LOGINงานใหม่
เสียงคลื่นกระทบเรือเป็นระลอกสลับกับเสียงเครื่องดนตรีที่เริ่มซ้อมอยู่ด้านใน อลิษายืนอยู่หน้ากระจกห้องแต่งตัวเล็ก ๆ ของเธอบนเรือสำราญระดับโลกที่ล่องผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในค่ำคืนนี้
หญิงสาวสวมชุดเดรสสีมุกสะท้อนแสงราวกับเกล็ดน้ำ เส้นผมสีดำขลับถูกรวบไว้หลวม ๆ เผยต้นคอขาวนวล เธอสูดหายใจเข้าลึก ก่อนแตะลิปกลอสลงบนริมฝีปากบางอย่างเบามือ คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่เธอจะต้องขึ้นร้องเพลงภายในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ของเรือ ภายใต้แสงไฟและสายตาของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
“ถ้าอย่างนั้น… ฉันจะลองดูค่ะ”
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ คุณอลิซ”
“เรือจะออกในอีก 1 สัปดาห์ ผมจะส่งรายละเอียดทั้งหมดให้ภายในพรุ่งนี้ ระหว่างนี้คุณก็เตรียมตัวให้พร้อมนะครับ”
อลิษาเหม่อลอยนึกถึงวันที่เธอปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าจะไม่ยอมมาทำงานบนเรือสำราญ สุดท้ายเธอก็ได้ขึ้นมาอยู่บนเรือสำราญขนาดใหญ่แห่งนี้
“พร้อมหรือยังคนสวย” ลิเดียผู้จัดการสาวคนไทยซึ่งดูแลทุกอย่างบนเรือเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มพร้อมแฟ้มในมือ ใบหน้าของเธอสวยเฉียบในชุดสูทสีกรมท่าที่เข้ากับบุคลิกมั่นใจ
“อีก 10 นาทีจะขึ้นเวทีแล้วนะ”
“พร้อมค่ะ แค่... ตื่นเต้นนิดหน่อย” อลิษาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันกลับไปมองกระจกอีกครั้ง
“ทุกครั้งที่เห็นทะเล ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง” ลิเดียยิ้ม มองหญิงสาวที่เธอเอ็นดูเหมือนน้องสาว
“นั่นแหละเสน่ห์ของเธอ เวลาร้องเพลงเธอไม่ได้แค่ร้อง แต่เธอเล่าเรื่องของหัวใจตัวเองผ่านมัน ทำให้ทุกคนต่างชื่นชอบในน้ำเสียงของเธอยังไงล่ะ อลิซ”อลิษาหัวเราะเบา ๆ “ถ้าคืนนี้มีใครสักคนฟังเข้าใจ ก็คงดีนะคะ”
“มีสิ เชื่อฉันสิ บนเรือนี้ มีคนที่กำลังรอฟังเสียงของเธออยู่แน่ ๆ”
“คืนนี้ไม่ต้องร้องหลายเพลงหรอกอลิซ” เสียงของลิเดียดังขึ้นอย่างอ่อนโยนขณะเดินมาหยุดข้างเธอ ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มจาง ๆ ที่ดูคล้ายจะอ่อนล้า “ร้องแค่ 2-3 เพลงพอจากนั้นก็ลงไปพักเถอะ ฉันเห็นเธอซ้อมมาตลอดทั้งสัปดาห์แล้วนะ”
อลิษาชะงักเล็กน้อยก่อนหัวเราะเบา ๆ “ฉันยังไหวค่ะ พอขึ้นเวทีแล้วความเหนื่อยมันหายไปหมดเลย”
“มันเป็นสิ่งที่เธอชอบสินะ ฉันรู้ว่าเธอไหวแต่ก็ควรมีเวลาให้ร่างกายได้พักบ้าง” ลิเดียเอื้อมมือไปแตะไหล่เบา ๆ
“แต่คืนนี้มีแขกสำคัญอยู่บนเรือ ฉันไม่อยากให้เธอกดดันตัวเองมากเกินไป ฟังเสียงหัวใจตัวเองเหมือนที่เธอร้องไห้คนอื่นฟังนั่นแหละ”
“แขกสำคัญเหรอคะ ?”
