ตอนที่หนึ่ง เหลือเชื่อ
"เฮ้.. จีน ถ้าเสร็จแล้วมาช่วยตรงนี้ด้วยนะ คนไม่พอรีบๆ เข้าล่ะ" เสียงตะโกนจากหัวหน้างานจัดเลี้ยงแห่งหนึ่งในโรงแรมตะโกนบอกจีน เพื่อให้มาช่วยกันยกอาหารออกไปจัดเตรียมพร้อมสำหรับงานเลี้ยงฉลองเปิดตัวน้ำหอมแบรนด์ดังของดาราชื่อดังแห่งเมือง Y
"ครับ" จีนตะโกนกลับไป แต่ในช่วงจังหวะที่เขากำลังหมุนตัวด้วยความเร็วอย่างเร่งรีบ จู่ๆ เขาก็รู้สึกหน้ามืดแล้วค่อยๆ ล้มลงไป และก่อนสติของเขาจะดับวูบ เขาได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานตะโกนเรียกชื่อของเขาด้วยความตกใจและทุกอย่างก็ดับมืดลง...
"เฮือก" เสียงหายใจที่เริ่มแผ่วเบาและกำลังจะหมดไป จู่ๆ ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งทำให้หมอ พยาบาล และชุน ชายหนุ่มผู้ดูแลผู้ป่วยพากันตกใจและหันไปมองคนที่นอนไม่ได้สติบนเตียงมาอาทิตย์กว่าแล้ว
"คุณหมอคะ.. คะ.. คนป่วยฟื้นแล้วค่ะ" พยาบาลสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงตกใจที่จู่ๆ คนป่วยซึ่งใกล้หมดลมหายใจกลับฟื้นขึ้นมาพร้อมชีพจรที่เริ่มเต้นใหม่อีกครั้ง
เมื่อหมอได้สติจากเสียงเรียกของพยาบาล เขาก็รีบเดินเข้าไปตรวจดูอาการของคนป่วยอย่างละเอียดอีกครั้ง
"แปลก แปลกมาก ตอนนี้คุณจินฟื้นขึ้นมาแล้วชีพจรก็กลับมาเต้นตามปกติส่วนม่านตาก็ขยายปกติดีทุกอย่าง พรุ่งนี้ผมคงต้องตรวจคนไข้อย่างละเอียดอีกครั้งนะครับ" หมอต้องการทราบสาเหตุที่จู่ๆ คนป่วยหนักอย่างจินก็ฟื้นขึ้นมา ทั้งที่เขาเพิ่งจะบอกญาติให้ทำใจยังไม่ทันขาดคำ คนป่วยกลับฟื้นขึ้นมาราวกับปาฏิหาริย์
"ครับดีเหมือนกันครับคุณหมอ ผมจะได้ไปรายงานเจ้านายได้ถูกต้องครับ แต่ว่าตอนนี้คุณจินเป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ" ชุนผู้ดูแลคนป่วยตั้งแต่เด็กหนุ่มแต่งงานและเริ่มย้ายเข้ามาอยู่บ้านของเจ้านายของเขาเอ่ยถามหมอด้วยความเป็นห่วง
"ครับ หมอว่าเดี๋ยวอีกสักพักคนไข้คงจะฟื้นขึ้นมา ตอนนี้คนไข้กำลังอ่อนเพลียเป็นอย่างมากหมอจึงต้องให้น้ำเกลือและยาไปก่อน รอพรุ่งนี้ดูอาการของคนไข้อีกที ถ้าหากคนไข้มีอาการดีขึ้นหมอก็จะอนุญาตให้คนไข้เริ่มทานอาหารอ่อนๆ ได้ครับ" หลังจากหมอและพยาบาลเดินออกจากห้องไปได้สักพัก จีนก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
"แค่ก แค่ก" เสียงของจีนไอดังขึ้นมาเมื่อเขารู้สึกตัวด้วยอาการระคายเคืองที่คอ จีนค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อเขาได้สติ เขามองเห็นเพดานห้องคล้ายๆ โรงพยาบาลจีนจึงคาดเดาว่าเพื่อนๆ ของเขาพามาส่งโรงพยาบาลในขณะที่เขาหน้ามืดและหมดสติไป
