ตอนที่สี่ สงสัย
"สวัสดีครับคุณมาร์ติน มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ" ชุนรับสายเจ้านายขณะที่เขากำลังพักผ่อนอยู่ในห้องพัก
"พรุ่งนี้เช้าเข้ามาพบฉันหน่อย ให้ป้าแนนซี่ดูแลจินไปก่อน" มาร์ตินสั่งคนสนิทอย่างชุนทันที เขามีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับจินจึงโทรเรียกชุนมาสอบถาม
"ครับ ได้ครับ" ชุนตอบรับด้วยความสงสัย
วันนี้เจ้านายของเขาแปลกๆ ตั้งแต่ตอนบ่ายที่โทรมาหาเขาแล้ว แล้วเย็นนี้ยังโทรมาตามให้เขาเข้าไปพบที่บริษัทอีก หรือเจ้านายจะมีเรื่องด่วน แต่เขาไม่กล้าถามจึงได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้หลังจากนั้นมาร์ตินก็วางสายไปทันที
มาร์ติน (Part)เมื่อตอนที่แจ๊คมายื่นข้อเสนอให้เขานั้น ในตอนแรกเขาได้ปฏิเสธไปเพราะตอนนั้นเขากำลังคบอยู่กับลินดา ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและแฟนสาวที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ประเทศ M
ลินดาเป็นผู้ดีเก่าที่ทั้งสวย รวย เก่ง และมีดีกรีเป็นถึงนางแบบสุดเซ็กซี่ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะมองด้านไหนเธอก็เหมาะสมกับเขาทุกประการ
จนกระทั่งในที่สุดแจ๊คต้องไปขอร้องคุณปู่ของเขาให้มาบังคับเขาแต่งงานกับจิน เพื่อที่แจ๊คจะได้ยืมเงินจำนวนมหาศาลไปลงทุนธุรกิจตัวใหม่ โดยในสัญญาระบุเพียงแค่ว่าให้เขาจดทะเบียนสมรสกับจินเป็นระยะเวลาหนึ่งปี โดยไม่ต้องจัดงานแต่งให้เอิกเกริกก็ได้ เมื่อแจ๊คสามารถนำเอาเงินลงทุนมาคืนเขาได้ เขาจึงค่อยหย่าขาดจากจิน มาร์ตินมองทุกมุมยังไงเขาก็เสียเปรียบเหมือนแจ๊คเอาลูกชายเพียงคนเดียวมาเป็นตัวประกันกับเขา
เขาจึงยื่นข้อเสนอพ่วงไปด้วยโดยให้แจ๊คเซ็นยกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของแจ๊คที่ขาดทุนย่อยยับมาให้เขาด้วย เขาจะบริหารเพื่อทำกำไรเองในช่วงหนึ่งปีนี้ แต่ถ้าแจ๊คหาเงินมาคืนจนครบทุกบาททุกสตางค์เขาจะเซ็นยกบริษัทคืนให้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงหนึ่งปีนี้เขาจะต้องบริหารจนได้กำไรกลับคืนมาแน่ และแน่นอนว่าแจ๊คย่อมยินยอม เพราะตอนนั้นบริษัทแจ๊คกำลังตกอยู่ในสภาวะขาดทุน
เมื่อตอนที่แจ๊คมาเซ็นเอกสารเขาได้นำรูปถ่ายที่แจ๊คคิดว่าจินดูดีที่สุดมาให้ แต่กลับกลายเป็นว่ามาร์ตินไม่คิดจะเหลือบมองเลย เขาจึงเอารูปโยนใส่ในลิ้นชักกลับไป เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงเปิดลิ้นชักหยิบรูปภาพของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาออกมาดู ในรูปปรากฏภาพเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าขาวสะอาดหมดจด ดวงตาสีดำสนิทส่อถึงความดื้อรั้น กับจมูกโด่งที่เชิดขึ้นเหมือนคนหยิ่งผยอง ซึ่งรับกับริมฝีปากบางที่เม้มสนิททำให้มองเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
ซึ่งแตกต่างจากวันนี้ แววตาที่มองเขานั้นเหมือนเด็กตื่นกลัว ริมฝีปากบางที่ยิ้มให้กับชุนนั้นคล้ายเด็กสดใสและร่าเริง หรือเขาจะตัดสินคนจากภายนอกกัน เรื่องนี้เขาก็ยังหาคำตอบไม่ได้นอกจากชุน ลูกน้องคนสนิทที่เขาส่งไปดูแลเด็กคนนี้แทน
