LOGINBrew up 2
ผมลืมตาขึ้นมาในเช้าของอีกวันเพราะเเสงอาทิตย์ทะลุผ่านผ้าม่านเข้ามา ก่อนจะขยับตัวให้ลุกจากที่นอนช้า ๆ พอมองไปรอบห้องสิ่งที่ทำให้ผมตกใจคือที่นี่ไม่ใช่ห้องเดรค ผมจำได้ว่าเมื่อคืนเลี้ยงรับน้องใหม่อย่างผมและหลังเมาจัดผมจำได้ว่าผมอยู่ที่ร้าน มันคลับคล้ายคลับคลาหรือผมฝันกันแน่นะ
"ตื่นได้แล้วหรือไง" เสียงที่ไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไรดังขึ้น จากประตูห้องน้ำที่อยู่ถัดจากเตียงไปไม่ไกลนัก ผมพยายามเพ่งมองอยู่นานเพราะคน ๆ นั้นใช้ผ้าขนหนูวางแปะไว้บนหัวเพื่อซับน้ำที่เปียกจากการสระผม
"พี่เป็นใคร" ผมถามพร้อมกับเปิดผ้าห่มออกเพื่อจะลุกจากที่นอน แต่พอเปิดได้แค่นิดเดียวก็ต้องปิดไว้เหมือนเดิมเพราะใต้ผ้าห่มผมไม่ได้ใส่อะไรอยู่เลยแม้แต่ชิ้นเดียว
"อะ จำเจ้าของร้านตัวเองไม่ได้แล้วหนึ่ง"
"พี่ครามเหรอ"
"เออ จะใครล่ะก็เมื่อคืนเมาอยู่ที่ร้าน"
"แล้วทำไมผมอยู่สภาพนี้อะ"
"คิดเอาเอง ไปอาบน้ำไป่" พี่ครามพูดจบก็ขว้างผ้าขนหนูมาตรงหน้าของผม ผมรีบเอาผ้าขนหนูพันไว้รอบตัวแล้วตรงเข้าห้องน้ำที่เขาเพิ่งจะออกมา ใช้เวลาอาบน้ำแค่ 5 นาทีผมก็รีบออกมาเพราะมีบางอย่างอยากจะถามเจ้าของร้าน พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นพี่ครามนั่งเป่าผมอยู่หน้ากระจก
"พี่คราม เสื้อผ้าผมอยู่ไหนอะ"
"จะใส่เสื้อผ้าเก่าทำไม สกปรก เปิดดูในตู้น่ะใส่ตัวไหนก็ใส่เอา"
"ครับ" พอพี่ครามพูดจบผมก็พาตัวเองเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า แล้วเลือกเอาเสื้อผ้าที่คิดว่าตัวเองใส่ได้ออกมาสวมและขณะที่ผมกำลังกลุ้มใจเรื่องท่อนล่างพี่ครามก็โยนถุงพลาสติกที่มีกางเกงชั้นในที่ยังไม่ได้ใส่อยู่มาให้
หลังจากใส่เสื้อผ้าเสร็จผมก็พาตัวเองมานั่งเงียบ ๆ ที่ปลายเตียงเพื่อทำใจก่อนจะถามบางอย่างที่อยากรู้ เมื่อวานผมเมามากจนแทบจำอะไรไม่ได้เลยรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาราวกับตัวเองฝันไปยังไงยังงั้น เลยต้องมาถามเอาจากคนอื่นที่อาจจะไม่ได้เมาเท่าผมเอง
"พี่คราม"
"ว่า" พี่ครามตอบโดยไม่ได้ละสายตาจากโทรศัพท์มือถือเลยแม้แต่น้อย และนั่นดีมากเพราะถ้าพี่ครามหันมาผมอาจจะไม่กล้าถามออกไปก็ได้
"เมื่อคืน…"
"มีอะไรก็รีบถาม เดี๋ยวต้องไปทำงาน"
"ผมกับพี่เรามีอะไรกันหรือเปล่า"
"แล้วคิดว่าไง"
"ผมจำไม่ได้ ไม่งั้นผมจะถามพี่ทำไม" ผมพูดจบพี่ครามก็นิ่งไปแล้วทำหน้าเหลือเชื่อ เหมือนไม่คิดว่าผมจะตอบออกไปแบบนั้น
