนิทชิดเชื้อมากขึ้น เพื่อให้พุฒิตาลดอาการประหม่าลง
และนั่นก็ได้ผล เพราะพุฒิตาผ่อนคลายมากขึ้น เบาใจไปเปลาะหนึ่งว่าอย่างน้อยก็มีคนที่พร้อมจะรับฟังเรื่องราวทั้งหมด
เมื่อพุฒิตาเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้บงกชฟัง ใครเป็นคนออกแบบเมนูฟูลคอร์สที่อยู่นอกรายการ และเรื่องที่เธอได้ทักท้วงแล้ว แต่ว่าเลขาฯ สาวกลับให้ข้อมูลคนละทาง
“แต่ที่คุณกิ่งกาญจน์เล่ามานี่ตรงกันข้ามเลยนะ” บงกชบอกตรง ๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องด่วน และคนที่กระทำผิดจะต้องรับผิดชอบ
“ไม่จริงนะคะพี่บัว เตยไม่ได้โกหกนะ พี่ลองถามคนอื่นดูก็ได้ค่ะ” พุฒิตาเชื่อว่าจะต้องมีประจักษ์พยานอย่างน้อยหนึ่งหรือสองคน
“ถามแล้ว ไม่มีใครพูดอะไรเลย ทุกคนเอาแต่เงียบเหมือนไม่อยากยุ่งเรื่องนี้”
“แล้วเฟยเฟยล่ะคะ” เธอถามออกไปเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“เฟยเฟยบอกว่า เห็นแค่เชฟกิ่งยื่นลิสต์เมนูอาหารไปให้ แต่ไม่รู้ว่าเมนูมีอะไรบ้าง” บงกชสังเกตสีหน้าของหญิงสาวที่ครองตำแหน่งซูเชฟมาตั้งแต่อายุแค่ยี่สิบสองปี และทำต่อเนื่องมากว่าสามปีแล้ว ที่ผ่านมายังไม่เคยผิดพลาดแม้แต่น้อย พอผิดทีก็เล่นเสียเป็นเรื่องใหญ่โต
“เหรอคะ” เสียงพุฒิตาที่คราวแรกเบาอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเบาลงกว่าเดิมอีก เหมือนมีก้อนจุกอยู่ที่คอทำให้เธอไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้มากไปกว่านั้น
“มีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้บอก”
“เรื่องอะไรคะ” มันจะมีอะไรแย่ไปกว่าหอยเน่าอีกนะ
“พี่เพิ่งมีโอกาสทวนรายการอาหารและรายการทิ้งของสด เนื้อสัตว์ ผลไม้ ผัก ที่ตรวจรับมักเป็นของที่จวนเจียนจะเสียแล้วส่วนหนึ่ง ทำให้มีขยะสดมากกว่าปกติในช่วงสี่ห้าเดือนที่ผ่านมา”
หน้าของพุฒิตาซีดลงทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่บงกชกำลังบอก
เพราะเจ้าโรคระบาดที่เปลี่ยนวิถีชีวิตของคนทั้งโลก รวมถึงเธอด้วย รายได้เริ่มหดหาย จากที่เคยเทรดหุ้นเทรดสกุลเงินดิจิทัลได้ พักหลังมีแต่เสียกับเสีย ใด ๆ คือจะโทษอะไรไม่ได้เลยนอกจากตัวเอง ถ้าเธอไม่โลภ หวังโตเร็วมีตำแหน่งสูงแบบที่เชฟกิ่งยื่นข้อเสนอให้ ก็คงไม่ต้องคอยมาดูแลวัตถุดิบแทน และเรื่องแบบนี้ก็คงไม่ผ่านมาในชีวิตให้ปวดหัว
“รู้ใช่ไหมเขาสงสัยอะไรกัน” บงกชถามคนตรงหน้าที่ตอนนี้หน้าซีดหนักกว่าเดิม
“ค่ะ” รู้สิ ทุกคนคงคิดว่าเธอเป็นคนสั่งของ ซึ่งอาจจะฮั้วกับคนขายหรืออะไรก็ช่าง แต่ผลลัพธ์คือเธอโกง
“เราได้ทำหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ เตยไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ โรงแรมนี้ดีกับเตยมาก อดีตท่านประธานและท่านรองประธานก็เมตตาเตย จะให้เตยทำแบบนั้นได้ยังไง” เธอปฏิเสธทันที เพราะทุกคนที่กล่าวมาล้วนมีบุญคุณกับเธอทั้งนั้น แล้วจะให้เธอทรยศคนเหล่านี้ลงได้อย่างไร
“เฮ้อ...เดี๋ยวบ่ายนี้ไปเยี่ยมบอสกับท่านที่ปรึกษาที่โรงพยาบาลแล้วกัน”
พุฒิตาเงยหน้ามองเลขาฯ สาวตรงหน้าพร้อมทำตาละห้อยแล้วถามด้วยเสียงอ่อย ๆ
“หนูต้องไปด้วยเหรอคะ”
“ควรค่ะ หรือจะปล่อยเบลอ”
เธอไม่ได้ตอบแต่ส่ายหน้า จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาแคะเล็บต่อ บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเจ้าตัวกำลังกังวลและประหม่ามาก
...
