INICIAR SESIÓNห้องแต่งตัวที่ต่อจากห้องนอนใหญ่ เมื่อก่อนเคยแบ่งครึ่งจัดเป็นระเบียบ แยกสีเสื้อผ้าแยกเสื้อและกางเกง รีดเรียบทุกตัวถุงเท้าจับเข้าคู่กันเอาไว้ให้หยิบใช้สะดวก จากที่เคยแยกเป็นสองฝั่งตอนนี้เหลือพื้นที่ว่างครึ่งหนึ่งกับเสื้อผ้าของเขา
โต๊ะทำงานของเธอถูกลากออกไปแล้ว พร้อมกับคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าจอตัวใหญ่ เหลือพื้นที่ในห้องกว้างขึ้นอีกเยอะ มองดูแล้วโล่งตาขึ้นไปอีก
เธอเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์ เขียนตั้งแต่สมัยคุณป้าเสียชีวิตใหม่ ๆ จนตอนนี้ก็ยังยึดอาชีพนี้หลังเรียนจบ และไม่เคยพึ่งพาเงินมรดกของคุณป้ารวมทั้งเงินของเขาด้วย ยกเว้นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับในคอนโดที่ใช้ร่วมกัน เธอใช้บัตรเครดิตของเขารูดทุกครั้งโดยไม่คิดอะไร
มือของเธอที่มีบัตรเครดิตสีดำที่เขาเคยให้หลังได้คบกันเป็นแฟนครั้งแรก ผ่านมาหลายปีมันก็ยังใช้ไปไม่กี่บาทด้วยซ้ำ ดีที่เป็นคนรอบคอบจดไว้ทุกบาททุกสตางค์ เธอจะคืนให้เขาจนหมด
ยกเว้นความรักที่ยังคืนให้ไม่ไหว
มือเรียวสวยวางบัตรเครดิตลงที่โต๊ะหัวเตียงในห้องเขา จัดการทำความสะอาดให้เขาเรียบร้อยแล้ว และเดินออกไป
ร่างที่หมดเรี่ยวแรงทรุดลงกับพื้นกอดเข่าอยู่ตรงมุมห้องปล่อยให้น้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมาเรื่อย ๆ จนหลับไปทั้งอย่างนั้นโดยไม่รู้เรื่องอะไร
วันถัดมาตื่นขึ้นในห้องที่ไม่ใช่ห้องที่เคยนอนร่วมกับเขาเป็นครั้งแรก เธอไม่ชินสักนิดเตียงนอนที่ไม่ได้นอนทั้งคืนเหม่อมองไปไม่เห็นร่างที่นอนบนเตียงเดียวกันพลันความเหงาเริ่มกัดกินใจ
ภาพตะวันที่แสนสดใสบัดนี้ไม่ฉายแสงมาถึงดาวพลูโตดวงน้อยดวงนี้อีกแล้ว เธอถูกตัดออกจากใจเขา แต่เขาไม่เคยออกจากใจเธอเลย ได้แต่คิดว่ามันยังเร็วเกินไปเธอคงไม่ชินและให้เวลาเยียวยาจิตใจ
หลังจากอาบน้ำล้างหน้าและกินยาแก้ปวดหัวแล้ว จึงเข้ามาทำความสะอาดในบ้านให้เรียบร้อย เธอล้างจานที่กินเหลือไว้เมื่อคืน เปิดห้องที่คิดว่าเขาคงกลับมาแต่กลับพบว่าด้านในมีแค่ห้องที่ว่างเปล่าไม่แพ้หัวใจแสนว่างเปล่า ปราศจากเธอในชีวิตของเขาด้วย
“ยังหวังได้อีกเหรอดาว” เธอพูดกับตัวเองและปิดห้องของเขาไปเช่นเดิม กลับเข้าไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานแต่กลับทำงานไม่ได้ น้ำตามันไหลอีกแล้ว ความคิดถึงมันทรมานอย่างนี้เองเหรอ
เธอนั่งมองหน้าจอที่กำลังเขียนนิยายเรื่องใหม่ แต่ทว่าในหัวว่างเปล่าจนต้องเปลี่ยนชื่อเรื่องใหม่เป็น...
รักรอวันจางของดาวพลูโต...
