Share

บทที่ 4

last update Last Updated: 2025-12-12 09:17:39

กรุงโรมยินดีต้อนรับ

เสียงประกาศจากกัปตันดังขึ้น

“เรือกำลังเทียบท่าที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ขอให้ผู้โดยสารและลูกเรือทุกท่านเตรียมสัมภาระและผ่านจุดตรวจตามลำดับ...”

อลิษาสะพายกระเป๋าเป้เล็ก ๆ เดินตามขบวนพนักงานลงจากเรือ เสียงผู้คนมากมายหลายภาษาคุยกันเสียงดังจอแจ “โอ้... แค่กลิ่นอากาศก็ไม่เหมือนที่ไหนเลย” เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ พลางสูดกลิ่นอากาศที่ปนกลิ่นกาแฟและกลิ่นขนมอบจากร้านใกล้ท่าเรือ

“โรมยินดีต้อนรับเธอจ้ะ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง ลิเดียในชุดสูทลำลองสีเบจเดินมาพร้อมรอยยิ้ม

“เราได้ห้องพักที่ Hotel Serafina อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ แต่เส้นทางค่อนข้างวกวนไปหน่อยนะ เตรียมใจไว้ได้เลย”

อลิษาหัวเราะออกมาเบา ๆ “ฟังดูเหมือนการผจญภัยเล็ก ๆ เลยค่ะ”

“ใช่สิ เรามาเที่ยวทั้งที ต้องเดินทางที่เหมือนกับการผจญภัยบ้างถึงจะสนุก” ลิเดียตอบพลางเรียกรถแท็กซี่คันสีเหลืองสด ทั้ง 2 คนขึ้นรถไปพร้อมกระเป๋าใบเล็กในมือ

การเดินทางใช้เวลาไม่นาน แต่ถนนในโรมแคบและเต็มไปด้วยโค้งหักศอกทำเอาทั้งสองต้องนั่งโยกไปมาตามแรงรถ ลิเดียหัวเราะจนอลิษาอดขำตามไม่ได้ เมื่อมาถึง Hotel Serafina โรงแรมเก่าที่ตกแต่งสไตล์ยุโรปคลาสสิก ผนังหินอ่อนสีครีม และหน้าต่างไม้สีเข้ม พนักงานต้อนรับก็ยิ้มทักเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงอิตาเลียน

“ห้องของคุณลิเดียอยู่ชั้น 3 ส่วนของคุณลลิซอยู่ชั้น 4 นะคะ วิวดีมาก เห็นโดมโบสถ์วาติกันเลย”

“ขอบคุณค่ะ” อลิษายกมือไหว้แบบไทยจนพนักงานหัวเราะอย่างเอ็นดู

หลังจากเช็กอินเสร็จ ทั้งคู่แยกกันขึ้นห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อนจะได้มีแรงไปเที่ยวในช่วงเรือเทียบท่าให้หนำใจ ลิเดียหันมายิ้มให้อลิษาก่อนลิฟต์ปิด

“พักให้เต็มที่นะอลิซ พรุ่งนี้ค่อยไปเดินเล่นกันก็ได้ ฉันจะไปหากาแฟดื่มก่อนแล้วพักสายตาสักหน่อย”

“ได้ค่ะพี่ลิเดีย ฝันดีล่วงหน้าเลย”

เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้น 4 อลิษาเดินตามทางพรมแดงนุ่ม ๆ ไปยังห้องหมายเลข 405 กลิ่นไม้หอมคลุ้งอยู่ในอากาศ มือเรียวยกขึ้นเปิดม่านหน้าต่างออกกว้างเผยวิวกรุงโรมสู่สายตา หัวใจก็เต้นแรงอีกครั้งด้วยความตื่นเต้นเป็นเพราะความงดงามของเมืองจนเธออยากจะหยุดเวลาเอาไว้ อลิษาไม่รอช้ารีบจัดข้าวของออกจากกระเป๋าให้เรียบร้อย

“ในที่สุด... ก็ได้พักสักที” เธอพูดเบา ๆ ก่อนจะเอนตัวลงบนเตียง ปล่อยให้เปลือกตาปิดลงช้า ๆ ท่ามกลางเสียงระฆังโบสถ์ที่ดังแว่วมาจากใจกลางเมือง

หลังจากเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง อลิษาสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าแสงอาทิตย์ด้านนอกเริ่มคล้อยเปลี่ยนสี บ่งบอกเวลาในขณะนี้แทนนาฬิกาได้ดีทีเดียว

เธอลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับพลิกดูนาฬิกาบนข้อมือก็เห็นว่าเกือบ 6 โมงเย็นเข้าไปแล้ว เสียงท้องร้องเบา ๆ เตือนให้รู้ว่าตั้งแต่เที่ยงก็ยังไม่ได้กินอะไรจริงจัง เธอจึงหยิบเสื้อคลุมตัวบางมาสวม ลังเลอยู่เล็กน้อยว่าจะโทร.หาพี่ลิเดียดีไหม

“หรือจะชวนพี่เขาไปด้วยดี…” เธอพึมพำเบา ๆ พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรายชื่อ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ 

“ไม่ดีกว่า… พี่ลิเดียน่าจะอยากพักมากกว่า”

เธอวางโทรศัพท์ลงแล้วหยิบกระเป๋าผ้าใบเล็กมาสะพายข้าง ก่อนจะออกจากห้องไปคนเดียว 

อากาศด้านนอกเริ่มเย็น กลิ่นหอมของขนมปังอบใหม่ลอยมาตามลมจากร้านเบเกอรีข้างโรงแรม อลิษาเดินไปตามทางเท้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตในย่านใกล้เคียง แสงไฟตามถนนเริ่มเปิดทีละดวงจนเมืองดูนุ่มนวลในโทนสีทอง

เสียงรถรางและผู้คนพูดคุยภาษาที่เธอฟังไม่คุ้นหูดังแว่วมาจากอีกฟากถนน แต่กลับทำให้เธอยิ้มบาง ๆ รู้สึกเหมือนได้อยู่ในโลกที่ต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

เธอเดินเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดไม่ใหญ่มาก อลิษาเลือกตะกร้าใบเล็กแล้วเดินดูของไปเรื่อย ๆ ทั้งผลไม้ ขนมปัง นม และเครื่องดื่มเบา ๆ สำหรับคืนนี้ หลังจากเดินเลือกซื้อของจนเพลินอลิษาหันไปมองด้านนอกก็เห็นว่าท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว

“ตายละเดินเพลินเลยมืดแล้วด้วย รีบกลับก่อนดีกว่า” พอพูดจบเธอก็ตรงไปจ่ายเงินก่อนจะเดินออกมาจากร้าน

อลิษาเดินถือถุงของในมือแน่นขึ้น เมื่อรู้ตัวว่าแสงจากร้านรวงด้านหลังค่อย ๆ เลือนหายไป เหลือเพียงทางเท้าที่ทอดยาวและเสียงฝีเท้าของเธอเองที่สะท้อนกลับมาในความเงียบ แสงไฟตามเสาเริ่มกะพริบก่อนจะดับลงเป็นช่วง ๆ

“อะไรเนี่ย บ้านเมืองออกใหญ่โตแต่ทำไมไฟฟ้าเป็นแบบนี้นะ มืด ๆ ค่ำ ๆ เดินคนเดียวแบบนี้อันตรายแย่เลย” อลิษาบ่นพร้อมกับกลืนน้ำลายและเดินฝ่าลมเย็นที่พัดเฉียดผิวกายเบา ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไฟฉาย แสงขาวสาดไปข้างหน้าส่องให้เห็นถนนแคบและกำแพงอิฐสีซีดที่ดูเก่าแก่

เสียงหัวใจของเธอเต้นชัดในความเงียบ จังหวะการก้าวเท้าเริ่มเร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แต่ก็ยังคงมองซ้ายมองขวาเพื่อระวังภัย ยิ่งเดินเร็วเท่าไรความหวาดกลัวก็มีมากขึ้นเท่านั้น

“ไม่น่าเดินซื้อของนานเลยเรา” อลิษาบ่นทั้งที่ยังเดินตรงไปเรื่อย ๆ “อีก 2 ทางโค้งก็ถึงโรงแรมแล้ว” เธอบ่นแต่ก็รีบก้าวขายาว ๆ กึ่งเดินกึ่งวิ่งให้พ้นจากถนนที่มีแต่ความมืดเร็ว ๆ

และทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดึงขึ้นอยู่ตรงหน้าเธอทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก

ตุ้บ!!

เสียงบางอย่างตกกระแทกพื้นดังสนั่นอยู่ไม่ไกล อลิษาชะงักทั้งตัว มือที่ถือโทรศัพท์สั่นเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นช้า ๆ แสงไฟฉายส่องไปยังจุดที่มืดสนิทตรงหน้า เธอมองไปรอบ ๆ กายเห็นเพียงถังขยะที่ล้มอยู่ตรงนั้นพร้อมกับแมวตัวน้อยที่กระโดดออกไป

“เจ้าแมวน้อยนั่นเอง” อลิษาถอนหายใจก่อนพูดขึ้นมาอย่างโล่งอก ทว่าขณะที่กำลังก้าวเดินผ่านถังขยะ จู่ ๆ ก็...