“ถ้าอย่างนั้นเตยขอลากลับก่อนจะได้ไหมคะ กลัวจะจัดของไม่ทันค่ะ” ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร เธอก็ต้องรีบลากลับบ้านเสียแล้ว“เอาเถอะ ไว้พรุ่งนี้หรือวันหลังแม่แวะไปหาที่บ้านเจ้าเชนแล้วกันนะ” คุณนายสุพรรณีรู้สึกเสียดาย ยังไม่ทันได้ศึกษาอุปนิสัยของว่าที่ลูกสะใภ้เลย ก็ต้องส่งเธอให้กับเจ้าลูกชายสุดแสบเสียแล้ว ความรู้สึกนี้มันช่างเหมือนตอนที่กำลังจะส่งชิฌาเข้าเรือนหอเลยไม่ผิดเพี้ยนร่ำลากันเสร็จ พุฒิตารีบเดินทางกลับห้องพักพร้อมเจ้าหมูตุ๋น และห้องน้ำแมวอันใหม่ที่เพิ่งจะได้มา ทำการเก็บข้าวของลงกล่องและกระเป๋าเดินทางในแบบฉบับที่คิดว่าหยิบอะไรได้ก็ยัด ๆ ไปก่อนเมื่อแพ็กของตัวเองเรียบร้อย เธอจึงหันไปจัดแจงเก็บของใช้ของเจ้าหมูตุ๋น ไม่ว่าจะเป็นกระบะทราย ที่นอนแมว และของเล่นสารพัดอย่างที่กระจัดกระจายอยู่ทุกมุมห้องทุกอย่างดูเหมือนจะเสร็จสิ้น เหลือบไปดูเวลาก็พบว่าขณะนี้ล่วงเลยไปจนห้าทุ่มแล้วนี่เธอยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เช้า! ว่าแล้วก็คุ้ยหาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กดน้ำร้อนใส่รอประมาณสามนาทีแล้วก็นั่งซดไปพลางเปิดแชตพิมพ์หากลุ่มเพื่อน ๆ ไปพลางToei: นอนแล้วยังสาว~Wann: ยางงงงงToei: ทำไรอะหวาน ดึกมว้ากWa
ชิฌาขับตามทางเข้าไปจอดภายในโรงจอดรถ จากนั้นหันมาแซวหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังนิดหน่อย“เป็นยังไง เห็นบ้านแล้วลมแทบจับเลยไหม”ใช่…ลมแทบจับ หวังว่าบ้านของคุณเชนอะไรนั่นจะไม่ใหญ่เท่านี้หรอกนะตอนที่ขับผ่านเพียงหน้าบ้านก็เล่นเอาเธอคิดสะระตะว่า ถ้าต้องทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้คนเดียว มีหวังเธอคงตายคาที่แน่นอน“เดี๋ยวเราเข้าไปคุยรายละเอียดกันในบ้านดีกว่า” ชิฌาเสนอ เพราะทุกคนต่างนั่งรถเดินทางกันมาเหนื่อยๆ ถึงระยะทางไม่ไกล แต่การจราจรที่ติดขัดเกินไปก็สร้างความเมื่อยล้าให้กับผู้โดยสารได้เช่นกันเมื่อเข้าไปภายใน พุฒิตาวางตะกร้าเจ้าหมูตุ๋นลงข้าง ๆ เพราะระยะทางระหว่างโรงจอดรถกับตัวบ้านก็ใช่ว่าจะใกล้ ๆ แบกมานาน ๆ เล่นเอากล้ามแขนแทบขึ้นเช่นกันจากนั้นเธอก็ก้มลงถอดรองเท้าแล้วนำไปวางบนชั้นที่จัดไว้สำหรับแขกผู้มาเยี่ยมเยือน“แมวชื่ออะไรเหรอจ๊ะ” คุณนายสุพรรณีถามขึ้น“หมูตุ๋นค่ะ”“มันไม่อึดอัดเหรออยู่แต่ในกรง ไหนจะต้องกินน้ำ ขับถ่ายอีก” จะว่าไปตัวมันก็ดูเนียนน่าสัมผัสพิกล“ไม่หรอกค่ะ มันชินแล้ว” เมื่อก่อนเธอเคยหิ้วมันไปด้วยทุกที่ แต่นั่นก็ค่อนข้างนานมาแล้วเหมือนกัน“ถ้าน้องไม่ข่วนข้าวของ ไม่เข้าห้อ
Toei: โอ๋ยยย เอาดี ๆ ชมอยู่LadyGecko: บอกแล้ว ฉันแม่น ฉันเก่ง ฉันสวย และรวยมว้ากToei: ไหนบอกมีหนี้เยอะLadyGecko: นังลูกจกตกอับ เคยได้ยินคำนี้ไหม ‘รวยหนี้’ นั่นแหละแม่เลยLadyGecko เพิ่มคุณเป็นเพื่อนToei: ไหนบอกจะเพิ่มเพื่อนต้องเสียเงินไงLadyGecko: ยกให้เป็นกรณีพิเศษ ไว้ลับฝีปาก แต่ถ้าจะดูดวงจ่ายเงินนะบอกก่อนToei: ลับฝีปากอะไรก๊อน ลูกจกออกจะเรียบร้อยดุจผ้ายับที่พับไว้ แต่เดี๋ยวแชร์ให้ค่าLadyGecko: ดีมาก แล้วอย่าลืมไปตามหาญาติด้วยนะ เผื่อมีญาติเหลืออยู่Toei: ตอนนู้นเจ้าหน้าที่เหมือนเคยตาม แล้วบอกว่าประสานงานติดต่อไม่ได้LadyGecko: บางทีเขาอาจจะตกหล่น ถ้าไม่เขาตกหล่น ก็ฉันมั่ว แค่นั้น จะเสียหายอะไรToei: โอเคร ขอบคุณมัก ๆ แม่จก ไว้ลูกจกจะเอาธูปเทียนและพานดอกไม้ไปกราบไหว้LadyGecko: เปลี่ยนจากธูปเทียน พานดอกไม้ เป็นพวงมาลัยเงินทองแล้วกันนะToei: งก!LadyGecko: ยอมรับ ฉันไปก่อน ง่วงจะนอนหลังจากได้แชร์ความสุขกับใครสักคนแล้ว พุฒิตามุ่งตรงกลับไปยังหอพักของตัวเอง และเริ่มลงมือเก็บข้าวของอย่างจริงจังสิ่งหนึ่งที่เธอกังวลมากคือ เจ้าหมูตุ๋นแมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างจะติดที่ เธอเคยอ่านเจอ บ
เดี๋ยวนะ...ผู้ชายฟรี แล้วเชนไหน ไม่ใช่เชนเดียวกันใช่ไหม พุฒิตาหวั่นใจแต่ไม่กล้าถาม ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้เงินก้อนมาใช้หนี้ เธอปลอบใจตัวเองว่าชื่อนี้คงโหลมากกว่า“ถ้าอย่างนั้นก็ขอผ่อนเดือนละแปดหมื่นห้าพันบาทค่ะคุณป้า ประมาณสองปีครึ่งน่าจะหมดค่ะ” พุฒิตาคำนวณหนี้สินในหัวอย่างรวดเร็ว ทางออกอยู่ตรงหน้า ต่อให้นอนในรูหนู เธอกับตุ๋นตุ๋นต้องผ่านมันไปให้ได้ อย่างมากก็แค่สามปีเท่านั้น ไม่นับว่านานเลย“โอเค แล้วนี่พร้อมเริ่มงานเมื่อไรดี ป้าจะได้โทรบอกลูกชายของป้า” คุณนายสุพรรณีดีใจจนเนื้อเต้น อยากจะจับหนูเตยคนนี้ไปส่งให้ถึงมือลูกชายเธอเสียวันพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ เธอเชื่อว่าลูกชายจอมซนของเธอต้องไม่ปล่อยหนูเตยที่แสนจะน่ารักไปอย่างแน่นอน“จะว่าไปก็เริ่มได้เลยค่ะคุณป้า ว่าแต่ที่ทำงานเลี้ยงแมวได้ไหม เตยมีแมวหนึ่งตัว แต่มันเรียบร้อยมากค่ะ” เรื่องเรียบร้อยหรือไม่ เอาไว้ไปตายเอาดาบหน้าแล้วกันนังเตย ตอนนี้ขอให้มีงานทำก่อน ตอนนี้ต้องรอด ท่องไว้ต้องรอด!“งั้นดีเลย เดี๋ยวป้าให้คนไปช่วยขนของมาเลยดีไหม เริ่มงานพรุ่งนี้เลยเป็นไง” คุณนายสุพรรณีไม่ตอบเรื่องแมว เพราะเธอรู้ดีว่าหากนำเจ้าแมวเข้าบ้านแล้วจะเกิดอะไรขึ