เสียงต๊อกแต๊กของแป้นพิมพ์คู่ใจดังขึ้นอีกครั้ง และเนื้อหาถูกเปลี่ยนจากนิยายรักหวานซึ้งกินใจ เป็นนิยายชีวิตดรามาในทันที...
เวลาเที่ยงคืนเธอได้ยินเสียงเปิดประตูและคนเดินเข้ามาในห้อง หัวใจเธอเต้นแรงอีกครั้ง แค่ได้ยินเสียงและรู้ว่ามีเขาอยู่ใกล้ ๆ เธอก็มีความสุขแล้ว รอยยิ้มที่เหือดแห้งของผกายดาวผลิแย้มออก จากนั้นเดินไปหน้ากระจกตบแป้งแต่งหน้าทาปากกลบเกลื่อนร่องรอยความเสียใจ และกำลังคิดว่าจะออกไปทำอะไรดี เพราะสถานะตอนนี้เขาให้ไว้แค่ คนเคยคุ้น จึงทำได้แค่ดูอยู่ห่าง ๆ พลันเหลือบไปเห็นแก้วน้ำใบหนึ่งที่วางตั้งไว้ มันไม่เหลือน้ำแล้ว จึงคิดว่าออกไปเอาน้ำก็แล้วกัน
เสียงเปิดประตูของเธอดังออกมา พร้อมกับเขาเดินสวนกลับเข้าห้อง ในใจดาวดวงน้อยดวงนี้ห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที
‘ขนาดเห็นหน้าเขาก็ไม่อยากเห็นงั้นเหรอ’
!_!
ใจร้ายไปแล้ว!
ร่างสวยเดินหงอยเหงาไปกดน้ำในครัว จนเต็มแก้วแล้วเดินเข้าห้องนอนไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจ และจดจำเอาไว้ว่าเขาไม่อยากเห็นหน้าเธอ จึงทำได้แค่อยู่เงียบ ๆ ในที่ของตนเองมองเขาอยู่ห่าง ๆ แอบมองรถของเขาขับออกไปทำงานทุกวัน คอยเกาะผนังราวกับตุ๊กแกยามเขาอยู่ในห้อง แต่ไม่เคยพูดคุยกันตั้งแต่วันนั้น...
วันอาทิตย์เป็นวันที่ผกายดาวมาเยี่ยมคุณแม่เพลินฤดี และคุณพ่อชิงพลบ ซึ่งเป็นบิดามารดาของเขา เธอยังทำอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยน
เพราะรู้ว่าคุณแม่จะเหงาเวลาลูกชายและคุณพ่อออกไปทำงาน ดังนั้นเธอจึงมาอ่านหนังสือให้คุณแม่ฟังเพราะสายตาคุณแม่ยาวอ่านหนังสือได้ไม่เหมือนเก่าแล้ว “สวัสดีค่ะแม่เพลิน อยู่คนเดียวเหรอคะ” ผกายดาวทักทายเช่นเดิม ต่อให้ลูกชายของคุณแม่จะจบสถานะคนรักกันไปแล้ว แต่สำหรับคุณเพลินฤดีเป็นผู้ใหญ่ที่เธอเคารพรักมากอีกคนหนึ่ง ดังนั้นไม่เกี่ยวกับที่เธอเลิกกับเขา
“คุณพ่อเขาไปตีกอล์ฟ ส่วนพี่ภาพนอนอยู่ข้างบน” คำว่าพี่ภาพนอนอยู่ข้างบนทำให้เธอหัวใจถูกบีบรัดจนแน่นหน้าอกอีกแล้ว ‘เขากลับห้องเฉพาะแต่งตัวไปทำงาน แต่กลับมานอนบ้าน เขาตั้งใจหลบหน้าเธอสินะ’
ผกายดาวยิ้มเจื่อน ก่อนหยิบผลไม้ที่ซื้อมาฝากคุณเพลินฤดีออกมานั่งปอกเหมือนทุกครั้งที่มาหา
“วันนี้มีแคนตาลูป ฝรั่ง และสับปะรด ดาวปอกให้นะคะ” ก่อนอ่านหนังสือที่สวนหลังบ้านเธอต้องทำของว่างให้คุณเพลินฤดีได้ทานขณะฟังเธออ่านหนังสือ