"คุณจินครับ คุณจิน เป็นยังไงบ้างครับ" ชุนเมื่อได้ยินเสียงไอดังขึ้นมาเขาจึงคาดเดาว่าจินรู้สึกตัวตามที่หมอได้บอกก่อนหน้านี้
"น้ำ ผมหิวน้ำครับ" เสียงจีนแหบแห้งเนื่องจากร่างกายนอนป่วยมานานจึงรู้สึกคอแห้ง
"นี่ครับน้ำ" ชุนรีบรินน้ำให้จินทันที แต่เขาใส่หลอดเล็กๆ ลงไปในแก้วน้ำเพื่อไม่ให้จินดื่มน้ำเยอะจนเกินไป เพราะร่างกายของจินยังไม่ทันปรับตัว
หลังจากจีนค่อยๆ ดูดน้ำเสร็จแล้ว เขาจึงหันไปขอบคุณคนที่รินน้ำให้เขาดื่ม แต่เขาก็ตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเขาเห็นหน้าของชุนเพราะเขาไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อน ถึงแม้ชุนจะแต่งกายด้วยชุดสูทสีดำและผูกเนกไทเหมือนผู้จัดการงานเลี้ยง แต่เขาก็ไม่เคยเห็นหน้าและรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อนอย่างแน่นอน
"คุณ.. คุณ.. เป็นใครครับ" จีนถามด้วยอาการตกใจ
ชุนถึงกับงุนงงที่คนตรงหน้าทำเหมือนไม่รู้จักเขา ทั้งๆ ที่เขาก็ดูแลจินตลอดสามเดือนที่ผ่านมา หลังจากจินแต่งงานกับเจ้านายของเขาจินก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของมาร์ตินซึ่งเป็นเจ้านายของเขา ชุนแปลกใจที่จินจำเขาไม่ได้ เขาจึงทำตัวไม่ถูก "เอ่อ.. คุณจิน.. คุณจำผมไม่ได้เหรอครับผมชุนไงครับ"
จีนทั้งตกใจและงุนงงจึงพยายามนึกชื่อของคนตรงหน้า ชุน.. ชุน.. ชุน.. จู่ๆ ภาพในหัวก็ปรากฏขึ้นมาเป็นฉากๆ คล้ายกับกำลังฉายหนังเรื่องหนึ่งให้เขาได้ดู จีนไม่สามารถควบคุมภาพที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาในความทรงจำของเขาได้ เขาจึงได้แต่กุมศีรษะแน่น เมื่อชุนเห็นดังนั้นก็ตกใจรีบตามหมอเข้ามาดูอาการทันที
"คุณชุนไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คนป่วยอาจจะมีอาการปวดหัวอยู่บ้างเนื่องจากคนป่วยนอนหลับมาเป็นเวลานานครับ อีกอย่างพรุ่งนี้ผมจะตรวจให้ละเอียดอีกครั้งครับ วันนี้ควรให้คนป่วยพักผ่อนและปรับตัวไปก่อนนะครับ" หมออธิบายให้ชุนและจีนฟังก่อนจะนัดแนะเรื่องการตรวจในวันพรุ่งนี้ หลังจากไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงหมอและพยาบาลก็เดินออกจากห้องไป
"คุณชุนครับ ผมอยากเข้าห้องน้ำครับ" จีนเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงอยากจะเข้าไปสำรวจตนเองในห้องน้ำเพื่อความแน่ใจ