"ใช่ แต่…"
"พี่ลืมมันไปได้ไหม" ขณะที่พี่ครามกำลังจะพูดบางอย่างผมก็เสียมารยาทพูดแทรกออกไป ยังไงซะผมก็จำอะไรไม่ได้อยู่ ไอ้ครั้นจะให้ร้องไห้ฟูมฟายให้เขามารับผิดชอบก็ไม่ได้อีก เพราะไอ้ที่คลับคล้ายคลับคลามันทำให้ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองเป็นคนเริ่มเรื่องนี้ พอพูดจบพี่ครามก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วทำหน้าเหมือนคนจมน้ำ
"ทำไม"
"ยังไงซะผมก็จำไม่ได้อยู่แล้ว พี่ก็จะได้ไม่ต้องมารับผิดชอบหรือรู้สึกแย่อะไรไง"
"เฮ้อ…"
"งั้นผมกลับก่อนนะ" พูดจบผมก็ยกมือไหว้พี่ครามแล้วเปิดประตูห้องออกมา ห้องนี้อยู่ในร้านจริง ๆ ด้วยเป็นห้องพักที่ต่อจากห้องล็อกเกอร์ของพนักงาน ผมรีบตรงดิ่งกลับบ้านทันทีเพราะตอนนี้นอกจากจะยังไม่สร่างดีผมยังหิวจนแทบจะแทะล็อกเกอร์อยู่แล้ว
"เดี๋ยว…"
"มีอะไรเหรอพี่"
"จะไปส่ง ตามมาสิ" พี่ครามตามออกแล้วดึงแขนผมไปทางที่จอดรถของร้าน ก่อนจะยัดผมเข้าไปในปาเจโรสปอร์ตคันสีขาวสะอาดตา
"พี่จะไปทำงานไม่ใช่เหรอ ผมเดินกลับได้แค่นี้เอง"
"จะไปส่งก็คือจะไปส่ง ไม่ต้องพูดมากยังไงก็ทางผ่าน" พี่ครามนี่คงจะมีแค่หน้าเดียวสินะ ไม่ว่าผมจะพูดหรือทำอะไรปฏิกิริยาที่ได้จากพี่ครามก็คือหน้านิ่งอย่างเดียวเท่านั้น จนผมนึกไม่ออกเลยว่าถ้าพี่แกจะจีบผู้หญิงสักคนพี่ครามจะทำหน้ายังไง
นั่งรถมาได้แค่แป๊บเดียวก็ถึงหน้าบ้านเดรค ผมขอบคุณพี่ครามแล้วกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ แต่พี่ครามรั้งข้อมือข้างขวาของผมเอาไว้พอหันกลับไปก็เจอถุงพลาสติกร้อน ๆ อยู่ห่างจากหน้าแค่หนึ่งฝ่ามือ
"เอาไปด้วยแก้แฮงก์"
"ขอบคุณครับ" ผมขอบคุณแล้วรับถุงมาอย่างงง ๆ แล้วเปิดประตูรถลงไปยืนข้างรถ พี่ครามก็เปิดประตูโบกไล่ผมเข้าบ้าน ผมเลยเดินเข้าบ้านไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร
พอถึงบ้านผมก็กดรหัสเข้าบ้าน ประตูบ้านเดรคเป็นแบบอัตโนมัติถ้าสแกนนิ้วหรือกดรหัสก็สามารถเข้าไปได้แล้ว พอเพิ่งจะได้รหัสจากเดรคเมื่อวานก่อนออกไปทำงานและโชคยังดีที่ผมความจำดีถึงได้จำรหัสได้ไม่งั้นคงได้นั่งเคาะประตูอยู่ตรงนี้แน่ ๆ
"พึ่งกลับมาเหรอวะ" เดรคที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทักผมที่เพิ่งจะเปิดประตูเข้ามา ผมเงยหน้ามองคนที่ทักพร้อมพยักหน้าให้มัน ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา
"ไหวมั้ยมึง กินไรยังกูหาไรให้กินมั้ย" เดรควางปากกาในมือลงแล้วลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามาหาผม
"กูมีกับข้าวแล้ว ใส่ถ้วยให้หน่อยกูเวียนหัว" ผมบอกเดรคพร้อมกับชี้ไปยังถุงข้าวต้มที่ได้มาจากพี่คราม
"ถ้ามึงไม่แฮงก์สิแปลกสารพัดกษัตริย์ ค็อกเทล ไวน์ เหล้า เบียร์ ไหนจะเหล้าต้มอีก กินปนกันขนาดนี้มึงไหวก็ไม่ใช่คนแล้ว คราวหน้าก็หันปฏิเสธคนซะบ้าง" เดรคบ่นผมยาวเฟื้อยพร้อม ๆ กับเทข้าวต้มที่ยังมีความร้อนอยู่ใส่ถ้วยเซรามิกขนาดกลาง ก่อนจะเลื่อนมันมาตรงหน้าผม
"ขอบใจมาก" ผมบอกเดรคแล้วลุกขึ้นมานั่งโซ้ยข้าวต้มไป 4-5 คำก็พะอืดพะอมจนต้องวิ่งไปอ้วกแล้วกลับมานอนต่อที่โซฟา
"มึงนอนที่ร้านหรอ"
"เออ กูเมาจนภาพตัดเลย"
"กูก็ว่าพี่ครามโทรหาพี่เกรย์บอกไม่ต้องไปส่งมึงแล้ว มึงสลบคาโต๊ะไปแล้ว" อ๋อ! ผมก็ว่าทำไมเดรคมันทิ้งผมนอนที่ร้านเพราะพี่ครามนี่เอง ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ครามโทรหาพี่เกรย์ เรื่องเมื่อคืนคงไม่เกิดขึ้น
"กูตื่นแต่กูยังไม่สร่างนะอย่าพึ่งชวนกูคุยกูขี้เกียจวิ่งไปอ้วก"
"งั้นวันนี้มึงไปทำงานไหวปะเนี่ย"
"ไหวดิ กูขอนอนอีกสักสามชั่วโมง"
"เค เดี๋ยวบ่ายสามกูปลุกอีกที" หลังจากเดรคพูดจบผมก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย เพราะตัวเองได้เข้าสู่ห้วงแห่งความฝันไปแล้ว
Laiknam's Said
ผมเพิ่งไปส่งไอ้เด็กหัวส้มกลับบ้านมาได้แค่แป๊บเดียว ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกจะชวนมันกินข้าวกินยาแก้แฮงก์ก่อนค่อยส่งกลับบ้าน แต่พอฟังมันพูดจบผมก็กระเดือกข้าวไม่ลงเลยเอาข้าวให้มันไปแล้ว ปกติผมไม่ค่อยขับรถเท่าไรส่วนมากจะจอดไว้ให้พี่เกรย์คอยไปทำธุระให้ เมื่อคืนหลังจากพี่เกรย์ออกไปส่งเด็กในร้านไอ้เด็กหัวส้มก็เกาะผมเป็นลูกโคอะล่าติดแม่ ผมเลยพามันไปนอนที่ห้องของตัวเองตอนแรกก็นอนเฉย ๆ แต่นอนไปแค่แป๊บเดียวเด็กนั่นก็ลุกขึ้นมาไซ้คอผม แล้วแบบนั้นใครจะทนได้ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลย ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนสักหน่อยนี่นา
แต่หลังจากเด็กผมส้มตื่นมันดันมาบอกให้ผมลืมเรื่องนั้นไปซะเพราะมันจำไม่ได้ แต่ผมจำได้ไงผมไม่ได้เมา แบบนี้ไม่ต่างจากผมโดนฟันแล้วทิ้งเลยนะเกิดมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน ทำเอาผมไปต่อไม่ถูกไม่รู้จะพูดฟอะไรต่อเลยรีบออกมาเคลียร์บัญชีของบริษัทแทนพี่ลักที่พักฟื้นหลังคลอดอยู่
