“ผมลูกเสี้ยวไทย,ญี่ปุ่น,จีนครับ”
“ขะ..ขอตัวก่อนนะคะ” เธอไม่ฟังคำตอบใด ๆ จากเขาเดินสับ ๆ เข้าห้องประชุมต่อทันทีเพื่อนเธอมองหน้าเธอด้วยความงงงวยกับท่าทางของเธอ เฮ้ออ “ไปนานจังนึกว่าตกส้วมตายล่ะ แกโอเคใช่มั้ยหน้าตาดูตื่น ๆ ” “เพลีย ๆ นะ พอดีแฮงค์ดูเอกสารต่อก่อนนะ” สักพักใหญ่ๆพวกเขาคุยรายละเอียดงานคราว ๆ และก็นัดกันอีกทีที่เมืองไทย “ขอบคุณนะคะ ยังไงฉันจะติดต่อทางบริษัทคุณอีกทีค่ะ” “ครับ ถ้ามีอะไรสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเติมอะไรแจ้งผมได้เลยนะครับ นี่ก็เย็นแล้วยังไงเดี๋ยวผมจะขออนุญาตเลี้ยงข้าวพวกคุณหน่อยนะครับ” “เอ่อ..ฉันไม่ค่อย..” “ได้ครับ ๆ ว่าแต่ที่ไหนดีครับ” “ร้านโอกะระ เดี๋ยวผมส่งพิกัดไปนะครับ” “นายถามฉันยัง? ” เธอกระซิบกระซาบกับเพื่อนเธอทันที เพราะเธอกำลังที่จะปฏิเสธซึ่ง เป็นจังหวะเดียวกันกับตอนนี้สายตาพิฆาตของเขาจ้องมองมาที่เธอ เธอรีบหลบสายตาคู่นั้นทันทีก่อนจะนิ่งเงียบเพียงครู่หนึ่ง “เอาน๊า งานใหญ่ภาระกิจต้องใหญ่ตามสิว่ะแปปเดียว ๆ เกรงใจเขาว่ะ อุตส่าห์ดิวงานให้ นะ ๆ ” “เอ่อ ๆ..ไปก็ไปดิ” ระหว่างที่เธอกำลังเดินไปที่ลิฟต์ชายหนุ่มก็เดินเข้ามาแนบชิดข้าง ๆ เธอมือทั้งคู่ที่สัมผัสเฉียด ๆ ก่อนที่ชายหนุ่มกระซิบเธอเบา ๆ “ไปกับผม” เธอที่ตอนนี้ใจเต้นแรงยิ่งเธอมองหน้าสบตากับเขาภายในลิฟต์เขาก็จองเธอไม่หยุดพร้อมพยักหน้าเพื่อยืนยันคำสั่งของเขาเมื่อกี้ เอาไงดี ๆ ..เธอพึมพำคนเดียวด้วยความกังวลใจและอึดอัดไปหมด ปิ้ง “ชิ แกไปก่อนได้เลยนะ พอดี.ฉันจะกลับไปเอาของที่ห้องหน่อยอ่า” “ห้ะ! ไปดิเดี๋ยวฉันพาไป” “ไม่ต้อง ๆ ฉันไปเองดีกว่าให้ผู้ใหญ่รอนานไม่ดีแปปเดียว” “อะไรของแกวะ ปกติแกขี้เกียจจะตายฉันต้องไปส่งแกตลอด แกไม่ต้องเรียกรถให้เสียเงินหรอกฉันพาไปเอง” “เอาน่า ๆ ฉันไปเอง แก..ไปก่อนเลย ฉันเพิ่งนึกได้ว่าอาจจะคุยกับคุณไทกะเกี่ยวกับข้อมูลบริษัทหน่อยอ่า” เพื่อนเธอมองหน้าเธอพร้อมอมยิ้มและพยักหน้าสบตาแบบมีเลศนัย เขาคงคิดว่าเธอมีแผนแน่ ๆ “เค ๆ เจอกัน” เธอหันหน้าและสบตาพร้อมทั้งพูดกับเขาทันทีที่เพื่อนของเธอเดินออกไป “รบกวนคุณไทกะมาทางนี้หน่อยค่ะ ขอปรึกษาเรื่องข้อบังคับบริษัทหน่อยนะคะ“ “ครับ” เขายิ้มอย่างพอใจที่เธอยอมทำตาม เขาพาเธอมาร้านกาแฟใต้ตึก เพื่อจะขอคุยกับเธอส่วนเรื่องไปทานข้าวที่ว่านั้นมันเป็นเพียงแผนสำรองที่เขาวางไว้เอง “รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ” “อเมริกาโน่ไม่หวานแก้ว 1 ก็ได้ค่ะ” “ครับ” ตึก ตึก “ขออเมริกาโน่ ไม่หวาน 2 ครับ” จากนั้นพวกเขาก็ไปนั่งหลบมุมในสุดของร้านกาแฟ เพื่อไม่ให้เป็นเป้าสายตามากเกินไป “คุณมีอะไรก็พูดมาสิ” “อ่ะ นี่! เงินที่คุณที่ให้ผมมาเมื่อเช้าผมขอไม่รับนะ” เธอนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหยิบเงินจำนวนดังกล่าวไปเข้ากระเป๋าของตนเองไป “ ฉันขอโทษนะคะ พอดีไม่รู้ว่าคุณจ่ายค่าโรงแรมหรือยัง อีกอย่างคุณจะกลับยังไงฉันกะ..ก็เลยหยิบเงินเผื่อว่าคุณเอาไว้จ่ายแท็กซี่กลับบ้านน่ะ” “หึ! ผมบอกว่าจะไปส่งคุณทำไมคุณไม่รอผม แล้วอีกอย่างนั้นคอนโดผมไม่ใช่โรงแรม เราเข้าห้องมาด้วยกันนะเมื่อคืนคุณจำไม่ได้เลยหรอ” ชายหนุ่มไม่รู้จะขำหรือสงสารเธอดี เธอเป็นผู้หญิงที่ดูน่าสนใจจริง ๆ เธอคิดไปไกลขนาดนั้นเลยหรอ “ก็ไม่รู้สิ มึนหน่อย ๆ อ่า..แล้วฉันก็บอกคุณไปแล้วว่าฉันเกรงใจอีกอย่างหนึ่งฉันถามคุณได้ไหม.. ว่าคุณมีแฟนหรือยัง” “ถามทำไม” “ตอบมาก่อนสิ” “ก็ยังไม่มีครับ” เฮ้อ เสียงหายใจที่ฟังดูก็รู้ว่าเธอโล่งอกแค่ไหน เขาได้แต่คิดว่ามันน่ากังวลขนาดนั้นเลยหรอ อีกอย่างคำถามนี้เมื่อคืนเธอก็ถามเขาไปแล้วด้วย “พอดีฉันไม่ชอบคนมีเจ้าของน่ะและก็ไม่ชอบยุ่งกับของ ๆ ใครไม่อยากเป็นมือที่สามด้วย” “แล้วคุณอาชิเป็นอะไรกับคุณ! ไม่ใช่แฟนหรอ” เธอหันมาสบตากับเขาอีกรอบทำตาโต ๆ พร้อมหน้าเขิน ๆ เขารู้สึกว่าเธอน่ารักชะมัด “จะบ้าเหรอคะ เราเป็นเพื่อนกันสมัยมหาวิทยาลัยค่ะ แต่เรียนคนละคณะเขาเรียนนิเทศน์ ส่วนฉันเรียนคณะบริหารที่ฉันสนิทกับอาชิเพราะฉันอยากเรียนคณะอาชิพอมีวิชาทางเลือกเรียนฉันเลยลงเรียนวิชาที่คณะอาชิเท่านั้น เราก็เลยสนิทกันค่ะ” “ผมไม่ชอบนะ! ที่เห็นคุณสนิทกับผู้ชายคนอื่นมากเกินไปนะ แถมสนิทกว่าผมอีก” เขาทำหน้าเศร้า ๆ เธอก็ดูอึ้งพร้อมหน้าตาที่ดูเหวอ ๆ หน่อยว่าเขาจะซึมอะไรขนาดนั้นแฟนกันก็ไม่ใช่ “นี้คุณถามจริง ๆ นะเราแค่เพิ่ง..มีอะไรกันครั้งเดียวเอง ส่วนนั้นเพื่อนฉันกี่ปีแล้ว มันก็ต้องต่างกันสิ!” “เมื่อคืนก็หลายครั้งอยู่นะ ยิ่งถ้าคุณไม่ชิงหลับไปก่อนก็จะหลายครั้งกว่านี้อีก คุณช่วยสนิทกับผมให้มากกว่าเขาได้ไหมล่ะ ระหว่างที่คุณอยู่ที่นี่” “ มะ.