หลังจากฉันทายาเสร็จ ก็เดินไปหยิบถุงอัลมอนด์กับนมที่วางทิ้งไว้ แต่พอเปิดถุงเท่านั้นแหละ...
“ห๊ะ? หายหมดเลย?” อัลมอนด์ไม่เหลือแม้แต่เม็ดเดียว ส่วนกล่องนมก็เหลือแต่ซาก พอหันไปมองแพ็กนมที่ยังไม่ได้แกะ… หายไปอีกตั้งสองกล่อง ฉันยืนมึนไปสามวินาที ก่อนจะหลุดหัวเราะ “หึ...มีแมวขโมยสินะ แมวตัวใหญ่ด้วย” พูดยังไม่ทันขาดคำ อีตาคุณแม็กก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ผ้าขนหนูพันแค่เอว หยดน้ำเกาะพราวที่กล้ามท้องแน่นๆ ส่วนสายตา...เฉยเมยยิ่งกว่าอะไร ฉันยืนจ้องร่างเปลือยท่อนบนของเขาอย่างเผลอตัว โอ้พระเจ้าช่วย…รอยสักเต็มตัวนั่นมัน... เขาเลิกคิ้ว “มองอะไร?” “เอ่อ...คือ...คุณแม็กเห็นแมวบ้างไหมคะ?” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่อง “แมว?” เขาทวนเสียงขุ่น “ค่ะ...แมวตัวใหญ่ๆ ชอบเดินแถวๆ หน้าห้อง ชบาสงสัยว่าตอนเปิดประตูเข้ามา มันแอบเข้ามาในห้องด้วย เพราะขนมที่ชบาซื้อมา...หายหมดเลยค่ะ” คุณแม็กหรี่ตามองฉัน ก่อนจะตวาดเสียงต่ำ “กูไม่รู้ กูไม่เห็น เลิกถามกูซักที รำคาญ!” ฉันเบะปากใส่เขาเบาๆ พลางเลียนเสียงในลำคอ “กูไม่รู้~ กูไม่เห็น~ เลิกถามกู~” แล้วแอบแยกเขี้ยวใส่แผ่นหลังเขาที่เดินไปที่ระเบียง เฮ้อออ...กรรมของเวรจริงๆ พอจัดโต๊ะอาหารเสร็จ ฉันก็เดินไปสะกิดคุณแม็ก “คุณแม็กคะ มาทานข้าวเถอะค่ะ เดี๋ยวไก่ตุ๋นจะหายร้อนหมดแล้ว” เขาหันมามองฉัน สายตาแดงๆ เหมือนคนร้องไห้ …อีกแล้วเหรอ? แต่เขาก็ยอมเดินกลับเข้ามากินข้าว ฉันนั่งดูซีรีส์ไปด้วย กินข้าวไปด้วย ดูฉากพระนางกำลังจะจูบกันฉันนี่แทบจะเอาหน้าจอมากัด “กรี๊ดดด!!! เขาจูบกันแล้วววววววววววว~” แต่เสียงหัวเราะก็ต้องชะงัก เพราะพอหันไปมอง...คุณแม็กกำลังกอดอกมองฉันนิ่งๆ ด้วยคิ้วขมวดเข้าหากัน “ขอโทษค่ะ...” ฉันรีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน “รีบกิน อย่ามัวดูหนัง กูอิ่มแล้ว เอาไปเก็บ” เขาล้มตัวลงนอน ฉันรีบกินให้เสร็จแล้วเก็บจานไปล้าง ก่อนจะกลับมานอนที่โซฟาเหมือนเดิม #ตัดมาวันออกจากโรงพยาบาล ในที่สุด วันที่คุณแม็กออกจากโรงพยาบาลก็มาถึง… บนรถกลับบ้าน เขานั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่นานเหมือนกำลังดูรูปใครสักคน...แวบหนึ่ง ฉันเห็นเป็นรูปผู้หญิง...น่าจะเป็น "หนูนิด" คนที่เขาเรียกถึงตลอด พอถึงบ้าน แม่บ้านมาช่วยถือของ ส่วนคุณแม็ก...