"เป็นไรวะคราม" พี่ชินสามีพี่สาวถามขณะที่ผมกำลังนั่งดูบัญชีอยู่ จริง ๆ วันนี้เป็นวันหยุดแต่เพราะเรื่องนี้มันด่วนมาก ผมกับพี่ชินเลยมาช่วยกันดูพอผมเหม่อพี่ชินเลยร้องถาม
"พี่ชินถ้าพี่นอนกะพี่ลัก แล้วตื่นมาพี่ลักบอกให้พี่ลืมเรื่องเมื่อคืนพี่จะทำยังไง" ผมถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเรียบที่มั่นใจว่ามันเป็นน้ำเสียงที่ผมใช้เป็นปกติ
"นี่ไม่ต่างจากฟันแล้วทิ้งเลยนะเว้ย ผู้หญิงคนไหนกล้าทำแบบนั้นกับคุณลายครามวะ"
"ผมจริงจังนะพี่รีบตอบมาเลย"
"ทำไมคุกรุ่นขนาดนี้วะ ฮ่า ๆ เอางี้ถ้าชอบก็ตามตื้ออะยังไงก็เป็นของเราแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าไม่ชอบก็ลืม ๆ ไปซะยังไงอีกคนก็บอกให้ลืมอยู่แล้วนี่หว่า" ผมนิ่งฟังแล้วคิดตามที่พี่ชินพูด นั่นสินะถ้าไม่ชอบก็ลืมไปซะ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ไอ้เด็กนั่นคือคนที่ผมตามหามาตั้ง 7 ปีนี่สิ
"ทีนี้บอกได้ยังว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"
"ไม่อะ"
"อ้าว! อะไรวะอุตส่าห์ช่วย"
"ผมยังไม่แน่ใจ เอาไว้แน่ใจค่อยรู้ อย่าเผือกเรื่องชาวบ้านให้มากไปดูบัญชีเลยไม่งั้นผมจะฟ้องพี่ลัก"
"ไปก็ได้ว่ะ" พี่ชินพูดจบก็หันไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองต่อ ส่วนผมได้แต่นั่งคิดเรื่องเมื่อเจ็ดปีก่อนอยู่ เจ็ดปีก่อนที่เด็กหัวส้มนั่นช่วยผมจากเหตุการณ์เฉียดตาย ผมยังวัยรุ่นเลือดร้นชอบขี่มอเตอร์ไซต์ร่อนทั่วจังหวัด วันนั้นฝนตกถนนลื่นผมเลยจอดรถข้างทางเพื่อรอให้ฝนหยุด บังเอิญมีรถยนต์เสียหลักพุ่งเข้าชนรถผมอย่างจังถ้าไม่ได้เด็กนั่นช่วยลากผมลงจากรถจนพ้นรัศมีการถูกพุ่งชน แต่เจ้าเด็กนั่นกลับกระชากผมหลบจนหัวตัวเองไปกระแทกกับทางเท้าทำให้สลบไป หลังจากนั้นพอผมเห็นเลือดก็สลบไปแล้วหาเด็กนั่นไม่เจออีก ทุกวันนี้ผมเลยชอบขี่มอเตอร์ไซต์ไปตามที่ต่าง ๆ เผื่อจะเจอเด็กนั่นจนกระทั่งเมื่อวานได้เจอเจ้าเด็กหัวส้มคนนั้น จนผมได้รู้ว่าพักที่ไหนและมาเจอมันอีกทีก็กลายเป็นพนักงานร้านผมไปซะแล้ว
ตอนแรกที่ตามหาผมก็หวังแค่ว่าจะได้ขอบคุณต่อหน้าสักครั้งเท่านั้นไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนผมจะต้องกลับมาคิดใหม่อีกรอบซะแล้วล่ะ ว่าต่อจากนี้ผมจะทำยังไงกับเด็กผมสีส้มคนนั้น
End: Laiknam
