“ผมลูกเสี้ยวไทย,ญี่ปุ่น,จีนครับ”
“ขะ..ขอตัวก่อนนะคะ” เธอไม่ฟังคำตอบใด ๆ จากเขาเดินสับ ๆ เข้าห้องประชุมต่อทันทีเพื่อนเธอมองหน้าเธอด้วยความงงงวยกับท่าทางของเธอ เฮ้ออ “ไปนานจังนึกว่าตกส้วมตายล่ะ แกโอเคใช่มั้ยหน้าตาดูตื่น ๆ ” “เพลีย ๆ นะ พอดีแฮงค์ดูเอกสารต่อก่อนนะ” สักพักใหญ่ๆพวกเขาคุยรายละเอียดงานคราว ๆ และก็นัดกันอีกทีที่เมืองไทย “ขอบคุณนะคะ ยังไงฉันจะติดต่อทางบริษัทคุณอีกทีค่ะ” “ครับ ถ้ามีอะไรสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเติมอะไรแจ้งผมได้เลยนะครับ นี่ก็เย็นแล้วยังไงเดี๋ยวผมจะขออนุญาตเลี้ยงข้าวพวกคุณหน่อยนะครับ” “เอ่อ..ฉันไม่ค่อย..” “ได้ครับ ๆ ว่าแต่ที่ไหนดีครับ” “ร้านโอกะระ เดี๋ยวผมส่งพิกัดไปนะครับ” “นายถามฉันยัง? ” เธอกระซิบกระซาบกับเพื่อนเธอทันที เพราะเธอกำลังที่จะปฏิเสธซึ่ง เป็นจังหวะเดียวกันกับตอนนี้สายตาพิฆาตของเขาจ้องมองมาที่เธอ เธอรีบหลบสายตาคู่นั้นทันทีก่อนจะนิ่งเงียบเพียงครู่หนึ่ง “เอาน๊า งานใหญ่ภาระกิจต้องใหญ่ตามสิว่ะแปปเดียว ๆ เกรงใจเขาว่ะ อุตส่าห์ดิวงานให้ นะ ๆ ” “เอ่อ ๆ..ไปก็ไปดิ” ระหว่างที่เธอกำลังเดินไปที่ลิฟต์ชายหนุ่มก็เดินเข้ามาแนบชิดข้าง ๆ เธอมือทั้งคู่ที่สัมผัสเฉียด ๆ ก่อนที่ชายหนุ่มกระซิบเธอเบา ๆ “ไปกับผม” เธอที่ตอนนี้ใจเต้นแรงยิ่งเธอมองหน้าสบตากับเขาภายในลิฟต์เขาก็จองเธอไม่หยุดพร้อมพยักหน้าเพื่อยืนยันคำสั่งของเขาเมื่อกี้ เอาไงดี ๆ ..เธอพึมพำคนเดียวด้วยความกังวลใจและอึดอัดไปหมด ปิ้ง “ชิ แกไปก่อนได้เลยนะ พอดี.ฉันจะกลับไปเอาของที่ห้องหน่อยอ่า” “ห้ะ! ไปดิเดี๋ยวฉันพาไป” “ไม่ต้อง ๆ ฉันไปเองดีกว่าให้ผู้ใหญ่รอนานไม่ดีแปปเดียว” “อะไรของแกวะ ปกติแกขี้เกียจจะตายฉันต้องไปส่งแกตลอด แกไม่ต้องเรียกรถให้เสียเงินหรอกฉันพาไปเอง” “เอาน่า ๆ ฉันไปเอง แก..ไปก่อนเลย ฉันเพิ่งนึกได้ว่าอาจจะคุยกับคุณไทกะเกี่ยวกับข้อมูลบริษัทหน่อยอ่า” เพื่อนเธอมองหน้าเธอพร้อมอมยิ้มและพยักหน้าสบตาแบบมีเลศนัย เขาคงคิดว่าเธอมีแผนแน่ ๆ “เค ๆ เจอกัน” เธอหันหน้าและสบตาพร้อมทั้งพูดกับเขาทันทีที่เพื่อนของเธอเดินออกไป “รบกวนคุณไทกะมาทางนี้หน่อยค่ะ ขอปรึกษาเรื่องข้อบังคับบริษัทหน่อยนะคะ“ “ครับ” เขายิ้มอย่างพอใจที่เธอยอมทำตาม เขาพาเธอมาร้านกาแฟใต้ตึก เพื่อจะขอคุยกับเธอส่วนเรื่องไปทานข้าวที่ว่านั้นมันเป็นเพียงแผนสำรองที่เขาวางไว้เอง “รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ” “อเมริกาโน่ไม่หวานแก้ว 1 ก็ได้ค่ะ” “ครับ” ตึก ตึก “ขออเมริกาโน่ ไม่หวาน 2 ครับ” จากนั้นพวกเขาก็ไปนั่งหลบมุมในสุดของร้านกาแฟ เพื่อไม่ให้เป็นเป้าสายตามากเกินไป “คุณมีอะไรก็พูดมาสิ” “อ่ะ นี่! เงินที่คุณที่ให้ผมมาเมื่อเช้าผมขอไม่รับนะ” เธอนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหยิบเงินจำนวนดังกล่าวไปเข้ากระเป๋าของตนเองไป “ ฉันขอโทษนะคะ พอดีไม่รู้ว่าคุณจ่ายค่าโรงแรมหรือยัง อีกอย่างคุณจะกลับยังไงฉันกะ..ก็เลยหยิบเงินเผื่อว่าคุณเอาไว้จ่ายแท็กซี่กลับบ้านน่ะ” “หึ! ผมบอกว่าจะไปส่งคุณทำไมคุณไม่รอผม แล้วอีกอย่างนั้นคอนโดผมไม่ใช่โรงแรม เราเข้าห้องมาด้วยกันนะเมื่อคืนคุณจำไม่ได้เลยหรอ” ชายหนุ่มไม่รู้จะขำหรือสงสารเธอดี เธอเป็นผู้หญิงที่ดูน่าสนใจจริง ๆ เธอคิดไปไกลขนาดนั้นเลยหรอ “ก็ไม่รู้สิ มึนหน่อย ๆ อ่า..แล้วฉันก็บอกคุณไปแล้วว่าฉันเกรงใจอีกอย่างหนึ่งฉันถามคุณได้ไหม.. ว่าคุณมีแฟนหรือยัง” “ถามทำไม” “ตอบมาก่อนสิ” “ก็ยังไม่มีครับ” เฮ้อ เสียงหายใจที่ฟังดูก็รู้ว่าเธอโล่งอกแค่ไหน เขาได้แต่คิดว่ามันน่ากังวลขนาดนั้นเลยหรอ อีกอย่างคำถามนี้เมื่อคืนเธอก็ถามเขาไปแล้วด้วย “พอดีฉันไม่ชอบคนมีเจ้าของน่ะและก็ไม่ชอบยุ่งกับของ ๆ ใครไม่อยากเป็นมือที่สามด้วย” “แล้วคุณอาชิเป็นอะไรกับคุณ! ไม่ใช่แฟนหรอ” เธอหันมาสบตากับเขาอีกรอบทำตาโต ๆ พร้อมหน้าเขิน ๆ เขารู้สึกว่าเธอน่ารักชะมัด “จะบ้าเหรอคะ เราเป็นเพื่อนกันสมัยมหาวิทยาลัยค่ะ แต่เรียนคนละคณะเขาเรียนนิเทศน์ ส่วนฉันเรียนคณะบริหารที่ฉันสนิทกับอาชิเพราะฉันอยากเรียนคณะอาชิพอมีวิชาทางเลือกเรียนฉันเลยลงเรียนวิชาที่คณะอาชิเท่านั้น เราก็เลยสนิทกันค่ะ” “ผมไม่ชอบนะ! ที่เห็นคุณสนิทกับผู้ชายคนอื่นมากเกินไปนะ แถมสนิทกว่าผมอีก” เขาทำหน้าเศร้า ๆ เธอก็ดูอึ้งพร้อมหน้าตาที่ดูเหวอ ๆ หน่อยว่าเขาจะซึมอะไรขนาดนั้นแฟนกันก็ไม่ใช่ “นี้คุณถามจริง ๆ นะเราแค่เพิ่ง..มีอะไรกันครั้งเดียวเอง ส่วนนั้นเพื่อนฉันกี่ปีแล้ว มันก็ต้องต่างกันสิ!” “เมื่อคืนก็หลายครั้งอยู่นะ ยิ่งถ้าคุณไม่ชิงหลับไปก่อนก็จะหลายครั้งกว่านี้อีก คุณช่วยสนิทกับผมให้มากกว่าเขาได้ไหมล่ะ ระหว่างที่คุณอยู่ที่นี่” “ มะ.หมายถึงยังไงเหรอ” “ก็ระหว่างคุณอยู่ที่นี่คุณก็มาเป็นแฟนผมสิ เพื่อนเที่ยว เพื่อนกินแบบนี้ ว่าแต่คุณจะกลับไทยเมื่อไร” เขาเองก็แอบหวั่นใจกลัวว่าเธอจะไม่รับปากเหมือนกัน “ฉันก็ว่าจะอยู่อีก 5 วันนะ พอดีต้องกลับไปทำงานแต่ทริปนี้ก็ยังไม่เพลนว่าจะไปที่ไหนดีส่วนจะให้ฉันเป็นแฟนคุณในตอนที่อยู่ที่โตเกียว มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ” “ทีเมื่อคืนผมจำได้ว่าเราคุยกันไม่กี่ชั่วโมง ยังมีอะไรกันได้เลยเป็นแฟนกันแค่นี้ทำไมจะเป็นไม่ได้” เธอตาโตกระพริบตาถี่ ๆ กับคำพูดของเขาอีกครั้ง เพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้กับเธอ “นี่! นาย! ปากหรอนั้น” “หรือว่าคุณไม่อยากให้ผมเป็นแฟนของคุณ ผมว่าก็ดีกว่าที่คุณจะไปซื้อผู้ชายข้างนอกนั้นอีกนะหรือคุณจะจ้างผมก็ได้นะตามใจคุณ” ที่เขากล้าพูดเพราะเมื่อคืนเธอเล่าให้เขาฟังว่าอยากเช่าผู้ชาย ให้พวกเขาพาเธอเที่ยว จะบอกว่ายังไงดี พอเขาได้นอนกอดเธอเมื่อตอนเช้าแล้วมันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจไม่อยากปล่อยเธอไปตอนนี้เลยเขาก็เลยเลือกยื่นข้อเสนอให้เธอไปแบบนั้น “ไทกะ คุณพูดจริงหรอ?” เธอทำท่าทางคิดหนักและกังวลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเลือก “ได้ ถ้าคุณจะมาเป็นแฟนฉัน แต่ฉันให้เวลาแค่ 5 วันในตอนที่ฉันอยู่ที่นี้เท่านั้น ห้ามสานสัมพันธ์กันต่อไม่ว่าเจอที่ไหนก็ทำได้แค่เป็นเพื่อนร่วมงานและคนแปลกหน้าแต่ว่า 5 วันนี้คุณคือของ ๆ ฉันด้วยเช่นกัน คุณโอเคไหม” ชายหนุ่มยักคิ้วเผลอยิ้มออกมาอย่างพอใจในคำตอบที่เธอให้มา “ได้สิตามนี้ งั้นสิ่งแรกเลยอ่ะนี้เบอร์ผม” เขายื่นมือถือให้เธอ เธอพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เขาจะสื่อ “ฉันว่าเราควรไปที่ร้านอาหารได้แล้วนะ ปล่อยให้คนอื่นรอนาน ๆมันไม่ค่อยดีเท่าไร” จากนั้นเธอก็ลุกจากเก้าอี้เขาจึงลุกและเดินไปพร้อมกับเธอ ระหว่างนั่งอยู่บนรถ “คุณช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่ให้ใครรู้ไว้ด้วยนะ” “ได้สิ ผมไม่บอกใครหรอก”“รบกวนคุณน้าปล่อยมือออกจากแขนกรีนได้แล้วครับ” “แกไม่เกี่ยวออกไปซ่ะ ยังไงฉันก็ไม่ให้มันได้รักกับแกหรอก” “ผมเป็นแฟนกรีนครับ รบกวนคุณน้าปล่อยมือและคุยกันดี ๆ ดีกว่าครับ” “หึ! แฟนหรือผัวกันแน่ คิดว่าฉันไม่เห็นพวกแกหรอ เมื่อคืนกล้ามากเลยนะ! พวกแกสองคนนะ ไม่มียางอายากันสักคน!” พี่ไทกะที่เห็นว่าแม่บัวยังคงบีบแขนฉันและเริ่มจะออกแรงเวียงไปด้วยความโมโห พี่เขาก็จับมือแม่บัวออกจากแขนฉันด้วยแรงผู้ชายแน่นอนว่าพี่เขาก็ทำให้มือของแม่บัวหลุดออกจากแขนฉัน “โอ้ยย พวกแกนี้มันเลี้ยงไม่เชื่องจริง ๆ ” “เกิดอะไรขึ้นครับ คุณจะทำอะไรแม่ผม” “แกยังจะพูดอีกหรอ แกก็รู้ใช่ไหมว่าน้องมันมีผัวแล้ว แกจะรออะไรอีกทำไมไม่บอกฉัน! พูดมาสิว่าแกอยากได้น้องแกรักน้อง แม่รู้ว่าตะวันแกรักน้องมาตลอด พูดมาว่าแกอยากได้น้องแค่นี้แม่พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อลูกตะวัน” “แม่หยุดเถอะครับ! ปล่อยน้องให้มีความสุขกับทางที่น้องเลือกเถอะ” “เพื่ออะไรตะวันถ้าแม่ไม่อยู่แล้วใครจะดูแลแก เวลาแกป่วยไม่สบายขึ้นมาอีกล่ะ ห้ะ!” “พอเถอะครับ! ผมแข็งแรงแล้วครับแม่เชื่อใจผมนะ” พอพูดแบบนั้นพี่ตะวันก็เดินไปกอดแม่บัวทั
ฉันเดินเข้าบ้านตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืน รอบบ้านตอนนี้ค่อนเงียบสงบไม่ค่อยมีอะเสียงอะไรรบกวนแต่พอฉันเข้ามาในบ้านฉันก็เห็นพี่ตะวันนั่งอยู่ห้องนั่งเล่นเงียบ ๆ คนเดียว “ยังไม่นอนหรอคะ” “กรีนกลับมายังไง ทำไมไม่บอกพี่ หื้ม” “พอดีว่าแฟ..เพื่อนมาส่งค่ะ” “พี่บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเกรงใจ ทำไมเราไม่ให้พี่ไปรับล่ะ พรุ่งนี้ตอนเช้าเราไปเที่ยวกับพี่นะ พอดีพี่นัดเพื่อนสมัยเด็กไว้ไปเจอพวกเขาเป็นเพื่อนหน่อยพี่เองก็เขินเพื่อน ๆ ด้วยนาน ๆ เจอกันที” “เอ่อ..กรีนนัดเพื่อนไว้แล้วด้วยสิคะ เอาไงดี” หน้าพี่ตะวันดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ฉันก็ลำบากใจไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้าจะให้เลือกฉันก็ต้องเลือกพี่ไทกะอยู่แล้ว “เหรองั้น เราไปอาบนอนเถอะ มันดึกแล้ว” “ค่ะฝันดีค่ะ พี่ตะวันอย่านอนดึกมากนะคะ” ตะวัน หลังจากที่กรีนเข้าห้องนอนของเธอไป ผมก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมเปิดไวท์ เพื่อยอมรับความจริง สองวันมานี้ผมพยายามลองใกล้ชิดเธอและลองทำกิจกรรมร่วมกัน เผื่อเธอนั้นจะเปลี่ยนใจบ้าง แต่เท่าที่พยายามคงมีแค่ผมที่คิดกับน้องมากเกินไปเอง ผมคุยกับ
“ฉันว่าพี่เขายังมีใจให้ฉันอยู่ไม่น้อยนะ เธอว่าป่ะ” “ดูพยายามจังนะคะน้อง มุกเฉิม ๆ แบบนี้ พี่ว่าน้องพยายามอีกนิดนะ เรียนนิเทศน่าจะมีสกิลกว่านี้นะ” “นิ! แกดูจะมั่นอกมั่นใจจังเลยนะ แค่ของมือสองต่อจากฉันเนี่ย” “แล้วไงค่ะน้อง ฉันไม่เคยแอบกินขโมยกินแบบแม่ของเธอหรอกนะ” “อร้ายยยย!!! มึงจำไว้นะ! อีกรีนกูนี้แหละจะทำให้มึงต้องเลิกกับพี่ไทกะและชีวิตมึงต้องพังเพราะกูอีกครั้ง เหมือนที่แม่กูเคยทำกับแม่มึง!” “ถ้างั้นก็รีบ ๆ ไปเรียนกับแม่เธอซ่ะนะ!ดูแล้วยังห่างชั้นเยอะเลย” “กูฝากไว้ก่อนเถอะ!” ติ้ด! “อีบ้า!!” ฉันที่เอาจริง ๆ ก็โกรธพี่ไทกะอยู่แต่จะมาให้ฉันยอมรับต่อหน้ามัน มีหรอคนอย่างฉันจะยอมกับแผนโง่ ๆ สักพักสายมือถือก็ดังอีกครั้ง แน่นอนว่าคือคนที่มีความผิดอยู่ แถมรัว ๆ ข้อความมาในไลน์ไม่หยุดแต่ฉันยังไม่เปิดเข้าไปอ่าน “กรีนไม่รับสายคนมีความผิดหรอกค่ะ” ฉันตัดสายไปและไปทำอย่างอื่นสักพักใหญ่จนเวลาค่ำแล้ว ฉันตัดสินใจจับมือถือดูว่าพี่เขายังโทรมาอีกไหม? แปลกจัง?..สรุปว่าตอนเย็นกับเป็นพี่ม่อนที่โทรมาแทน สงสัยจะกลับญี่ปุ่นรึเปล่านะ ฉ
เช้าวันใหม่. วันนี้ฉันกับพี่ตะวันเราไปทำกิจกรรมด้วยกันโดยการมาบ้านเด็กกำพร้าที่แถวชุมชนหนึ่ง “สนุกไหม?” “ก็ดีค่ะ พี่ตะวันหิวรึยังคะไปทานข้าวกันดีกว่านะเดี๋ยวไม่สบายเอา กรีนว่านี้ก็สายแล้วด้วย” “พี่โอเคครับ ส่วนเราก็เลิกทำเหมือนพี่ป่วยหนักเหมือนแม่พี่สักที” “เปล่านะคะ กรีนเห็นพี่เป็นพี่ชายคนนึงที่ทั้งหุ่นดีขนาดนี้ แถมหน้าตาก็หล่ออีกต่างหากใครจะว่าพี่เป็นคนป่วยกันคะ เลิกทำหน้ามุ้ยงอนเป็นเด็กเลยค่ะ” “ถ้าได้เป็นแฟนก็คงจะดี..พี่อยากเห็นรอยยิ้มของกรีนแบบนี้ในทุก ๆ วันเลย” ฉันที่ได้ยินแต่ก็ทำได้เพียงเงียบไม่ได้ตอบโต้อะไรไปอีก. ไทกะ “ดูวันนี้มึงเหม่อ ๆ นะไอ้ไท” “ไม่เหม่อได้ไงสาวน้อยเมียมันไปต่างจังหวัดกับผู้ชาย ฮ่า ฮ่า” เช้านี้ผมก็มาคุยงานกับพวกเพื่อนผมแต่เช้า ผมมองไอ้ม่อนด้วยสายตาพิฆาต ก่อนที่มันจะหุบปากไป “พวกมึงก็รีบเคลียร์ให้งานเสร็จเร็ว ๆ ดิ กูจะได้ตามไป” “มึงไม่กลัวพวกนั้นจะรู้หรอว่ะ ข่าวที่ได้รับมามันก็แอบน่าเป็นห่วงนะเว้ย” ใช่ครับผมได้รับข่าวจากไอ้ไวท์เกี่ยวกับพวกมาเฟียสิงค์โปร์