หมายถึงยังไงเหรอ” “ก็ระหว่างคุณอยู่ที่นี่คุณก็มาเป็นแฟนผมสิ เพื่อนเที่ยว เพื่อนกินแบบนี้ ว่าแต่คุณจะกลับไทยเมื่อไร” เขาเองก็แอบหวั่นใจกลัวว่าเธอจะไม่รับปากเหมือนกัน “ฉันก็ว่าจะอยู่อีก 5 วันนะ พอดีต้องกลับไปทำงานแต่ทริปนี้ก็ยังไม่เพลนว่าจะไปที่ไหนดีส่วนจะให้ฉันเป็นแฟนคุณในตอนที่อยู่ที่โตเกียว มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ” “ทีเมื่อคืนผมจำได้ว่าเราคุยกันไม่กี่ชั่วโมง ยังมีอะไรกันได้เลยเป็นแฟนกันแค่นี้ทำไมจะเป็นไม่ได้” เธอตาโตกระพริบตาถี่ ๆ กับคำพูดของเขาอีกครั้ง เพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้กับเธอ “นี่! นาย! ปากหรอนั้น” “หรือว่าคุณไม่อยากให้ผมเป็นแฟนของคุณ ผมว่าก็ดีกว่าที่คุณจะไปซื้อผู้ชายข้างนอกนั้นอีกนะหรือคุณจะจ้างผมก็ได้นะตามใจคุณ” ที่เขากล้าพูดเพราะเมื่อคืนเธอเล่าให้เขาฟังว่าอยากเช่าผู้ชาย ให้พวกเขาพาเธอเที่ยว จะบอกว่ายังไงดี พอเขาได้นอนกอดเธอเมื่อตอนเช้าแล้วมันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจไม่อยากปล่อยเธอไปตอนนี้เลยเขาก็เลยเลือกยื่นข้อเสนอให้เธอไปแบบนั้น “ไทกะ คุณพูดจริงหรอ?” เธอทำท่าทางคิดหนักและกังวลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเลือก “ได้ ถ้าคุณจะมาเป็นแฟนฉัน แต่ฉันให้เวลาแค่ 5 วันในตอนที่ฉันอยู่ที่นี้เท่านั้น ห้ามสานสัมพันธ์กันต่อไม่ว่าเจอที่ไหนก็ทำได้แค่เป็นเพื่อนร่วมงานและคนแปลกหน้าแต่ว่า 5 วันนี้คุณคือของ ๆ ฉันด้วยเช่นกัน คุณโอเคไหม” ชายหนุ่มยักคิ้วเผลอยิ้มออกมาอย่างพอใจในคำตอบที่เธอให้มา “ได้สิตามนี้ งั้นสิ่งแรกเลยอ่ะนี้เบอร์ผม” เขายื่นมือถือให้เธอ เธอพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เขาจะสื่อ “ฉันว่าเราควรไปที่ร้านอาหารได้แล้วนะ ปล่อยให้คนอื่นรอนาน ๆมันไม่ค่อยดีเท่าไร” จากนั้นเธอก็ลุกจากเก้าอี้เขาจึงลุกและเดินไปพร้อมกับเธอ ระหว่างนั่งอยู่บนรถ “คุณช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่ให้ใครรู้ไว้ด้วยนะ” “ได้สิ ผมไม่บอกใครหรอก”พี่ไทกะยิ้มขึ้นมาเอาตรง ๆ ฉันก็อึดอัดนะจะมานั่งมองกันแบบนี้ แถมพูดเสร็จก็ส่งสายตาเจ้าเลห์ เหอะ! ฝันไปเถอะไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน หลังจากนั้นฉันเอาแต่เงียบไม่พูดต่อพอกินเสร็จฉันก็เก็บจานไม่แคร์พี่เขาเลย “ใจร้ายจังเลยนะ เราไม่สงสารพี่บ้างหรอ” “ใครบังคับพี่คะ กรีนเรียกพี่แล้วแต่พี่ปฏิเสธเองฉะนั้นจะมากล่าวหาว่ากรีนใจร้ายไม่ได้นะคะ” “เรากลับห้องเราเถอะนะพี่เกรงใจอาชิเขา อีกอย่างพี่ยังไม่ได้อาบน้ำเลยแถมเสื้อผ้าไม่ได้เอามาอีกแต่..