กรีน
จู่ๆ เขาก็ยื่นข้อเสนอที่ฉันเคยเล่าให้ฟังว่าเป้าหมายการมาเที่ยวในครั้งนี่ไม่ใช่แค่การมาพักผ่อนเพียงอย่างเดียว ใช่ค่ะฉันบอกเขาไปตรง ๆ ว่าฉันมาเที่ยวที่นี้คนเดียวอยากจะลองซื้อผู้ชายญี่ปุ่น ทุกคนฟังไม่ผิดค่ะ ชีวิตฉันตอนนี้มันแย่มากจนต้องอยากลองอะไรใหม่ ๆ บางทีชีวิตการทำงานวน ๆ ซ้ำ ๆ หาเงินจนไม่มีเวลาใช้มันก็น่าเบื่อ จะลองเปิดใจให้ใครเข้ามามันก็ไม่มีเวลาดูแลใครจนเขานอกใจหรือท้อแล้วหยุดสานสัมพันธ์กันต่อ แต่ด้วยหน้าที่การงานทางสังคมจะซื้อกินที่ไทยก็ห่วงภาพลักษณ์เลยหนีมาญี่ปุ่นเพื่อลองเปิดประสบการณ์ดี ๆ ใช้ชีวิตให้สุดเวี่ยงไปเลยเข้าใจอารมณ์แบบ มาสิ! ชีวิตคนบ้างานอย่างฉันมีเงินมันต้องซื้อได้ทุกอย่างให้สมกับที่หาเงินมาสิว่ะ!! “วันนี้คุณนอนห้องผมนะ” “ห้ะ!” ขณะที่เธอนั่งเหม่อลอย คิดโน่นนี่นั่นชายหนุ่มก็เอ่ยปากชวนเธอให้ไปนอนด้วยกับเขา “กลับพร้อมผมและนอนห้องผมนะครับ ” “ทำไมคะ ” “5 วันนี้ เราควรใช้เวลาให้คุ้มค่านะคะกับการเป็นแฟนกัน” เขาก็หันมาสบตาพร้อมอมยิ้มให้กับเธอไป “แล้วคุณไม่ต้องทำงานหรอ มีเวลาพาฉันไปเที่ยวขนาดนั้นเลย ” “มีก็เคลียร์ได้ครับ อื้ม… เราไปเที่ยวแถวยามากูจิไหม พอดีผมมีงานแถวนั้น 2 วันครับ ผมต้องไปทำธุระแถวนั้นหน่อยอ่าพอเสร็จงานแล้วผมจะพาคุณไปเที่ยวแถวนั้นคุณโอเคไหม หรือว่าคุณอยากไปไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า?” “ไม่มีค่ะ งั้นก็ไปด้วยกันก็ได้ค่ะคุณแฟน” หลังจากที่เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ตอบเขาไปซึ่งเหมือนว่าเขาอึ้งไปสักพักกับคำพูดของเธอก่อนหันหน้าไปสบตากับเธอ จนเธอเขินจนแก้มแดงเป็นลูกตำลึง ในที่สุดพวกเขาก็ถึงร้านอาหารขณะเดียวกันอาชิก็มองเธอด้วยสายตาที่มีเลศนัยเพราะเขาเห็นเธอเดินมาพร้อมกับเขา “อาหารมาพอดีเลยครับ เชิญนั่งเลยครับ” หญิงสาวนั่งตรงกลางระหว่างเขากับอาชิเพราะว่าเขาไม่ยอมที่จะนั่งอีกที่ที่พนักงานเตรียมเอาไว้ให้ “ยังไง ๆ หายไปนานเลยนะ กว่าจะมาได้ คงคุยงานเพลินเลยนะ” เพื่อนของเธอกระซิบเบา ๆ เธอหันไปยิ้มให้ด้วยตาสระอิให้เขาก่อนจะตอบคำตามของเพื่อนเธอ “ไม่ต้องยุ่งครับ!” “อุ๊ยแรง ชิ!” เพื่อนเธอทำท่าทางงอนเธอซึ่งก็ได้แต่สายหน้าเบา ๆ เพราะรู้ว่าเพื่อนเธอไม่ได้จริงจังอะไร “ฉันว่าจะกลับพรุ่งนี้ตอนเช้าเลยนะ แล้วแกจะอยู่ที่ญี่ปุ่นอีกกี่วัน” “อีก 5 วันนะว่าจะหาที่เที่ยวพักผ่อนแต่ไม่รู้ว่าจะไปไหนบ้างนะ ” “แล้วนี้แกจะเที่ยวคนเดียวจริง ๆ หรอหรือไง ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนไหม” “ทำเหมือนกับตัวเองว่างมากเลยนะ ไม่เป็นไรฉันขอพักผ่อนก่อน เพื่อเจอหนุ่ม ๆ แซ่บ ๆ พาไปพักกายพักใจ” อาชิถามพร้อมยักคิ้วให้กับเธอ เธอก็ตอบไปกวนพร้อมยักคิ้วคืนไปบ้างก่อรชนที่เธอจะรู้สึกว่าเธอเผลอพูดมากกับอาชิไปซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่เขาหันมาทำใส่ตาดุใส่เธอ “อุ้ย!” “นึกว่าเจอแล้วสะอีก แล้วนี่ทานข้าวเสร็จจะกลับพร้อมฉันเลยไหมจะได้ไปส่งที่โรงแรม” “ได้สิ แกก็ไปส่งฉันที่โรงแรมก่อนแล้วกัน แต่พรุ่งนี้ฉันไม่ไปส่งแกที่สนามบินนะ พอดีฉันไม่อยากตื่นเช้าอ่ะ” “ได้ ๆ ไม่ต้องไปส่งหรอก” เธอที่เพิ่งนึกออกว่ารับปากเขาไปแล้วนั้น เขาหันมองเธอมาเพียงหางตาที่บอกได้เลยว่าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ เธอไม่รู้จะทำยังไงเมื่อได้สติ เธอตัดสินใจพิมพ์แชทข้อความไปหาเขา แชทกรีน:ขอโทษนะพอดีว่าลืมว่านัดกับนาย ฉันไม่ได้ตั้งใจถ้างั้นฉันขอไปเก็บเสื้อผ้าแล้วคุณมารับฉันที่โรงแรมได้ไหม ติ้ง! แชทไทกะ:คุณต้องกลับพร้อมผม! เดี๋ยวผมจะพาไปเก็บเสื้อผ้าเอง แชทกรีน: ฉันรับปากกับอาชิแล้ว อีกอย่างฉันไม่อยากให้เขาสงสัยไปมากกว่านี้ คุณช่วยรอฉันที่โรงแรมหรือจะให้ฉันไปเจอคุณที่คอนโดดี นะนะ…น๊าาา แชทไทกะ: ไม่! วันนี้คุณเป็นแฟนผมฉะนั้นก็ต้องฟังผม เธออ่านข้อความแชทที่เขาส่งมาบอกตรง ๆ เลยตอนนี้เธอรู้สึกสับสนไปหมด ถ้าเธอไปกับเขาอาชิก็ต้องรู้แน่ว่าเธอกับเขาต้องมี Something กันแน่นอนฉันคิดหนักก่อนตัดสินใจพิมพ์แชทกับเขาต่อ แชทกรีน: เอางี้ ถ้าคุณให้ฉันกลับไปพร้อมอาชิฉันจะให้ของขวัญคุณดีไหม “หึ!ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลแผนนี้น่าจะได้ผล” เธอพึมพำเบา ๆ แชทไทกะ: อะไร? ข้อเสนอคุณมันจะพอทำให้ผมอนุญาตให้คุณกลับไปกับผู้ชายคนอื่นได้จริง ๆ หรอ แชทกรีน: ก็ต้องลองค่ะ แชทไทกะ: ได้ ผมจะลองเชื่อใจคุณสักครั้งผมให้เวลาคุณแค่ 10 นาที แล้วผมจะรอคุณที่ลานจอดรถของโรงแรมของคุณโอเคไหม แชทกรีน; ได้ค่ะ ๆ ขอบคุณนะคะ หลังจากนั้นเธอตัดสินใจชวนอาชิกลับโรงแรมเพราะเธอรู้สึกว่าวันนี้เธอได้ใช้พลังงานมากกว่าปกติ “ขอบคุณทุกคนมากนะครับ พวกเราทั้งสองหวังว่าจะได้ร่วมงานกันอีกนะครับ ไว้ถ้าได้มีโอกาสครั้งหน้าผมขอเลี้ยงข้าวตอบแทนพวกคุณบ้างนะครับ” “ยังไงโอกาสหน้ากรีนขอเป็นเจ้าภาพนะคะ” “วันนี้ขออนุญาตขอตัวกลับก่อนนะครับ” เธอบอกลาทุกคนพร้อมกับหันหน้าไปสบตากับคนที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ในตอนนี้ “ยังไงครับยังไง กับผู้บริหารหนุ่มหน้าหล่อคนนั้นสานสัมพันธ์เกินกว่านายจ้างลูกจ้างหรือเปล่าน๊าาาา หล่อดีเนอะว่าไหม” ขณะที่กำลังเดินทางกลับโรงแรมอาชิก็เอ่ยปากแซวเธอขึ้นมา “ตลกล่ะ สานอะไรคะเอาเวลาที่ไหนไปสานก่อน แกก็รู้ว่าฉันบ้างานขนาดไหนแถมนี่ก็..อยู่คนละประเทศ เอาเวลาที่ไหนครับพูดไปเลื่อยเลยนะแก” “ก็ไม่รู้อ่ะ เห็นมองหน้ากันตั้งแต่เข้าห้องประชุม แถมยังมาด้วยกันอีก หึ! คิดว่าฉันไม่รู้หรอสเปคเลยนิ ไม่ลองเปิดใจบ้างอ่าจะว่าไปก็..” “หยุดเลย ๆ เอาเวลาสนใจเรื่องของคนอื่นไปสนใจเรื่องของตัวเองก่อนไหมครับ” ไม่นานเธอก็ถึงห้องพัก จากนั้นเธอก็รีบเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมและรีบขึ้นรถของชายหนุ่มที่มารออยู่ก่อนแล้วทันที พอเขาขับรถออกจากโรงแรมได้สักพัก จ๊อกกก ~ เสียงท้องของเธอร้อง เขาก็หันมามองหน้าเธอก่อนสบตากันครู่หนึ่ง “หิวหรอแวะทานข้าวก่อนไหม พอดีเลยผมจะขอเข้าไปเอาเอกสารกับเพื่อนนะ คุณก็ทานข้าวรอก่อนได้ไหม” “แฮร่ ๆ..งั้นก็ได้ค่ะ ตามนั้นเลย” “ครับ” ไม่นานพวกเราก็ถึงร้านอาหารไม่เล็กไม่ใหญ่มาก แต่ตกแต่งเป็นสไตล์ญี่ปุ่นร่วมสมัยมาก เป็นร้านที่ทำให้เธอรู้สึกว่ามันลงตัวมาก ๆ “คุณจะทานอะไรครับ” “ขอราเมงกับเบียร์และน้ำแข็งใส่แก้วมาได้ไหมคะ” “ห้ะ!..เอ่อได้สิ” ไทกะ ผมเดินไปสั่งอาหารให้เธอก่อนจะถามพนักงานงานเพื่อไปหาไดม่อนหรือไอ้ม่อนเพื่อนของผมเอง “ไดม่อนอยู่ที่ร้านไหมวันนี้” “คุณไดม่อนอยู่ข้างบนชั้นสองครับ เดี๋ยวผมจะแจ้งว่าคุณไทกะมานะครับ เชิญที่ชั้นสองได้เลยครับ” “ลมอะไรหอบแกมาตอนนี้ครับคุณเพื่อน คนเขาตามหาแกให้ควักเลยนะรู้ป่ะ? ไหนว่าจะมาเอาเอกสารพรุ่งนี้” “เปลี่ยนใจนะ พอดีกูจะไปแถว ๆ ยามากูจิพรุ่งนี้เลยนะ”“รบกวนคุณน้าปล่อยมือออกจากแขนกรีนได้แล้วครับ” “แกไม่เกี่ยวออกไปซ่ะ ยังไงฉันก็ไม่ให้มันได้รักกับแกหรอก” “ผมเป็นแฟนกรีนครับ รบกวนคุณน้าปล่อยมือและคุยกันดี ๆ ดีกว่าครับ” “หึ! แฟนหรือผัวกันแน่ คิดว่าฉันไม่เห็นพวกแกหรอ เมื่อคืนกล้ามากเลยนะ! พวกแกสองคนนะ ไม่มียางอายากันสักคน!” พี่ไทกะที่เห็นว่าแม่บัวยังคงบีบแขนฉันและเริ่มจะออกแรงเวียงไปด้วยความโมโห พี่เขาก็จับมือแม่บัวออกจากแขนฉันด้วยแรงผู้ชายแน่นอนว่าพี่เขาก็ทำให้มือของแม่บัวหลุดออกจากแขนฉัน “โอ้ยย พวกแกนี้มันเลี้ยงไม่เชื่องจริง ๆ ” “เกิดอะไรขึ้นครับ คุณจะทำอะไรแม่ผม” “แกยังจะพูดอีกหรอ แกก็รู้ใช่ไหมว่าน้องมันมีผัวแล้ว แกจะรออะไรอีกทำไมไม่บอกฉัน! พูดมาสิว่าแกอยากได้น้องแกรักน้อง แม่รู้ว่าตะวันแกรักน้องมาตลอด พูดมาว่าแกอยากได้น้องแค่นี้แม่พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อลูกตะวัน” “แม่หยุดเถอะครับ! ปล่อยน้องให้มีความสุขกับทางที่น้องเลือกเถอะ” “เพื่ออะไรตะวันถ้าแม่ไม่อยู่แล้วใครจะดูแลแก เวลาแกป่วยไม่สบายขึ้นมาอีกล่ะ ห้ะ!” “พอเถอะครับ! ผมแข็งแรงแล้วครับแม่เชื่อใจผมนะ” พอพูดแบบนั้นพี่ตะวันก็เดินไปกอดแม่บัวทั
ฉันเดินเข้าบ้านตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืน รอบบ้านตอนนี้ค่อนเงียบสงบไม่ค่อยมีอะเสียงอะไรรบกวนแต่พอฉันเข้ามาในบ้านฉันก็เห็นพี่ตะวันนั่งอยู่ห้องนั่งเล่นเงียบ ๆ คนเดียว “ยังไม่นอนหรอคะ” “กรีนกลับมายังไง ทำไมไม่บอกพี่ หื้ม” “พอดีว่าแฟ..เพื่อนมาส่งค่ะ” “พี่บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเกรงใจ ทำไมเราไม่ให้พี่ไปรับล่ะ พรุ่งนี้ตอนเช้าเราไปเที่ยวกับพี่นะ พอดีพี่นัดเพื่อนสมัยเด็กไว้ไปเจอพวกเขาเป็นเพื่อนหน่อยพี่เองก็เขินเพื่อน ๆ ด้วยนาน ๆ เจอกันที” “เอ่อ..กรีนนัดเพื่อนไว้แล้วด้วยสิคะ เอาไงดี” หน้าพี่ตะวันดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ฉันก็ลำบากใจไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้าจะให้เลือกฉันก็ต้องเลือกพี่ไทกะอยู่แล้ว “เหรองั้น เราไปอาบนอนเถอะ มันดึกแล้ว” “ค่ะฝันดีค่ะ พี่ตะวันอย่านอนดึกมากนะคะ” ตะวัน หลังจากที่กรีนเข้าห้องนอนของเธอไป ผมก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมเปิดไวท์ เพื่อยอมรับความจริง สองวันมานี้ผมพยายามลองใกล้ชิดเธอและลองทำกิจกรรมร่วมกัน เผื่อเธอนั้นจะเปลี่ยนใจบ้าง แต่เท่าที่พยายามคงมีแค่ผมที่คิดกับน้องมากเกินไปเอง ผมคุยกับ
“ฉันว่าพี่เขายังมีใจให้ฉันอยู่ไม่น้อยนะ เธอว่าป่ะ” “ดูพยายามจังนะคะน้อง มุกเฉิม ๆ แบบนี้ พี่ว่าน้องพยายามอีกนิดนะ เรียนนิเทศน่าจะมีสกิลกว่านี้นะ” “นิ! แกดูจะมั่นอกมั่นใจจังเลยนะ แค่ของมือสองต่อจากฉันเนี่ย” “แล้วไงค่ะน้อง ฉันไม่เคยแอบกินขโมยกินแบบแม่ของเธอหรอกนะ” “อร้ายยยย!!! มึงจำไว้นะ! อีกรีนกูนี้แหละจะทำให้มึงต้องเลิกกับพี่ไทกะและชีวิตมึงต้องพังเพราะกูอีกครั้ง เหมือนที่แม่กูเคยทำกับแม่มึง!” “ถ้างั้นก็รีบ ๆ ไปเรียนกับแม่เธอซ่ะนะ!ดูแล้วยังห่างชั้นเยอะเลย” “กูฝากไว้ก่อนเถอะ!” ติ้ด! “อีบ้า!!” ฉันที่เอาจริง ๆ ก็โกรธพี่ไทกะอยู่แต่จะมาให้ฉันยอมรับต่อหน้ามัน มีหรอคนอย่างฉันจะยอมกับแผนโง่ ๆ สักพักสายมือถือก็ดังอีกครั้ง แน่นอนว่าคือคนที่มีความผิดอยู่ แถมรัว ๆ ข้อความมาในไลน์ไม่หยุดแต่ฉันยังไม่เปิดเข้าไปอ่าน “กรีนไม่รับสายคนมีความผิดหรอกค่ะ” ฉันตัดสายไปและไปทำอย่างอื่นสักพักใหญ่จนเวลาค่ำแล้ว ฉันตัดสินใจจับมือถือดูว่าพี่เขายังโทรมาอีกไหม? แปลกจัง?..สรุปว่าตอนเย็นกับเป็นพี่ม่อนที่โทรมาแทน สงสัยจะกลับญี่ปุ่นรึเปล่านะ ฉ
เช้าวันใหม่. วันนี้ฉันกับพี่ตะวันเราไปทำกิจกรรมด้วยกันโดยการมาบ้านเด็กกำพร้าที่แถวชุมชนหนึ่ง “สนุกไหม?” “ก็ดีค่ะ พี่ตะวันหิวรึยังคะไปทานข้าวกันดีกว่านะเดี๋ยวไม่สบายเอา กรีนว่านี้ก็สายแล้วด้วย” “พี่โอเคครับ ส่วนเราก็เลิกทำเหมือนพี่ป่วยหนักเหมือนแม่พี่สักที” “เปล่านะคะ กรีนเห็นพี่เป็นพี่ชายคนนึงที่ทั้งหุ่นดีขนาดนี้ แถมหน้าตาก็หล่ออีกต่างหากใครจะว่าพี่เป็นคนป่วยกันคะ เลิกทำหน้ามุ้ยงอนเป็นเด็กเลยค่ะ” “ถ้าได้เป็นแฟนก็คงจะดี..พี่อยากเห็นรอยยิ้มของกรีนแบบนี้ในทุก ๆ วันเลย” ฉันที่ได้ยินแต่ก็ทำได้เพียงเงียบไม่ได้ตอบโต้อะไรไปอีก. ไทกะ “ดูวันนี้มึงเหม่อ ๆ นะไอ้ไท” “ไม่เหม่อได้ไงสาวน้อยเมียมันไปต่างจังหวัดกับผู้ชาย ฮ่า ฮ่า” เช้านี้ผมก็มาคุยงานกับพวกเพื่อนผมแต่เช้า ผมมองไอ้ม่อนด้วยสายตาพิฆาต ก่อนที่มันจะหุบปากไป “พวกมึงก็รีบเคลียร์ให้งานเสร็จเร็ว ๆ ดิ กูจะได้ตามไป” “มึงไม่กลัวพวกนั้นจะรู้หรอว่ะ ข่าวที่ได้รับมามันก็แอบน่าเป็นห่วงนะเว้ย” ใช่ครับผมได้รับข่าวจากไอ้ไวท์เกี่ยวกับพวกมาเฟียสิงค์โปร์