“อ๊ายยย...”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักร้าย ๆ ของนายมาเฟีย   บทที่ 7

    งานใหม่ แต่หน้าที่เดิม…อลิษานั่งทรุดอยู่บนม้านั่งริมท่าเรือพลางร้องไห้โวยวายเสียงดังและน้ำตาไหลเป็นสาย มือ 2 ข้างกุมหน้าอกและไหล่ตัวเอง“เพราะนาย! เพราะนายทั้งหมดเลยนะ! ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันคงขึ้นเรือทันแล้ว! แล้วฉันจะอยู่ที่นี่ยังไง ต่อไปนายต้องรับผิดชอบ!” เธอสะอื้นโฮและตะโกนเสียงสั่นชายแปลกหน้ามองเธอด้วยสายตานิ่งขรึม ปากเม้มเข้ากันเล็กน้อย เขาไม่ชอบเห็นผู้หญิงร้องไห้ ทั้งรำคาญทั้งหงุดหงิด แต่ใจลึก ๆ ก็อดสงสารไม่ได้เพราะนี่คือผู้หญิงคนเดียวที่เพิ่งช่วยเขาไว้เมื่อวาน“หยุดร้องก่อนได้ไหม!” เสียงทุ้มเรียบ ๆ แต่ทรงพลังและน่าเกรงขามเป็นอย่างมากดังขึ้นอลิษายังคงสะอื้นไม่ยอมหยุดและยิ่งร้องไห้แรงขึ้นด้วยความสิ้นหวัง ชายคนนั้นถอนหายใจแรงแล้วเดินออกไปอย่างหัวเสียทิ้งหญิงสาวเอาไว้ที่เดิม แต่เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็หยุดเดินแล้วหันกลับมาอย่างรวดเร็วมือหนากระชากร่างเล็กให้ลุกขึ้นอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวจนอลิษาเสียหลัก แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกรวบเข้ามาในอ้อมกอดแกร่งแทน“หยุดร้องนะ” เขากระซิบเบา ๆ ข้างหูพลางกอดเธอแน่นกว่าเดิมอลิษาเงยหน้ามองใบหน้าคมที่ใกล้จนแทบสัมผัสได้ถึงลมหายใจ ทั้งความตกใจและความซาบ

  • รักร้าย ๆ ของนายมาเฟีย   บทที่ 6(1)

    ผมไม่ไปเช้าวันถัดมา อลิษาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยอาการมึนงงเล็กน้อย สิ่งแรกที่เธอทำคือหันมามองโซฟา “ว่างเปล่า”ไม่มีเงาของชายแปลกหน้าคนนั้นอีกต่อไป เธอถึงกับถอนหายใจออกมายาว ๆ อย่างโล่งอก “ดีแล้ว… คงไปแล้วสินะ” เธอบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะลุกจากเตียง ตั้งใจจะเก็บห้องให้เรียบร้อยแล้วออกไปหาอะไรอร่อย ๆ กินตอนเช้าแต่ไม่ทันได้ก้าวพ้น 2 ก้าว เสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นแอ๊ด…อลิษาหันไปมองด้วยความตกใจพร้อมดวงตาที่เบิกกว้างในทันที ชายแปลกหน้าคนนั้นเดินออกมาจากห้องน้ำ เส้นผมเปียกเล็กน้อย หยดน้ำยังเกาะอยู่บนแผงอก เขาพันผ้าขนหนูไว้ที่เอวเพียงผืนเดียวแถมยังพันแบบลวก ๆ จนแทบจะหลุดอยู่รอมร่อ“กรี๊ด!” อลิษาร้องเบา ๆ แล้วรีบยกมือขึ้นปิดตาทันที “นาย! ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนออกมาเล่า!”เสียงทุ้มของเขาดังขึ้นอย่างเรียบเฉย “เสื้อผ้าเปื้อนเลือด… ผมซักไว้ ยังไม่แห้ง”อลิษายังคงยืนหลับตาแน่น “งั้นก็รอก่อนสิ ฉัน… ฉันหาของให้” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาสั่นเครือทั้งจากความเขินและความหงุดหงิดปนกันเธอเดินถอยหลังไปยังกระเป๋าเดินทางแล้วล้วงหาเสื้อผ้าอย่างรีบร้อน ก่อนจะคว้าเสื้อฮูดตัวใหญ่สีเทาออกมาได้ “นี่ ใส่ต