“อืม...” ลิเดียปรายตามองไปทางประตูเหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่าง “คนของบริษัทลงทุนจากยุโรป เขามาพักผ่อนแต่ก็มีคิวคุยธุรกิจด้วย”
“ฉันพูดจริงนะอลิซ ร้องแค่ 2-3 เพลงก็ไปพัก” ลิเดียหัวเราะพลางหยิบคลิปไมค์ขึ้นมาช่วยติดให้เธออย่างเบามือ “คืนนี้ไม่ต้องพยายามมาก แค่ร้อง... ให้เหมือนเธออยู่คนเดียวเท่านั้นพอ”
รีบคืนนี้เป็นคืนแรกที่เธอกลับมาร้องเพลงในผับอีกครั้ง ถึงแม้จะเป็นสถานบันเทิงเหมือนกัน ทว่าการตกแต่งมันช่างต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งความหรูหราทั้งแขกเหรื่อที่มายังสถานที่แห่งนี้จนเธออดประหม่าไม่ได้ มือที่กุมกันอยู่ชื้นเหงื่อเล็กน้อย แม้ว่าจะอยู่ในห้องที่เย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศ“คุณอลิซพร้อมไหมครับใกล้จะขึ้นเวทีแล้ว คุณอิริคให้มาตาม ถ้าคุณอลิซพร้อมแล้วก็เตรียมตัวได้เลยนะครับ” ชาร์ลเดินมาตามหญิงสาวตามคำสั่งเจ้านายหนุ่ม“ตอนนี้ไม่พร้อมก็คงต้องพร้อมแล้วละค่ะ”“งั้นเชิญครับ” ชาร์ลผายมือให้หญิงสาวเดินนำออกไปก่อน ก่อนจะก้าวเท้ามาเดินเคียงข้างหญิงสาว “วันนี้คุณอลิซร้องแค่ 2 เพลงพอนะครับ เสร็จแล้วก็ไปพักได้เลย”“ค่ะ มีอะไรอีกไหมคะที่ฉันจะต้องทำ”“ไม่มีแล้วครับ” หลังจากแจ้งตารางงานให้ทราบ ชาร์ลก็ขอตัวออกไปก่อนปล่อยให้หญิงสาวทำสมาธิและมีเวลาเตรียมตัวก่อนจะขึ้นแสดง“อ๋อ ถ้าร้องเพลงเสร็จแล้วให้ไปพบคุณอิริคที่ห้องนะครับ”“ค่ะ”เพลงที่อลิษาเลือกในวันนี้คือ ‘เพลงลึกซึ้งกินใจ’ ทันทีที่เสียงหวานเปล่งออกมา ผู้ชมทั่วทั้งร้านต่างเงียบเสียงลงและจับจ้องไปยังหญิงสาวบนเวที ทุกคนตั้งใจฟังเสียงร้องของอลิษาพร้อ
งานใหม่ แต่หน้าที่เดิม…อลิษานั่งทรุดอยู่บนม้านั่งริมท่าเรือพลางร้องไห้โวยวายเสียงดังและน้ำตาไหลเป็นสาย มือ 2 ข้างกุมหน้าอกและไหล่ตัวเอง“เพราะนาย! เพราะนายทั้งหมดเลยนะ! ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันคงขึ้นเรือทันแล้ว! แล้วฉันจะอยู่ที่นี่ยังไง ต่อไปนายต้องรับผิดชอบ!” เธอสะอื้นโฮและตะโกนเสียงสั่นชายแปลกหน้ามองเธอด้วยสายตานิ่งขรึม ปากเม้มเข้ากันเล็กน้อย เขาไม่ชอบเห็นผู้หญิงร้องไห้ ทั้งรำคาญทั้งหงุดหงิด แต่ใจลึก ๆ ก็อดสงสารไม่ได้เพราะนี่คือผู้หญิงคนเดียวที่เพิ่งช่วยเขาไว้เมื่อวาน“หยุดร้องก่อนได้ไหม!” เสียงทุ้มเรียบ ๆ แต่ทรงพลังและน่าเกรงขามเป็นอย่างมากดังขึ้นอลิษายังคงสะอื้นไม่ยอมหยุดและยิ่งร้องไห้แรงขึ้นด้วยความสิ้นหวัง ชายคนนั้นถอนหายใจแรงแล้วเดินออกไปอย่างหัวเสียทิ้งหญิงสาวเอาไว้ที่เดิม แต่เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็หยุดเดินแล้วหันกลับมาอย่างรวดเร็วมือหนากระชากร่างเล็กให้ลุกขึ้นอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวจนอลิษาเสียหลัก แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกรวบเข้ามาในอ้อมกอดแกร่งแทน“หยุดร้องนะ” เขากระซิบเบา ๆ ข้างหูพลางกอดเธอแน่นกว่าเดิมอลิษาเงยหน้ามองใบหน้าคมที่ใกล้จนแทบสัมผัสได้ถึงลมหายใจ ทั้งความตกใจและความซาบ