“ดาวมีปัญหากันเหรอลูก” เพลินฤดีถามว่าที่ลูกสะใภ้ที่แพลนแต่งงานกันเอาไว้แล้ว เหลือเพียงกำหนดวันเท่านั้น
น้ำตาของผกายดาวรินรดหลังมือ เธอก้มหน้าไม่กล้าเงยหน้ามาตอบ มันตีบตันในลำคอ ความหวังอยากสร้างครอบครัวกับเขามันจบลงแล้ว
“ภาพบอกว่าเลิกกันแล้ว”
เธอพยักหน้าทั้งน้ำตา พูดไม่ออกว่าปัญหามาจากอะไร เธอไม่รู้ด้วยซ้ำทำพลาดตรงไหน เธอดูแลเขาดีมาก อยากเห็นเขาแข็งแรง ทำอาหารอร่อย ๆ อยากเห็นเขายิ้ม แต่เขาไม่อยากเห็นเธอ
เพลินฤดีกอดสาวน้อยน่ารัก ที่วันนี้ยังน่ารักเสมอไม่เปลี่ยนแปลง เธอค่อนข้างตกใจว่าอยู่ ๆ ลูกชายคนเดียวของเธอบอกว่าเลิกกับแฟนสาวแล้ว ไม่ต้องพูดถึงอีก
“ไม่ต้องปอกแล้ว ให้เด็กทำ ไปนั่งคุยกับแม่เถอะ” เพลินฤดีเห็นใจผกายดาวมาก เธอไม่ได้รังเกียจสาวน้อยตรงหน้าที่ไม่มีญาติมิตร ไม่ได้เป็นคนดังในสังคม แต่เด็กคนนี้เก่งมาก เพราะเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าหนังสือนิยายที่อ่านอยู่ทุกวันส่วนใหญ่เป็นนามปากกาของว่าที่ลูกสะใภ้
ถ้อยคำสละสลวย บอกเล่าเรื่องราวออกมาได้น่าติดตามสอดแทรกข้อคิดและธรรมชาติของคนในสังคม ทำให้เธอเป็นแฟนคลับของลูกสะใภ้ และขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเราสองแม่ลูก
“ทะเลาะกันเหรอลูก” เพลินฤดีรอให้ผกายดาวสงบลงก่อนจะถามถึงเรื่องราวบาดหมางกัน
“ไม่ได้ทะเลาะค่ะ พี่ภาพเขารู้สึกว่าอิ่มตัวจนไม่รู้สึกรักดาวในฐานะคนรักแล้ว เขาเบื่อ เขาไม่อยากแต่งงานกับดาวอีกแล้วค่ะ”
ตอนแรกคิดว่าห่างกันเล็กน้อยจะทำให้เรามีพื้นที่ทบทวนกันและกัน แต่เมื่อห่างกันแล้วเธอเหมือนถูกเขาเหวี่ยงออกจากวงโคจรไปอย่างสิ้นเชิง
“โถ...ไม่เป็นไรนะ เขาไม่รักแล้วแม่ยังรักหนูเหมือนเดิมนะ หนูดาวยังเป็นลูกสาวแม่ไม่เปลี่ยน ต่อให้คนอื่นเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม” เพลินฤดีเข้าใจ ความรักที่ฉาบฉวยวันหนึ่งย่อมต้องจืดจางลงไป รักมากกว่าย่อมเจ็บกว่า
“ขอบคุณค่ะคุณแม่ แต่หนูคงค่อย ๆ ห่างไปเองนะคะ เพราะตั้งแต่วันที่คุยกันเขาไม่อยากเห็นแม้แต่เงา วันนี้เดี๋ยวต้องกลับก่อนเพราะหากพี่เขาลงมาเจอจะหงุดหงิด”
“โถ...ลูกเอ้ย!” เพลินฤดีสงสารผกายดาวจนร้องไห้ออกมา นึกอยากตีเจ้าลูกชายนัก ไม่รักน้องแล้วยังทำน้องเสียใจอีก คอยดูเถอะวันหนึ่งมันต้องกินข้าวคลุกน้ำตา
ทุกคำที่ผกายดาวพูด เขายืนอยู่หลังห้องชั้นสองได้ยินทุกคำ ในใจรู้สึกเจ็บนิด ๆ แต่ว่าความรู้สึกของเขามันสั่งได้ที่ไหนกัน
คนมันไม่รักคือไม่รัก...