  • รักร้าย ๆ ของนายมาเฟีย   บทที่ 6(2)

    ชายหนุ่มยืนนิ่งมองหน้าเธออยู่เช่นนั้นและไม่รีบร้อนนัก “ผมไม่ไป”คำตอบที่ได้รับทำเอาอลิษาอึ้งไป 2 วินาที ก่อนที่ใบหน้าเธอจะร้อนผ่าวด้วยความโกรธและความเครียด “อะไรนะ! นายพูดว่าไม่ไปเหรอ!”เขาพยักหน้าเรียบ ๆ “ผมมีธุระของผมเอง คุณหาทางไปเอาเองแล้วกัน”“ธุระบ้าอะไรของนาย!” เธอตะโกนออกไปโดยไม่คิดจากอารมณ์โมโห “รู้ไหมว่าฉันต้องเสียงาน ต้องโดนตัดเงิน เพราะนาย! ถ้าเมื่อคืนฉันไม่ช่วยนาย ถ้าไม่พาเข้ามาที่ห้องนี้ ฉันคงอยู่บนเรือแล้ว!”ชายหนุ่มมองเธอเงียบ ๆ แววตาคมสงบนิ่งจนน่าหงุดหงิดอลิษากำหมัดแน่น “เพราะนายแท้ ๆ เลย นายรู้ไหมว่าฉันทำงานตรงนั้นแทบตายกว่าจะได้ขึ้นร้องเพลงบนเรือนั่น แล้วตอนนี้… ทุกอย่างมันพังหมดแล้ว!”น้ำเสียงเธอสั่นเครือในตอนท้าย พอพูดจบก็เม้มปากแน่นอย่างคนที่ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือจะตะโกนออกไปอีกดีในความเงียบที่ถาโถมเข้ามา ชายแปลกหน้าสบตาเธอครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงแววบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก “งั้นผมจะพาไป”อลิษาชะงักแล้วเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง“แต่ก่อนจะไป… เธอต้องเตรียมใจไว้หน่อย” เขาพูดต่อช้า ๆ “เพราะฟังจากที่เธอพูดมา ผมว่าเรือมันคงไปแล้วไม่ว่าท่าไหนก็ตาม”

  • รักร้าย ๆ ของนายมาเฟีย   บทที่ 5(2)

    ห้ามทำร้ายฉันเด็ดขาดแววตาเขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ “ผมสัญญา” เสียงทุ้มของเขานุ่มลงจนเกือบจะอ่อนโยนอลิษามองหน้าเขาอีกครั้งเพื่อยืนยันความมั่นใจก่อนจะยื่นมือออกไปให้พยุง เธอรู้สึกถึงน้ำหนักตัวเขาที่เอนพิงมาเล็กน้อยตอนเดินออกจากตรอกนั้นเมื่อมาถึงห้อง อลิษารีบเปิดไฟจนห้องสว่างขึ้นในทันที ตามด้วยเสียงประตูปิดดัง ‘แกร๊ก’ เบา ๆ เธอวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะเล็กข้างเตียง ก่อนหันกลับมามองชายแปลกหน้าที่พิงกรอบประตูอยู่ ใบหน้าเขาขาวซีดและเต็มไปด้วยเหงื่อ“นั่งก่อนค่ะ เดี๋ยวฉันเอากล่องยามาให้” เธอพูดเสียงเรียบแต่ใจเต้นแรงไม่หยุดอลิษาเปิดกระเป๋าเดินทางของตัวเองแล้วหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมา จากนั้นนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าเขา เริ่มจัดการล้างแผลที่แขนด้วยมือที่สั่นน้อย ๆ เพราะทั้งกลัวและระแวงในเวลาเดียวกัน“เจ็บไหมคะ?” อลิษาถามเสียงเบา“ไม่เท่าไร” เขาตอบสั้น ๆ ดวงตาคมมองเธออยู่นานจนเธอต้องเป็นฝ่ายหลบสายตา หลังจากพันผ้าเสร็จ เธอก็ถอนหายใจโล่งอกขึ้นนิดหนึ่ง“เรียบร้อยแล้วค่ะ... เอ่อ ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”ชายแปลกหน้าขยับสายตาขึ้นมองเธอแล้วพูดเสียงนิ่ง“แค่เจอกันครั้งเดียว ไม่จำเป็นต้องรู้จักชื