ผมไม่ไปเช้าวันถัดมา อลิษาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยอาการมึนงงเล็กน้อย สิ่งแรกที่เธอทำคือหันมามองโซฟา “ว่างเปล่า”ไม่มีเงาของชายแปลกหน้าคนนั้นอีกต่อไป เธอถึงกับถอนหายใจออกมายาว ๆ อย่างโล่งอก “ดีแล้ว… คงไปแล้วสินะ” เธอบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะลุกจากเตียง ตั้งใจจะเก็บห้องให้เรียบร้อยแล้วออกไปหาอะไรอร่อย ๆ กินตอนเช้าแต่ไม่ทันได้ก้าวพ้น 2 ก้าว เสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นแอ๊ด…อลิษาหันไปมองด้วยความตกใจพร้อมดวงตาที่เบิกกว้างในทันที ชายแปลกหน้าคนนั้นเดินออกมาจากห้องน้ำ เส้นผมเปียกเล็กน้อย หยดน้ำยังเกาะอยู่บนแผงอก เขาพันผ้าขนหนูไว้ที่เอวเพียงผืนเดียวแถมยังพันแบบลวก ๆ จนแทบจะหลุดอยู่รอมร่อ“กรี๊ด!” อลิษาร้องเบา ๆ แล้วรีบยกมือขึ้นปิดตาทันที “นาย! ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนออกมาเล่า!”เสียงทุ้มของเขาดังขึ้นอย่างเรียบเฉย “เสื้อผ้าเปื้อนเลือด… ผมซักไว้ ยังไม่แห้ง”อลิษายังคงยืนหลับตาแน่น “งั้นก็รอก่อนสิ ฉัน… ฉันหาของให้” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาสั่นเครือทั้งจากความเขินและความหงุดหงิดปนกันเธอเดินถอยหลังไปยังกระเป๋าเดินทางแล้วล้วงหาเสื้อผ้าอย่างรีบร้อน ก่อนจะคว้าเสื้อฮูดตัวใหญ่สีเทาออกมาได้ “นี่ ใส่ต
ชายหนุ่มยืนนิ่งมองหน้าเธออยู่เช่นนั้นและไม่รีบร้อนนัก “ผมไม่ไป”คำตอบที่ได้รับทำเอาอลิษาอึ้งไป 2 วินาที ก่อนที่ใบหน้าเธอจะร้อนผ่าวด้วยความโกรธและความเครียด “อะไรนะ! นายพูดว่าไม่ไปเหรอ!”เขาพยักหน้าเรียบ ๆ “ผมมีธุระของผมเอง คุณหาทางไปเอาเองแล้วกัน”“ธุระบ้าอะไรของนาย!” เธอตะโกนออกไปโดยไม่คิดจากอารมณ์โมโห “รู้ไหมว่าฉันต้องเสียงาน ต้องโดนตัดเงิน เพราะนาย! ถ้าเมื่อคืนฉันไม่ช่วยนาย ถ้าไม่พาเข้ามาที่ห้องนี้ ฉันคงอยู่บนเรือแล้ว!”ชายหนุ่มมองเธอเงียบ ๆ แววตาคมสงบนิ่งจนน่าหงุดหงิดอลิษากำหมัดแน่น “เพราะนายแท้ ๆ เลย นายรู้ไหมว่าฉันทำงานตรงนั้นแทบตายกว่าจะได้ขึ้นร้องเพลงบนเรือนั่น แล้วตอนนี้… ทุกอย่างมันพังหมดแล้ว!”น้ำเสียงเธอสั่นเครือในตอนท้าย พอพูดจบก็เม้มปากแน่นอย่างคนที่ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือจะตะโกนออกไปอีกดีในความเงียบที่ถาโถมเข้ามา ชายแปลกหน้าสบตาเธอครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงแววบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก “งั้นผมจะพาไป”อลิษาชะงักแล้วเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง“แต่ก่อนจะไป… เธอต้องเตรียมใจไว้หน่อย” เขาพูดต่อช้า ๆ “เพราะฟังจากที่เธอพูดมา ผมว่าเรือมันคงไปแล้วไม่ว่าท่าไหนก็ตาม”