ในเรื่องของธุรกิจ เขาสามารถอ่านใจคู่ค้าธุรกิจได้อย่างมองขาดเพราะเขารู้จักธุรกิจและคู่แข่ง แต่ในเรื่องของความรักเขาไม่เคยมี เพราะเขาไม่เคยมีความรักสักครั้ง ตั้งแต่เล็กจนโตเขาต้องเรียนรู้การทำงาน และสืบสายธุรกิจทั้งหลายของครอบครัว เรื่องของเขาและลินดานั้นเขาก็ไม่เคยมีความรักให้กับเธอเลย เพียงแต่เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่ประเทศ M เธอนิสัยดีและเข้าใจการทำงานของเขา
อีกอย่างลินดามีคุณสมบัติเพียบพร้อมและเหมาะสมกับเขาทุกประการ ตอนที่ลินดาขอเขาเป็นแฟนนั้น เขาก็คิดว่าไม่เสียหายตรงไหนจึงตัดสินใจคบกับเธอ จนกระทั่งเขาและลินดาเรียนจบและกลับมาอยู่ที่ประเทศ K ด้วยกัน เขาและลินดาจึงยังคบหากันต่อไป
และลินดาเองก็มีความหวังที่อยากจะสร้างครอบครัวร่วมกับเขาเช่นกัน ดังนั้นเมื่อแจ๊คมาขอกู้เงินโดยใช้จินเป็นข้อต่อรอง เขาจึงปฏิเสธในทันที แต่ใครจะคาดคิดว่าแจ๊คจะเข้าทางปู่ของเขา ซึ่งเขาจึงจำเป็นต้องยินยอมทำตามไปก่อน เรื่องนี้เขาจึงไม่ได้บอกให้ลินดารู้เพราะถึงยังไงหลังจากหย่ากับจินแล้ว เขาก็ตั้งใจจะแต่งงานกับลินดาตามคำขอของเธอ
แต่ในช่วงหลังๆ เขาไม่ค่อยมีเวลาให้ลินดา แต่ก็ยังคงส่งของขวัญราคาแพงไปให้เธอตามโอกาส นั่นจึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลินดาเปลี่ยนไป
ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากเขาได้ให้ลูกน้องคนสนิทตามสืบ จึงทำให้รู้ว่าลินดาแอบคบผู้ชายอีกคน และลินดาก็ได้ย้ายเข้าไปอยู่กับอเล็กซ์ที่คอนโดสุดหรูย่านใจกลางเมือง เมื่อเขามารู้ในภายหลังว่าทั้งสองคนแอบคบกันก่อนที่เขาจะทำข้อตกลงของแจ๊คแล้ว เขาจึงขอเลิกกับลินดาทันที
ทีแรกเขาตั้งใจว่าจะแต่งงานกับลินดาหลังจากหย่ากับจินเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเหลือเวลาอีกแค่เก้าเดือนเอง นี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่เขาเลิกกับลินดา และผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่เด็กคนนั้นล้มป่วย หลังจากเด็กคนนั้นออกจากโรงพยาบาล เขายังไม่เคยไปเยี่ยมจินเลยสักครั้ง ถึงแม้ชุนจะโทรมารายงานเรื่องของจินทุกวันก็ตาม
เมื่อตอนที่เด็กคนนั้นนอนอยู่โรงพยาบาล ย่อมแน่นอนว่าเขาทราบทุกเรื่องของจินจากที่ชุนโทรมารายงาน ตั้งแต่เด็กคนนั้นย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของเขา จนกระทั่งเข้าโรงพยาบาล แต่พักหลังมานี่ชุนไม่ค่อยจะโทรมารายงานเรื่องของจินเลย ถ้าเป็นเรื่องไม่สำคัญจริงๆ ดูจากวันนี้ทั้งสองคนค่อนข้างสนิทกันมาทีเดียว
ชุนเป็นคนสนิทคนหนึ่งที่เติบโตมาพร้อมกับเขาตั้งแต่เล็ก จนกระทั่งเขาไปเรียนต่อที่ประเทศ M จึงต้องห่างกัน ปกติชุนจะมีนิสัยเฉยชา ยิ้มยาก ทำงานเป็นระบบ และชัดเจน แต่เขาไม่เคยเห็นชุนยิ้มเลยสักครั้งจนกระทั่งในวันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรอยยิ้มของชุน เกิดอะไรขึ้นกับชุนกันนะ.. ข้อนี้เขาเองก็สงสัยเช่นกัน