  • รักร้าย ๆ ของนายมาเฟีย   บทที่ 5(1)

    ห้ามทำร้ายฉันเด็ดขาดอลิษาสะดุ้งสุดตัว ถุงของในมือแทบหล่น เธอชะงักค้างอยู่ตรงนั้น ใจเต้นแรงจนแทบกลืนเสียงหายใจของตัวเองไม่ลง มือที่เย็นเฉียบจับข้อเท้าเธอแน่น ทำให้เธอเผลอกรีดร้องในลำคอเบา ๆ ก่อนเสียงนั้นจะตามมา“ชะ… ช่วยด้วย” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแหบพร่าราวกับเป็นแรงเฮือกสุดท้าย“คนไทย!!” อลิษาร้องออกมาด้วยความตกใจเป็นอย่างมากอลิษาเบิกตากว้าง เธอหันมองรอบตัวทันทีแต่ก็พบเพียงแค่ทางเดินมืดมิดและเงียบงัน ก่อนจะก้มลงช้า ๆ ให้แสงจากโทรศัพท์ส่องไปยังร่างของใครบางคนที่นอนฟุบอยู่ข้างถังขยะ เสื้อผ้าเปื้อนฝุ่นและคราบเลือดบางจุด ดูเหมือนจะบาดเจ็บหนัก“คุณ… คุณพูดภาษาไทยเหรอ!” อลิษารีบพูด มือสั่นน้อย ๆ เพราะทั้งตกใจและกลัวในเวลาเดียวกันร่างตรงหน้าขยับเล็กน้อยและพยายามเงยหน้าขึ้น เสียงครางเบา ๆ หลุดออกมาอีกครั้ง “ช่วย… ด้วย…”อลิษากลืนน้ำลาย เธอย่อตัวลงนั่งยองใกล้ ๆ พลางยกโทรศัพท์ขึ้นส่องดูให้ชัด และทันทีที่แสงไฟส่องถึงใบหน้า... เธอก็ชะงักนิ่งงันเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนอลิษามองร่างตรงหน้าด้วยความตกใจและสับสน แต่เมื่อเห็นเลือดซึมตรงแขนเสื้อของเขา ความกลัวก็เริ่มถูกแทนที่ด้วยความเป็นห่วง“คุณ… เป็

  • รักร้าย ๆ ของนายมาเฟีย   บทที่ 4

    กรุงโรมยินดีต้อนรับเสียงประกาศจากกัปตันดังขึ้น“เรือกำลังเทียบท่าที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ขอให้ผู้โดยสารและลูกเรือทุกท่านเตรียมสัมภาระและผ่านจุดตรวจตามลำดับ...”อลิษาสะพายกระเป๋าเป้เล็ก ๆ เดินตามขบวนพนักงานลงจากเรือ เสียงผู้คนมากมายหลายภาษาคุยกันเสียงดังจอแจ “โอ้... แค่กลิ่นอากาศก็ไม่เหมือนที่ไหนเลย” เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ พลางสูดกลิ่นอากาศที่ปนกลิ่นกาแฟและกลิ่นขนมอบจากร้านใกล้ท่าเรือ“โรมยินดีต้อนรับเธอจ้ะ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง ลิเดียในชุดสูทลำลองสีเบจเดินมาพร้อมรอยยิ้ม“เราได้ห้องพักที่ Hotel Serafina อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ แต่เส้นทางค่อนข้างวกวนไปหน่อยนะ เตรียมใจไว้ได้เลย”อลิษาหัวเราะออกมาเบา ๆ “ฟังดูเหมือนการผจญภัยเล็ก ๆ เลยค่ะ”“ใช่สิ เรามาเที่ยวทั้งที ต้องเดินทางที่เหมือนกับการผจญภัยบ้างถึงจะสนุก” ลิเดียตอบพลางเรียกรถแท็กซี่คันสีเหลืองสด ทั้ง 2 คนขึ้นรถไปพร้อมกระเป๋าใบเล็กในมือการเดินทางใช้เวลาไม่นาน แต่ถนนในโรมแคบและเต็มไปด้วยโค้งหักศอกทำเอาทั้งสองต้องนั่งโยกไปมาตามแรงรถ ลิเดียหัวเราะจนอลิษาอดขำตามไม่ได้ เมื่อมาถึง Hotel Serafina โรงแรมเก่าที่ตกแต่งสไตล์ยุโรปคลาสสิก ผนัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status