“เดี๋ยวก่อนสิแม่...อยู่ ๆ จะเดินไปบอกให้เตยมาแต่งงานกับลูกชายของแม่มันจะละครไปหน่อยไหมคะ แล้วอีกอย่างเรายังไม่รู้พื้นเพของเตยดีพอเลยนะคะ” ชิฌารีบหยุดแม่ของตน ใจคอจะไม่ไตร่ตรองศึกษานิสัยใจคอกันดูก่อนสักหน่อยรึยังไงนะ“ใจเย็น ๆ อาณี สองคนนี้เขามีดวงที่เสริมเกื้อหนุนกัน แต่ดูท่าช่วงนี้อาจจะมีปัญหากัน อย่างไรเสียตอนนี้เราก็หาทางให้เขาได้รู้จักคุ้นเคยกันก่อน เรื่องแต่งงานค่อยว่ากันหลังจากนี้ก็ไม่สาย” ซินแสสำทับอีกแรง“แล้วไหนซินแสบอกว่าตาเชนต้องแต่งภายในสองปีนี้ล่ะคะ” เธอรีบท้วง เพราะเกรงว่าลูกชายตนจะเป็นคนไร้คู่ และไม่มีทายาทสืบทอดให้“อั๊วว่าลื้อก็แก่แล้วนะ ทำเป็นใจร้อนเป็นวัยรุ่นไปได้”“ใช่ค่ะแม่ ตอนนี้เรามาหาทางช่วยน้องเตยเรื่องเงินก่อนดีไหมคะ” ชิฌาเสนอขึ้น เพราะตอนนี้ปัญหาใหญ่ของนางแบบสาวในสังกัดเธอคือเรื่องเงิน ไม่ใช่เรื่องคู่ครอง“จริงด้วย งั้นแม่ให้เตยเขาไปเลยดีไหม เท่าไรนะ สามล้านหรือเปล่า” เธอหันไปถามบุตรสาวที่นั่งข้าง ๆ“สองล้านแม่...มันก็ได้อยู่หรอกค่ะ แต่หนูว่าเตยเขาคงไม่รับมาฟรี ๆ แน่นอน”“นั่นสิ มันดูจะเป็นนิยายเกินไป อยู่ ๆ ก็มีคนเอาเงินมาให้ตั้งสองสามล้าน เดี๋ยวแม่ขอคิดก่อ
“ช่วงนี้รู้สึกว่าดวงตก มีการใส่ร้าย โยนความผิดด้วยใช่ไหม” ซินแสเมิ่งเปิดประเด็น“ใช่ค่ะ” ทันทีที่ตอบออกไป คุณนายสุพรรณีที่นั่งอยู่อีกข้างกระถดตัวเข้ามาใกล้ และทำคอยื่นยาวเพื่อส่องดูกระดาษที่ซินแสเขียน“ลื้ออยู่เฉย ๆ เลยอาณี หดคอกลับไป ขออั๊วคุยกับหนูเตยก่อน” คอยืดยาวประหนึ่งยีราฟค่อย ๆ หดกลับเข้าที่พร้อมสีหน้าสลดราวกับเด็ก ๆ ทำผิดแล้วถูกจับได้ดีแค่ไหน...ซินแสเพียงปรามด้วยคำพูด ไม่ช่วยดันศีรษะกลับเข้าที่ให้ได้เขินอายไปมากกว่านี้ภาพตรงหน้าทำให้ชิฌาถึงกับส่ายหัว ความชอบกินเผือกเสพดราม่าของอดีตนางเอกเบอร์ต้นระดับประเทศอย่างแม่ของตนช่างไม่มีใครเกินจริง ๆพุฒิตาเองก็ตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนรู้สึกเข้าใจหัวอกคุณแม่เจ้านายเป็นอย่างดี ตอนหมอดูทำนายดวงให้เพื่อน สภาพคอเธอก็เป็นอย่างนี้ไม่ผิดเพี้ยนซินแสเมิ่งเริ่มสนทนาถามไถ่ถึงปัญหาของพุฒิตา เธอจึงเล่าเหตุการณ์นับตั้งแต่วันที่บุพการีเสียชีวิต กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการพาพุฒิตาไปอาศัยยังบ้านเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง เธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อยู่อาศัยที่นั่นพร้อมเรียนหนังสือจนกระทั่งจบมัธยมปลายพอได้วุฒิม.หกในขณะอายุสิบเจ็ดปี เธอก็กลับมาสมัครงานเป็นพนักง