เดินหายเข้าไปในบ้านเหมือนหนีผี “ป้าคะ ชบาฝากเอากระเป๋าไปเก็บให้ด้วยนะคะ เดี๋ยวชบาเอายาไปให้คุณแม็กค่ะ” “ได้ค่ะคุณชบา” ฉันถือยากับเหยือกน้ำขึ้นไปที่ห้อง ก๊อกๆๆ “คุณแม็กคะ ชบาเองนะคะ ขออนุญาตเข้าไปนะ” แต่ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป... “ว๊ายยยยยยย!!!!” ฉันชนเข้ากับอกเปลือยเปล่าของคุณแม็กเต็มๆ ตัวเขายังมีแค่ผ้าขนหนูพันเอวอยู่ รอยสักทั่วร่างทำเอาฉันหน้าร้อนฉ่า “เข้ามาทำไม ใครอนุญาต?” “เอ่อ...คือ...ชบาเอายามาให้ค่ะ” เขาคว้ายาขึ้นมาแล้วโยนลงถังขยะต่อหน้าต่อตา “กูหายแล้ว ไม่จำเป็นต้องกิน!” “นี่คุณแม็ก!!” “เสร็จธุระแล้วก็ออกไป กูจะพักผ่อน” ฉันกัดฟันกรอด เดินไปหยิบยามายื่นให้ใหม่ “ยาค่ะ!!” “กูไม่กิน!!! ออกไป!!” “จะกินดีๆ หรือจะให้บังคับคะ” “นี่มึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร?” “ได้!!! งั้นบังคับก็ได้!” พึ่บ!! ฉันผลักคุณแม็กลงบนเตียง แล้วขึ้นคร่อมตัวเขาไว้ “มึงทำบ้าอะไร!!!” “ป้อนยาไงคะ” ฉันบีบจมูกเขาไว้ พอเขาอ้าปากก็ยัดยาใส่ปากทันที “แค่กๆๆ!!!” เขาสำลัก “น้ำนี่ค่ะ!” “มึงจะนั่งทับกูอีกนานไหม!!!” พอฉันมองตำแหน่งที่นั่งอยู่…โอ๊ย!! มันตรงเป้าเขาเป๊ะเลย “หึ...อ่อยกู?” “บ้า!!! ใครอ่อยคนอย่างคุณ!”ฉันรีบลุกออกทันที หัวใจเต้นแรงไม่หยุด รีบวิ่งออกจากห้องไปเหมือนโดนผีหลอก 19:00 น. ฉันนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร แต่คุณแม็กยังไม่ยอมลงมา “เดี๋ยวกล้วยไปตามให้นะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะพี่กล้วย เดี๋ยวชบาขึ้นไปดูเอง” ก๊อกๆๆ “คุณแม็กคะ...คุณแม็ก” เงียบ... ฉันเปิดประตูเข้าไป...ไฟในห้องมืดสนิท แต่แล้ว... เพล้ง!!! เสียงขวดแก้วแตกกระจายบนพื้น คุณแม็กนอนหมดสภาพอยู่ที่พื้น มือยังถือขวดเหล้า “คุณแม็ก!!” “หนูนิด...เฮียคิดถึงเธอจะตายอยู่แล้ว…”เขากำลังจะเปิดขวดใหม่ “คุณแม็ก!! เพิ่งออกจากโรงพยาบาลนะ!! จะกลับเข้าไปอีกหรือไง?” “อย่ามายุ่ง!!! เอาเหล้ากูคืนมา!!” เขาลุกพรวดขึ้นมา ฉันรีบแย่งขวดแล้วเททิ้งจนหมด พรึ่บ! ร่างฉันถูกเหวี่ยงลงบนเตียง “คุณแม็ก! ปล่อย!!” เขาไซร้ซอกคอฉัน มือก็เลื่อนมาบีบหน้าอก ฉันดิ้นแทบขาดใจ “หนูนิด...อย่าทิ้งเฮียเลย…” “ฉันไม่ใช่หนูนิด!! ตั้งสติหน่อยคุณแม็ก!!” ฉันเหลือบไปเห็นตุ๊กตาปั้นบนหัวเตียง เอื้อมมือไปหยิบทัน แล้ว… ปึกกกก!!!! ฉันฟาดลงที่หัวเขาเต็มแรง ร่างของคุณแม็กล้มลงกับพื้น เลือดไหลเต็มขมับ “ตายไหมวะ…?” ฉันรีบเอานิ้วจ่อจมูก ยังหายใจ...ฟังเสียงหัวใจ...