ห้ามทำร้ายฉันเด็ดขาดแววตาเขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ “ผมสัญญา” เสียงทุ้มของเขานุ่มลงจนเกือบจะอ่อนโยนอลิษามองหน้าเขาอีกครั้งเพื่อยืนยันความมั่นใจก่อนจะยื่นมือออกไปให้พยุง เธอรู้สึกถึงน้ำหนักตัวเขาที่เอนพิงมาเล็กน้อยตอนเดินออกจากตรอกนั้นเมื่อมาถึงห้อง อลิษารีบเปิดไฟจนห้องสว่างขึ้นในทันที ตามด้วยเสียงประตูปิดดัง ‘แกร๊ก’ เบา ๆ เธอวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะเล็กข้างเตียง ก่อนหันกลับมามองชายแปลกหน้าที่พิงกรอบประตูอยู่ ใบหน้าเขาขาวซีดและเต็มไปด้วยเหงื่อ“นั่งก่อนค่ะ เดี๋ยวฉันเอากล่องยามาให้” เธอพูดเสียงเรียบแต่ใจเต้นแรงไม่หยุดอลิษาเปิดกระเป๋าเดินทางของตัวเองแล้วหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมา จากนั้นนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าเขา เริ่มจัดการล้างแผลที่แขนด้วยมือที่สั่นน้อย ๆ เพราะทั้งกลัวและระแวงในเวลาเดียวกัน“เจ็บไหมคะ?” อลิษาถามเสียงเบา“ไม่เท่าไร” เขาตอบสั้น ๆ ดวงตาคมมองเธออยู่นานจนเธอต้องเป็นฝ่ายหลบสายตา หลังจากพันผ้าเสร็จ เธอก็ถอนหายใจโล่งอกขึ้นนิดหนึ่ง“เรียบร้อยแล้วค่ะ... เอ่อ ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”ชายแปลกหน้าขยับสายตาขึ้นมองเธอแล้วพูดเสียงนิ่ง“แค่เจอกันครั้งเดียว ไม่จำเป็นต้องรู้จักชื
ห้ามทำร้ายฉันเด็ดขาดอลิษาสะดุ้งสุดตัว ถุงของในมือแทบหล่น เธอชะงักค้างอยู่ตรงนั้น ใจเต้นแรงจนแทบกลืนเสียงหายใจของตัวเองไม่ลง มือที่เย็นเฉียบจับข้อเท้าเธอแน่น ทำให้เธอเผลอกรีดร้องในลำคอเบา ๆ ก่อนเสียงนั้นจะตามมา“ชะ… ช่วยด้วย” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแหบพร่าราวกับเป็นแรงเฮือกสุดท้าย“คนไทย!!” อลิษาร้องออกมาด้วยความตกใจเป็นอย่างมากอลิษาเบิกตากว้าง เธอหันมองรอบตัวทันทีแต่ก็พบเพียงแค่ทางเดินมืดมิดและเงียบงัน ก่อนจะก้มลงช้า ๆ ให้แสงจากโทรศัพท์ส่องไปยังร่างของใครบางคนที่นอนฟุบอยู่ข้างถังขยะ เสื้อผ้าเปื้อนฝุ่นและคราบเลือดบางจุด ดูเหมือนจะบาดเจ็บหนัก“คุณ… คุณพูดภาษาไทยเหรอ!” อลิษารีบพูด มือสั่นน้อย ๆ เพราะทั้งตกใจและกลัวในเวลาเดียวกันร่างตรงหน้าขยับเล็กน้อยและพยายามเงยหน้าขึ้น เสียงครางเบา ๆ หลุดออกมาอีกครั้ง “ช่วย… ด้วย…”อลิษากลืนน้ำลาย เธอย่อตัวลงนั่งยองใกล้ ๆ พลางยกโทรศัพท์ขึ้นส่องดูให้ชัด และทันทีที่แสงไฟส่องถึงใบหน้า... เธอก็ชะงักนิ่งงันเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนอลิษามองร่างตรงหน้าด้วยความตกใจและสับสน แต่เมื่อเห็นเลือดซึมตรงแขนเสื้อของเขา ความกลัวก็เริ่มถูกแทนที่ด้วยความเป็นห่วง“คุณ… เป็