"ครับ ได้ครับ" ว่าแล้วชุนก็รีบเข้ามาพยุงและลากสายน้ำเกลือเพื่อพาคนป่วยเข้าห้องน้ำ
"ไม่ต้องครับ ส่งผมแค่นี้พอครับ" จีนรีบเอ่ยบอกก่อนที่ชุนจะตามเขาเข้าไปห้องน้ำด้วย
"แต่คุณจินจะไหวรึเปล่าครับ นอนมาเป็นอาทิตย์เลยนะครับ" ชุนถามด้วยความเป็นห่วง
"ไหวครับ ขอบคุณนะครับ" จีนรีบเอ่ยก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าห้องน้ำไป
เมื่อจีนไปยืนอยู่หน้ากระจกใสในห้องน้ำ เขาก็เกิดอาการตกตะลึงและอึ้งไปในทันที เด็กหนุ่มตรงหน้าของจีนคือคนที่เขาเห็นในความทรงจำก่อนหน้านี้ "จิน" นายคือจินที่เขาเห็นในความทรงจำอย่างงั้นหรอกเหรอ
จินเป็นเด็กผู้ชายผิวขาว รูปร่างบอบบาง ใบหน้าสะอาดหมดจดและเกลี้ยงเกลา ดวงตาหวานของจินนั้นโดดเด่นและรับกับริมฝีปากบาง จินจึงดูน่ารักมากกว่าผู้ชายด้วยกันเสียอีก อายุน่าของจินน่าจะราวๆ ยี่สิบ ซึ่งเท่ากับจีนในยุคปัจจุบัน แต่ชีวิตของจินช่างน่าสงสารมากนัก
จินเป็นเด็กหนุ่มและเป็นลูกเศรษฐีที่พ่อมีฐานะร่ำรวย แต่แม่ของจินได้เสียไปแล้ว พ่อของจินจึงเลี้ยงจินด้วยเงิน และไม่เคยมอบความรักให้จินเลยหลังจากที่จินได้สูญเสียแม่ไป พ่อของเขาปรนเปรอจินด้วยเงิน เงิน และเงิน
จึงทำให้จินเป็นเด็กหนุ่มเจ้าสำอาง ชอบแต่งตัวติดหรูและฟุ่มเฟือย เขาใช้ชีวิตแบบคุณหนูเอาแต่ใจเพราะเขาอยู่ในแวดวงของลูกคุณหนูไฮโซ แต่พักหลังๆ พ่อของจินทำธุรกิจล้มไม่เป็นท่า พ่อของเขาจึงตกลงทำสัญญาแต่งงานระหว่างจินและมาร์ตินขึ้นมา ซึ่งมาร์ตินเป็นนักธุรกิจหนุ่มและมีฐานะร่ำรวยอันดับต้นๆ ของประเทศ K
ในอดีตปู่ของมาร์ตินรู้จักกับปู่ของจิน ซึ่งในช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่พวกเขากำลังล้มลุกคลุกคลาน เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นของธุรกิจและร่วมฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มาด้วยกัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มาร์ตินยอมแต่งงานเพียงในนามตามคำขอของปู่เขา และเขาได้ทำสัญญาการแต่งงานพ่วงขึ้นมาอีกหนึ่งฉบับตามแบบฉบับของนักธุรกิจที่ไม่ยอมเสียผลประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว
ซึ่งในสัญญาได้ระบุไว้ว่า ถ้าหากครบตามสัญญาหนึ่งปีแล้วพ่อของจินไม่สามารถนำเงินมาคืนเขาได้ทั้งหมด เขาจะหย่าขาดกับจินและยึดบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของแจ๊คผู้เป็นพ่อของจิน ซึ่งมาร์ตินได้นำมาเป็นหลักประกันในการพ่วงสัญญาแต่งงานครั้งนี้ด้วย
แต่ถ้าหากว่าพ่อของจินสามารถนำเงินมาคืนเขาได้ภายในหนึ่งปี เขาจะหย่าขาดกับจิน พร้อมทั้งคืนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เขานำมาพ่วงในสัญญาให้ นอกจากนี้เขายังใจดีแถมเงินให้จินก้อนหนึ่ง เอาไว้ใช้และไม่ทำให้จินลำบากหลังจากพวกเขาได้หย่าขาดกันแล้ว
ซึ่งในช่วงระยะเวลาหนึ่งปีที่มาร์ตินเข้ามาดูแลและบริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของพ่อจินแห่งนี้ มาร์ตินก็ย่อมได้กำไรอย่างมหาศาลเพราะเขามีความสามารถรอบๆ ด้าน
แต่น่าเสียดายตั้งแต่จินแต่งงานและได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านของมาร์ติน เขาก็ไม่เคยได้เห็นหน้าของสามีเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะมาร์ตินเองก็ไม่เต็มใจในการแต่งงานตามคำขอของคุณปู่ในครั้งนี้ เขาจึงเพียงแค่เซ็นใบทะเบียนสมรสพร้อมเอกสารด้านกฎหมายให้ทนาย และส่งชุนลูกน้องคนสนิทมาดูแลจินแทน
ทางด้านจินหลังจากถูกพ่อบังคับให้จดทะเบียนกับมาร์ติน ก็ถูกพ่อของเขาพามาทิ้งไว้ที่บ้านของมาร์ตินก่อนจะหายไปโดยไม่เคยติดต่อกลับมาหาจินเลยสักครั้ง
จินทำใจไม่ได้ที่จู่ๆ ก็ถูกบังคับให้มาแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักเพราะครอบครัวตกต่ำลง เขาจึงเกิดความอับอายและเลิกติดต่อกับเพื่อนๆ จินกลายเป็นคนคิดมาก จึงทำให้ร่างกายผ่ายผอมและป่วยลง ในที่สุดจินก็ตรอมใจและเลือกที่จะจากไป
สามเดือนหลังแต่งงานจินที่เคยผุดผ่อง สง่างามตามแบบฉบับคุณหนูไฮโซก็ซูบผอม และตรอมใจ จนกระทั่งป่วยหนักและหมดสติไป
ชุนคอยดูแลปลอบใจแต่จินก็ปิดกั้นและไม่ยอมรับฟัง จินกักขังตนเองไว้ในห้องจึงทำให้ชุนอดเป็นห่วงไม่ได้ เมื่อเขาเห็นจินป่วยและหมดสติไป จึงรีบนำตัวของจินส่งไปที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
แต่ด้วยอาการตรอมใจทำให้จินไม่ยอมฟื้นขึ้นมาและเลือกที่จะจากไป ซึ่งเป็นช่วงจังหวะที่จีนหมดสติในขณะที่กำลังทำงานพอดี จีนก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขามาเข้าร่างของจินได้อย่างไร
แต่จำได้ว่าจิตสุดท้ายของเขายังไม่อยากตาย เขาอยากขอโอกาสอีกสักครั้งและเขาก็ได้โอกาสนั้นมาจริงๆ ต่อไปนี้เขาจะใช้ชีวิตแทนจินให้ดีที่สุด เพราะเขาอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกครั้ง เพื่ออยากทำในสิ่งที่เขาเคยวาดฝันไว้ เขาอยากเปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆ และภายในร้านตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของขนมที่อบใหม่ๆ เขาต้องทำให้ได้ เพราะร่างนี้อีกไม่นานก็จะเป็นอิสระจากสามีในนามที่ไม่เคยเห็นหน้าแล้ว