ทำไมกรีนมีเสื้อผ้าเปลี่ยนที่คอนโดอาชิด้วย” ฉันกำลังจะจัดการล้างจานพี่เขาก็เขามาช่วย ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรพอพี่เขาพูดจบพี่เขาก็หน้ามุ้ยทันทีคงจะโกรธ แต่เห็นว่าฉันยังคงโกรธอยู่จึงไม่กล้าโกรธหรืองอน “ปกติสมัยก่อนกรีนก็มาพักที่นี้บ้างค่ะ เพราะมาช่วยงานอาชิ จึงมีเสื้อผ้าสำรองไว้“ “พี่กับกัสเราจบกันไปนานแล้ว พี่เคยคบกับเธอจริง ๆ สมัยเรียนมหาลัยและช่วงที่กัสเข้ามหาลัยปี 1 พี่มาต่อโทที่ไทยอีกใบ จากนั้นพี่กับกัสก็เลิกกันไปแล้วและก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย” “เลิกกันเพราะอะไรคะ” “พี่แค่รู้สึกว่าพี่เข้ากับเธอไม่ได้อีกอย่างพี่
ผมรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันทำให้กรีนรู้สึกแย่แน่ ๆ จากนั้นผมพยายามเดินไปจับมือกรีนให้เดินไปที่รถ ตอนนี้ผมทั้งสับสนและกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูกกลัวว่าน้องจะไม่เข้าใจผม กรีน หลังจากที่ฉันได้รู้ว่าพี่ไทกะกับนางนั้นเคยสนิทกันใจฉันมันก็สั้นไหวอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาฉันตอนนี้ไหลมาไม่หยุดในหัวคิดวนเวียนเรื่องราวระหว่างเขาสองคน ฉันทำใจไม่ได้ที่รู้ความจริง มันเร็วเกินจะรับไม่ไหวจริง ๆ “เรากลับบ้านก่อนค่อยคุยกันนะกรีน” “กรีนขอเวลาหน่อยนะคะ พี่ไทกะกลับไปก่อนได้เลย” “กรีน! อย่างี่เง่าพี่ขอ กลับคอนโดก่อนพี่จะอธิบายเอง” พี่เขาคงทั้งเหนื่อยและกังวลใจฉันเองก็ไม่ต่างแต่สภาพฉันตอนนี้บอกเลยว่าไม่พร้อมรับฟังอะไรทั้งนั้น “กรีนไม่พร้อมที่จะฟังค่ะ เดี๋ยวกรีนให้อาชิไปส่งเองพี่กลับไปเถอะ” “ทำไมต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ด้วย กลับไปคุยกันที่คอนโด เรื่องแค่นี้เองแถมมันก็เป็นอดีตด้วย” ฉันไม่อยากจะรับฟังจึงเลือกที่จะกดโทรหาอาชิทันที “ฮื่อ..อาชิมารับฉันที่โรงจอดรถอาคารเอชั้นใต้ดินหน่อยฮื่อ..” “อืม รอก่อนฉันจะรีบไป” “ท
“ไงหายหน้าหายตาไปเลยนะ ไลน์ไปก็บอกว่ายุ่งตลอดเลย เป็นไงบ้างช่วงนี้ สรุปคือเป็นแฟนกับคุณไทกะยัง” เฮ้ออ~ “ก็ยุ่งจริง ๆ อ่า..แถมพี่ตะวันก็กลับมาแล้วด้วยและฉันก็กำลังคบกับพี่ไทกะอยู่อีกต่างหาก เป็นไงแกว่า” “หึ หึ เอาน่า ๆ ยังไงฉันก็อยู่ข้างเธอนะกรีน มีไรให้ช่วยก็บอกอยากปรึกษาอะไรก็ติดต่อฉันมาเลย ไม่ต้องเกรงใจ แต่วันนี้สวยมากเลยนะดูจึ้งมาก” “จริงหรอ? ขอบคุณนะ แต่ฉันออกมานานแล้วอ่า ขอตัวไปหาพี่ไทกะก่อนนะเดี๋ยวพี่เขาเป็นห่วงอ่ะ” อาชิพยักหน้าอย่างเข้าใจ ทันที่ที่เข้าไปในงาน ฉันก็เจอพี่กันต์และไอยูฉันยิ้มให้พวกเขาที่เดินมาแต่ไกลก่อนฉันจะเดินไปทักทาย “สวัสดีค่ะพี่กันต์/ไอยู” “ สวัสดีครับ” “สวัสดีค่ะ วันนี้คุณกรีนสวยจังเลยนะคะ” “คุณไอยูก็เหมือนกันนะคะ” “ไอ้ไทกะไปไหนหรอ ทำไมปล่อยให้เราอยู่คนเดียว” “กรีนหนีไปสูดอากาศข้างนอกมาค่ะ น่าจะอยู่แถว ๆ นี้นะคะ” จากนั้นฉันกวาดสายตามองทันใดนั้นพี่ไทกะก็เดินมาพอดี พี่ไทกะหยักคิ้วให้พี่กันต์และยิ้มให้ไอยู ทั้งสามคนตอนนี้ก็ค่อนข้างที่จะกลับมาปกติกันมากขึ้นหลังจากจบเรื
เธอที่เห็นอาการผมเธอก็เริ่มถอดเสื้อถอดกางเกงและกางเกงในผมก่อนจะลูบไล้ลูกชายผมออกมารูดขึ้นลงผมเองก็ใช้นิ้วเขี่ยถูไถ่ช่องทางรักภายในก็ตอดรัดนิ้วเขาตุบ ๆ อา..อื้ม “อื้ม..หนูจะทำให้พี่คลั่งแล้วนะ” ผมที่ยืนแทบไม่ติดปล่อยให้เธอจัดการลูบไล้ไม่นานเธอก็นั่งคุกเข่าก่อนที่ปากเล็ก ๆ ของเธอก็ยัดท่อนเอ็ดที่ผงาดเต็มเข้าไป ปากเล็ก ๆ ขยับเข้าออกและเร่งจังหวะบ้างผ่อนจังหวะบ้าง สายตาและท่าทางของเธอผมยิ่งเสียวจนเกือบจะเสร็จ จากนั้นผมก็จับตัวเธอลุกขึ้นมาพร้อมทั้งจูบอันเร้าร้อน จ๊วบบบ จ๊วบบบ “อื้ม อาา..พี่ทะไทกะ.. หนูไม่ไหวแล้วนะคะ” พอผมถอนจูบผมที่เห็นอาการเธอก็ยิ่งดูดสองเต้าบีบขย่ำเต็มไม้เต็มมืออย่างเมามันส์ หลังจากนั้นผมก็จัดการให้เธอหันหน้าชนผนังห้องน้ำส่วนก่อนที่ผมจะจับขาเธอให้แยกออกจากกันและผมก็ใส่ท่อนเอ็นแทงเข้าไปในใจกลางกายเธอ เสียงเนื้อที่กระทบกันดังสนั่นพอ ๆ กับเสียงครางของเธอ ยิ่งเห็นแบบนั้นผมก็ยิ่งกระแทกร่างบางไม่หยุดจนใจที่สุดเราก็จุดสุดหมาย พออาบน้ำร่างตัวเสร็จก็ก็อุ้มเธอมาที่เตียงและบรรเลงเพลงรักใหม่เราทั้งคู่เสร็จสมไปรอบที่เท่าไรไม่รู้ จนเกือบจะเช้าถึงจะได้นอนกั