ก๊อก.. ก๊อก.. เสียงเคาะห้องประตูของจินดังขึ้น ซึ่งจินกำลังอ่านตำราและวิธีทำขนมอยู่ จินขมวดคิ้วอย่างสงสัยจึงเดินไปเปิดประตู
"มีอะไรรึเปล่าครับ คุณชุน" จินถามด้วยความสงสัย ปกตินี่เป็นเวลาพักผ่อนหลังมื้อค่ำแล้ว ชุนจะไม่มารบกวนเวลาของเขาโดยเด็ดขาดถ้าไม่ได้มีธุระ
"ครับ พอดีพรุ่งนี้ผมมีธุระข้างนอกต้องออกไปตั้งแต่เช้าครับ ถ้าคุณจินต้องการอะไรก็บอกป้าแนนซี่ได้เลยนะครับ" ชุนต้องออกไปตั้งแต่ตอนเช้าตรู่เพราะกว่าเขาจะขับรถเข้าถึงตัวเมืองค่อนข้างใช้เวลา ถ้าออกสายหน่อยเขากลัวว่ารถจะติดและไปถึงช้าทำให้เลยเวลานัดของมาร์ติน
ดังนั้นเขาจึงมาบอกจินไว้ก่อน เกรงว่าคนตรงหน้าตื่นมาแล้วจะไม่เห็นเขา ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มาร์ตินจะให้เขาไปทำธุระอะไร
"อ๋อ.. ครับ คุณชุนไปทั้งวันเลยเหรอครับ" จินถามด้วยความอยากรู้เพราะเขาไม่เคยเห็นชุนออกจากบ้านเลยสักครั้ง ปกติจะเห็นชุนคอยดูแลอยู่ข้างกายตลอด จู่ๆ จินก็เกิดความรู้สึกเหงาขึ้นมาเมื่อชุนไม่อยู่ด้วย
เขาไม่เคยมีเพื่อนเลยตั้งแต่มาอยู่ในร่างนี้ มีแต่ชุนและป้าแนนซี่ที่คอยคุยด้วย ป้าแนนซี่เป็นแม่บ้านที่ดูแลเรื่องอาหารและทำความสะอาดบ้าน ซึ่งที่นี่มีคนอาศัยอยู่แค่สี่คน มีชุน เขา ป้าแนนซี่ และ พอล สามีของป้าแนนซี่ อีกทั้งบ้านของมาร์ตินยังค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง
"ผมก็ไม่แน่ใจครับ ถ้าเสร็จธุระเร็วกว่าที่คิดไว้ผมก็จะรีบกลับมาแล้วกันครับ" เมื่อจินได้ยินดังนั้นจึงยิ้มจนตาหยีให้ชุน ชุนอดใจไม่ไหวจึงเอื้อมมือไปลูบศีรษะจินเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
"คุณชุนครับ ผมขอเรียกคุณว่าพี่ชุนได้ไหมครับ ผมรู้สึกเหมือนคุณชุนเป็นพี่ชายผมเลยครับ นะครับ ผม.. ไม่มีใครเลย คุณชุนเหมือนเป็นญาติเพียงคนเดียวของผม คอยดูแลผม คอยห่วงใยผม ผมเรียกคุณว่าพี่ได้ไหมครับ" จินเอ่ยถามชุนด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เขารู้สึกขอบตาเริ่มร้อนผ่าวและน้ำตาจะพาลไหลลงมา
เขาเกิดมาไม่ว่าจะอยู่ในร่างเก่าหรือร่างใหม่เขาก็ไม่เคยมีพี่ชายสักครั้ง ชุนให้ความรู้สึกเหมือนพี่ชายที่อบอุ่นใจดีจริงๆ เขาจึงอยากมีญาติสักคนที่เป็นเหมือนชุน ไม่ต้องร่ำรวยมากแต่ขอแค่ใส่ใจและดูแลกันก็พอ ความลำบากกว่านี้เขาก็เคยเจอมาแล้วในร่างเก่า
หลังจากชุนได้ยินคำขอของจิน เขาก็นิ่งอึ้งไปในทันที เพราะเขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน อาจจะเป็นเพราะเขามาดูแลจิน ตั้งแต่จินแต่งงานกับมาร์ติน ได้เห็นทุกด้านของเด็กคนนี้ตั้งแต่เริ่มแรกจนมาถึงวันนี้ ความสงสารในวันนั้นที่เกาะกินหัวใจของเขามาตลอด จนกระทั่งเด็กคนนี้เปลี่ยนไป ความรู้สึกเอ็นดูเหมือนน้องชายก็เข้ามาแทนที่ จินคนใหม่นั้นร่าเริง คุยสนุก เฮฮา ชอบช่วยเหลือเขาและทุกๆ คนในบ้าน ทำให้ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้....