ชุนเองก็ดูแลเขาดีไม่น้อยเพียงแต่จินเจ้าของร่างเดิมยังไม่ปลงจึงเป็นทุกข์ อีกแค่เก้าเดือนเองสัญญาก็จะหมดลง ไม่ว่าพ่อของจินจะทำตามสัญญาได้หรือไม่เขาก็ต้องหย่าอยู่ดี
เมื่อสัญญาหมดย่อมหมายถึงอิสรภาพที่เขาจะได้รับ เขาอยากจะทำอะไรก็ได้ เพียงแต่ตอนนี้ต้องค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตั้งหลักและอยู่ไปก่อน เดี๋ยวเขาก็หาทางออกได้ ตอนนี้เขาต้องใช้โอกาสที่สองนี้ให้คุ้มค่า ชีวิตนี้ของเขาช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง
ก๊อก.. ก๊อก.. เสียงเคาะประตูหน้าห้องน้ำดังขึ้น ทำให้จินได้สติขึ้นมาในทันที เขาจึงรีบเดินมาเปิดประตูห้องน้ำ
"คุณจินครับ คุณจิน เป็นอะไรรึเปล่าครับ" ชุนเอ่ยถามจินด้วยความเป็นห่วงที่เห็นจินหายเข้ามาในห้องน้ำเป็นเวลานาน
"ขอโทษทีนะครับ พอดีไม่ค่อยได้ลุกเดินเลยช้าหน่อยครับ" จีนรีบเอ่ยบอกคนรอหน้าห้องน้ำทันทีที่เขาเดินออกมา
ชุนรีบเดินเข้ามาพยุงจีนทันที ทำให้จีนแอบสำรวจใบหน้าด้านข้างของคนที่ช่วยพยุง ชุนจัดเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ หน้าตาขาวสะอาดตัดกับผมรองทรงสีดำสนิทจึงทำให้ใบหน้าของชุนดูอ่อนเยาว์
ตาตี๋ๆ คิ้วเรียวเข้มๆ จัดว่าชุนหน้าตาดี ถึงไม่หล่อมากแต่ก็ดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและใจดี จากที่เขาเห็นในความทรงจำของจิน ชุนดูคล้ายพี่ชายที่ใจดี อบอุ่น และห่วงใยจินเสมอ ถึงแม้จะมาดูแลเขาตามคำสั่งของมาร์ตินก็ตาม
"ขอบคุณนะครับ" จินเอ่ยขอบคุณชุนจากใจจริงที่ดูแลเขาและเจ้าของร่างเก่ามาเป็นอย่างดี
"เอ่อ.. ครับ" ชุนขมวดคิ้วด้วยความงุนงงระคนแปลกใจ เพราะปกติคนตรงหน้าแทบจะไม่เคยเอ่ยปากคุยกับเขา ตั้งแต่เขามาดูแลจิน จินแทบจะไม่เคยคุยกับเขาเลยสักครั้ง
เมื่อเขาพยุงคนป่วยมานอนและห่มผ้าให้จินเรียบร้อยแล้ว จินก็นอนหลับไปอีกรอบเพราะฤทธิ์ของยา เขาจึงเดินออกไปข้างนอกเพื่อโทรรายงานมาร์ตินเกี่ยวกับเรื่องอาการของจิน
ตอนที่สิบ เค้กผลไม้กับอาการที่เปลี่ยนไปใกล้ถึงวันเกิดของมาร์ตินเข้าไปทุกที จินจึงกำลังยุ่งวุ่นวายกับการหัดทำขนมเค้ก ต้องยอมรับเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำเค้กวันเกิดขึ้นมาได้หนึ่งก้อนกว่าจะขึ้นรูปได้แทบทำให้จินท้อไปหลายหน การตกแต่งหน้าเค้กก็ค่อนข้างยากสำหรับมือใหม่อย่างจิน เบี้ยวบ้าง ผิดรูปบ้าง