ผกายดาวอาบน้ำเสร็จแล้วนุ่งผ้าขนหนูผืนใหญ่ออกมาจากห้องน้ำเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวที่เป็นส่วนติดกัน แต่ทว่า... “ว้าย...พี่ภาพทำอะไรคะ” “ก็จะทำน้องให้น้องดินยังไงเล่า” ผกายดาวไม่คิดว่าเขาเอาจริง มองไปที่นอนลูกตอนนี้ไม่มีผ้าห่มกับหมีเน่า คิดว่าน่าจะไปนอนกับคุณย่าอีกตามเคย “ไม่เอาค่ะ วันนี้เมื่อย” ผกายดาวกว่าจะปิดต้นฉบับได้หลังขนหลังแข็ง ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนตรวจต่อไป ก่อนจะขายงานออกสู่สายตานักอ่านตามลำดับ “พี่นวดให้ รับรองว่าหายเมื่อยและสบายตัวเป็นปลิดทิ้ง” คนเป็นสามีอุ้มตัวเมียตัวเล็กขึ้นไปวางบนเตียงรั้งผ้าขนหนูออกจากนั้น ถอดกางเกงตัวเดียวที่นุ่งเอาไว้ทิ้งไป โดยที่ยังเปิดไฟโล่งโจ่งจนคนหน้าบางอย่างผกายดาวต้องทักท้วง “ไม่ปิดไฟเหรอคะ” “อยากเห็นดาวชัด ๆ” “ชัดกับผีน่ะสิ เขาก็เคยดูมาตลอด ตอนนี้มีลูกโตแล้วยังจะทำเหมือนวัยรุ่นจอมหื่นเสียอีก” “ดาวยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” เขาเริ่มเล้าโลมด้วยคำพูด พร้อมสัมผัสด้วยมือนุ่มของตัวเองที่ภรรยาจับทาครีมทุกวันจนทำให้อีกร่างเริ่มสยิว สังเกตจากไรขนอ่อนลุกชันตามตัว
บ้านสีขาวหลังใหญ่และหลังเล็กสองหลังสไตล์คิมูจิที่ตั้งอยู่บนที่ดินผืนงามแถบชานเมืองที่อากาศยังบริสุทธิ์ไม่เต็มไปด้วยควันรถ เป็นบ้านของผกายดาวและภาพตะวันที่อยากทำให้ครอบครัวอบอุ่นโดยคุณแม่ที่ไม่อยากไปแทรกกลางขอปลูกบ้านอีกหลังแต่ติดกัน ให้พวกเขาได้มีเวลาเป็นส่วนตัว เด็กชายตัวอ้วนเจ้าของฉายาเจ้าปักเป้าน้อยที่มีแก้มอ้วนเหมือนเจ้าปลาเดินปากแถบจะติดกับจมูกลงมาจากรถตู้ของผู้เป็นพ่อที่ไปรับเจ้าตัวแสบทุกวัน ผกายดาวเดินออกมาด้วยชุดเดรสดอกเดซี่สายเดี่ยวเข้ารูปต้อนรับการกลับมาของพ่อและลูก โดยที่เอวคาดด้วยผ้ากันเปื้อนเพราะเพิ่งทำอาหารเสร็จ “เป็นอะไรไปครับคนเก่งของแม่ใครขัดใจน้า...” ผกายดาวนั่งยอง ๆ ให้เจ้าอ้วนจุ๊บแก้มเหมือนปกติที่กลับจากโรงเรียน ตอนนี้เขาขึ้นอนุบาลสองแล้ว ที่เสื้อปักดาวสองดวงที่อก โดยที่หูกระต่ายของเขาที่เป็นยูนิฟอร์มของโรงเรียนนานาชาติ ถูกดึงถือเอาไว้ในมือ คงจะร้อนเพราะอากาศประเทศไทยช่วงนี้ที่เป็นฤดูฝนที่มีอากาศร้อนอบอ้าว “พ่อน่ะฉิ” เจ้าแก้มปักเป้าหันไปค้อนพ่อแล้วตั้งอกตั้งใจฟ้องแม่ โดยที่คนเป็นพ่อถือถุงชอปปิงตามที่ภรรยาสั่งทุกอย่าง และมีขนมเค้ก
