“เฮ้ย ไอ้เบียร์ หัวหน้าเรียก!”
เสียงเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ข้างๆ ตะโกนบอก ทำให้เบียร์หลุดออกจากภวังค์ เขาพยักหน้าให้เป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะวางกล่องโปรแกรมลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังห้องหัวหน้า
ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตครับ” เบียร์เคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดเข้าไป หัวหน้าที่กำลังตรวจเอกสารเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“อ้าว มาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ” หัวหน้าฝ่ายทัก ก่อนจะผายมือให้เขานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะทำงาน
“หัวหน้ามีอะไรหรือครับ?” เบียร์ถามตรงๆ เพราะเขารู้ว่าถ้าไม่มีงานด่วน หัวหน้าคงไม่เรียกเขามา
“เรื่องงานพรุ่งนี้น่ะ ทางบริษัทบัตรเครดิตที่เราทำซอฟต์แวร์ให้ ตอนนี้เขาต้องการพัฒนาโปรแกรมควบคู่ไปด้วย และต้องให้เราส่งคนไปเทรนพนักงานที่นั่นด้วย เงื่อนไขทั้งหมดจะคุยกันพรุ่งนี้ในการประชุม” หัวหน้าพูดด้วยสีหน้าหนักใจ
“ฟังดูไม่น่ายากเลยนี่ครับ” เบียร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ดูเหมือนง่ายนะ แต่โปรเจกต์นี้มีความซับซ้อนหน่อย ทางเราต้องส่งคนไปประจำที่บริษัทบัตรเครดิตในช่วงแรก เพื่อเทรนพนักงานให้ใช้งานโปรแกรมของเรา และ...” หัวหน้าหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ
“นอกจากอธิพงศ์แล้ว นายคืออีกคนที่ฉันไว้ใจได้ แต่ตอนนี้อธิพงศ์ต้องไปคุมโปรเจกต์ใหญ่ที่ไซด์อื่น งานนี้จึงเหลือแต่นาย”
เบียร์เลิกคิ้วด้วยความสงสัย “ก็ไม่เห็นยากอะไร แล้วทำไมหัวหน้าดูหนักใจขนาดนั้นล่ะครับ?”
หัวหน้าถอนหายใจ “บริษัทบัตรเครดิตที่ว่านั่น... เป็นที่เดียวกับที่พี่สาวของอธิพงศ์ทำงานอยู่”
เบียร์เข้าใจทันที หัวหน้ากลัวเรื่องอะไร เขาหัวเราะออกมาเบาๆ
“โธ่หัวหน้า คนในบริษัทนั้นมีตั้งเยอะ ผมคงไม่เจอเธอหรอกครับ ที่สำคัญ ผมก็ไม่ได้หล่อขนาดนั้นที่สาวๆ จะต้องมาตามกรี๊ด”
หัวหน้าขมวดคิ้วทันที
“นายมนสิช นิมิตวรกานต์!” หัวหน้าเรียกชื่อเต็มของเบียร์อย่างจริงจัง ทำให้เขาสะดุ้ง แม้จะสนิทกัน แต่เรื่องนี้หัวหน้าไม่ล้อเล่นแน่
เบียร์เก็บอาการขำ รีบปรับสีหน้าเป็นจริงจังในทันที เพราะรู้ว่าถ้าเล่นมากไป อาจโดนหัวหน้าจัดหนักเข้าให้
“ครับผม” เบียร์ตีหน้าขรึม แม้จะพยายามกลั้นยิ้มขำกับท่าทีจริงจังของหัวหน้า
“เอาล่ะ พรุ่งนี้นายไปประชุมโปรเจ็กต์กับฉันด้วย” หัวหน้าฝ่ายสรุป เบียร์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมกลับไปทำงานต่อ
“แล้วผมต้องไปประจำที่นั่นนานเท่าไหร่ครับ?” เบียร์นึกขึ้นได้จึงหันมาถาม
“เท่าที่คาดไว้น่าจะประมาณ 1 ปี แต่ไม่น่าเกิน 2 ปี” หัวหน้าตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้น เบียร์นิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ขณะเดินกลับไปที่โต๊ะ เบียร์ก็คิดถึงระยะเวลา 1 ปีที่เขาอาจต้องไปประจำการที่บริษัทบัตรเครดิต เขามองไปที่รูปถ่ายงานปีใหม่ที่วางอยู่บนโต๊ะ ในรูปนั้นเป็นการถ่ายรวมกันในหมู่บ้าน และในมุมขวาของภาพ สาวน้อยหน้าใสที่เขาคิดถึงมาตลอดยืนอยู่ ส่วนตัวเขายืนอยู่ฝั่งซ้ายสุด
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ... การคิดถึงใครสักคนตลอดเวลา มันช่างเหนื่อยมากจริงๆ
“เฮ้ย เบียร์ คนจากครอสพาวเวอร์มาขอพบนายน่ะ” เพื่อนร่วมงานตะโกนบอก
“เออๆ รู้แล้ว เดี๋ยวกูไป”
เบียร์ตอบขณะจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เขาเสยผมลวกๆ ก่อนจะหยิบแฟ้มรายงานและคู่มือซอฟต์แวร์เล่มล่าสุดที่ทำเสร็จเมื่อคืนติดมือไปด้วย
เบียร์เดินตรงไปที่ห้องประชุมด้วยท่าทางมั่นใจ เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขาพบว่าพนักงานจากครอสพาวเวอร์กำลังรออยู่ หญิงสาวหนึ่งคนและชายอีกสองคน หญิงสาวหันมายิ้มให้เบียร์ พร้อมแนะนำตัวเองและเพื่อนร่วมงาน
“เอ่อ... ดิฉันเป็นตัวแทนฝ่ายสารสนเทศจากครอสพาวเวอร์ค่ะ ส่วนสองคนนี้เป็นโปรแกรมเมอร์ประจำบริษัท” หญิงสาวกล่าวแนะนำด้วยน้ำเสียงที่เบาเล็กน้อย
“ยินดีครับ ผมมนสิช นิมิตวรกานต์ มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยครับ” เบียร์ยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร หญิงสาวรู้สึกใจเต้นแรงกับรอยยิ้มที่เปี่ยมเสน่ห์ของเขา ใบหน้าเธอแดงระเรื่อเล็กน้อยเมื่อสบตากับเบียร์
เบียร์ยิ้มรับคำแนะนำของพวกเขาก่อนเชื้อเชิญให้นั่ง จากนั้นเขาอธิบายวิธีการใช้งานซอฟต์แวร์อย่างละเอียด หญิงสาวนั่งมองเขาตาเชื่อม แววตาชัดเจนว่าเธอสนใจมากกว่าแค่การทำงาน
ผู้หญิงก็เป็นแบบนี้ทุกคนสินะ เบียร์คิดในใจ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล