LOGINBrew up 3
หลังจากพักฟื้นมาครึ่งวันผมก็สร่างเมา อาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปเมาในเวลางานต่ออีก โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ทำให้ผมไม่ต้องฝืนสังขารไปเรียนทั้ง ๆ ที่แฮงก์หนักขนาดนี้ ก็อย่างที่เดรคมันพูดผมไม่ใช่คนคออ่อนนะแต่เมื่อคืนหนักสุดเพราะคนปกติเวลากินเหล้ากินเบียร์ก็เลือกกินแค่อย่างเดียว แต่นี่ผมกินทุกอย่างที่ในร้านมีเลยมานั่งแฮงก์ นอนแฮงก์ ยืนแฮงก์อยู่นี่ไง เดรคกำลังอาบน้ำอยู่เหมือนกันเพราะวันนี้เป็นอีกวันที่มันต้องทำพาร์ทไทม์ที่ร้าน เออ…เมื่อวานผมทำงานวันแรกได้ทิปตั้งพันห้าแน่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันผมรับประกันเลยว่าไม่อดตายแน่ ๆ ข้าวเย็นก็ไปกินที่ร้าน เงินออกทุก 15 วัน กัปตันของเราบริหารร้านแทนพี่ครามได้ดีจริง ๆ
"มึงเพ้อไรอยู่วะยิน ไปได้ยัง" เดรคทักขึ้นขณะที่ผมกำลังนั่งเหม่อคิดอะไรไปเรื่อย ผมลุกขึ้นพยักหน้าให้มันก่อนจะหันไปหยิบเป้มาสะพาย แล้วเดินตามมันออกไป
"มึงยังแฮงก์ไม่หายหรือไง" เดรคหันมาถามผมขณะที่ยืนรอผมปิดประตูบ้านอยู่ พอปิดประตูเสร็จผมก็หันไปตบไหล่มันหนึ่งที
"นิดหน่อย แต่เดี๋ยวไปถอน" ผมตอบมันพร้อมใช้มือพยายามเกาะไหล่มันเดิน แต่บังเอิญผมเตี้ยกว่ามันเลยดูเหมือนเด็กกำลังปีนผู้ใหญ่อยู่ โลกนี้ไม่เคยมีความยุติธรรมให้ผมเลยสักครั้ง ก็เห็น ๆ อยู่ว่าให้ผมเกิดมาหน้าตาดีขนาดนี้ แต่กลับให้ความมาดแมนแฮนด์ซัม ความสูงชะลูดมากระจึ้งเดียว
"มึงยังมีกระจิตกระใจกินได้อีกเนาะ" เดรคหันขวับทันทีที่ผมพูดจบประโยค ก็มันต้องถอนถึงจะสร่างผมไม่กินได้ยังไงล่ะ แล้วอีกอย่างบรรดาพี่สาวน้องสาวเมื่อคืนที่เป็นลูกค้าของผมก็บอกว่าคืนนี้จะมากินด้วยอีก ที่บอกพี่สาวน้องสาวพวกเธอไม่ใช่สาวจริง ๆ หรอกนะเพราะพวกเธอก็เหมือนผมแต่แค่ชอบแต่งตัวสวย ๆ ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ยังดูน่ารักอยู่ดีผมมีเพื่อนแบบนี้เยอะแยะไปในสาขา
"พูดยังกับตัวเองไม่กินนะ"
"กูกินแต่ไม่ได้เมาไง" เดรคพูดขณะที่เราเดินมาจนถึงอีกฝั่งถนนที่จะข้ามไปยังร้าน ก็แน่ล่ะสิจะไปเมาได้ยังไงในเมื่อมันกินออนเดอะร็อกอย่างเดียวไม่กินอย่างอื่นเลย แต่ผมนับถือมันนะมันไม่สนใจทิปเลยสักนิดก็บ้านมันรวยนี่นา แล้วนั่นทำให้ผมสงสัยไปใหญ่เลยว่าถ้าอย่างนั้นมันจะมาทำงานทำไม
"มึงว่าวันนี้พี่ครามจะเข้าร้านเร็วปะ" ผมถามเดรคขณะที่นึกถึงคนตัวสูงหน้านิ่งที่บังเอิญนอนด้วยกันเมื่อคืน กัปตันบอกว่าพี่ครามจะเข้าร้านช่วงใกล้ปิดร้านตลอดเพราะมีธุระที่อื่น ผมเองก็ยังไม่รู้จะเข้าหน้าพี่ครามได้ยังไงเพราะนอกจากจะบังเอิญมีอะไรกัน แล้วดันจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้แม้แต่ติ่งเดียว ผมคงต้องใช้เวลาสักพักถึงจะเข้าหน้าพี่ครามได้ผมไม่อายหรอกเพราะจำไม่ได้แต่ที่เข้าหน้าไม่ติดเพราะไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นได้ยังไง จะถามก็รู้สึกอายเกินกว่าจะเอ่ยปากไม่ต้องรู้สึกว่าผมย้อนแย้งนะ ผมแค่รู้สึกอายที่จะถามแต่ไม่ได้รู้สึกอายที่นอนด้วยกัน
"เร็ว"
"ทำไมคิดงั้น"
"ก็นั่นไง" เดรคพูดพร้อมชี้นิ้วไปที่ห้องกระจกที่มีผู้ชายใส่เสื้อยืดสีฟ้าอมเทานั่งอยู่หน้าจอโน๊ตบุ๊ก เวรมากผมกะจะใช้เวลาคิดเรื่องนี้สักพักแต่พอเข้ามาก็เจอตัวต้นเหตุเลย
"ทำไมพี่เขามาไวจังวะ"
"จะรู้หรอ รีบไปสแกนนิ้วเลยอีกห้านาทีมึงสายแล้วนะ" ผมรีบวิ่งปรู๊ดไปที่เครื่องสแกนลายนิ้วมือที่อยู่ตรงทางเข้าห้องพักพนักงาน เราทุกคนต้องรับสแกนนิ้วก่อน 6 โมงครึ่งถ้าเกินนั้นจะถูกหักชั่วโมงละหนึ่งร้อยบาท
"อ้าว ไหวหรอเราอะ" กัปตันเอ่ยทักผมที่เพิ่งจะเดินเข้าห้องมาด้วยรอยยิ้มใจดี ผมยกมือไหว้กัปตันพร้อมกับยิ้มตาหยีให้ คนอย่างกัปตันนี่คงไม่มีใครเกลียดแน่ ๆ เลย หน้าตาก็ดี การศึกษาก็ดี นิสัยยังดีอีกต่างหาก
"ไหวฮะ ตอนนี้แค่มึน ๆ นิดหน่อยแต่เดียวคงหาย"
"ฮ่า ๆ ตอนแรกก็แบบนี้ทั้งนั้นแหละเดี๋ยวก็เก่ง ไปกินข้าวกันเถอะเผื่อลูกค้าเข้าเร็ว" พี่เกรย์พูดจบก็เดินตรงไปอีกฝั่งของห้องพัก ซึ่งเป็นครัวร้อนของร้าน พี่แกก็คงจะไปดูความเรียบร้อยดูเครื่องสั่งพิมพ์เมนูเผื่อมันจะมีปัญหาแบบเมื่อวานอีกละมั้ง
ผมกับเดรคเดินตามไปเพื่อตักอาหารเข้ามานั่งกินในห้องพักก่อนที่ลูกค้าจะเริ่มเข้า เรานั่งกินข้าวกันเกือบสิบห้านาทีจนกระทั่งเกือบจะหนึ่งทุ่ม กัปตันก็ส่งข้อความเข้ากรุ๊ปไลน์ของร้านเพื่อแจ้งว่าใครอยู่โซนไหน ส่วนใหญ่จะคอยสับเปลี่ยนกันไปเรื่อย ๆ เพราะบางโซนถ้าวันปกติลูกค้าจะไม่มีทำให้ทิปหดหาย เลยต้องเปลี่ยนกันบ่อย ๆ ด้วยความที่โทรศัพท์ตัวเองหน้าจอแตกผมจึงต้องอาศัยดูจากโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดของเดรคแทน พอดูโซนที่รับผิดชอบเสร็จผมก็พาตัวเองไปนั่งรอลูกค้าตรงโซนที่หนึ่ง
นั่งแก่วอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมงกัปตันก็เดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เรานั่งคุยกันได้เกือบสิบนาทีผมก็รู้สึกว่ามีสายตากำลังจับจ้องมาที่ผมอยู่ตลอดเวลา แต่หันไปมองก็ไม่เห็นใครสักคนเห็นแต่พี่ครามที่กำลังนั่งมองจอโน๊ตบุ๊กอยู่คนเดียว
"เป็นอะไรหรือเปล่า พี่เห็นมองหาอะไร"
"เปล่าครับผมก็มองไปเรื่อย ๆ สงสัยว่าทำไมลูกค้ายังไม่มากันสักที"
"เรารีบหรอ นั่นไงมาล่ะ" พี่เกรย์พูดยิ้ม ๆ พลางชี้นิ้วไปที่ทางเข้า ซึ่งมีลูกค้ากำลังเดินเข้ามากลุ่มหนึ่งพี่ผู้ชายที่แต่งตัวจี๊ดจ๊าดคนนั้นหน้าตาคุ้นจริง ๆ ผมรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาลูกค้าที่กำลังถูกการ์ดตรวจบัตรอยู่
"อ้าว! ยินทำงานที่นี่เหรอ" ผู้ชายคนที่หน้าตาคุ้น ๆ ทักขึ้น ผมยิ้มให้แล้วยืนนึกครู่เดียวก็นึกออกพี่ปีสี่ในสาขาของผมนี่เองเพราะพี่สี่ดูจะยุ่ง ๆ เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไร ยิ่งพี่แกแต่งตัวเต็มแบบนี้ผมเลยจำไม่ได้
"ครับพี่ มาเที่ยวหรอฮะ" ผมถามพร้อมเดินช้า ๆ คู่กับพี่ปีสี่ที่ยังนึกชื่อไม่ออก จำได้ว่าอะไรสระเอียวนี่นา
"ใช่ ดูโต๊ะให้พี่หน่อยดิ" พี่ปีสี่พูดกับผมพร้อมสอดส่องสายตาเพื่อหามุมที่ต้องการ ขณะที่ผมเองก็กำลังนึกชื่อพี่เขาอยู่
"เคียว มึงเพื่อนมาอีกสามว่ะ" พี่ผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังส่งเสียงเรียกพี่ปีสี่ของผม ซึ่งส่งผลให้ผมนึกชื่อพี่แกออกพอดิบพอดี
"เพิ่มอีกสามเป็น 10 คนพอดี มีตรงไหนดี ๆ บ้างมั้ย" พี่เคียวถามผมขณะที่นับจำนวนเพื่อนตัวเองเสร็จ
"พี่มาเที่ยวกันเฉย ๆ หรอฮะ มากันเยอะมากเลย"
"วันเกิดเพื่อนพี่อะเลยพากันมาเที่ยว"
"งั้นนั่งโซนนี้ดีมั้ยฮะ ตอนเที่ยงคืนเดี๋ยวผมบอกนักดนตรีเล่นแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้" ผมบอกพี่เคียวพร้อมชี้ไปที่โต๊ะในโซนของตัวเอง
"ได้ดีเลย แล้วจะต่อโต๊ะได้มั้ยอ่ะเผื่อมันมากันเพิ่ม"
"ได้เลยครับพี่" พอเพื่อนร่วมโซนเห็นว่าผมรับลูกค้าเสร็จแล้ว ก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยต่อโต๊ะเพิ่มอีก 3 ตัวพร้อมกับรับออเดอร์เหล้าและมิกเซอร์ ส่วนผมรอรับออเดอร์อาหาร หลังจากรับออเดอร์เสร็จผมก็เดินไปคีย์ข้อมูลออเดอร์ที่ไอแพดซึ่งถูกตั้งไว้หน้าบาร์ค็อกเทล พอคีย์ข้อมูลเสร็จก็ต้องไปเตรียมถ้วยจานเพื่อให้ลูกไว้ใช้ใส่อาหารที่สั่ง
เวลาสามทุ่มเป็นเวลาที่ลูกค้าเริ่มเข้าร้านเยอะที่สุด ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับวงดนตรีวงที่สองต้องทำการแสดงพอดี
"กัปตันนักร้องวงผมมาไม่ได้ รถชนมันเมื่อกี้ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล"
"เป็นอะไรมากมั้ย"
"ไม่ครับพี่ แต่เนี่ยวงผมใกล้จะขึ้นแล้วเอาไงดี"
"พี่ขอคิดแป๊บนะ" เสียงพี่เกรย์กับนักดนตรีคุยกันอยู่ข้างเวทีการแสดง ผมกับเดรคหันไปมองอย่างสนใจเพราะพี่เกรย์ที่ปกติจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ ตอนนี้ดูเครียดมากจนหน้าถอดสีพร้อม ๆ กับที่เจ้าของร้านเดินเข้ามาถามเหตุการณ์ที่น่าสงสัยนี้
"มีอะไรหรือเปล่า"
"นักร้องมาไม่ได้รถชน วงใกล้จะต้องไลฟ์แล้วอะ พี่ถามในไลน์หมดแล้วแต่วันนี้วันเสาร์ทุกคนมีงานหมดเลย เอาไงดี" พี่เกรย์พูดกับพี่ครามพร้อมกับกดโทรศัพท์ยิก ๆ พี่ครามเองก็ดูจะเริ่มเครียดขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
"พี่ลองถามพนักงานในร้านดูว่ามีใครร้องเพลงได้มั้ย" พี่ครามเสนอความเห็นทำให้พี่เกรย์มีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย
"ยินร้องได้ครับ" ขณะที่พี่เกรย์กำลังจะถามทุกคนผ่านวิทยุสื่อสาร เดรคก็ชิงพูดพร้อมใช้นิ้วชี้มาที่หน้าของผม พี่ครามและพี่เกรย์หันมามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพยักหน้าให้
"ยินช่วยขึ้นร้องแทนหน่อยได้มั้ย" ผมกำลังงง ๆ กับเหตุการณ์เมื่อครู่ กัปตันก็เดินเข้ามาใกล้พร้อมแตะไหล่ถามย้ำคำถามก่อนหน้านี้
"ผมกลัวลูกค้าไม่พอใจอะพี่ ผมร้องไม่เพราะ"
"ไม่เพราะอะไรของมึงวะยิน ก่อนหน้านี้มึงก็ร้องเพลง" เดรคขัดขึ้นก่อนจะเดินไปชะเง้อมองลูกค้าในโซนของเรา
"แต่ผม…"
"ให้พันนึง" ขณะที่ในหัวมีคำว่าแต่เต็มไปหมดพี่ครามก็พูดประโยคชวนคิดตามขึ้นมา ดูเหมือนเขาจะจับทางความร้อนเงินของผมได้ซะแล้วล่ะ
"โอเคครับ" ผมรีบตอบตกลงก่อนที่พี่ครามจะเปลี่ยนใจ พอเห็นว่าแก้ปัญหาได้พี่เกรย์เลยไปช่วยดูลูกค้าในโซนของผม แล้วให้ผมไปเตรียมตัวเสริมหล่อที่ห้องพักพนักงานก่อนขึ้นไลฟ์
ผมเข้าไปในห้องพักได้แค่สามนาทีพี่ครามก็เดินเข้ามาตามเพราะถึงเวลาที่จะต้องขึ้นเวทีแล้ว
"ตื่นเต้นหรือไง" พี่ครามถามเพราะเห็นผมกำลังเป่าลมหายใจออกทางปากอย่างตื่นเต้น ก็ผมไม่ได้ขึ้นเวทีมาตั้งเกือบหกเดือนแล้วนี่นา ตอนนี้พอต้องขึ้นเวทีจับไมค์ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
"ใช่ฮะ"
"กับเรื่องอื่นไม่เห็นตื่นเต้นแบบนี้"
"พี่หมายถึงเรื่องอะไร"
"รู้แล้วจะถามทำไม"
"ก็เรื่องนั้นผมจำไม่ได้ผมจะตื่นเต้นไปทำไม อีกอย่างผมบอกให้พี่ลืมไม่ใช่หรอ"
"เรื่องแบบนั้นมันลืมได้ที่ไหน ทำตัวเป็นเด็กกร้านโลก" พี่ครามบ่นพึมพำพอให้ได้ยินทั้งสองคน ผมเถียงกับเจ้าของร้านจนลืมไปเลยว่าตัวเองตื่นเต้นอยู่ ผมควรขอบคุณหรือควรด่าไอ้พี่ครามต่อดีนะ พอหายตื่นเต้นผมก็รีบพาตัวเองขึ้นไปยืนหันหลังให้คนดูแล้วเช็กไมค์ก่อน โชคดีที่ไฟเวทีถูกดับหมดเลยไม่เห็นว่าตอนนี้มือผมสั่นขนาดไหน เช็กเครื่องดนตรีอยู่ห้านาทีมือกลองก็ให้สัญญาณเริ่มทันที
Brew up 5ผมลากสังขารกลับจากสาขาตอนสี่โมงครึ่ง เราใช้เวลาทำวิเคราะห์น้ำในอาหานเกือบครึ่งวันเพราะอาจารย์ให้สาธิตให้น้องปีหนึ่งดูด้วย พอกลับมาผมรีบตรงดิ่งไปอาบน้ำเพราะหกโมงต้องรีบเข้าร้าน ผมไม่อยากเสียเงินค่าสายชั่งโมงละร้อยเลยรีบปั่นงานสุดชีวิต อะ…ผมบอกไปหรือยังว่าเมื่อวานหลังจากกลับมานับทิปในกระเป๋าดู ผมได้ทิปเกือบสี่พันแน่ะวันนี้เป็นวันอาทิตย์เดรคไม่ได้ทำพาร์ทไทม์ มีแค่ผมคนเดียว หลังอาบน้ำเสร็จเลยไม่ต้องรอใครตรงดิ่งไปที่ร้านได้เลย พอเดินเข้าไปในร้ายผมเจอพนักงานประจำซึ่งจำนวนของพนักงานต่างจากเมื่อวานเกือบครึ่ง เพราะพรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุดวันนี้คนเลยลดลง วันนี้เลยไม่มีพนักงานพาร์ทไทม์"เดี๋ยวนี้พี่ครามเข้าร้านเร็วจังวะ" พี่อาร์มพนักงานประจำของร้านหันมาพูดกับผม ทุกคนในร้านรู้ดีว่าพี่ครามจะเข้ามาร้านก็สามสี่ทุ่มตลอด แต่สองวันมานี้พี่ครามเข้าร้านพร้อม ๆ กับที่พนักงานเข้ามาทำความสะอาดร้านเลย"สงสัยมาจับผิดเรามั้ง ฮ่า ๆ" ผมพูดเสร็จก็หันไปถูโต๊ะเพื่อทำความสะอาด พี่อาร์มหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะยกเก้าอี้
Brew up 4ผมร้องเพลงเสร็จทุกคนปรบมือกันดังมากจนผมลืมความตื่นเต้นก่อนหน้านี้ไปซะสนิทเลย พี่เกรย์ก็ชูนิ้วโป้งทั้งสองนิ้วพร้อมยิ้มหวานให้ผม"สวัสดีทุกคนนะครับ ขอต้อนรับสู่ห้องนั่งเล่นสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนหย่อนใจในคืนวันเสาร์แบบนี้ สามารถแนะนำเพลงกันขึ้นมาได้นะครับแต่ถ้าใครแนบทิปมาเราจัดให้พิเศษแน่นอนฮะ" พอผมพูดติดตลกใส่ไมค์เสร็จมือกลองห็ให้สัญญาณเริ่มเพลงที่สองต่อเลย นอกจากกระดาษขอเพลงแล้วผมยังได้รับทั้งเหล้าทั้งเบียร์และทิปพิเศษจากลูกค้า ที่ชื่นชอบเสียงผมเป็นพิเศษอีกด้วยวันนี้วันสินะเพราะผมได้ทิปไม่หยุดเลยLaiknam's saidหลังจากขึ้นร้องเพลงในฐานะนักร้องจำเป็น ดูเหมือนเจ้าเด็กหัวส้มนั่นจะได้ความสนใจจากลูกค้ามากเป็นพิเศษ นอกจากหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแล้วเด็กนั่นยังอัธยาศัยดี ยิ้มเก่ง นี่ผมเพิ่งบอกว่าเด็กหัวส้มนั่นน่ารักใช่หรือเปล่า หลังจากที่คุยกับพี่ชินเสร็จผมก็คิดทบทวนมาตลอดทั้งวัน วันนี้ถึงได้รีบเข้าร้านเพราะผมไม่มั่นใจว่าตัวเองรู้สึกอะไรกับเด็กนั่นหรือเปล่า"เหลือเวลาอีกสองเพลงสุดท้ายแล้ว ใครมีเพลงอะไรแนะนำกันเข้ามาได้เลยนะฮะ" ยินพูดใส่ไมค์ช่วงก่อนขึ้นเพลงใหม่ ผมนั่งจ้องเด็กนั่นมาสั
Brew up 3หลังจากพักฟื้นมาครึ่งวันผมก็สร่างเมา อาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปเมาในเวลางานต่ออีก โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ทำให้ผมไม่ต้องฝืนสังขารไปเรียนทั้ง ๆ ที่แฮงก์หนักขนาดนี้ ก็อย่างที่เดรคมันพูดผมไม่ใช่คนคออ่อนนะแต่เมื่อคืนหนักสุดเพราะคนปกติเวลากินเหล้ากินเบียร์ก็เลือกกินแค่อย่างเดียว แต่นี่ผมกินทุกอย่างที่ในร้านมีเลยมานั่งแฮงก์ นอนแฮงก์ ยืนแฮงก์อยู่นี่ไง เดรคกำลังอาบน้ำอยู่เหมือนกันเพราะวันนี้เป็นอีกวันที่มันต้องทำพาร์ทไทม์ที่ร้าน เออ…เมื่อวานผมทำงานวันแรกได้ทิปตั้งพันห้าแน่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันผมรับประกันเลยว่าไม่อดตายแน่ ๆ ข้าวเย็นก็ไปกินที่ร้าน เงินออกทุก 15 วัน กัปตันของเราบริหารร้านแทนพี่ครามได้ดีจริง ๆ"มึงเพ้อไรอยู่วะยิน ไปได้ยัง" เดรคทักขึ้นขณะที่ผมกำลังนั่งเหม่อคิดอะไรไปเรื่อย ผมลุกขึ้นพยักหน้าให้มันก่อนจะหันไปหยิบเป้มาสะพาย แล้วเดินตามมันออกไป"มึงยังแฮงก์ไม่หายหรือไง" เดรคหันมาถามผมขณะที่ยืนรอผมปิดประตูบ้านอยู่ พอปิดประตูเสร็จผมก็หันไปตบไหล่มันหนึ่งที"นิดหน่อย แต่เดี๋ยวไปถอน" ผมตอบมันพร้อมใช้มือพยายามเกาะไหล่มันเดิน แต่บังเอิญผมเตี้ยกว่ามันเลยดูเหมือนเด็กกำลังปีนผู้ใหญ่อยู่
Brew up 2ผมลืมตาขึ้นมาในเช้าของอีกวันเพราะเเสงอาทิตย์ทะลุผ่านผ้าม่านเข้ามา ก่อนจะขยับตัวให้ลุกจากที่นอนช้า ๆ พอมองไปรอบห้องสิ่งที่ทำให้ผมตกใจคือที่นี่ไม่ใช่ห้องเดรค ผมจำได้ว่าเมื่อคืนเลี้ยงรับน้องใหม่อย่างผมและหลังเมาจัดผมจำได้ว่าผมอยู่ที่ร้าน มันคลับคล้ายคลับคลาหรือผมฝันกันแน่นะ"ตื่นได้แล้วหรือไง" เสียงที่ไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไรดังขึ้น จากประตูห้องน้ำที่อยู่ถัดจากเตียงไปไม่ไกลนัก ผมพยายามเพ่งมองอยู่นานเพราะคน ๆ นั้นใช้ผ้าขนหนูวางแปะไว้บนหัวเพื่อซับน้ำที่เปียกจากการสระผม"พี่เป็นใคร" ผมถามพร้อมกับเปิดผ้าห่มออกเพื่อจะลุกจากที่นอน แต่พอเปิดได้แค่นิดเดียวก็ต้องปิดไว้เหมือนเดิมเพราะใต้ผ้าห่มผมไม่ได้ใส่อะไรอยู่เลยแม้แต่ชิ้นเดียว"อะ จำเจ้าของร้านตัวเองไม่ได้แล้วหนึ่ง""พี่ครามเหรอ""เออ จะใครล่ะก็เมื่อคืนเมาอยู่ที่ร้าน""แล้วทำไมผมอยู่สภาพนี้อะ""คิดเอาเอง ไปอาบน้ำไป่" พี่ครามพูดจบก็ขว้างผ้าขนหนูมาตรงหน้าของผม ผมรีบเอาผ้าขนหนูพันไว้รอบตัวแล้วตรงเข้าห้องน้ำที่เขาเพิ่งจะออกมา ใช้เวลาอาบน้ำแค่ 5 นาทีผมก็รีบออกมาเพราะมีบางอย่างอยากจะถามเจ้าของร้าน พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นพี่ครามนั่งเป่าผมอยู่หน้า
Brew up 1หลังจากพี่เกรย์ผู้จัดการร้านสอนงานผมอยู่เกือบชั่วโมง ร้านก็เปิดเรียบร้อยแล้วแม้จะยังไม่มีลูกค้ามาก็ตามที ร้านอาหารกึ่งบาร์ของที่นี่จะแบ่งเป็น 4 โซน โซนแรกจะเป็นห้องกระจกซึ่งอยู่ฝั่งขวามือถ้ามองจากนอกร้าน ส่วนโซนที่สองจะเป็นโซนหน้าเวทีที่มีไว้โชว์ไลฟ์ของวงดนตรีที่มีทั้ง 3 วงจนกระทั่งปิดร้าน โซนที่สามจะเป็นโซนฝั่งซ้ายมือถ้ามองจากด้านนอกร้านและอยู่ตรงข้ามกับโซนแรกซึ่งเป็นห้องกระจก โซนสุดท้ายจะเป็นโซนที่ต่อจากโซนที่สองแต่เป็นโซนที่ไม่มีหลังคาคลุม อ๋อ! ที่สำคัญผมรู้แล้วว่าคนชื่อลายครามคือเจ้าของห้องนั่งเล่นเวลาผ่านไปชั่วโมงหนึ่งหลังจากที่กัปตันสอนงานผมเสร็จพี่แกก็อยู่ใกล้ตัวผมตลอดเวลาเผื่อผมยังไม่เข้าใจระบบสั่งเหล้าสั่งอาหารผ่านโปรแกรมของที่ร้าน พอเริ่มมีลูกค้ามาเรื่อย ๆ ผมก็คอยเดินเข้าไปสังเกตดูว่าพนักงานเก่ามีวิธีรับลูกค้ายังไงบ้าง โดยเราจะรับลูกค้าได้เฉพาะลูกค้าที่ไปนั่งในโซนที่เรารับผิดชอบเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดการแย่งลูกค้ากัน ผมว่าระบบของที่นี่ดูโอเคอยู่นะเพราะถ้ามีการแย่งลูกค้ากันอาจจะเกิดการทะเลาะกันก็ได้"สวัสดีครับ พี่มากันกี่คนครับ" ผมรีบเข้าไปหาลูกค้าผู้ชายซึ่งกำลัง
บทนำ"ไอ้ยินแกกลับมาเดี๋ยวนี้นะไอ้ลูกชั่ว" เสียงชายแก่ขี้เมาที่ทั้งตะโกนเรียกและตะโกนด่าผมไปพร้อม ๆ กันดังลั่นซอยที่ทั้งเล็ก ทั้งแคบในแถบชานเมือง ผมชื่อยินเป็นลูกชายของชายแก่คนนั้น คนที่กำลังตะโกนด่าและวิ่งไล่กวดผมอยู่เพราะผมวิ่งหนีออกมาจากทางเข้าบ้านของเจ้าหนี้ของเขา"กลับไปก็เขาขึ้นกบาลแล้ว" หลังจากพ่อขี้เมาของผมตะโกนด่าผมก็สวนกลับทันที ก่อนที่จะออกจากบ้านพ่อบอกว่าจะพาผมไปทำงานใช้หนี้ที่ผมไม่ได้ก่อ ทั้ง ๆ ที่ทุกวันนี้ผมก็เป็นคนหาเงินหาข้าวให้กิน แต่ตาแก่ขี้เมานั่นนอกจากจะไม่ทำงานแล้วยังติดการพนันเข้าขั้นเสพติด ไปกู้หนี้ยืมสินมาเรื่อย ๆ และครั้งนี้ก็เหมือนกัน ผมก็ไม่รู้ว่าไอ้เจ้าหนี้มันโง่หรือมันตั้งใจจะโกงตั้งแต่แรก ถึงได้ให้ตาแก่นั่นยืมเงินเกือบห้าหมื่นโดยไม่มีอะไรค้ำประกันเลย สุดท้ายตาแก่นั่นเลยพาผมมาเป็นคนใช้หนี้ โดยขายผมให้กับเกย์แก่ในหมู่บ้านที่เป็นเถ้าแก่ปล่อยเงินกู้ คิดดูว่ามันบัดซบขนาดไหนผมเป็นผู้ชายแต่ถูกขายใช้หนี้ แต่ผมไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงควรถูกขายเพราะไม่ว่าใครก็ไม่ควรถูกขายทั้งนั้นแหละ โชคดีที่ผมบังเอิญไปได้ยินพ่อคุยกับไอ้คนเก็บดอกถึงได้หนีออกมาได้ก่อนจะได้เดินเข้าป