“ แฟนหนูทำไมน่ารักแบบนี้นะ” พูดเสร็จเธอก็จูบผม แน่นอนว่าผมก็จูบตอบกับอย่างออกรสออกชาติ จ๊วบ จ๊วบ อื้มม เสียงมือถือผมสั่นจึงทำให้ผมผละออกจากจูบที่แสนหวานนี้ ผมดูเบอร์โทรเป็นของริว คงจะโทรมาตามไปประชุมต่อ “ว่าไง โอเคไปตอนนี้ล่ะ ” “พี่ไปประชุมก่อนนะ เราก็พักผ่อนรอพี่ก่อนแล้วกัน พี่จะรีบมานะคะ” “ค่ะ ไม่ต้องรีบหรอกค่ะเอางานพี่ก่อนเลย พี่ไทกะไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะแต่.หนูขอสำรวจห้องนี้ได้ไหมคะ” “ได้สิครับ สำรวจได้ทั้งห้องและได้ทั้งเจ้าของห้องเลย” ผมยิ้มแบบมีเลสนัยให้เธอ เธอทำตาโตเพราะรู้ความหมายที่จะสื่อ “ไปได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะสายให้คนอื่นรอนาน ๆ ไม่ดีนะคะ” จากนั้นผมก็ประชุมต่อ จนถึง00:30 นาฬิกา เอาตรง ๆ ผมตั้งใจจะเลิกเร็วนะ แต่พอทำงานแล้วผมก็ลืมเวลาไปเลย พอผมเข้ามาในห้องก็เจอกรีนกำลังหลับบนโซฟาอยู่ เธอคงเหนื่อยจริง ๆ ผมเก็บของและเข้าไปปลุกเธอ “กรีนครับ ๆ เรากลับบ้านกันเถอะ” “ประชุมเสร็จแล้วหรอคะ” “ค่ะ มาเอากระเป๋ามาพี่ถือให้เราเอง” เธอสะลึมสะลื้องั้วเงี้ยตื่นก่อนจะพยักหน้างึก ๆ ด้วยอาการคนเพิ่
“กรีนทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ กรีนรักเขาไปแล้วพี่ตะวันช่วยเข้าใจด้วยนะคะ” “ได้ พี่จะให้โอกาสผู้ชายคนนั้น แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาทำให้กรีนเสียใจ พี่จะทวงคืนเอง หวังว่าวันนั้นกรีนจะแต่งงานกับพี่นะเราโอเคหรือเปล่า” “ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่ตะวันคิดว่าจะยอมถอยในครั้งนี้กรีนก็รับปากค่ะ” คงเป็นทางเดียวที่ฉันจะหาทางออกได้ในตอนนี้อย่างน้อย ๆ ตอนนี้ก็หมดปัญหาไปอีกหนึ่งเรื่อง “งั้นเราค่อยขึ้นไปภูเก็ตอาทิตย์หน้าดีไหมคะ กรีนขอเคลียร์งานที่บริษัทซักสามสี่วันก่อนนะคะ” “ได้ค่ะ งั้นเรากินข้าวกันเถอะ” หลังจากนั้นเราก็กินข้าวคุยกันถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันปกติ สายตาฉันก็ปะทะเข้ากับผู้ชายสูงวัยและสาวน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินคุยกันอย่างมีความสุขและออกรถออกชาติ ฉันปลายมองแค่นั้นหัวใจฉันก็เจ็บปวด แต่ฉันต้องเข้มแข็งและตัวเองจะต้องทำเป็นไม่สนใจ แต่พวกเขากับเดินมาที่โต๊ะของเรา “แกไม่คิดจะกลับมาแก้ไขปัญหาบริษัทบ้างเลยรึไง” หึ!! คำพูดที่แรกที่เขาทักทายฉัน “มันมีความจำเป็นด้วยหรอค่ะ อยากพากันได้หนักก็แก้ปัญหาเองสิ” “นางลูกอกตัญญู ฉันกับแม่แกสร้างมาด้วย