“อืมเรื่องบางเรื่องมึงก็ต้องบอกเพื่อนดิว่ะ จะเก็บไว้ให้ตัวเองแบกรับคนเดียวไม่ได้หรอกนะเว้ย” “กูขอโทษนะที่ดึงพวกมึงมาเกี่ยวข้องจนเรื่องบานปลายขนาดนี้” “ไอ้นี่อีกคนสบาย ๆ ครับ มีปัญหาก็แก้ปัญหากันไป คิดเหี้ยอะไรมากเพื่อนกันนะเนี่ย ไปครับกลับออฟฟิศ” ผมที่ได้ข่าวจากไอ้ไวท์เรื่องพวกมาเฟียแก๊งหยกมังกรดูพวกมันจะเสียหน้าจากรอบก่อนพอสมควรพวกมันเลยเริ่มที่จะพยายามเข้ามาหาข้อมูลและอาจจะทำให้พวกเราตกอยู่ในอันตราย ซึ่งหากเป็นช่วงที่ผมโสดผมคงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่นี้ผมมีจุดอ่อนคือกรีนและคนในครอบครัวผม ผมไม่รู้ว่าพวกมันจะมาไม้ไหนอีก พวกผมเลยต้องปรึกษากันอีกครั้งเพื่อหาวิธีรับมือและป้องกันเรื่องพวกนี้ หลังจากปรึกษากันเสร็จผมก็กลับมาบ้านใหญ่เพื่อมาหายัยเล็กและไอ้น้องชายตัวแสบโอตะที่ผมก็ไม่ค่อยมีเวลามาดูแลพวกเขาเท่าไรในช่วงหลัง ๆ ยัยเล็กก็แอบงอนผมเหมือนกันวันนี้เลยต้องไปง้อเธอสักหน่อย “ไงเฮีย ลมอะไรหอบเฮียมาได้เนี่ย ซ้อไม่มาด้วยหรอครับ” “เธอไปภูเก็ตนะ วันนี้ว่างไหมไปกินข้าวข้างนอกกัน” ยัยเล็กที่ได้ยินเสียงผมก็รีบวิ่งมายิ้มร่าหน้าบานมาแต่ไกลก่อนจะทำหน้ามุ้ยทำท
พี่ไทกะยิ้มขึ้นมาเอาตรง ๆ ฉันก็อึดอัดนะจะมานั่งมองกันแบบนี้ แถมพูดเสร็จก็ส่งสายตาเจ้าเลห์ เหอะ! ฝันไปเถอะไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน หลังจากนั้นฉันเอาแต่เงียบไม่พูดต่อพอกินเสร็จฉันก็เก็บจานไม่แคร์พี่เขาเลย “ใจร้ายจังเลยนะ เราไม่สงสารพี่บ้างหรอ” “ใครบังคับพี่คะ กรีนเรียกพี่แล้วแต่พี่ปฏิเสธเองฉะนั้นจะมากล่าวหาว่ากรีนใจร้ายไม่ได้นะคะ” “เรากลับห้องเราเถอะนะพี่เกรงใจอาชิเขา อีกอย่างพี่ยังไม่ได้อาบน้ำเลยแถมเสื้อผ้าไม่ได้เอามาอีกแต่..ทำไมกรีนมีเสื้อผ้าเปลี่ยนที่คอนโดอาชิด้วย” ฉันกำลังจะจัดการล้างจานพี่เขาก็เขามาช่วย ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรพอพี่เขาพูดจบพี่เขาก็หน้ามุ้ยทันทีคงจะโกรธ แต่เห็นว่าฉันยังคงโกรธอยู่จึงไม่กล้าโกรธหรืองอน “ปกติสมัยก่อนกรีนก็มาพักที่นี้บ้างค่ะ เพราะมาช่วยงานอาชิ จึงมีเสื้อผ้าสำรองไว้“ “พี่กับกัสเราจบกันไปนานแล้ว พี่เคยคบกับเธอจริง ๆ สมัยเรียนมหาลัยและช่วงที่กัสเข้ามหาลัยปี 1 พี่มาต่อโทที่ไทยอีกใบ จากนั้นพี่กับกัสก็เลิกกันไปแล้วและก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย” “เลิกกันเพราะอะไรคะ” “พี่แค่รู้สึกว่าพี่เข้ากับเธอไม่ได้อีกอย่างพี่