จินหัดทำทั้งอาทิตย์จนได้เค้กรูปวงกลมสวยงาม จากนั้นจึงลงมือตกแต่งหน้าเค้กด้วยผลไม้ที่มาร์ตินชอบ แล้วปิดท้ายด้วยวิปปิ้งครีมแต่งขอบเค้กยอมรับเลยว่างานนี้ยากสุดๆ มือไม่นิ่ง ใจไม่นิ่งคือทุกอย่างอาจจะพังเลย เมื่อผลงานออกมาเป็นที่พอใจ จินจึงยกมือปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นตรงหน้าผากทันที"เฮ้อ.. เสร็จเสียที ไม่ง่ายเหมือนกันแฮะ" จินบ่นกับตัวเองเบาๆ"ว้าว.. สวยมากเลยค่ะคุณจิน" ป้าแนนซี่เอ่ยชมเมื่อเธอเดินเข้ามาในครัวแล้วเห็นขนมเค้กที่ถูกจินตกแต่งอย่างสวยงามวางอยู่บนโต๊ะ"คุณจินสุดยอดเลยค่ะ" ป้าแนนซี่ยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้จินด้วยความชื่นชม"ขอบคุณครับป้าแนนซี่ ไม่ง่ายเหมือนกันนะครับกว่าผมจะทำออกมาได้ขนาดนี้" จินพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปด้วยความเคยชิน เขาอยากจะเก็บผลงานไว้ชื่นชมในภายหลังหลัง
ตอนที่เก้า คิดถึงหลังจากจอห์นไปรับมาร์ตินที่เซฟเฮ้าส์เช้านี้ เขาก็ขับรถมุ่งตรงไปที่บริษัททันทีเพราะมาร์ตินมีประชุมตอนบ่ายที่บริษัท"คุณมาร์ตินครับ นี่คือเอกสารทั้งหมดที่จะประชุมบ่ายนี้ครับ" ลุค เลขาของมาร์ตินเข้ามาจัดแจงเอกสารการประชุมที่จะเกิดขึ้นบ่ายนี้ทันทีที่มาร์ตินก้าวเท้าเข้ามาในห้องทำงาน"ขอบใจ" มาร์ตินก้มมองเอกสารบนโต๊ะทีละเล่ม ก่อนจะกวาดสายตาอ่านเอกสารภายในเล่มอย่างรวดเร็ว"เที่ยงนี้คุณมาร์ตินจะรับอาหารบนนี้หรือข้างนอกครับ" ลุคเอ่ยถามเจ้านายก่อนจะเดินออกจากห้องทำงาน"บนนี้ก็แล้วกัน" มาร์ตินตอบลุคโดยที่สายตายังไม่ละจากเอกสารที่เขากำลังอ่านอยู่"ครับ" ลุคตอบก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องทำงานของมาร์ติน ออกไปหลังจากลุคจัดเก็บอาหารเที่ยงที่มาร์ตินทานไปเรียบร้อยแล้วก็ยกกาแฟเข้ามาเสิร์ฟให้มาร์ติน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่จอห์นเดินถือถุงบางอย่างเข้ามาในห้องทำงานของมาร์ตินพอดี"คุณมาร์ตินครับ คุณลืมถุงนี้รึเปล่าครับ หรือคุณจะเอากลับบ้าน ผมไม่แน่ใจเลยถือมาถามคุณก่อนครับ" จอห์นกล่าวพลางชูถุงกระดาษที่อยู่ในมือให้มาร์ตินดู"อ้อ.. เอามานี่เลยละกัน" มาร์ตินมองถุงในมือจอห์น ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่