ยังเต้น “เฮ้อออ!!! ยังไม่ตาย ค่อยยังชั่ว…” แล้วก็ต้องรีบพาเขากลับไปโรงพยาบาลอีกรอบความลับของพ่อเลี้ยงกลางดึก ในห้องหนังสือหลังคฤหาสน์บนเขาเสียงพายุข้างนอกกระทบกระจกเป็นจังหวะเนิบช้า แต่หนักแน่นพ่อเลี้ยงศักดา นั่งอยู่คนเดียวหน้าโต๊ะไม้สักใบใหญ่ แสงจากโคมไฟทำให้เงาของเขาพาดทับฝาผนังจนดูน่าเกรงขามเขาหยิบกล่องไม้เก่า ๆ ออกมาจากลิ้นชักลับใต้โต๊ะเปิดออกอย่างระมัดระวังด้านในคือ...รูปถ่ายเก่า ๆ ของเด็กหญิงสองคน — หนูนิดกับดาวสมุดบันทึกบางเล่มและ...จดหมายที่ไม่เคยส่งจดหมายจากแม่แท้ ๆ ของฝาแฝด“คุณศักดา…หากวันหนึ่งคุณได้รับจดหมายฉบับนี้ แสดงว่าฉันคงไม่ได้อยู่แล้วขอฝากลูกทั้งสองคนไว้กับคุณ แม้พวกเขาจะไม่ได้เกิดจากสายเลือดคุณ แต่คุณคือคนที่ฉันไว้ใจที่สุด...โดยเฉพาะ ‘ดาว’ลูกสาวคนเล็ก เธอไม่เหมือนนิด เธอฉลาดเกินเด็ก...และบางอย่างในตัวเธอทำให้ฉันกลัว ว่าเธออาจใช้ความฉลาดนั้นผิดทาง…”พ่อเลี้ยงวางจดหมายลงช้า ๆแววตาเขาเปลี่ยนไปจากความเข้มแข็งกลายเป็นหนักอึ้งเขาจำได้ดี...ตอนเด็ก ดาวเงียบเกินไป มองทุกคนด้วยสายตาที่เหมือนอ่านความลับของคนทั้งโลกได้ และมีหลายครั้งที่เธอ “จัดการ” คนที่กลั่นแกล้งเธอ โดยไม่ให้ใครจับได้ “ดาว...ฉันพยายามส่งแกไปไกล เพื่อให้แกลืมแม็ก”“แต่ดูเหมือน...
คืนนั้นที่คอนโดของแม็กชบากลับจากงานเลทกว่าเดิมแม็กนั่งเงียบอยู่ที่ระเบียง สูบบุหรี่มวนที่สามแล้ว เถ้าบุหรี่กองอยู่เต็มที่เขี่ยบุหรี่สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านเส้นผมเขาเบา ๆ แต่ไม่อาจพัดพาความคิดให้ปลิวไปด้วยได้“คิดอะไรอยู่เหรอคะ?”เธอนั่งลงข้าง ๆ เขา เอื้อมไปแตะมือเขาเบา ๆฝ่ามือของแม็กอุ่น แต่เต็มไปด้วยความแข็งกระด้างจากความเครียดแม็กหันมามอง แล้วก็ส่ายหน้า“เปล่า…แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”“เกี่ยวกับงาน?”เธอยิ้มบาง ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใย แม้จะพยายามไม่ถามมากเกินไปแม็กพยักหน้า“อืม…มีเด็กใหม่เข้ามาเยอะ ต้องคอยดูว่าทำงานได้มั้ย”คำตอบดูธรรมดา แต่สีหน้าเขาไม่ใช่และชบารู้…ว่าเงาของผู้หญิงคนนั้นเริ่มแทรกเข้ามาในความคิดของแม็กแล้ว แม้เขาจะไม่รู้ตัวเธอจับมือเขาแน่นขึ้น แต่ไม่พูดอะไรอีกเพราะบางครั้ง...ความเงียบก็เป็นวิธีเดียว ที่เธอจะยังยืนอยู่ข้างเขาได้---สองวันต่อมา - ห้องประชุมใหญ่การประชุมใหญ่ฝ่ายการตลาดเริ่มต้นขึ้นแม็กนั่งประจำที่หัวโต๊ะในห้องประชุมกระจกใสดาวนั่งอยู่ด้านหน้าห้องในชุดพรีเซนเตอร์ของแบรนด์เธอยิ้มทักเขาอย่างสุภาพ เมื่อเขาเดินเข้าห้อง สายตาแนบนิ่งแต่ส่งแรงบาง