พักฟื้นอยู่โรงพยาบาลอีกสามวัน หมอก็อนุญาตให้กลับบ้าน แต่คราวนี้เหมือนมีลูกสองคน ป้านุ่มหลังจากทำงานเสร็จก็ทิ้งให้ดาวอยู่กับพี่ภาพและน้องดินไม่เข้ามากวน ไม่รู้ว่าวางแผนกันไว้หรือเปล่า คุณแม่ก็ขยันออกไปชอปปิงทุกวัน จนเธอเริ่มเบื่อหน้าเขาแล้ว ข้าวสองจานอยู่ตรงหน้า โดยมีข้าวของน้องดินใส่ถ้วยเอาไว้ และข้าวของคนป่วยที่ตัวติดกับเธอไม่ยอมให้ขยับไปไหน ป้อนลูกคำหนึ่งก็ป้อนพ่อคำหนึ่งสลับกันไปมา ราวกับคนป่วยยกแขนไม่ขึ้น “อิ่มหรือยังคะ ลูกกินหมดแล้ว” ผกายดาวไม่รู้ว่าคิดผิดไหมที่กลับไปรีเทิร์นกับเขา รู้สึกเหมือนหาภาระมาใส่ตัวอย่างไรไม่รู้ “อิ่มข้าวหิวอย่างอื่น” “หิวอะไรคะ เดี๋ยวเอาลูกนอนกลางวันก่อนนะ จะทำให้” ผกายดาวเห็นเจ้าตัวแสบกินไปจะหลับไป เพราะพ่อชวนเล่นขับรถที่ซื้อมาเป็นของขวัญวิ่งรอบห้อง จนทำให้รู้ว่าต้องรีบสร้างบ้านแล้ว เดี๋ยวลูกจะไม่มีที่วิ่งเล่น “เอาลูกนอนแล้วก็มาเอาพ่อมันด้วยนะครับ” เธอค้อนตาเขียว นับวันชักจะเยอะกว่าเมื่อก่อนที่กว่าจะกินกันสักทีต้องนัดแล้วนัดอีก เพราะเขานั้นขี้อายไม่พองานยังยุ่งอีกต่างหาก เหมือนกับเธอเช่นกัน “ทะลึ่งลู
ผ่านไปสิบวันแล้ว ตอนนี้ภาพตะวันถูกย้ายมายังห้องพักผู้ป่วยปกติ แต่ทว่าอาการที่ไม่ปกติคือไม่ยอมฟื้นสักทีจนคนรอร้อนใจแล้ว คุณหมอบอกว่าได้แต่รอคนไข้เท่านั้น อยากจะฟื้นหรือไม่ ผกายดาวสลับกันมาเฝ้ากับคุณแม่ โดยมีป้าแจ๋วมาคอยดูคุณแม่อีกทีในตอนกลางวัน เพราะเพิ่งจะหายป่วยและต้องกินยาต่อเนื่องห้ามลืมจึงต้องมีคนคอยกำชับ “ดาวพรุ่งนี้แม่ไปทำบุญที่วัดนะลูก จะกลับมาตอนสาย ๆ” เพลินฤดีบอกกับผกายดาวเพราะตอนกลางวันเป็นเวรของคุณแม่ และตอนกลางคืนเป็นของผกายดาว “ได้ค่ะไม่มีปัญหา ดาวจะเฝ้าพี่ภาพจนกว่าคุณแม่จะมา” “อย่าลืมพักผ่อนนะลูก พี่เขาตื่นมาเห็นหนูหน้าตาไม่สดใสคงเสียใจ “ค่ะ” ผกายดาวรับคำ แต่เธอนอนไม่หลับหวาดกลัวว่าตื่นมาจะไม่เจอเขา กลัวเขาเป็นอะไรไป แม้จะมีพี่หมอเขมกับพี่หมอณัฐสลับกันมาเยี่ยมและอยู่เป็นเพื่อนคุยบ้าง แต่เธอก็ยังไม่คลายกังวลใจ เมื่อคุณแม่ออกไปแล้ว น้องดินที่อยู่กับเธอด้วย เริ่มปีนขึ้นมาบนเตียงนอนของคนเป็นพ่อ ทั้งกอดเอาไว้เรียกเขา “ตื่นป้อ...ตื่นมาเย่นกับดิน” เสียงเล็ก ๆ เขย่าเรียกคนเป็นพ่อทำให้ผกายดาวต้องอุ้มลงกลัวจะไ