"ได้สิครับ คุณจิน แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าคุณมาร์ตินผมว่ามันไม่เหมาะสมมั้งครับ" ชุนเอ่ยแบบแบ่งรับแบ่งสู้ เขาไม่รู้จะวางตัวอย่างไรหากอยู่ต่อหน้ามาร์ติน
เมื่อจินได้ยินเช่นนั้นก็หลุดหัวเราะเสียงดัง ทำให้ชุนมองอย่างสงสัย
"โอ๊ย.. พี่ชุน กลัวอะไรไม่เข้าท่า คุณมาร์ตินจะมาได้ยินได้ยังไงในเมื่อเขาไม่เคยคิดจะมาที่นี่สักครั้ง ป่านนี้คงนับวันเวลารอเซ็นใบหย่าจากผมอยู่มั้งครับ" จินหลังจากได้ยินชุนอนุญาตเขาก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่จะมีพี่ชายเสียที
"ต่อไปพี่ก็เรียกผมว่าจินเฉยๆ ก็พอนะครับ ไม่ต้องมาคงมาคุณแล้ว ผมอึดอัดมาตั้งนานแหนะครับ" จินระบายความในใจออกมา
เขาเห็นชุนเป็นพี่ชายมาตั้งนานแล้ว แต่ชุนวางตัวตลอดเขาจึงเกรงใจ แต่วันนี้มีโอกาสจึงขอคุยอย่างเปิดอกกับชุนเสียเลย
"ครับผม คุณ.. เอ๊ย.. จิน" ชุนได้แต่หัวเราะแห้งๆ ด้วยความไม่ชิน
"คือผม.. อ๊ะ.. พะ.. พี่ ยังไม่ชินนะครับ ขอเวลาสักหน่อยนะครับ จิน" ชุนพูดพลางยกยิ้มให้จิน
"ครับ.. พี่ชุน" จินตอบรับเสียงลากยาว ทั้งคู่จึงได้แต่ยืนหัวเราะกันอย่างมีความสุขอยู่หน้าประตู
นานแล้วที่ชุนไม่เคยได้หัวเราะสักครั้งตั้งแต่คุณท่าน ปู่ของมาร์ตินรับอุปการะเขาและพาเขาไปชุบเลี้ยงในบ้านเพื่อให้เขาคอยดูแลและช่วยงานคุณมาร์ติน
เขาวางตัวดีมาตลอดเพื่อให้คุณท่านวางใจในตัวเขา และเขาจะได้ตอบแทนพระคุณของนายท่านที่รับเขามาดูแลหลังจากพ่อเขาเสียไป
ตอนที่สิบ เค้กผลไม้กับอาการที่เปลี่ยนไปใกล้ถึงวันเกิดของมาร์ตินเข้าไปทุกที จินจึงกำลังยุ่งวุ่นวายกับการหัดทำขนมเค้ก ต้องยอมรับเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำเค้กวันเกิดขึ้นมาได้หนึ่งก้อนกว่าจะขึ้นรูปได้แทบทำให้จินท้อไปหลายหน การตกแต่งหน้าเค้กก็ค่อนข้างยากสำหรับมือใหม่อย่างจิน เบี้ยวบ้าง ผิดรูปบ้าง จินหัดทำทั้งอาทิตย์จนได้เค้กรูปวงกลมสวยงาม จากนั้นจึงลงมือตกแต่งหน้าเค้กด้วยผลไม้ที่มาร์ตินชอบ แล้วปิดท้ายด้วยวิปปิ้งครีมแต่งขอบเค้กยอมรับเลยว่างานนี้ยากสุดๆ มือไม่นิ่ง ใจไม่นิ่งคือทุกอย่างอาจจะพังเลย เมื่อผลงานออกมาเป็นที่พอใจ จินจึงยกมือปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นตรงหน้าผากทันที"เฮ้อ.. เสร็จเสียที