สัปดาห์ต่อมาดาวเริ่มงานในตำแหน่งพริตตี้พิเศษของโชว์รูมรถหรูที่บริษัทแม็ก แม้จะดูเหมือนตำแหน่งทั่วไป แต่สายตาหลายคู่ในบริษัทภูมิรู้ดีว่าเรื่องนี้ "ไม่ปกติ"และโดยเฉพาะ...สายตาของชบาเธอเห็นทุกการเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนั้นท่าทางอ่อนหวานเรียบร้อย เสียงพูดนุ่มนวล รอยยิ้มที่ชวนให้นึกถึงใครบางคนในอดีตของแม็กและที่สำคัญ...สายตาที่ดาวใช้มองแม็กมันไม่ใช่สายตาของลูกน้องที่เคารพเจ้านายแต่มันคือสายตาของ "ผู้หญิงที่กำลังเล่นเกม"ตอนพักกลางวัน ชบานั่งอยู่ในห้องทำงานเลขาส่วนตัวเธอเปิดเอกสารตรงหน้า แต่ไม่ได้อ่านข้อความใดเลยใจของเธอจดจ่อกับภาพที่เธอเพิ่งเห็นเมื่อครู่ดาวยืนคุยกับแม็กหน้าโชว์รูมเธอยิ้มแบบเดียวกับที่หนูนิดเคยยิ้มหัวเราะเบา ๆ เหมือนหนูนิดเป๊ะ...แล้วแม็กล่ะ?แม้เขาจะไม่พูดอะไร แต่สายตาที่มองดาวก็ไม่เหมือนมองคนอื่นมันมีบางอย่างที่คล้าย…ความละลายใจเล็ก ๆ ที่เขาเคยมีเวลามองหนูนิดชบาไม่อยากคิดแบบนั้น แต่หัวใจก็เริ่มบีบรัดตัวเองโดยไม่รู้ตัว อีกด้านหนึ่ง – ในห้องประชุมเล็กดาวยืนอยู่กับก้อง หนึ่งในทีมบริหารเธอส่งแฟ้มให้ พร้อมยิ้มหวาน"พี่ก้องคะ ถ้ามีงานที่ต้องประสานกับพี่แม็กโดยตรง บอกห
สามเดือนต่อมา...สัญญาการจ้างงานในฐานะผู้ดูแลของชบาสิ้นสุดลงไปเรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งที่เริ่มต้นหลังจากนั้นต่างหาก...ที่ไม่มีวันหมดอายุแม็กกับชบาไม่ได้เป็นเพียงนายจ้างกับลูกจ้างอีกต่อไป แต่กลายเป็น “คนรัก” ที่กำลังวางแผนชีวิตคู่ร่วมกันอย่างจริงจัง ทั้งป๊า ม๊า น้ำ และทุกคนรอบตัวต่างก็ยินดีอย่างไม่มีข้อแม้ งานแต่งถูกวางกำหนดไว้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทุกอย่างดูราบรื่นเกินกว่าจะคาดคิด...จนกระทั่ง เช้านั้นฝ่ายบุคคลนำแฟ้มสมัครงานกองหนึ่งมาให้ฝ่ายการตลาดคัดเลือกพริตตี้ประจำโชว์รูมรถสปอร์ตของบริษัทแม็กระหว่างที่ ภูมิ กับ ก้อง สองลูกน้องคนสนิทของแม็กกำลังนั่งไล่ดูแฟ้มสมัครงานกันอย่างชิล ๆ สายตาของภูมิพลันชะงักไปที่ภาพในแฟ้มหนึ่ง“เดี๋ยวนะ...” ภูมิกระซิบพลางหยิบใบสมัครขึ้นมาเต็มตาเขาขมวดคิ้ว มองภาพถ่ายตรงหน้าด้วยความไม่แน่ใจ“ก้อง มึงดูคนนี้สิ…”ก้องขยับตัวเข้ามาใกล้ พลันเบิกตาโต“เฮ้ย...เหมือน...เหมือนคุณหนูนิดเลยว่ะ”“ใช่ไหมล่ะ กูไม่คิดว่าตัวจริงจะเหมือนขนาดนี้”ทั้งสองมองหน้ากันอย่างลังเล ไม่รู้ควรทำยังไงดีในขณะที่พวกเขายังพูดคุยไม่ทันจบ แม็ก ก็เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องพอดี“คุยอะไรกัน