ตอนที่แปด แกล้งหลังจากมื้ออาหารเย็นที่ปกคลุมไปด้วยความอึดอัดผ่านไป จินซึ่งกำลังรวบช้อนส้อมในจานเรียบร้อยแล้วกำลังจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร"จิน" มาร์ตินก็เรียกทันทีที่จินทำท่าจะลุกออกจากเก้าอี้ไป"เดี๋ยวนายไปหาฉันที่ห้องทำงานด้วยนะ" มาร์ตินพูดจบก็ลุกเดินออกจากห้องอาหารไปทันที ทิ้งให้จินสงสัยว่ามาร์ตินเรียกเขาไปคุยเรื่องอะไรกันแน่"เอ่อ.. พี่ชุนครับ พี่ชุนพอจะรู้ไหมครับว่าคุณมาร์ตินมีธุระอะไรกับผมรึเปล่า" จินหันไปกระซิบถามชุนซึ่งยืนอยู่มุมห้องชุนได้แต่ส่ายหน้าด้วยเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่ามาร์ตินมีธุระอะไรกับจิน ถึงเขาจะช่วยงานในห้องทั้งวันแต่ก็แทบไม่ค่อยได้คุยอะไรกับมาร์ตินมากเท่าไหร่จินได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว มาร์ตินคิดยังไงกับตนกันแน่ ในตอนแรกเขาก็พอรู้มาบ้างว่ามาร์ตินไม่ค่อยชอบเขาเหมือนกัน เพราะต่างคนต่างถูกบังคับให้แต่งงานกันแต่ทำไมตอนนี้เขาถึงได้เจอมาร์ตินบ่อยๆ เกือบจะสามเวลาหลังอาหารกันเลยทีเดียว เมื่อเช้าก็หนหนึ่งละ เมื่อบ่ายก็อีกหนหนึ่งละ นี่ก็อีกหนหนึ่งแล้วจะมีอีกครั้งก่อนนอนไหมเนี่ย.. จินบ่นกระปอดกระแปดกับตัวเองเบาๆ พลางเกาหัวแกรกๆ ด้วยความไม่เข้าใจก๊อก.. ก
ตอนที่เจ็ด ทำขนมเป็นเหตุหลังจากจินขึ้นไปนอนพักในช่วงเช้า เมื่อจินตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนบ่ายจึงเริ่มรู้สึกหิว เขาหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงเขาจึงเพิ่งจะรู้ว่าตนเองเผลอนอนหลับนานมาก เขาตั้งใจว่าจะนอนงีบเพียงครู่เดียวเท่านั้นเองเมื่อเขาเดินลงมาชั้นล่างก็เจอกับป้าแนนซี่ที่กำลังทำความสะอาดห้องนั่งเล่นพอดี"คุณจินคะ หิวรึยังคะ ป้าทำสปาเก็ตตีไว้ให้ค่ะ ถ้าหิวแล้วป้าจะไปอุ่นให้เลยค่ะ" ป้าแนนซี่ถามเมื่อเห็นจินเดินลงบันไดมาชั้นล่างเมื่อจินได้ยินดังนั้นจึงรีบพยักหน้าหงึกหงักด้วยดวงตาเป็นประกาย"ขอบคุณครับ ป้าแนนซี่ใจดีที่สุดเลยครับ" ว่าแล้วจินก็เดินตามป้าแนนซี่เข้าไปในห้องอาหารหลังจากทานมื้อกลางวันเสร็จจินสังเกตเห็นว่าบ้านค่อนข้างเงียบ จึงเดินเข้าไปในครัวเพื่อถามป้าแนนซี่ที่กำลังล้านจานอยู่"ป้าครับ ทำไมบ้านเงียบจังเลยครับ พี่ชุนไปไหนล่ะครับ ปกติผมเห็นพี่ชุนทำงานที่ห้องนั่งเล่นนี่ครับ" จินเอ่ยถามหลังจากเขาไม่เห็นชุน"อ๋อ.. คุณชุนกำลังช่วยงานคุณมาร์ตินที่ห้องทำงานค่ะ คุณจินมีอะไรรึเปล่าคะ" ป้าแนนซี่หันมาตอบจินขณะที่เธอกำลังเช็ดจานอยู่ในมือ"ปะ.. เปล่าครับ นี่คุณมาร์ตินยังไม่กลับอีกเห