Brew up 5ผมลากสังขารกลับจากสาขาตอนสี่โมงครึ่ง เราใช้เวลาทำวิเคราะห์น้ำในอาหานเกือบครึ่งวันเพราะอาจารย์ให้สาธิตให้น้องปีหนึ่งดูด้วย พอกลับมาผมรีบตรงดิ่งไปอาบน้ำเพราะหกโมงต้องรีบเข้าร้าน ผมไม่อยากเสียเงินค่าสายชั่งโมงละร้อยเลยรีบปั่นงานสุดชีวิต อะ…ผมบอกไปหรือยังว่าเมื่อวานหลังจากกลับมานับทิปในกระเป๋าดู ผมได้ทิปเกือบสี่พันแน่ะวันนี้เป็นวันอาทิตย์เดรคไม่ได้ทำพาร์ทไทม์ มีแค่ผมคนเดียว หลังอาบน้ำเสร็จเลยไม่ต้องรอใครตรงดิ่งไปที่ร้านได้เลย พอเดินเข้าไปในร้ายผมเจอพนักงานประจำซึ่งจำนวนของพนักงานต่างจากเมื่อวานเกือบครึ่ง เพราะพรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุดวันนี้คนเลยลดลง วันนี้เลยไม่มีพนักงานพาร์ทไทม์"เดี๋ยวนี้พี่ครามเข้าร้านเร็วจังวะ" พี่อาร์มพนักงานประจำของร้านหันมาพูดกับผม ทุกคนในร้านรู้ดีว่าพี่ครามจะเข้ามาร้านก็สามสี่ทุ่มตลอด แต่สองวันมานี้พี่ครามเข้าร้านพร้อม ๆ กับที่พนักงานเข้ามาทำความสะอาดร้านเลย"สงสัยมาจับผิดเรามั้ง ฮ่า ๆ" ผมพูดเสร็จก็หันไปถูโต๊ะเพื่อทำความสะอาด พี่อาร์มหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะยกเก้าอี้
Brew up 4ผมร้องเพลงเสร็จทุกคนปรบมือกันดังมากจนผมลืมความตื่นเต้นก่อนหน้านี้ไปซะสนิทเลย พี่เกรย์ก็ชูนิ้วโป้งทั้งสองนิ้วพร้อมยิ้มหวานให้ผม"สวัสดีทุกคนนะครับ ขอต้อนรับสู่ห้องนั่งเล่นสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนหย่อนใจในคืนวันเสาร์แบบนี้ สามารถแนะนำเพลงกันขึ้นมาได้นะครับแต่ถ้าใครแนบทิปมาเราจัดให้พิเศษแน่นอนฮะ" พอผมพูดติดตลกใส่ไมค์เสร็จมือกลองห็ให้สัญญาณเริ่มเพลงที่สองต่อเลย นอกจากกระดาษขอเพลงแล้วผมยังได้รับทั้งเหล้าทั้งเบียร์และทิปพิเศษจากลูกค้า ที่ชื่นชอบเสียงผมเป็นพิเศษอีกด้วยวันนี้วันสินะเพราะผมได้ทิปไม่หยุดเลยLaiknam's saidหลังจากขึ้นร้องเพลงในฐานะนักร้องจำเป็น ดูเหมือนเจ้าเด็กหัวส้มนั่นจะได้ความสนใจจากลูกค้ามากเป็นพิเศษ นอกจากหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแล้วเด็กนั่นยังอัธยาศัยดี ยิ้มเก่ง นี่ผมเพิ่งบอกว่าเด็กหัวส้มนั่นน่ารักใช่หรือเปล่า หลังจากที่คุยกับพี่ชินเสร็จผมก็คิดทบทวนมาตลอดทั้งวัน วันนี้ถึงได้รีบเข้าร้านเพราะผมไม่มั่นใจว่าตัวเองรู้สึกอะไรกับเด็กนั่นหรือเปล่า"เหลือเวลาอีกสองเพลงสุดท้ายแล้ว ใครมีเพลงอะไรแนะนำกันเข้ามาได้เลยนะฮะ" ยินพูดใส่ไมค์ช่วงก่อนขึ้นเพลงใหม่ ผมนั่งจ้องเด็กนั่นมาสั