ไม่ง่ายเหมือนกันแฮะ" จินบ่นกับตัวเองเบาๆ"ว้าว.. สวยมากเลยค่ะคุณจิน" ป้าแนนซี่เอ่ยชมเมื่อเธอเดินเข้ามาในครัวแล้วเห็นขนมเค้กที่ถูกจินตกแต่งอย่างสวยงามวางอยู่บนโต๊ะ"คุณจินสุดยอดเลยค่ะ" ป้าแนนซี่ยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้จินด้วยความชื่นชม"ขอบคุณครับป้าแนนซี่ ไม่ง่ายเหมือนกันนะครับกว่าผมจะทำออกมาได้ขนาดนี้" จินพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปด้วยความเคยชิน เขาอยากจะเก็บผลงานไว้ชื่นชมในภายหลังหลัง
ตอนที่เก้า คิดถึงหลังจากจอห์นไปรับมาร์ตินที่เซฟเฮ้าส์เช้านี้ เขาก็ขับรถมุ่งตรงไปที่บริษัททันทีเพราะมาร์ตินมีประชุมตอนบ่ายที่บริษัท"คุณมาร์ตินครับ นี่คือเอกสารทั้งหมดที่จะประชุมบ่ายนี้ครับ" ลุค เลขาของมาร์ตินเข้ามาจัดแจงเอกสารการประชุมที่จะเกิดขึ้นบ่ายนี้ทันทีที่มาร์ตินก้าวเท้าเข้ามาในห้องทำงาน"ขอบใจ" มาร์ตินก้มมองเอกสารบนโต๊ะทีละเล่ม ก่อนจะกวาดสายตาอ่านเอกสารภายในเล่มอย่างรวดเร็ว"เที่ยงนี้คุณมาร์ตินจะรับอาหารบนนี้หรือข้างนอกครับ" ลุคเอ่ยถามเจ้านายก่อนจะเดินออกจากห้องทำงาน"บนนี้ก็แล้วกัน" มาร์ตินตอบลุคโดยที่สายตายังไม่ละจากเอกสารที่เขากำลังอ่านอยู่"ครับ" ลุคตอบก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องทำงานของมาร์ติน ออกไปหลังจากลุคจัดเก็บอาหารเที่ยงที่มาร์ตินทานไปเรียบร้อยแล้วก็ยกกาแฟเข้ามาเสิร์ฟให้มาร์ติน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่จอห์นเดินถือถุงบางอย่างเข้ามาในห้องทำงานของมาร์ตินพอดี"คุณมาร์ตินครับ คุณลืมถุงนี้รึเปล่าครับ หรือคุณจะเอากลับบ้าน ผมไม่แน่ใจเลยถือมาถามคุณก่อนครับ" จอห์นกล่าวพลางชูถุงกระดาษที่อยู่ในมือให้มาร์ตินดู"อ้อ.. เอามานี่เลยละกัน" มาร์ตินมองถุงในมือจอห์น ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่
ตอนที่แปด แกล้งหลังจากมื้ออาหารเย็นที่ปกคลุมไปด้วยความอึดอัดผ่านไป จินซึ่งกำลังรวบช้อนส้อมในจานเรียบร้อยแล้วกำลังจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร"จิน" มาร์ตินก็เรียกทันทีที่จินทำท่าจะลุกออกจากเก้าอี้ไป"เดี๋ยวนายไปหาฉันที่ห้องทำงานด้วยนะ" มาร์ตินพูดจบก็ลุกเดินออกจากห้องอาหารไปทันที ทิ้งให้จินสงสัยว่ามาร์ตินเรียกเขาไปคุยเรื่องอะไรกันแน่"เอ่อ.. พี่ชุนครับ พี่ชุนพอจะรู้ไหมครับว่าคุณมาร์ตินมีธุระอะไรกับผมรึเปล่า" จินหันไปกระซิบถามชุนซึ่งยืนอยู่มุมห้องชุนได้แต่ส่ายหน้าด้วยเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่ามาร์ตินมีธุระอะไรกับจิน ถึงเขาจะช่วยงานในห้องทั้งวันแต่ก็แทบไม่ค่อยได้คุยอะไรกับมาร์ตินมากเท่าไหร่จินได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว มาร์ตินคิดยังไงกับตนกันแน่ ในตอนแรกเขาก็พอรู้มาบ้างว่ามาร์ตินไม่ค่อยชอบเขาเหมือนกัน เพราะต่างคนต่างถูกบังคับให้แต่งงานกันแต่ทำไมตอนนี้เขาถึงได้เจอมาร์ตินบ่อยๆ เกือบจะสามเวลาหลังอาหารกันเลยทีเดียว เมื่อเช้าก็หนหนึ่งละ เมื่อบ่ายก็อีกหนหนึ่งละ นี่ก็อีกหนหนึ่งแล้วจะมีอีกครั้งก่อนนอนไหมเนี่ย.. จินบ่นกระปอดกระแปดกับตัวเองเบาๆ พลางเกาหัวแกรกๆ ด้วยความไม่เข้าใจก๊อก.. ก
ตอนที่เจ็ด ทำขนมเป็นเหตุหลังจากจินขึ้นไปนอนพักในช่วงเช้า เมื่อจินตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนบ่ายจึงเริ่มรู้สึกหิว เขาหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงเขาจึงเพิ่งจะรู้ว่าตนเองเผลอนอนหลับนานมาก เขาตั้งใจว่าจะนอนงีบเพียงครู่เดียวเท่านั้นเองเมื่อเขาเดินลงมาชั้นล่างก็เจอกับป้าแนนซี่ที่กำลังทำความสะอาดห้องนั่งเล่นพอดี"คุณจินคะ หิวรึยังคะ ป้าทำสปาเก็ตตีไว้ให้ค่ะ ถ้าหิวแล้วป้าจะไปอุ่นให้เลยค่ะ" ป้าแนนซี่ถามเมื่อเห็นจินเดินลงบันไดมาชั้นล่างเมื่อจินได้ยินดังนั้นจึงรีบพยักหน้าหงึกหงักด้วยดวงตาเป็นประกาย"ขอบคุณครับ ป้าแนนซี่ใจดีที่สุดเลยครับ" ว่าแล้วจินก็เดินตามป้าแนนซี่เข้าไปในห้องอาหารหลังจากทานมื้อกลางวันเสร็จจินสังเกตเห็นว่าบ้านค่อนข้างเงียบ จึงเดินเข้าไปในครัวเพื่อถามป้าแนนซี่ที่กำลังล้านจานอยู่"ป้าครับ ทำไมบ้านเงียบจังเลยครับ พี่ชุนไปไหนล่ะครับ ปกติผมเห็นพี่ชุนทำงานที่ห้องนั่งเล่นนี่ครับ" จินเอ่ยถามหลังจากเขาไม่เห็นชุน"อ๋อ.. คุณชุนกำลังช่วยงานคุณมาร์ตินที่ห้องทำงานค่ะ คุณจินมีอะไรรึเปล่าคะ" ป้าแนนซี่หันมาตอบจินขณะที่เธอกำลังเช็ดจานอยู่ในมือ"ปะ.. เปล่าครับ นี่คุณมาร์ตินยังไม่กลับอีกเห