ตอนที่หก ทดสอบ"จิน กำลังทำอะไรอยู่ครับ" ชุนเอ่ยถามขณะที่เห็นจินนั่งจดบางอย่างลงในสมุด "พี่ชุนว่างไหมครับ จินอยากลองทำขนมครับ จินอยากได้ส่วนประกอบของขนม พี่ชุนพาจินไปซื้อได้ไหมครับ" จินหลังจากอ่านตำราการทำขนมมาทั้งอาทิตย์จึงเกิดการทดลองอยากทำขนมขึ้นมา จึงชวนชุนพาไปซื้อของซึ่งชุนก็ไม่ปฏิเสธ ดีเหมือนกันจินจะได้มีอะไรทำแก้เหงาบ้างหลังจากที่ทั้งสองคนไปซื้อของตลอดช่วงเช้ากลับมา จินจึงลงมือทำคุกกี้เนยสดในตอนบ่ายทันที โดยมีชุนและป้าแนนซี่คอยช่วยเป็นลูกมือ ทั้งสามคนช่วยกันลองทำผิดทำถูกหลายครั้งกว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างในที่สุด"อืม คุณจินคะ คุณจินเก่งจริงๆ นะคะ ทำครั้งแรกก็ออกมาดีและอร่อยมากเลยค่ะ ถึงแม้ว่ารูปตัวคุกกี้จะยังไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่ถือว่าดีมากๆ เลยค่ะ" ป้าแนนซี่เอ่ยชื่นชมจินหลังจากชิมคุกกี้ไปหลายชิ้น"ใช่ พี่ก็ว่าอร่อยดีนะจิน เสียแต่รูปร่างมัน.. " ชุนพูดไม่จบเพราะกลั้นเสียงหัวเราะไม่ได้ หลังจากเห็นตัวคุกกี้ที่พวกเขาช่วยกันทำ มันใหญ่บ้าง เล็กบ้าง และบิดเบี้ยวบ้าง"ฮ่า.. ฮ่า.. ฮ่า.. " ชุนจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในที่สุด"โธ่.. พี่ชุน อย่าหัวเราะสิครับ นี่จินทำครั้งแรกนะคร
ตอนที่ห้า ความจริง"สวัสดีครับคุณชุน ไม่พบกันเสียนานเลยนะครับ" ลุคเลขาคนสนิทของมาร์ตินทักทายชุนทันทีที่เดินเข้ามาถึงหน้าห้องมาร์ติน"ครับ พอดีไปทำธุระให้คุณมาร์ตินน่ะครับ" เขาตอบรับลุคที่เดินมาทักทายเขาจริงสินะ เขาไม่ได้เข้าบริษัทมาเกือบสี่เดือนแล้วหลังจากที่เขาไปดูแลจิน ปกติเขาจะติดตามมาร์ตินตลอดเวลา ยกเว้นในบางครั้งมาร์ตินจะใช้ให้เขาไปทำธุระสำคัญที่อื่นแทนถึงจะไม่ได้เข้าบริษัทกับมาร์ติน"อ๋อ.. ครับ นี่คุณมารอพบคุณมาร์ตินรึเปล่าครับ" พอชุนพยักหน้าเป็นคำตอบลุคจึงพูดขึ้น"คุณมาร์ตินยังไม่เข้ามาเลยครับ คุณชุนดื่มอะไรไหมครับเดี๋ยวผมชงให้""งั้นผมขอเอสเปรสโซ่แก้วหนึ่งครับ" ลุคยิ้มให้เชิงตอบรับพร้อมเดินไปชงกาแฟให้ชุนทันที"ได้แล้วครับ" ลุคเดินกลับมาถึงห้องรับรองพร้อมยื่นแก้วกาแฟให้ชุน"ขอบคุณครับ" ชุนรับแก้วกาแฟมาจากลุค ลุคยิ้มให้ชุนอีกครั้ง ก่อนขอตัวออกไปทำงานครึ่งชั่วโมงต่อมา ลุคก็มาตามชุนไปพบมาร์ตินที่ห้องทำงานก๊อก.. ก๊อก.. เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้มาร์ตินเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารฉบับหนึ่งที่ค่อนข้างหนา"เข้ามาได้" มาร์ตินเอ่ยอนุญาตทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู ซึ่งเขาทราบอยู่แล้วว