Brew up 3หลังจากพักฟื้นมาครึ่งวันผมก็สร่างเมา อาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปเมาในเวลางานต่ออีก โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ทำให้ผมไม่ต้องฝืนสังขารไปเรียนทั้ง ๆ ที่แฮงก์หนักขนาดนี้ ก็อย่างที่เดรคมันพูดผมไม่ใช่คนคออ่อนนะแต่เมื่อคืนหนักสุดเพราะคนปกติเวลากินเหล้ากินเบียร์ก็เลือกกินแค่อย่างเดียว แต่นี่ผมกินทุกอย่างที่ในร้านมีเลยมานั่งแฮงก์ นอนแฮงก์ ยืนแฮงก์อยู่นี่ไง เดรคกำลังอาบน้ำอยู่เหมือนกันเพราะวันนี้เป็นอีกวันที่มันต้องทำพาร์ทไทม์ที่ร้าน เออ…เมื่อวานผมทำงานวันแรกได้ทิปตั้งพันห้าแน่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันผมรับประกันเลยว่าไม่อดตายแน่ ๆ ข้าวเย็นก็ไปกินที่ร้าน เงินออกทุก 15 วัน กัปตันของเราบริหารร้านแทนพี่ครามได้ดีจริง ๆ"มึงเพ้อไรอยู่วะยิน ไปได้ยัง" เดรคทักขึ้นขณะที่ผมกำลังนั่งเหม่อคิดอะไรไปเรื่อย ผมลุกขึ้นพยักหน้าให้มันก่อนจะหันไปหยิบเป้มาสะพาย แล้วเดินตามมันออกไป"มึงยังแฮงก์ไม่หายหรือไง" เดรคหันมาถามผมขณะที่ยืนรอผมปิดประตูบ้านอยู่ พอปิดประตูเสร็จผมก็หันไปตบไหล่มันหนึ่งที"นิดหน่อย แต่เดี๋ยวไปถอน" ผมตอบมันพร้อมใช้มือพยายามเกาะไหล่มันเดิน แต่บังเอิญผมเตี้ยกว่ามันเลยดูเหมือนเด็กกำลังปีนผู้ใหญ่อยู่
Brew up 2ผมลืมตาขึ้นมาในเช้าของอีกวันเพราะเเสงอาทิตย์ทะลุผ่านผ้าม่านเข้ามา ก่อนจะขยับตัวให้ลุกจากที่นอนช้า ๆ พอมองไปรอบห้องสิ่งที่ทำให้ผมตกใจคือที่นี่ไม่ใช่ห้องเดรค ผมจำได้ว่าเมื่อคืนเลี้ยงรับน้องใหม่อย่างผมและหลังเมาจัดผมจำได้ว่าผมอยู่ที่ร้าน มันคลับคล้ายคลับคลาหรือผมฝันกันแน่นะ"ตื่นได้แล้วหรือไง" เสียงที่ไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไรดังขึ้น จากประตูห้องน้ำที่อยู่ถัดจากเตียงไปไม่ไกลนัก ผมพยายามเพ่งมองอยู่นานเพราะคน ๆ นั้นใช้ผ้าขนหนูวางแปะไว้บนหัวเพื่อซับน้ำที่เปียกจากการสระผม"พี่เป็นใคร" ผมถามพร้อมกับเปิดผ้าห่มออกเพื่อจะลุกจากที่นอน แต่พอเปิดได้แค่นิดเดียวก็ต้องปิดไว้เหมือนเดิมเพราะใต้ผ้าห่มผมไม่ได้ใส่อะไรอยู่เลยแม้แต่ชิ้นเดียว"อะ จำเจ้าของร้านตัวเองไม่ได้แล้วหนึ่ง""พี่ครามเหรอ""เออ จะใครล่ะก็เมื่อคืนเมาอยู่ที่ร้าน""แล้วทำไมผมอยู่สภาพนี้อะ""คิดเอาเอง ไปอาบน้ำไป่" พี่ครามพูดจบก็ขว้างผ้าขนหนูมาตรงหน้าของผม ผมรีบเอาผ้าขนหนูพันไว้รอบตัวแล้วตรงเข้าห้องน้ำที่เขาเพิ่งจะออกมา ใช้เวลาอาบน้ำแค่ 5 นาทีผมก็รีบออกมาเพราะมีบางอย่างอยากจะถามเจ้าของร้าน พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นพี่ครามนั่งเป่าผมอยู่หน้า