“อืมเรื่องบางเรื่องมึงก็ต้องบอกเพื่อนดิว่ะ จะเก็บไว้ให้ตัวเองแบกรับคนเดียวไม่ได้หรอกนะเว้ย” “กูขอโทษนะที่ดึงพวกมึงมาเกี่ยวข้องจนเรื่องบานปลายขนาดนี้” “ไอ้นี่อีกคนสบาย ๆ ครับ มีปัญหาก็แก้ปัญหากันไป คิดเหี้ยอะไรมากเพื่อนกันนะเนี่ย ไปครับกลับออฟฟิศ” ผมที่ได้ข่าวจากไอ้ไวท์เรื่องพวกมาเฟียแก๊งหยกมังกรดูพวกมันจะเสียหน้าจากรอบก่อนพอสมควรพวกมันเลยเริ่มที่จะพยายามเข้ามาหาข้อมูลและอาจจะทำให้พวกเราตกอยู่ในอันตราย ซึ่งหากเป็นช่วงที่ผมโสดผมคงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่นี้ผมมีจุดอ่อนคือกรีนและคนในครอบครัวผม ผมไม่รู้ว่าพวกมันจะมาไม้ไหนอีก พวกผมเลยต้องปรึกษากันอีกครั้งเพื่อหาวิธีรับมือและป้องกันเรื่องพวกนี้ หลังจากปรึกษากันเสร็จผมก็กลับมาบ้านใหญ่เพื่อมาหายัยเล็กและไอ้น้องชายตัวแสบโอตะที่ผมก็ไม่ค่อยมีเวลามาดูแลพวกเขาเท่าไรในช่วงหลัง ๆ ยัยเล็กก็แอบงอนผมเหมือนกันวันนี้เลยต้องไปง้อเธอสักหน่อย “ไงเฮีย ลมอะไรหอบเฮียมาได้เนี่ย ซ้อไม่มาด้วยหรอครับ” “เธอไปภูเก็ตนะ วันนี้ว่างไหมไปกินข้าวข้างนอกกัน” ยัยเล็กที่ได้ยินเสียงผมก็รีบวิ่งมายิ้มร่าหน้าบานมาแต่ไกลก่อนจะทำหน้ามุ้ยทำท
พี่ไทกะยิ้มขึ้นมาเอาตรง ๆ ฉันก็อึดอัดนะจะมานั่งมองกันแบบนี้ แถมพูดเสร็จก็ส่งสายตาเจ้าเลห์ เหอะ! ฝันไปเถอะไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน หลังจากนั้นฉันเอาแต่เงียบไม่พูดต่อพอกินเสร็จฉันก็เก็บจานไม่แคร์พี่เขาเลย “ใจร้ายจังเลยนะ เราไม่สงสารพี่บ้างหรอ” “ใครบังคับพี่คะ กรีนเรียกพี่แล้วแต่พี่ปฏิเสธเองฉะนั้นจะมากล่าวหาว่ากรีนใจร้ายไม่ได้นะคะ” “เรากลับห้องเราเถอะนะพี่เกรงใจอาชิเขา อีกอย่างพี่ยังไม่ได้อาบน้ำเลยแถมเสื้อผ้าไม่ได้เอามาอีกแต่..ทำไมกรีนมีเสื้อผ้าเปลี่ยนที่คอนโดอาชิด้วย” ฉันกำลังจะจัดการล้างจานพี่เขาก็เขามาช่วย ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรพอพี่เขาพูดจบพี่เขาก็หน้ามุ้ยทันทีคงจะโกรธ แต่เห็นว่าฉันยังคงโกรธอยู่จึงไม่กล้าโกรธหรืองอน “ปกติสมัยก่อนกรีนก็มาพักที่นี้บ้างค่ะ เพราะมาช่วยงานอาชิ จึงมีเสื้อผ้าสำรองไว้“ “พี่กับกัสเราจบกันไปนานแล้ว พี่เคยคบกับเธอจริง ๆ สมัยเรียนมหาลัยและช่วงที่กัสเข้ามหาลัยปี 1 พี่มาต่อโทที่ไทยอีกใบ จากนั้นพี่กับกัสก็เลิกกันไปแล้วและก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย” “เลิกกันเพราะอะไรคะ” “พี่แค่รู้สึกว่าพี่เข้ากับเธอไม่ได้อีกอย่างพี่