ผกายดาวให้เลือดกับภาพตะวันไปสองถุง แม้คุณหมอจะบอกว่าพอแล้วแต่เธอคิดว่าแข็งแรงพอ เอาเลือดเธอไปให้เขาเยอะ ๆ ความเป็นความตายอยู่แค่เอื้อม เธอไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาดอีก เพราะที่ผ่านมาเขาตัดสินใจพลาดไปหนหนึ่งแล้ว แต่เธอไม่อนุญาตให้เขาพลาดการลืมตามาพบเธออีกครั้ง กระสุนเจาะเข้าลำตัวไปถึงสี่นัด แต่ละนัดเฉียดในจุดสำคัญไปหลายจุดมาก ยิ่งตรงช่วงหน้าอก คุณหมอต้องผ่าตัดอย่างระมัดระวังเป็นที่สุด จนเมื่อไฟห้องผ่าตัดดับลง คุณหมอจึงออกมารายงานผลกับญาติ โดยมีพี่หมอเขมกำลังถือแก้วน้ำหวานให้ดาวจิบมาก ๆ เดี๋ยวจะเป็นลมไปเพราะให้เลือดไปเยอะ “พี่ภาพเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ” ร่างเล็กผุดลุกขึ้นทันทีที่คุณหมอออกมา “ตอนนี้อาการผู้ป่วยต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คงต้องอยู่พักในห้องผู้ป่วยวิกฤติเพื่อดูอาการ ยังไม่อนุญาตให้เยี่ยมครับ” คุณหมอบอกได้เท่านี้ เพราะที่เหลือแล้วแต่คนไข้แล้วว่าจะมีกำลังใจอยู่ต่อไหม หมอเขมมองหน้าเพื่อนหมอด้วยกันก็เข้าใจทันที เพราะว่าอาการหนัก พูดมากกว่านี้ญาติจะเสียกำลังใจ จึงพูดเท่าที่พูดได้ “น้องดาวไปพักก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวค่อยมาดูคุณภาพตอนเช้
เวลาสองทุ่ม ภาพตะวันที่ไปเอาเค้กยังไม่กลับมาสักทีจนคุณเพลินฤดีอดเป็นห่วงไม่ได้ปล้ำโทรหาแต่ก็ไม่มีใครรับโทรศัพท์เลย “หนูดาวพี่เขาไปนานแล้วนะลูก แค่นี้ครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว แม่กลัวจังเลยลูก” เพลินฤดีสังหรณ์ใจบางอย่าง หลายวันนี้ภาพตะวันคุยกับนพดนัยจนดึกจนดื่น แล้วก็สีหน้าคร่ำเครียดอีกด้วย ได้ยินว่ามีคนดักทำร้าย แต่เค้นถามก็ไม่ยอมบอก พูดแค่ว่าไม่มีอะไร “ใจเย็น ๆ ค่ะ รถอาจจะติด มากินข้าวก่อนนะคะ” ผกายดาวก็แปลกใจที่เขาไปนาน วันนี้อุตส่าห์อนุญาตให้เขาร่วมงานวันเกิดปีที่สองของลูก แต่เขาดันมาสายต่อไปเธอจะไม่อนุญาตเขาแล้วคอยดู ภาพตะวันยังไม่มาสักที แต่ว่าน้องดินใกล้จะหลับแล้ว เธอจึงให้คุณย่ามอบของขวัญแทนคุณพ่อให้เขาเสียเลย จนเวลาสามทุ่มเด็กน้อยที่กินอิ่มเล่นจนเหนื่อยงัวเงียจะหลับแล้ว พร้อมกับเสียงกดกริ่งหน้าของเธอ แต่ทว่าน้องดินอยู่ ๆ ก็ร้องจ้าไม่มีสาเหตุ “แง๊...แง๊...แง๊” “น้องดินเป็นอะไรไปลูก แมลงต่อยหรือเปล่า” เพลินฤดีหันรีหันขวางจะไปเปิดประตูก็ห่วงหลาน คิดว่าตาภาพน่าจะมาถึงแล้ว “คุณแม่ไปเปิดประตูก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวดาวดูลูกเอง” ผกายดาวเดิน