Brew up 1หลังจากพี่เกรย์ผู้จัดการร้านสอนงานผมอยู่เกือบชั่วโมง ร้านก็เปิดเรียบร้อยแล้วแม้จะยังไม่มีลูกค้ามาก็ตามที ร้านอาหารกึ่งบาร์ของที่นี่จะแบ่งเป็น 4 โซน โซนแรกจะเป็นห้องกระจกซึ่งอยู่ฝั่งขวามือถ้ามองจากนอกร้าน ส่วนโซนที่สองจะเป็นโซนหน้าเวทีที่มีไว้โชว์ไลฟ์ของวงดนตรีที่มีทั้ง 3 วงจนกระทั่งปิดร้าน โซนที่สามจะเป็นโซนฝั่งซ้ายมือถ้ามองจากด้านนอกร้านและอยู่ตรงข้ามกับโซนแรกซึ่งเป็นห้องกระจก โซนสุดท้ายจะเป็นโซนที่ต่อจากโซนที่สองแต่เป็นโซนที่ไม่มีหลังคาคลุม อ๋อ! ที่สำคัญผมรู้แล้วว่าคนชื่อลายครามคือเจ้าของห้องนั่งเล่นเวลาผ่านไปชั่วโมงหนึ่งหลังจากที่กัปตันสอนงานผมเสร็จพี่แกก็อยู่ใกล้ตัวผมตลอดเวลาเผื่อผมยังไม่เข้าใจระบบสั่งเหล้าสั่งอาหารผ่านโปรแกรมของที่ร้าน พอเริ่มมีลูกค้ามาเรื่อย ๆ ผมก็คอยเดินเข้าไปสังเกตดูว่าพนักงานเก่ามีวิธีรับลูกค้ายังไงบ้าง โดยเราจะรับลูกค้าได้เฉพาะลูกค้าที่ไปนั่งในโซนที่เรารับผิดชอบเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดการแย่งลูกค้ากัน ผมว่าระบบของที่นี่ดูโอเคอยู่นะเพราะถ้ามีการแย่งลูกค้ากันอาจจะเกิดการทะเลาะกันก็ได้"สวัสดีครับ พี่มากันกี่คนครับ" ผมรีบเข้าไปหาลูกค้าผู้ชายซึ่งกำลัง
บทนำ"ไอ้ยินแกกลับมาเดี๋ยวนี้นะไอ้ลูกชั่ว" เสียงชายแก่ขี้เมาที่ทั้งตะโกนเรียกและตะโกนด่าผมไปพร้อม ๆ กันดังลั่นซอยที่ทั้งเล็ก ทั้งแคบในแถบชานเมือง ผมชื่อยินเป็นลูกชายของชายแก่คนนั้น คนที่กำลังตะโกนด่าและวิ่งไล่กวดผมอยู่เพราะผมวิ่งหนีออกมาจากทางเข้าบ้านของเจ้าหนี้ของเขา"กลับไปก็เขาขึ้นกบาลแล้ว" หลังจากพ่อขี้เมาของผมตะโกนด่าผมก็สวนกลับทันที ก่อนที่จะออกจากบ้านพ่อบอกว่าจะพาผมไปทำงานใช้หนี้ที่ผมไม่ได้ก่อ ทั้ง ๆ ที่ทุกวันนี้ผมก็เป็นคนหาเงินหาข้าวให้กิน แต่ตาแก่ขี้เมานั่นนอกจากจะไม่ทำงานแล้วยังติดการพนันเข้าขั้นเสพติด ไปกู้หนี้ยืมสินมาเรื่อย ๆ และครั้งนี้ก็เหมือนกัน ผมก็ไม่รู้ว่าไอ้เจ้าหนี้มันโง่หรือมันตั้งใจจะโกงตั้งแต่แรก ถึงได้ให้ตาแก่นั่นยืมเงินเกือบห้าหมื่นโดยไม่มีอะไรค้ำประกันเลย สุดท้ายตาแก่นั่นเลยพาผมมาเป็นคนใช้หนี้ โดยขายผมให้กับเกย์แก่ในหมู่บ้านที่เป็นเถ้าแก่ปล่อยเงินกู้ คิดดูว่ามันบัดซบขนาดไหนผมเป็นผู้ชายแต่ถูกขายใช้หนี้ แต่ผมไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงควรถูกขายเพราะไม่ว่าใครก็ไม่ควรถูกขายทั้งนั้นแหละ โชคดีที่ผมบังเอิญไปได้ยินพ่อคุยกับไอ้คนเก็บดอกถึงได้หนีออกมาได้ก่อนจะได้เดินเข้าป