แม็กหันมามองเธอ รอคำตอบจากคนตรงหน้า“แล้วสิ่งที่คุณอยากทำให้มันแปลกใหม่...คืออะไรเหรอคะ?”เสียงของเธอเบา นุ่ม แต่จริงจังเขาส่ายหน้านิด ๆ ก่อนตอบอย่างไม่แน่ใจ “ไม่รู้...แต่ถ้ากูอยากทำให้มันจริงจังขึ้น...จะเริ่มจากตรงไหนดี?”ชบายิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบช้า ๆ “เริ่มจาก...เขียนความฝันลงบนกระดาษค่ะแล้วค่อย ๆ วางแผน เหมือนที่พวกเราเคยทำตอนเรียนมหาลัย”แม็กพยักหน้ารับคำแนะนำเงียบ ๆ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ เดินหายเข้าไปในตัวบ้านไม่กี่นาทีต่อมา เขากลับมาพร้อมกับแผ่นกระดาษเปล่าหนึ่งแผ่น และปากกาธรรมดาหนึ่งด้ามเขานั่งลงข้างเธอ วางกระดาษลงบนโต๊ะไม้ตรงหน้า และเขียนบางอย่างด้วยลายมือของเขาเอง — ลายมือที่แข็งแต่ชัดเจน “เริ่มต้นใหม่ถ้ากูเริ่ม...มึงจะอยู่ด้วยไหม?”ชบามองเขาอยู่นาน ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้า ๆ แววตาแน่วแน่“ฉันจะอยู่ค่ะถ้าคุณยินดีให้ฉันอยู่”---บ่ายวันหนึ่ง — คาเฟ่เงียบในซอยเล็ก ๆเสียงเพลงแจ๊สเบา ๆ ลอยอยู่ในอากาศ แทรกกับกลิ่นกาแฟสดที่อุ่นกรุ่น ชบานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ‘น้ำ’ เพื่อนสนิทที่เป็นมากกว่าเพื่อน — เธอยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของแม็กแก้วกาแฟตรงหน้าชบายังไม่ได้แตะมันเลยสักนิดจนมัน เย็นล
แม็กมองหน้าเธอเงียบ ๆ ราวกับกำลังใช้เวลาคิดกับคำพูดนั้นทีละคำคำว่า “ไม่ใช่เพื่อแทนที่ใคร” มันดังสะท้อนในใจเขาเสียงนั้นเบา...แต่มันกระแทกลงลึกในที่ที่เขาซ่อนไว้ตลอดมาเขาเคยคิดว่าไม่มีใครมาแทนที่หนูนิดได้แต่วันนี้…เขาเพิ่งรู้ว่า อาจจะไม่จำเป็นต้อง “แทน”เพราะบางคน…อาจแค่อยู่ในที่ที่ต่างกัน แต่สำคัญไม่แพ้กันเขายกมือขึ้นแตะหลังมือของชบาเบา ๆสัมผัสนั้นต่างจากทุกครั้ง ไม่เร่งเร้า ไม่ต้องการอะไรแค่บอกเธอเงียบ ๆ ว่าเขา “รู้สึก”“มึงรู้ไหม…” เขาพูดเบา “ตอนแรกกูไม่ได้ตั้งใจจะให้มึงเข้ามาในชีวิตขนาดนี้”เสียงเขาเจือรอยฝืนหัวเราะเล็ก ๆ “กูแค่คิดว่า...ถ้ามีใครสักคนคอยอยู่ใกล้ กูก็จะหายจากความว่างเปล่าเร็วขึ้น”"__"ชบาเงียบ ฟังทุกคำ“แต่ไป ๆ มา ๆ…กูกลับรู้สึกว่า ความว่างเปล่านั้นแม่งมัน…กลัวมึงวะ”เขาหันมาสบตาเธออีกครั้ง “เพราะตั้งแต่มึงเข้ามา กูแม่งไม่เคยได้อยู่กับความว่างเปล่าเลย”เธอยิ้มบาง ๆ“แล้วคุณอยากให้มันกลับมาไหมคะ ความว่างเปล่า”“ไม่” เขาตอบทันที“ไม่อีกแล้ว”บรรยากาศระหว่างพวกเขานิ่งงันลงเพียงครู่เดียว ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาแนบอกไม่ใช่ด้วยแรงปรารถนาแต่ด้วยความรู้สึกที่เร