ตอนที่หก ทดสอบ"จิน กำลังทำอะไรอยู่ครับ" ชุนเอ่ยถามขณะที่เห็นจินนั่งจดบางอย่างลงในสมุด "พี่ชุนว่างไหมครับ จินอยากลองทำขนมครับ จินอยากได้ส่วนประกอบของขนม พี่ชุนพาจินไปซื้อได้ไหมครับ" จินหลังจากอ่านตำราการทำขนมมาทั้งอาทิตย์จึงเกิดการทดลองอยากทำขนมขึ้นมา จึงชวนชุนพาไปซื้อของซึ่งชุนก็ไม่ปฏิเสธ ดีเหมือนกันจินจะได้มีอะไรทำแก้เหงาบ้างหลังจากที่ทั้งสองคนไปซื้อของตลอดช่วงเช้ากลับมา จินจึงลงมือทำคุกกี้เนยสดในตอนบ่ายทันที โดยมีชุนและป้าแนนซี่คอยช่วยเป็นลูกมือ ทั้งสามคนช่วยกันลองทำผิดทำถูกหลายครั้งกว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างในที่สุด"อืม คุณจินคะ คุณจินเก่งจริงๆ นะคะ ทำครั้งแรกก็ออกมาดีและอร่อยมากเลยค่ะ ถึงแม้ว่ารูปตัวคุกกี้จะยังไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่ถือว่าดีมากๆ เลยค่ะ" ป้าแนนซี่เอ่ยชื่นชมจินหลังจากชิมคุกกี้ไปหลายชิ้น"ใช่ พี่ก็ว่าอร่อยดีนะจิน เสียแต่รูปร่างมัน.. " ชุนพูดไม่จบเพราะกลั้นเสียงหัวเราะไม่ได้ หลังจากเห็นตัวคุกกี้ที่พวกเขาช่วยกันทำ มันใหญ่บ้าง เล็กบ้าง และบิดเบี้ยวบ้าง"ฮ่า.. ฮ่า.. ฮ่า.. " ชุนจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในที่สุด"โธ่.. พี่ชุน อย่าหัวเราะสิครับ นี่จินทำครั้งแรกนะคร
ตอนที่ห้า ความจริง"สวัสดีครับคุณชุน ไม่พบกันเสียนานเลยนะครับ" ลุคเลขาคนสนิทของมาร์ตินทักทายชุนทันทีที่เดินเข้ามาถึงหน้าห้องมาร์ติน"ครับ พอดีไปทำธุระให้คุณมาร์ตินน่ะครับ" เขาตอบรับลุคที่เดินมาทักทายเขาจริงสินะ เขาไม่ได้เข้าบริษัทมาเกือบสี่เดือนแล้วหลังจากที่เขาไปดูแลจิน ปกติเขาจะติดตามมาร์ตินตลอดเวลา ยกเว้นในบางครั้งมาร์ตินจะใช้ให้เขาไปทำธุระสำคัญที่อื่นแทนถึงจะไม่ได้เข้าบริษัทกับมาร์ติน"อ๋อ.. ครับ นี่คุณมารอพบคุณมาร์ตินรึเปล่าครับ" พอชุนพยักหน้าเป็นคำตอบลุคจึงพูดขึ้น"คุณมาร์ตินยังไม่เข้ามาเลยครับ คุณชุนดื่มอะไรไหมครับเดี๋ยวผมชงให้""งั้นผมขอเอสเปรสโซ่แก้วหนึ่งครับ" ลุคยิ้มให้เชิงตอบรับพร้อมเดินไปชงกาแฟให้ชุนทันที"ได้แล้วครับ" ลุคเดินกลับมาถึงห้องรับรองพร้อมยื่นแก้วกาแฟให้ชุน"ขอบคุณครับ" ชุนรับแก้วกาแฟมาจากลุค ลุคยิ้มให้ชุนอีกครั้ง ก่อนขอตัวออกไปทำงานครึ่งชั่วโมงต่อมา ลุคก็มาตามชุนไปพบมาร์ตินที่ห้องทำงานก๊อก.. ก๊อก.. เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้มาร์ตินเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารฉบับหนึ่งที่ค่อนข้างหนา"เข้ามาได้" มาร์ตินเอ่ยอนุญาตทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู ซึ่งเขาทราบอยู่แล้วว